หลินลั่วหรานยกกระถางของต้นห่อสิ่วโอวขึ้นมาไว้ในมือสิ่งนี้เป็ยาธรรมชาติที่ช่วยทำให้ผมดำขลับ มักจะมีอยู่มากตามบ้านไร่ต่างๆกินแล้วช่วยให้ผมดำได้จริง มีฤทธิ์ยาเหมือนกับพวกโสมหรือเห็ดหลินจือนั่นแหละแต่หลินลั่วหรานก็ไม่ได้รู้หรอก ว่าเป็เพราะอะไร
อาจจะเพราะอายุยังน้อย จึงมีผลแค่เป็ยาสลายเืคั่งล่ะมั้ง
ใบของห่อสิ่วโอวนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นสีเทาทำให้หลินลั่วหรานรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรถ้าจะเอามันเข้าไปยังพื้นที่ลึกลับทั้งที่ยังสกปรกแบบนี้เธอจึงคว้าเอาน้ำมารดล้างให้เสียหน่อย แต่ว่าสิ่งที่ทำให้หลินลั่วหรานได้แต่สงสัยก็คือไม่ว่าจะล้างเท่าไรหมอกสลัวๆ นั้นก็ยังคงติดอยู่เหมือนเดิมนี่มันสกปรกแค่ไหนกันเนี่ย?
หลินลั่วหรานรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเธอจึงขยับกระถางให้เข้าไปทางระเบียงเล็กน้อย และตั้งใจจ้องพิจารณาก่อนจะพบสิ่งประหลาดๆ บางอย่าง
ที่จริงใบของห่อสิ่วโอวนั้นสะอาดแล้ว อย่างน้อยก็ “สะอาด” ในแบบปกติล่ะนะแต่ที่หลินลั่วหรานรู้สึกว่ามันยังคงสกปรกอยู่นั่นเป็เพราะว่ามีกลุ่มหมอกสีเทากลุ่มหนึ่งกำลังห้อมล้อมใบของห่อสิ่วโอวเอาไว้และมันก็กำลังจะขยายไปทั่วต้นของมันด้วย แต่ไม่เพียงเท่านั้นที่ใจกลางของเถายังมีกลุ่มหมอกสีเขียวอ่อนๆ กำลังยืดเข้ายืดออกอยู่โดยเฉพาะบริเวณใกล้ๆ กับรากจะค่อนข้างหนาแน่นกว่าบริเวณอื่นทุกครั้งที่กลุ่มหมอกสีเขียวยืดตัวออกไป กลุ่มหมอกสีเทาก็จะถอยกลับมาและเมื่อกลุ่มหมอกสีเขียวถอยกลับเข้ามา กลุ่มหมอกสีเทาก็จะกลับไปครอบคลุมพื้นที่อีกครั้งกลุ่ม “หมอก” ต่างสีทั้งสองราวกับกำลังทำาต่อสู้ที่ยืดเยื้อกันอยู่อย่างไรอย่างนั้น!
และหากมองจากสถานการณ์ตอนนี้กลุ่มหมอกสีเขียวดูท่าว่าจะสู้อะไรไม่ได้เลย...
หลินลั่วหรานยังคงอยากจะมองพิจารณาดูต่อแต่ดูเหมือนว่าดวงตาของเธอจะแห้งล้า จากการใช้งานที่ยาวนานมากเกินไป เธอหลับตาลงแต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้น
สิ่งที่เธอเพิ่งจะพบเห็น มันคือพลังอะไรหรือว่าเป็สิ่งมหัศจรรย์ของพืชผักกันนะ?
