กระดานหมากล้อมแห่งชีวิต มีลักษณะคล้ายหยกขาว เส้นตารางถูกวาดด้วยเส้นไหมสีทอง โดยมีทั้งหมดยี่สิบเก้าเส้น ้ามีเม็ดหมากสีดำและสีขาววางอยู่ กู่ไห่สามารถคาดเดาได้ในทันที ว่านี่คือกลหมากยี่สิบเก้าเส้นระดับสูง!
หลังจากที่กู่ไห่ได้ลอบสังเกตอย่างถี่ถ้วน จึงรู้สึกได้ถึงความซับซ้อน และความยากของหมากกระดานนี้ มันแข็งแกร่งกว่าของสำนักติงหลงถึงสิบเท่า
“เอ๋? มีหมากสามเม็ดอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร?” ทันใดนั้น กู่ฉินก็แสดงสีหน้าข้องใจ
กู่ไห่หันกลับไปมองตามที่กู่ฉินเอ่ย
กระดานหมากล้อมแห่งความตายนั้น มีรูปร่างที่แปลกพิกล ดูเหมือนกับหุบเหวลึกสี่เหลี่ยมจัตุรัส บนหุบเหวมีหมากจำนวนหนึ่งลอยอยู่ โดยมีเส้นไหมสีทอง เส้นหนึ่งรัดรอบหมากแต่ละเม็ดไว้
เม็ดหมากที่ลอยอยู่เหนือหุบเหวลึก มีจำนวนหนึ่งแสนชิ้นเห็นจะได้ แต่มีเพียงสามเม็ดที่ดูต่างจากเม็ดอื่นๆ หนึ่งในสามเป็สีขาว อีกหนึ่งเป็สีดำ ส่วนอีกหนึ่งก็เป็หมากโปร่งใสไม่มีสี มันลอยอยู่เหนือหุบเหวสี่เหลี่ยมจัตุรัส ราวกับเม็ดหมากแก้ว
แครก!
ทันใดนั้น เม็ดหมากทั้งสามก็แตกเป็เสี่ยงๆ
“เป็เม็ดหมากเ่าั้... พวกเขากลายเป็เม็ดหมากไปแล้ว!” หลงหว่านชิงกล่าวอย่างกังวล
“กลายเป็เม็ดหมาก?” กู่ไห่เอ่ยด้วยความสงสัย
“ท่านพ่อ นี่เป็กระดานหมากล้อมหรือ? เหตุใดถึงไม่มีเส้นตาราง? ไหนจะเม็ดหมากหนึ่งแสนชิ้นนี่อีก?” กู่ฉินถามอย่างกังขา
“กระดานหมากล้อมสี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้ อาจจะอยู่ในเขตแดนของค่ายกลหมากยี่สิบเก้าเส้น ซึ่งท่านผู้เฒ่าได้เปลี่ยนมันใหม่ โดยใช้มนุษย์เป็เม็ดหมาก ทุกคนล้วนต้องกลายเป็เม็ดหมากล้อม น่าจะมีผู้คนที่หลงเข้ามาต่อสู้กันในโลกของหมากล้อมนี้ มากถึงหนึ่งแสนคน” กู่ไห่ขมวดคิ้วแน่น
ขณะนั้นเอง เสียงคำรามของเิไท่ก็ดังมาจากเม็ดหมากล้อมสีดำ “เ้าคนต่ำช้า เมื่อครั้งที่ข้ายังอยู่ในพรรคต้าเฟิง แม้จะด้อยกว่าเ้า แต่ใช่ว่าจะให้เ้ามาอวดดีกับข้าเช่นนี้!”
“ฟู่เสวี่ย! มรดกนี้ไม่ใช่ของที่เ้าจะมาแตะต้องได้… ฮึ่ม!” เสียงฮึดฮัดเ็าของเว่ยหยางดังขึ้น
ตูม!
