หลินลั่วหรานจัดการเอาเสื้อผ้าที่สกปรกเ่าั้ไปทิ้งที่รถขยะก่อนจะขึ้นรถเมล์อันเฉื่อยชาไปยังสถานที่ที่ตั้งใจไว้
ในเมืองที่ชุกชุมยิ่งบนรถเมล์ที่แออัดไปด้วยผู้คน อากาศก็ยิ่งสกปรกเข้าไปใหญ่แต่เมื่อหลินลั่วหรานที่มีไข่มุกพิเศษ เมื่อก้าวขึ้นมาบนรถเมล์เธอกลับไม่ได้รู้สึกถึงอากาศสกปรกเ่าั้เลยแม้แต่น้อย แต่บรรยากาศรอบตัวกลับดูผิดแปลกไปเล็กน้อยทำไมรอบตัวต่างเต็มไปด้วยสายตาวับวาวเ่าั้กันนะ?
ภายในใจของเธอได้แต่นึกคำนวณธุรกิจของตัวเองจนลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้รูปร่างภายนอกของเธอได้เปลี่ยนไปมากแม้ว่าเสื้อผ้าที่ประดับอยู่บนตัว จะยังคงเป็เสื้อผ้าราคาถูก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าอ่อนโยนฉ่ำน้ำและดวงตาที่เปล่งประกายของเธอดูด้อยลงไปเลยสักนิด
สวยงามแต่กลับดูยากจนแถมยังเป็บนสถานที่อย่างบนรถเมล์แบบนี้อีก หากเป็คนอื่นแล้ว คงได้ตกเป็เหยื่อของพวกโรคจิตอย่างแน่นอน แต่ตัวเธอนั้นมีทั้งไข่มุกอยู่บนตัว ร่างกายก็ถูกลมปราณชำระจนสิ้นเธอไม่ได้เป็เพียงสาวสวยธรรมดาๆ มาั้แ่แรกแล้ว ทั้งที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนอบอุ่น แต่กลับมีบรรยากาศของความสูงส่งแฝงอยู่จนทำให้ผู้คนต่างพากันไม่กล้าดูิ่ จนได้แต่พากันหลบตาเพียงเท่านั้น
เมือง R เป็เมืองหลวงของมณฑล S เป็เมืองที่มีชื่อเสียงเื่การพักผ่อนในขณะเดียวกันก็เป็เมืองใหญ่ที่มีจำนวนประชากรมากเมืองหนึ่งไม่ว่าถนนหนทางจะถูกปรับให้กว้างขึ้นเท่าไรก็ยังคงไม่สามารถรองรับจำนวนของคนและรถที่มากมายนี้ได้หมดรถเมล์เคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง หลินลั่วหรานเปลี่ยนสายรถเมล์อีกสองครั้งก่อนจะมาถึงสถานที่ที่ตั้งใจไว้
ร้านค้าขนาดสองห้องเล็กๆ ประตูสีเขียว ที่นี่คือบริษัทขายเมล็ดพันธุ์ที่ค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่งในเมือง R หลินลั่วหรานเคยมาซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวและพืชผักให้ที่บ้านและคนในหมู่บ้านมาก่อนแล้ว ที่นี่ขายเมล็ดพันธุ์ในราคาสมเหตุสมผลคุณภาพก็นับได้ว่าดีทีเดียวเพราะแบบนั้นเธอจึงตั้งใจนั่งรถกว่าสองต่อเพื่อมาซื้อเมล็ดพันธุ์ที่นี่โดยเฉพาะ
เมล็ดพันธุ์พืชไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนใช้กันในชีวิตประจำวัน ต้องเป็่ฤดูกาลเพาะปลูกถึงจะขายดี ส่วนในเวลาปกตินั้นคนน้อยจนน่าใจหาย
เหมือนกับวันนี้ภายในร้านนั้นไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียวมีเพียงหญิงสาวรูปร่างอวบในชุดเครื่องแบบที่กำลังแอบส่งข้อความอยู่ด้านหลังของเคาน์เตอร์เท่านั้น
หลินลั่วหรานยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ “อะแฮ่ม...” เสียงของเธอ เรียกให้พนักงานขายหันมาสนใจ
พนักงานขายจัดการเก็บโทรศัพท์ของตัวเองใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มสำหรับต้อนรับลูกค้าก่อนเธอจะต้องชะงักไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับหลินลั่วหราน
หญิงสาวคนนี้สวยมากจริงๆ ผิวพรรณนวลเนียนมารยาทก็ดี อา... แล้วดูตัวเราเองสิ พนักงานขายถอนหายใจในใจ และไม่ทันได้รู้ตัวว่าตัวเองนั้นเพียงแต่รู้สึกประหลาดใจเท่านั้น แต่กลับไม่ได้รู้สึกอิจฉาอย่างปกตินี่เป็เพราะกิริยาของหลินลั่วหรานนั่นเอง
“คุณคนสวยอยากจะซื้อเมล็ดพันธุ์ใช่ไหมคะ? อยากให้แนะนำไหม?”