หลินลั่วหรานสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะลืมตาขึ้นดูเหมือนว่าสิ่งที่ผลไม้นั่นมอบให้เธอ จะไม่ใช่เพียงแต่รูปร่างลักษณะที่เปลี่ยนไปหรือสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอแต่เพียงอย่างเดียวเสียแล้ว
เมื่อเธอกลับไปมองที่ห่อสิ่วโอวอีกครั้งก็พบว่าหมอกสีเทาและสีเขียวนั้นได้หายไปจนหมด
แต่เมื่อรวบรวมสมาธิ และตั้งใจมองไปอีกครั้งกลุ่มหมอกทั้งสองก็ปรากฏขึ้นราวกับเวทมนตร์ หลินลั่วหรานสงบจิตใจก่อนจะทอดสายตาออกไปทางนอกหน้าต่าง
ในพื้นที่เล็กๆ เก่าๆ นี้ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน ต้นไม้ดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ต่างพากันโตขึ้นสูงใหญ่ไม่ไกลจากหน้าต่างบ้านของหลินลั่วหรานมีต้นชบาต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง่นี้เป็ฤดูออกดอก ทำให้มีทั้งสีชมพูขาวและแดงอ่อนสลับกันอยู่ระหว่างใบทั้งดูสวยงามและมีชีวิตชีวา
เมื่อมองดูอย่างละเอียดก็พบว่า ต้นชบาเองก็มีหมอกสีเทาและสีเขียวผลัดกันต่อสู้ขยับไปมาเหมือนกับต้นห่อสิ่วโอวเพียงสิ่งเดียวที่ต่างกันคือจุดที่มีกลุ่มหมอกสีเขียวอยู่หนาแน่นที่สุดบนต้นชบาคือ บริเวณรอบๆ ดอกไม่ใช่บริเวณรากแบบต้นห่อสิ่วโอว
ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มหมอกควันสีเทาลอยที่ล่องลอยปะปนอยู่ภายในอากาศก็โดนผู้คนที่เดินสัญจรผ่านไปมาสูดดมเข้าไปทั้งทางจมูกและปาก
หลินลั่วหรานใ พร้อมกับก้มลงมองที่ตัวของตัวเองในทันที
กลุ่มควันสีเทาเองก็ลอยอยู่รอบตัวของเธอในระยะราวๆ หนึ่งเมตรแต่เหมือนกับว่า มันถูกเวทมนตร์บางอย่างที่มองไม่เห็นทำให้มันกระจายหายไปก่อนจะถึงตัว
เอ๋? ทำไมถึงมีแต่เราที่ไม่โดนกลุ่มควันเหล่านี้เกาะกุมกันนะ?
ตัวเธอก็ไม่ได้มีอะไรที่ต่างออกไปจากสิ่งอื่น...นอกจากไข่มุกที่ข้อมือ!
ไข่มุกลึกลับสงบนิ่งอยู่บนข้อมือของหลินลั่วหรานเปล่งแสงอ่อนๆที่ผู้คนทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็นได้ออกมา และเมื่อมองดูดีๆ แล้วก็พบว่ารัศมีประกายของแสงนั้นกระจายออกมาเป็บริเวณกว้างห่างจากตัวของเธอเป็ระยะหนึ่งเมตรพอดีก่อนจะอ่อนลงจนไม่สามารถมองเห็นได้
เห็นแบบนี้แล้ว รู้สึกเหมือนว่าได้รับรู้ถึงพลังของไข่มุกมากขึ้นเลย เฮอะๆ
ถ้าหากว่ากลุ่มหมอกสีเขียวนั่นคือพลังจากต้นไม้แบบนั้นแล้วหมอกควันสีเทานั่นก็คงจะเป็อากาศสกปรกบนโลกใบนี้สินะ? ผู้คนต่างพากันใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอากาศสกปรกแบบนี้ทุกวันไม่แปลกเลยที่วิทยาการก้าวหน้าไปมากขึ้น แต่กลับเกิดโรคประหลาดขึ้นมากมายทั้งที่ไม่เคยพบเห็นในสมัยก่อน
หากเป็สมัยก่อนนั้น ในยุคที่ป่าไม้พืชพรรณปกคลุมไปทั่วไม่ว่าแห่งไหนก็คงเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีเขียว กลุ่มควันสีเทาคงจะไม่มีอยู่คิดแบบนั้นแล้ว ช่างดูเป็ยุคที่ผู้คนต่างพากันเฝ้ารอคอยเสียจริง
หลินลั่วหรานเพ้อฝันอยู่สักพัก ก่อนจะนึกถึงจุดประสงค์หลักของตัวเองขึ้นมาได้
เธอหยิบแก้วใสขึ้นมาจากโต๊ะ ในใจนึกภาวนาขึ้นก่อนที่พื้นที่ลึกลับจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่ได้เข้ามาเมื่อวานเธอเพียงรู้สึกว่าอากาศในที่แห่งนี้สดชื่นกว่าภายนอกแต่หลังจากที่ร่างกายของหลินลั่วหรานถูกปรับให้อ่อนไหวต่อพลังธรรมชาติมากขึ้นตอนนี้เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามา เธอก็รู้สึกสบายตัวจนราวกับจะล่องลอยไป
ตอนนี้พื้นที่ลึกลับแห่งนี้ ช่างต่างไปจากเมื่อวานที่เธอมาเหลือเกิน
้าของต้นหญ้าเขียวขจีที่หลินลั่วหรานเห็นเมื่อคืนวานนั้นถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกสีเขียวที่ดูหนาแน่นยิ่งกว่าต้นชบาต้นโตด้านนอกเสียอีกบนต้นไม้ต้นน้อยที่เธอเก็บผลของมันมาั้แ่เมื่อวานเองก็มีกลุ่มหมอกสีเขียวปกคลุมอยู่ทั่ว
ส่วนในบริเวณสระน้ำแร่ ก็มีกลุ่มหมอกสีฟ้าใสล่องลอยอยู่เช่นกัน
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ในพื้นที่ลึกลับแห่งนี้ไม่มีกลุ่มหมอกควันสีเทาเลยแม้แต่น้อย
ต้นไม้ต่างๆ ล้วนแต่เป็สีเขียว ต่างกันเพียงความเข้มอ่อนส่วนสระน้ำแร่นั้นก็เป็หมอกสีฟ้าหรือว่านี่จะเป็ลักษณะที่ต่างกันของสรรพสิ่งบนโลกกันนะ?