“อ้าว! เิไท่ เว่ยหยาง คู่อาจารย์และลูกศิษย์นี่เอง ยังไม่ตายหรอกหรือ? แล้วทำไมพวกเ้าถึงพุ่งเป้ามาที่ข้าได้ล่ะ?” เสียงะโของฟู่เสวี่ย ดังก้องออกมาจากเม็ดหมากสีดำในหุบเหวลึก
“ยังมีชีวิตอยู่ในหุบเหวนั่น... พวกเขายังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงกำมือเข้าหากันแน่น พลางเอ่ยอย่างประหม่า
กู่ไห่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะเมื่อมองจากตรงนี้ไป จะไม่อาจมองเห็นและคาดเดาได้ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นภายในหุบเหว
“หัวหน้าสังกัดวารีกู่ ท่านไต้ซือหลิวเหนียนอยู่ข้างในนี้ ข้าจะเข้าไปในกระดานหมากแห่งความตาย เพื่อจำลองเหตุการณ์ให้ท่านดู หวังว่าจะเป็ประโยชน์ได้บ้าง” องครักษ์ของหลงหว่านชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หืม?” กู่ไห่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ย๊าก!”
ทันใดนั้น แรงดึงดูดมหาศาลก็พุ่งออกมา องครักษ์คนนั้นไม่มีแรงจะต่อต้านใดๆ ได้เลย และถูกดูดเข้าไปในหุบเหวสี่เหลี่ยมจัตุรัสทันที
เมื่อลอยเข้าไปแล้ว ร่างของคนผู้นั้นพลันบิดเบี้ยว กลายเป็เม็ดหมากสีดำตัวหนึ่ง ที่กำลังลอยอยู่กลางหุบเหวสี่เหลี่ยมจัตุรัสทันที จากนั้นก็มีไหมสีทองเส้นบางๆ พุ่งเข้ามารัดหมากเม็ดนั้น แล้วดึงไปยังด้านในของหุบเหว
“กลายเป็เม็ดหมากล้อมจริงๆ หรือนี่?” กู่ฉินเอ่ยอย่างพิศวง
“ไม่ใช่หรอก!” กู่ไห่ส่ายหน้า
“หืม?”
“ไม่ใช่ว่ากลายเป็เม็ดหมาก เพียงแต่เข้าไปในโลกของหมากล้อมต่างหาก เม็ดหมากเหล่านี้ น่าจะเป็ร่างแยกของผู้ที่เข้าไปในนั้น ที่กลหมากได้รวบรวมไว้ และปล่อยให้ลอยอยู่ในหุบเหวลึก
เมื่อพวกเขาเจอกับอะไรบางอย่างในโลกของหมากล้อม เม็ดหมากที่เป็ร่างแยก ก็จะแสดงสถานะหรืออาการออกมา ยกตัวอย่างเช่น หมากสามเม็ดตรงนั้น ที่แตกออกเป็เสี่ยงๆ แสดงว่าร่างจริงซึ่งอยู่ภายในโลกของหมากล้อม ได้ตายไปแล้ว” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ไม่ได้กลายเป็หมากหรอกหรือ?” หลงหว่านชิงถามด้วยความประหลาดใจ
กู่ไห่พยักหน้า และพูดว่า “ในตอนที่โลกของหมากล้อมกำลังจะสร้างร่างแยกของท่าน ไต้ซือหลิวเนียนก็ใช้แหวนั ผลักท่านกลับออกมาเสียก่อน ท่านจึงเห็นว่าไต้ซือกลายเป็เม็ดหมากไป ดังนั้น...”