เพียงเปิดปากคำว่า “คุณคนสวย” ก็ออกมาจากปากพนักงานขายสาว นี่ไม่ใช่การยกยอแต่อย่างใดแต่เป็เพราะผู้คนในเมือง R นั้นทำกันเป็ปกติคนที่ทำงานลักษณะนี้ต่างปากหวานกันทั้งนั้น เพียงแค่เป็ผู้หญิงก็จะเรียก “คุณคนสวย” และถ้าเป็ผู้ชาย ก็จะเรียกว่า “พี่ชายสุดหล่อ” ไปเสียหมด
หลินลั่วหรานคิดวางแผนเอาไว้ั้แ่ก่อนจะมาเรียบร้อยแล้วได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า “ที่นี่มีเมล็ดมะเขือเทศน้อยขายไหมคะ?”
“มะเขือเทศเชอรี่เหรอคะ?” พนักงานขายถามย้ำเธออีกครั้ง
“เอ๋ ใช่ค่ะ!” เป่าเจียก็เคยบอกตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ว่าให้เรียกว่า “มะเขือเทศเชอรี่” แต่หลินลั่วหรานไม่ว่าจะเปิดหรือปิดปากก็ยังคงเรียกว่ามะเขือเทศน้อยอยู่วันยังค่ำ...
เมื่อเข้าใจแล้วว่าหลินลั่วหราน้าอะไรพนักงานขายก็หันตัวไปหาเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศเชอรี่ถุงเล็กมาให้ต้นปีนี้ขายเมล็ดพันธุ์ได้ไม่ดีเท่าไรบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์จึงทำให้กลายเป็ถุงเล็กๆ ออกมาขายแทนแล้ว
“หนึ่งถุงนี่จะใช้ได้ประมาณเท่าไรเหรอคะ?” แม้ว่าบ้านของหลินลั่วหรานจะอยู่ในชนบทและตอนเด็กๆ จะเคยช่วยงานอยู่บ่อยๆ แต่ส่วนมาก่นั้นก็ใช้เวลาส่วนมากไปกับการเรียน ให้ช่วยเฉยๆ ก็คงพอได้แต่นี่ต้องมาวางแผนหว่านเมล็ดั้แ่แรกเริ่ม เธอจึงไม่มั่นใจเท่าไร
“ถึงจะดูน้อย แต่สามารถปลูกได้ถึงสามร้อยตารางเมตรเลยนะคะ” การอธิบายให้ลูกค้าฟังเอง ก็เป็หน้าที่หนึ่งของพนักงานขายเช่นกันพนักงานสาวจึงตอบกลับไปอย่างใจเย็น
สามร้อยตารางเมตร...ในหัวของหลินลั่วหรานนึกถึงขนาดของสถานที่ลึกลับนั่นขึ้นมาก็คงจะแค่ราวๆ สามร้อยตารางเมตรนี่ล่ะ แต่ถ้าจะปลูกมะเขือเทศน้อยเสียหมดก็คงไม่ต้องดูอย่างอื่นแล้ว แต่เพื่อที่จะปกปิดเอาไว้หลินลั่วหรานจึงตัดสินใจซื้อเมล็ดจำพวกกะหล่ำปลี ผักกาดหอม ปวยเล้งมาด้วย เกือบสิบอย่าง