ใช่แล้ว ถ้าจำแนกตามธาตุทั้งห้า พืชต่างๆ ก็เป็ธาตุไม้น้ำแร่ก็เป็ธาตุน้ำ นี่มันก็ตั้งสองชนิดแล้วนี่นา
ในใจของหลินลั่วหรานเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาเธอใช้แก้วน้ำตักน้ำแร่จากสระน้ำขึ้นมา ในขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไปก็เหลือบไปเห็นเ้าต้นไม้ต้นน้อยที่อยู่ข้างสระ ผลไม้ที่เธอเก็บมาเมื่อวานนั้นที่จริงแล้วคงเป็ผลจากการพยายามอย่างหนักของเ้าต้นไม้น้อยนี่สินะหลินลั่วหรานยื่นมือออกไปเทน้ำกว่าครึ่งแก้วรดลงบนบริเวณรากของต้นไม้ต้นน้อย
น้ำแร่ซึมผ่านเข้าไปในผืนดินภายในเวลาสั้นๆ ต้นไม้น้อยดื่มด่ำ “น้ำแร่” อย่างมีความสุขกลุ่มหมอกสีเขียวบริเวณส่วนใบเปลี่ยนเป็สีเข้มก่อนที่ทั่วทั้งต้นจะเปลี่ยนเป็สีเขียวจนน่าพอใจ
เมื่อเห็นดังนั้น หลินลั่วหรานก็รู้สึกพอใจขึ้นมาก่อนจะตักน้ำแล้วออกมาจากพื้นที่ลึกลับ
ห่อสิ่วโอวบนพื้นรู้สึกไม่พอใจท่าทางชักช้าของเ้านายตัวเองเท่าไรนักหลินลั่วหรานค่อยๆ เทน้ำลงไปยังกระถางอย่างระมัดระวัง
ในระหว่างที่น้ำแร่ค่อยๆ ไหลซึมลงไปกลุ่มหมอกสีเขียวบริเวณเถาของห่อสิ่วโอวค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีเข้มขึ้นหมอกควันสีเทาหยุดชะงักการรุกล้ำไปชั่วขณะ ก่อนจะถอยไปอย่างช่วยไม่ได้
หลินลั่วหรานมั่นใจมากว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไปเองอย่างแน่นอนต้นห่อสิ่วโอวที่เกือบจะตายเมื่อก่อนหน้านี้ หลังจาก “ดื่ม”น้ำแร่ไปกว่าครึ่งแก้วแล้วก็แข็งแรงขึ้นด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไม่น่าจะคิดไปเองใช่ไหม แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามันจะโตขึ้นมานิดหน่อยรากที่โผล่ขึ้นมาจากดินเองก็ใหญ่ขึ้นด้วยหรือเปล่านะ?
หลินลั่วหรานขยี้ตาของตัวเอง ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ภาพหลอน แต่ภายในเวลาสั้นๆนั้น เ้าต้นห่อสิ่วโอวก็โตขึ้นมาอีกแล้ว!
พระเ้า! น้ำแร่นี่ ให้ผลดีกว่าปุ๋ยเร่งไหนๆเสียอีก!