“ดังนั้นอะไร?” หลงว่านชิงถามด้วยความสับสน
กู่ไห่เงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงตอบ “ดังนั้น นี่ก็น่าจะเป็ฝีมือของ ท่านผู้เฒ่า ที่ได้ตระเตรียมไว้ เพื่อหาทายาทมารับมรดก”
“โอ้! มรดกของท่านผู้เฒ่ามิใช่ชีพจรัหรอกหรือ?” หลงหว่านชิงคิดไม่ตก
“เอ๊ะ! เมื่อครู่ เว่ยหยางก็เอ่ยถึง ‘มรดก’ ด้วยมิใช่หรือ?” กู่ฉินก็งงงันเช่นกัน
กู่ไห่พยักหน้า พลางกล่าว “มันเป็สมบัติที่ท่านผู้เฒ่าทิ้งเอาไว้ ชีพจรั ก็เป็เพียงส่วนหนึ่งของมรดกเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าพวกมันคืออะไรบ้าง ท่านผู้เฒ่าอาจจะ้าใครสักคนมาเป็ทายาท เพื่อรับมรดกของเขา
สิ่งที่ท่านผู้เฒ่า้าที่สุด ก็คือใครบางคนที่สามารถเป็ได้เหมือนอย่างเขา มีทักษะหมากล้อมอันยอดเยี่ยม หากใครสามารถแก้ ‘หมากล้อมแห่งชีวิต’ ได้ ก็จะกลายเป็ทายาทของท่านผู้เฒ่า!”
“หมากล้อมแห่งชีวิต?” หลงหว่านชิงเลิกคิ้ว สั่นศีรษะ พลางเอ่ย “ ไม่เคยมีใครปลดผนึกมันได้ คนที่พ่ายแพ้จะถูกหมากล้อมบดขยี้ ก่อนหน้านี้ คนของกองกำลังเฉินจีหยิงจำนวนมาก ก็ตายเพราะมันเช่นกัน ความยากและซับซ้อนของหมากล้อมแห่งชีวิตนี้ แม้แต่ท่านไต้ซือหลิวเนียนก็ยังไม่กล้าเล่น”
“นั่นเป็เพราะขาดทักษะหมากล้อม ทำให้ไม่อาจรับมรดกได้ บางทีท่านผู้เฒ่าคงคิดว่า น่าจะไม่มีใครปลดผนึกนี้ได้ จึงตั้งกลหมากแห่งความตายขึ้นมา” กู่ไห่วิเคราะห์
“หมากล้อมแห่งความตาย?” กู่ฉินขมวดคิ้ว
“บางที ทุกคนที่เข้าสู่ดอกโบตั๋น หากพวกเขาละทิ้งหมากล้อมแห่งชีวิตไป ก็อาจจะเข้าสู่โลกของหมากล้อมแห่งความตาย ณ ที่แห่งนั้นพวกเขาแต่ละคน จะต้องใช้ความสามารถเพื่อแย่งชิงมรดก ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้นกันแน่ แต่ดูแล้ว สถานการณ์คงจะไม่ค่อยดีเท่าใดนัก” กู่ไห่พูด พลางขมวดคิ้วแน่น
“หมายความว่าอย่างไร?”
“หมากล้อมแห่งชีวิต หากแพ้ก็ต้องตาย ส่วนหมากล้อมแห่งความตาย เ้าคิดว่าหากแพ้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?” กู่ไห่ถาม พลางขมวดคิ้ว
กู่ฉินชะงักเล็กน้อย “ก็คงต้องตายเหมือนกันกระมัง?”
“แต่มรดกมีเพียงชุดเดียว ผู้ที่ชนะก็ย่อมมีได้แค่คนเดียว ที่เหลือล้วนเป็ผู้พ่ายแพ้!” แววตาของกู่ไห่เต็มไปด้วยความหนักใจ
“นอกจากผู้ชนะเพียงคนเดียว คนอื่นๆ ล้วนต้องตายอยู่ในนั้น?” สีหน้าของหลงหว่านชิงเปลี่ยนไป
กู่ไห่พยักหน้าตอบ “ข้าเดาว่าน่าจะเป็เช่นนั้น!”