เมื่อคิดเงินแล้ว ก็เพียงราวๆ หนึ่งร้อยหยวนเท่านั้นแน่นอนว่าเป็เพราะเธอซื้อมาน้อยนั่นเอง
พนักงานขายจัดการนำเอาเมล็ดพันธุ์ทั้งหลายแพ็คใส่ถุงให้เรียบร้อยก่อนจะเห็นว่าสาวสวยตรงหน้ายังคงยืนลังเลอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เธอจึงถามขึ้น “ไม่ทราบว่าลูกค้ายัง้าอะไรเพิ่มไหมคะพวกเราเป็บริษัทใหญ่ ถึงร้านจะเล็กไปหน่อย แต่เมล็ดพันธุ์นั้นมีครบครันเลยค่ะ”
“ที่นี่มีเมล็ดโสมป่าไหมคะ?” หลินลั่วหรานแสดงกิริยาเกรงใจออกมาภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังกับคำตอบของพนักงานขาย
ใช่แล้ว หลินลั่วหรานไม่ได้คิดจะปลูกผักพารวยมาั้แ่ต้นเธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีประกายแสงแบบพวกตัวเอกหรอกนะ ปลูกผักจำนวนเยอะๆแล้วเื่ที่มาของผักล่ะ จะอธิบายอย่างไร นี่แหละคือปัญหาใหญ่
ลูกค้าด้อยประสบการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเจอแต่เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานนั้นทั้งสวยมากและกิริยามารยาทก็ยังทำให้คนรู้สึกสบายใจพนักงานขายจึงอธิบายให้เธอฟังพร้อมกับรอยยิ้ม “ลูกค้าคะ โสมป่านั้นราคาแพงมากแต่เมล็ดพันธุ์กลับไม่มีราคาเท่าที่ควร นอกจากจะทำการวิจัยแล้วใครจะไปเก็บมันล่ะคะ? แม้แต่คนที่อยู่ในป่าปลูกเมล็ดพันธุ์โสมไป โสมนั่นก็ไม่นับเป็โสมป่าอยู่ดี พวกเรามีเมล็ดพันธุ์โสมของ“ฉางโป” อยู่นะคะ ราคาอยู่ที่ครึ่งกิโลกรัมละสามร้อยหกสิบค่ะปลูกขึ้นมาแล้วได้คุณภาพแบบเดียวกับโสมูเาเลยค่ะ ลองพิจารณาดูสักหน่อยไหมคะ?”
หลินลั่วหรานทำเื่น่าขันลงไปเสียแล้วไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงมากแค่ไหนแต่เธอรู้ดีว่าราคาของโสมที่คนปลูกกับราคาของโสมป่านั้นต่างกันมากหรือว่าครั้งนี้จะถอยก่อน แล้วค่อยว่ากันครั้งหน้าดี?