หลินลั่วหรานดีใจขึ้นมายกใหญ่เมื่อมองไปยังต้นห่อสิ่วโอวก็รู้สึกราวกับเห็นธนบัตรมากมายกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเธอพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แต่ไม่ว่าจะตาหรือคิ้วต่างก็พากันเผยรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
หลินลั่วหรานอยากจะลองทดสอบความสามารถของตัวเองเสียหน่อยเธอจึงวางมือลงบนกระถางต้นไม้ พร้อมกับนึกภาวนาขึ้นในใจก่อนที่เธอจะเข้ามาในพื้นที่ลึกลับนี้พร้อมกับกระถางต้นไม้นั้นด้วย
กระถางต้นไม้ที่เลอะเทอะสกปรก ช่างไม่เข้ากันกับพื้นที่แสนสะอาดสะอ้านแห่งนี้เอาเสียเลยแต่หลินลั่วหรานก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก
เธอค่อยๆ นำเอาต้นห่อสิ่วโอวขึ้นมาจากกระถางหัวของห่อสิ่วโอวในมือของเธอในตอนนี้ใหญ่กว่าตอนที่เธอเอากลับมากว่าสามเท่านี่ต่างเป็ผลมาจากน้ำแร่ในเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง ในระหว่างที่เธอกำลังจะเตรียมนำต้นห่อสิ่วโอวปลูกลงในผืนดินก็ได้พบว่า นอกจากบริเวณกระท่อมเล็กๆ และบริเวณรอบสระน้ำที่เธอไม่สามารถเข้าไปได้พื้นที่ทั่วทั้งบริเวณนั้นต่างถูกปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าที่มีความสูงกว่าสามฟุตและไม่ได้มีพืชพรรณใดๆ อยู่เลย
หลินลั่วหรานทอดสายตาไปยังพื้นที่รอบๆก่อนจะพบว่างานของเธอนั้นไม่ได้สบายเหมือนอย่างคิด การจัดการกับสิ่งเหล่านี้เองก็เป็ปัญหาอย่างหนึ่งเหมือนกัน
.......
เธอถือเสียมอันเล็กๆ เอาไว้ในมือแน่นอนว่ามันไม่ใช่เสียบสำหรับการปลูกต้นไม้โดยเฉพาะตะหลิวที่ปกติหลินลั่วหรานมักจะใช้ผัดข้าว บัดนี้กลับได้รับงานใหญ่เลยทีเดียว
ต้นหญ้าสีเขียวขจีค่อยๆ โดนดึงออกไปทีละต้น จนตอนนี้บริเวณใกล้ๆ สระน้ำในระยะหนึ่งตารางเมตรได้ถูกหลินลั่วหรานจัดการให้เป็ไร่สำหรับปลูกพืชไปอย่างเรียบร้อยแล้วบริเวณโดยรอบถูกกั้นด้วยก้อนหินเล็กๆ ที่หลินลั่วหรานไปเก็บมาจากด้านล่างของตึก
ต้นห่อสิ่วโอวถูกปลูกเอาไว้ที่บริเวณใจกลางและเธอยังปักไม้ไผ่ลำเล็กเอาไว้ให้มันได้ใช้เกาะเกี่ยวอีกด้วยเหล่ากลุ่มหมอกสีเทาที่เคยล้อมรอบอยู่บริเวณรอบใบก็ถูกชำระจนสะอาดหมดจดตอนนี้จึงเหลือเพียงหมอกสีเขียวอ่อนๆ บริเวณรากและเถาของต้นห่อสิ่วโอวเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ถนัดงานด้านนี้ แต่ด้วยความกว้างของพื้นที่แห่งนี้และเหล่าวัชพืชที่มากมาย มันรับมือยากเกินไปแต่มันก็ทำให้ได้รู้ชัดว่าผืนดินแห่งนี้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์รากของเหล่าต้นหญ้าเติบโตได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยึดเกาะติดกับผืนดินไว้อย่างแ่าและไม่ยอมหลุดออกมาง่ายๆ เลย
หลินลั่วหรานสูญเสียแรงไปมากกว่าจะจัดการกับผืนไร่ในสถานการณ์ที่มีเพียงเหล่าเครื่องมือจำเป็ทั้งหลายได้ก่อนจะจัดการปลูกเหล่าห่อสิ่วโอวที่เต็มไปด้วยความหวังของเธอลงไป
เมื่อนึกถึงผลจากการทำงานหนักของตัวเองแล้วใบหน้าของหลินลั่วหรานก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ก่อนที่เธอจะคิดถึงเตียงที่ตัวเองยังไม่ได้เก็บขึ้นมาได้เธอหยุดการยืนยิ้มโง่ๆ ของตัวเองลง ก่อนจะออกมาจากพื้นที่ลึกลับทันที
นาฬิกาบอกเวลา บ่ายสองโมง ตอนนี้น่าจะยังทันอยู่ใช่ไหมนะ? เมื่อคิดได้ดังนั้นหลินลั่วหรานก็รีบพุ่งตัวไปจัดการเอาที่นอนและผ้าห่มเน่าๆรวมทั้งเสื้อผ้าที่สกปรกเลอะเทอะยัดใส่ถุงรวมกัน ก่อนจะเตรียมตัวเอาออกไปทิ้ง
ทั้งเหม็นทั้งเน่าแบบนี้ ต่อให้ซักจนสะอาดแล้วหลินลั่วหรานก็ไม่อยากจะใส่มันอีกต่อไปแล้วล่ะ!