“นั่นก็หมายความว่า เมื่อก้าวเข้าสู่ดอกโบตั๋นั์นี้ จะมีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับมรดก ส่วนคนอื่นๆ ก็ต้องตาย... ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนที่อยู่ข้างใน จะตายทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?” หลงหว่านชิงเอ่ย พร้อมแสดงความหวาดวิตก
“นี่คงจะเป็สาเหตุ ที่ทำให้ผู้ฝึกตนห้าหมื่นคนที่อยู่รอบนอกไม่กล้าเข้ามา หรือไม่ พวกเขาก็คงจะรอพรรคพวกอยู่ที่นี่มานานแล้ว เพราะไม่ว่าจะเข้ามาสักกี่คน ก็ไม่อาจกลับออกไปได้
แต่ก็น่าจะเป็แค่ส่วนหนึ่ง เพราะเอาเข้าจริงๆ พวกเขาก็แค่กลัวที่จะเข้ามาเท่านั้น” กู่ฉินพูดในสิ่งที่ตนเองคิด
ท่าทีของทุกคนค่อยๆ เปลี่ยนไป เบื้องหน้าของพวกเขายังคงมีเมฆหมอก ทว่ายามนี้ ดอกโบตั๋นสีขาวที่แสนบริสุทธิ์ กลับมิได้ดูงดงามในความคิดของผู้คนอีกแล้ว แต่กลับแฝงไปด้วยความมืดมนและร้ายกาจ ไม่ต่างกับอะไรกับอสุราแม้แต่น้อย... นี่คือดอกไม้กินคน?
กู่ไห่พยักหน้า
“พ่อบุญธรรม ท่านสามารถแก้หมากล้อมแห่งชีวิตนี้ได้หรือไม่?” กู่ฉินเอ่ยถาม
“ข้าจะลองดู!” กู่ไห่กล่าว
ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนจึงมองกู่ไห่อย่างคาดหวัง
กู่ไห่ค่อยๆ เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง เผชิญหน้ากับหุ่นของท่านผู้เฒ่า ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกระดานหมากล้อม
“กลหมากเริ่มขึ้นแล้ว... จงแก้หมากของข้าให้ได้!” ชายชราผมขาวกล่าว พลางยกยิ้ม
กู่ไห่พยักหน้า ก่อนก้มหน้ามองกระดานหมากล้อมตรงหน้า อย่างระมัดระวัง มิได้วางหมากลงทันที แต่กำลังไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอยู่ในใจ
“ระดับต้นของพรรคต้าเฟิง ระดับกลางของสำนักติงหลง และระดับสูงเป็ของสำนักหมู่ตาน หมากสามระดับนี้ ถึงแม้จะต่างกันออกไป แต่นั่นก็เพื่อพัฒนาทักษะของผู้เล่น หากมิใช่เพราะได้ผ่านระดับแรก ระดับกลางมาแล้ว คงไม่ง่ายเลย ที่จะรับมือกับหมากกระดานนี้ ช่างซับซ้อนยิ่งนัก!” คิ้วของกู่ไห่ขมวดเข้าหากันแน่น อย่างใช้ความคิด
รู้สึกว่ากลหมากกระดานนี้ มีความซับซ้อนกว่าครั้งไหนๆ
กู่ไห่ค่อยๆ จมลงไปในกลหมากตรงหน้า มองดูกระดานหมากนิ่งๆ
หลงหว่านชิง กู่ฉินและคนอื่นๆ ต่างก็รออย่างอดทน แม้ว่าในใจจะร้อนรนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนการแก้หมากของกู่ไห่ในยามนี้
ที่ด้านนอก ผู้ฝึกตนห้าหมื่นคน กำลังคอยจับตาดูดอกโบตั๋นอยู่ตลอดเวลา ต่างพากันคาดหวังกับกู่ไห่ไม่น้อย
แม้ว่าจะมีหมอกหนาปกคลุม แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ในระดับหนึ่ง
“กู่ไห่นั่งเช่นนั้นมาวันหนึ่งแล้ว เหตุใดเขาถึงยังไม่วางเม็ดหมากอีกล่ะ?”