“ขอดูเมล็ดหน่อยได้ไหมคะ? พอดีว่ามีคนฝากซื้อมา อยากจะดูคุณภาพก่อนค่ะ” หลินลั่วหรานตัดสินใจว่าจะดูคุณภาพของเมล็ดก่อนและไม่ได้พูดอะไรไปให้หมด
พนักงานขายหาอยู่สักพักก่อนจะหาเมล็ดพันธุ์โสมขึ้นมาได้ ของแบบนี้ไม่ได้มีคนมาหาซื้อทุกวันเป็ธรรมดาที่จะถูกจัดวางไว้ในที่ไกลๆ
หลินลั่วหรานจับเมล็ดบางส่วนมาไว้ในมือก่อนจะมองไปที่เมล็ดเ่าั้อย่างจดจ่อ และก็ต้องผิดหวังขึ้นมา
เมล็ดพันธุ์โสมเหล่านี้ต่างมีกลุ่มหมอกสีเขียวอ่อนปะปนอยู่ แต่ก็เบาบางมาก หากไม่ตั้งใจมองก็คงจะมองข้ามไปได้ง่ายๆ ของที่ไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไร ต่อให้มาอยู่ในพื้นที่ลึกลับหลินลั่วหรานก็ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสามารถปลูกโสมให้ออกมาเป็โสมป่าเพื่อเอาไปขายได้
เธอกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะโดนซองพลาสติกใสบนเคาน์เตอร์ดึงดูดสายตาของเธอไป
มันเป็ซองพลาสติกแบบที่้าสามารถเปิดปิดได้ด้านในมีเมล็ดพันธุ์อยู่นิดหน่อย แต่กลับมีหมอกสีเขียวหนาจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอกและเมื่อเทียบกันกับเมล็ดพันธุ์ในมือของเธอแล้วภายนอกก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไร...หัวใจของหลินลั่วหรานเต้นรัวมีพลังออกมามากขนาดนั้น ต้องเป็ของดีแน่นอน!
“นั่นเป็เมล็ดพันธุ์โสมหรือเปล่าคะ?” หลินลั่วหรานชี้ไปยังถุงพลาสติกใบบนเคาน์เตอร์ แสร้งทำเป็ไม่ได้ตั้งใจก่อนจะถามขึ้น ด้วยสายตาของหลินลั่วหรานในตอนนี้มองเพียงครู่เดียวก็รู้ได้ว่าด้านในมีเมล็ดอยู่เจ็ดเมล็ด
พนักงานขายหันไปมองก่อนจะแสดงท่าทางไม่ค่อยได้ใส่ใจขึ้นมา “นั่นก็เป็เมล็ดพันธุ์ของฉางโปค่ะน่าจะเป็ของทดลองที่มีลูกค้าขอ แต่ไม่ได้เอาไปน่ะค่ะ ถ้าคุณลูกค้า้าจะเอาไปถามเพื่อนก่อนก็ได้นะคะ”
พนักงานขายของบริษัทเมล็ดพันธุ์พืช ทุกๆวันต่างต้องอยู่กับเมล็ดพันธุ์ โดยปกติก็ต้องสามารถแยกเมล็ดพันธุ์ต่างๆได้อยู่แล้ว พนักงานขายเพียงแค่มองก็สามารถรู้ได้เลยว่านั่นก็เป็เมล็ดของโสมเช่นกันและก็ดูไม่ต่างจากของ “ฉางโป” เท่าไร
การตัดสินใจของหลินลั่วหรานสำเร็จในทันทีเธอพยายามข่มยิ้มเข้าไว้ ก่อนจะหยิบถุงที่เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์พืชและซองพลาสติกใสใบเล็กที่บรรจุเมล็ดพันธุ์โสมเอาไว้ขึ้นมาก่อนจะเดินออกมาจากเคาน์เตอร์
ในระหว่างที่เธอกำลังเดินออกมาจากร้านก็เผลอไปชนเข้ากับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง หลินลั่วหรานไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่ชายร่างสูงกลับทนไม่ไหวจนต้องมองตาม ในใจได้แต่คิดว่า เมือง R สาวสวยเยอะจริงๆที่ถูกย้ายมาที่นี่ ก็คงไม่ได้แย่มากนักหรอก!