“ใช่แล้ว! เขาไม่กล้าวางหมากลงไป หรือเขาจะจงใจถ่วงเวลาอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่! เมื่อสิบวันก่อนมีคนทำเช่นเดียวกับกู่ไห่ เขาจงใจถ่วงเวลา ผลก็คือภายในหนึ่งชั่วยาม[1] กลับถูกหมากล้อมบดขยี้”
“เช่นนั้น ทำไมกู่ไห่ถึงถ่วงเวลาได้ล่ะ... ไม่ยุติธรรมเลย!”
เหล่าผู้ฝึกตนนั้นต่างก็ไม่พอใจกับภาพตรงหน้า
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ผู้คนนับไม่ถ้วน เสียชีวิตในหมากล้อมเป็ตาย มีผู้ฝึกตนจำนวนนับแสนคนเข้าไปข้างใน แต่ไม่มีใครมีชีวิตรอดจนถึงบัดนี้
หากได้ก้าวเข้าไปละก็ ทุกอย่างก็เป็อันจบสิ้น
แม้ว่าทุกคน้าที่จะชีพจรั แต่พวกเขาก็ต้องมีชีวิตรอดเพื่อมัน... ท่านผู้เฒ่ามอบภารกิจที่อันตรายเกินไปแล้ว!
กลหมากนี้มีความซับซ้อนจริงๆ แต่เพราะความซับซ้อนที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความตระหนักรู้บางอย่าง ตอนนี้ กู่ไห่มีความเข้าใจมากขึ้น ในสมองของเขา ราวกับว่าจะมีความกระจ่างแจ้งในหลายสิ่งหลายอย่างเพียงชั่วพริบตาก็มิปาน
ในช่องว่างมิติที่หว่างคิ้วของกู่ไห่ หมากดำยังคงลอยอยู่กลางเวหา โดยมีผลึกแก้วสีขาวขนาดเล็กลอยอยู่ใกล้ๆ เบื้องล่างมีหมากนับแสนกระดาน ซึ่งรวมเข้าด้วยกันเสียครึ่งหนึ่งแล้วอยู่ตรงนั้น และในตอนที่กู่ไห่สามารถเข้าใจในกลหมากแห่งชีวิต ทันใดนั้น กระดานหมากด้านล่าง ก็รวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วจนน่าพิศวง
ตูมๆๆ!
หมากล้อมสี่กระดานในแต่ละชุด รวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้น หมากแปดหมื่นกระดานก็ถูกรวมจนเหลือเพียงสองหมื่นกระดานที่ดูเหมือนว่าจะมีความซับซ้อนมาก และไม่สามารถรวมกันได้อีก
“พวกมันรวมกันได้อีกอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ครุ่นคิด
หมากสี่กระดานค่อยๆ รวมเป็หนึ่งเดียวกันและหดตัวลง เพื่อกำจัดหมากที่ไร้ประโยชน์ให้หายไปจากเส้นตารางช้าๆ จนกลายเป็หมากสิบเก้าเส้นอีกครั้ง
เพราะยังไม่สมบูรณ์ จึงทำให้หมากกระดานนี้ ต่างจากหมากสี่กระดานก่อนหน้า แต่ก็ยังคงมีเงาของหมากสี่กระดานเดิมปรากฏให้เห็น ซึ่งหมากทั้งสี่กระดานนั้นได้ถูกผสานกัน จนออกมาเป็หมากกระดานนี้นั่นเอง
ฮึ่มๆๆๆ!
สมาธิๆๆ
กระดานหมากล้อมขนาดใหญ่สองหมื่นกระดาน ถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว และวันต่อมา ก็กลายเป็กระดานหมากล้อมขนาดเล็กอีกครั้ง โดยเป็หมากสิบเก้าเส้นทั้งหมด นับรวมกับกระดานที่ไม่สามารถผสานได้ ก็เป็สี่หมื่นกระดาน โดยแต่ละกระดานมีความซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบมิได้
“ยิ่งหมากล้อมแต่ละกระดานมีความซับซ้อน และกฎเกณฑ์มากเท่าใด ก็จะสามารถรวบรวมค่ายกลได้มากขึ้นเท่านั้น?” กู่ไห่รู้สึกอัศจรรย์ใจ
เขามองกลหมากยี่สิบเก้าเส้นระดับสูง สลับกับหมากสี่หมื่นกระดานในมิติที่หว่างคิ้ว ก็รู้สึกได้ว่ากระดานหมากล้อมเหล่านี้ ราวกับจะสามารถเชื่อมโยงกันได้ หากเขาผสานกลหมากตรงหน้า เข้ากับหมากอีกสี่หมื่นกระดาน ก็อาจจะสามารถใช้มันเพื่อสร้างค่ายกลได้!
บางทีค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น และค่ายกลหมากยี่สิบเก้าเส้นของท่านผู้เฒ่า ก็อาจจะมีที่มาเช่นนี้
ผสาน รวบรวมสมาธิ กำจัดสิ่งไร้ค่า เลือกสิ่งที่เป็ประโยชน์กับตน รักษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และทำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น... นี่คือเส้นทางของหมากล้อมอย่างนั้นหรือ?
ตูม!
หมากที่ซับซ้อนสี่หมื่นกระดานในช่องว่างมิติที่หว่างคิ้ว เริ่มรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง ยุบจากสี่เป็หนึ่งทันที
“การคาดคะเนของข้าถูกต้อง! ผสมผสาน รวบรวมสมาธิ เป็รากฐานของการสร้างค่ายกลขนาดใหญ่ นี่เป็จุดเริ่มต้นของการสร้างแคว้นอย่างนั้นหรือ?” ดวงตาของกู่ไห่เป็ประกาย เมื่อได้เข้าใจอะไรมากขึ้น
นี่มิใช่สิ่งที่จะทำได้สำเร็จในเวลาอันสั้น ก่อนที่จะเข้าใจถึงความซับซ้อนของหมากสี่หมื่นกระดานนี้ จิตสำนึกของกู่ไห่ก็ค่อยๆ จมลงไปในดินแดนของหมากยี่สิบเก้าเส้นแล้ว
ทันใดนั้น กู่ไห่ก็รู้สึกได้ว่าสติของเขา กำลังเข้าสู่โลกของหมากล้อมอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่ายืนอยู่บนพื้นที่อันกว้างใหญ่ ท้องฟ้าล้วนกลายเป็สีขาว ซึ่งตอนนี้ มีเขาอยู่เพียงลำพังเท่านั้น
ไม่ไกลกันนัก ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
“เซียนเอ๋อร์?” กู่ไห่ผงะเล็กน้อย แม้จะรู้ว่านี่เป็แค่ภาพลวงตา แต่ก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
เขาเห็นเส้นไหมสีทอง ที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเองกับเซียนเอ๋อร์ และเส้นไหมสีทองนั่น ดูเหมือนจะล้อมรอบคำว่า ‘ความรัก’ เอาไว้
ไม่นานหลังจากนั้น เด็กสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นไม่ไกล
“กู่ฉิน กู่ฮั่น กู่ถัง และกู่ิ” กู่ไห่มองดูเด็กทั้งสี่คนด้วยความแปลกใจ
เป็อีกครั้ง ที่มีด้ายสีทองเชื่อมระหว่างตัวเขากับเด็กทั้งสี่ และเส้นไหมก็เคลื่อนเข้าไปล้อมรอบคำว่า ‘ครอบครัว’