เมื่อหลินลั่วหรานซื้อเมล็ดพันธุ์เสร็จเรียบร้อยเป็ครั้งแรกที่เธอเลือกจะขึ้นแท็กซี่กลับ แทนที่จะเป็รถเมล์แสนแออัดผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที ชายร่างสูงก็รีบตามออกมาแต่ในสายตากลับพบเพียงรถที่สัญจรไปมา หลินลั่วหรานจากไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงา
“หายไปเร็วจริงๆโมโหจะตายอยู่แล้ว!” ชายร่างสูงยืนกระทืบเท้าอยู่หน้าร้านท่าทางกับส่วนสูงสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนและเศร้าสลด
พนักงานขายร่างอวบรีบตามออกมาทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เธอพูดออกมาตะกุกตะกัก “ผู้จัดการคะฉัน...ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านั่นเป็เมล็ดโสมป่า...ฉัน...ฉัน...” ใบหน้ากลมๆ ของเธอแดงไปทั่วทั้งหน้า ผู้จัดการคนใหม่คนนี้ทุกคนยังไม่ทันได้รู้จักอะไรมากนักตัวเองก็ดันทำเื่ผิดพลาดครั้งใหญ่ขนาดนี้ลงไปเสียแล้ว ต้องทำอย่างไรถึงจะดีนะ?
ร่างสูงเกือบจะกระอักเืออกมา!
“เมล็ดพันธุ์โสมป่าอะไรกันเมล็ดพวกนั้นเป็เมล็ดของโสมูเาที่มีอายุอย่างน้อยก็ห้าร้อยปีเชียวนะ! บรรดานกแมลงต่างชอบจิกผลของโสมมากเดิมทีเมล็ดพันธุ์โสมป่าก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ อยู่แล้วอย่าได้พูดถึงเมล็ดของโสมที่มีอายุกว่าห้าร้อยปีเลย! อา...พูดกับเธอไปมันจะได้อะไร ยังไงก็หายไปแล้วอยู่ดี!”
เพียงได้ฟัง ณ ตอนนั้นพนักงานขายจะเอาเวลาที่ไหนไปคิดว่าเมล็ดโสมป่าก็สามารถปลูก “โสมป่า” ขึ้นมาได้เธอได้แต่รู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น ความสำนึกผิดฉายออกมาผ่านสีหน้าของเธอกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมา
เมื่อร่างสูงเห็นตาแดงก่ำของอีกฝ่ายก็ยิ่งกังวลมากขึ้น “ช่างเถอะมันเป็ความผิดของฉันั้แ่แรก ที่ว่าเธอไปก็ระบายอารมณ์ไปแล้วกลับไปทำงานเถอะ...” เขาโบกมือปัดๆให้พนักงานขายสาวกลับไปทำงาน สีหน้าราวกับคนท้องผูกของร่างสูงทำลายความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาไปจนหมดสิ้น
“ไม่ควรที่จะไปตามถามเบอร์ของผู้หญิงคนนั้น...พระเ้าหรือว่าโอกาสที่จะโดนลดขั้นมันจะเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วเนี่ยใครเอาเมล็ดโสมของฉันไปกันแน่เนี่ย!”
เสียงคร่ำครวญของชายร่างสูงทำเอานกกระจอกตัวหนึ่งที่เกาะอยู่บนสายไฟใผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันเดินเลี่ยงและนั่นก็ยิ่งทำให้สีหน้าของชายร่างสูงดูแย่ขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกัน หลินลั่วหรานที่กำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่จามออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ ชาวบ้านมักพูดกันว่าหากจามออกมาโดยไม่มีสาเหตุนั่นเป็เพราะกำลังมีคนพูดถึงเราอยู่หลินลั่วหรานคิดแล้วคิดอีก ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสัมพันธ์กับเื่อะไรหรือว่าพ่อกับแม่จะคิดถึงแล้วกันนะ?
ผ่าน่นี้ไป คงจะต้องกลับไปเยี่ยมสักหน่อยเมื่อคิดได้ดังนั้น หลินลั่วหรานก็นึกถึงเมล็ดพันธุ์ในถุงขึ้นมาก่อนจะเผยรอยยิ้มจากความพอใจออกมา