ทันใดนั้น ควันสีฟ้าก็พวยพุ่งออกมา มีบรรดาผู้คนที่มองไม่เห็นใบหน้ายืนรวมตัวกันเป็กลุ่มใหญ่ โดยหนึ่งในนั้น คือชายผู้หนึ่งในชุดคลุมสีเขียว รอบกายมีไอสังหารวนเวียนจนน่าใ แค่มองเพียงแวบเดียว... หัวใจก็สั่นสะท้าน
เส้นสีทองบางๆ ยังคงเชื่อมกู่ไห่เข้ากับคนกลุ่มนี้ โดย้ามีเส้นไหมล้อมรอบคำว่า ‘ความเกลียดชัง’ อยู่
บนหน้าผากว้างใหญ่ผู้คนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นกลางเวหา ทุกคนล้วนมีเส้นสีทองบางๆ เชื่อมโยงกับกู่ไห่ แต่ละเส้นมีความสัมพันธ์ระหว่างเขาและบุคคลเหล่านี้
กู่ไห่ยืนอยู่บนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ พลางคิดไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ จึงได้เข้าใจ ผ่านไปเนิ่นนาน ก็เงยหน้ามองฟ้า พลางทอดถอนใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว ฟ้าดินเป็กระดานหมากล้อม สรรพชีวิตเป็เม็ดหมาก ความรักความแค้นระหว่างผู้คน ก็เป็ดั่งเส้นรุ้งเส้นแวงที่มองไม่เห็น โดยจุดตัดแต่ละจุดบนกระดานหมากแห่งชีวิตนี้ จะมีหมากเม็ดหนึ่งวางทับเอาไว้ ทำให้หมากเม็ดนั้นต่อสู้ดิ้นรนอยู่บนกระดาน จนไม่อาจหลุดพ้น สรรพชีวิตล้วนเป็เม็ดหมากที่ฟ้าดินไม่เคยนึกเมตตา คนทั่วไปล้วนเป็หนึ่งในเม็ดหมากเช่นเดียวกัน” กู่ไห่เข้าใจถึงสัจธรรมแล้ว
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ก็มีแสงสีทองแผ่ออกจากร่างของเขา จิตใจที่ตกสู่ภวังค์จึงค่อยๆ ละออกจากกระดานหมากล้อม
เขาเงยหน้า มองหุ่นเชิดของท่านผู้เฒ่าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ทำไมพ่อบุญธรรมถึงยังไม่วางหมากอีก?” กู่ฉินกล่าวอย่างกังวล
“ใช่! นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว กู่ไห่ยังมัวแต่คิดอยู่อีกหรือ?” หลงหว่านชิงก็วิตกมากเช่นกัน
เหล่าผู้ฝึกตนที่รอคอยอยู่ด้านนอก ต่างมองกู่ไห่อย่างงุนงง เขานั่งเช่นนี้มานานกว่าสามวันแล้ว ทว่า ยังไม่ยอมวางหมากอย่างนั้นหรือ?
“ยินดีด้วย! จนถึงตอนนี้ เ้าเป็เพียงคนเดียวที่แก้หมากได้” หุ่นเชิดของชายชราที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยปาก
คำพูดของหุ่นเชิดท่านผู้เฒ่านั้น ไม่ดังมากนัก แต่มันกลับก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น
“ฮะ?!”
กลุ่มผู้ฝึกตนห้าหมื่นคนที่กำลังเฝ้าดู ต่างพากันะเิเสียงอย่างอื้ออึง
“เป็ไปได้อย่างไร? กู่ไห่ยังมิได้วางหมากเลยสักเม็ด!”
“เขาแก้ผนึกได้อย่างไร? นี่เขาโกงอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ยุติธรรมเลย! นั่งอยู่ตรงนั้นแค่สามวัน ก็แก้หมากได้แล้ว? เช่นนั้น ข้าก็ทำได้เหมือนกัน!”
หลงหว่านชิงและกู่ฉิน มองดูหุ่นเชิดของท่านผู้เฒ่า ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความสับสน นี่ถือเป็การแก้ผนึกแล้วหรือ? ทั้งๆ ที่ยังมิได้วางหมากสักเม็ดเลยเนี่ยนะ?
“เ้าปลดผนึกได้แล้ว จงวางหมากลง… เตรียมรับมรดกจากข้า!” ชายชรากล่าวอีกครั้ง