ขณะที่นางกำลังคิดว่าต้องตระเตรียมอะไรอีกบ้างอยู่ในห้องนอนนั้น กงเจวี๋ยก็เดินเข้ามาพร้อมโบกมือนางกำนัลทั้งหลายจึงถอยออกไปอย่างเงียบๆพี่สาวน้องชายอยู่กันตามลำพังถือเป็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
“เสด็จพี่”
“เ้ามาแล้ว”
กงอี่โม่ดวงตาเป็ประกาย หนุ่มน้อยวัยสิบเอ็ดปีดูสุขุมเยือกเย็นมากในสมัยโบราณ อายุเท่าเขาในเวลานี้ถือว่าเป็ผู้ใหญ่ตัวน้อยแล้วตอนนี้เขาอยู่ในชุดสีขาว ยืนอย่างสง่างามเบื้องหน้ากงอี่โม่ คิ้วทรงดาบเชิดขึ้นั์ตาสีน้ำหมึกใสกระจ่าง หน้าตาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าต่อไปจะไปทำร้ายผู้อื่นเช่นไรบ้าง
กงอี่โม่ลอบพยักหน้าอยู่เงียบๆ นางดึงเขาเข้าไปด้านในจากนั้นจึงยื่นของสิ่งหนึ่งให้กับเขา
“นี่คือ?”
กงเจวี๋ยเปิดดู ที่แท้ก็คือเกราะอ่อนไหมสีทองอันหนึ่งเกราะอ่อนนี้ใช้ไหมทองและไหมอวิ๋นูเาหิมะทอขึ้น ดูจากภายนอกทั้งบางและเบาทว่ากลับสามารถป้องกันอาวุธลับทั้งดาบและกระบี่ได้อย่างดีนี่คือของล้ำค่าหายากชิ้นหนึ่ง ปีนี้แคว้นเยว่ส่งเครื่องบรรณาการชิ้นนี้มาฮ่องเต้พระราชทานให้กงอี่โม่ และนางก็นำมามอบให้กับเขา
“ข้าไม่้า” กงเจวี๋ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ทำไมจึงไม่้า?”ั์ตากงอี่โม่เต็มไปด้วยความโกรธ
“สามเดือนก่อนเ้าถูกคนวางยาพิษ สองเดือนก่อนตอนเรียนขี่ม้าเ้าถูกม้าพยศสะบัดร่วง หนึ่งเดือนก่อนในวิชากระบี่เ้าถูกเล่นงานจนกระบี่หักเกือบแทงหน้าอก เ้ายังกล้าพูดว่าไม่้าได้อย่างไร?!”
ยิ่งพูดกงอี่โม่ก็ยิ่งเสียใจ เป็เพราะนางดูแลไม่ดีพอเดิมทีนางคิดเลี้ยงดูเขาให้ดี ทว่าเขากลับถูกคนอื่นลอบเล่นงานต่อหน้าต่อตานาง
สองปีมานี้ กงเจวี๋ยไม่เคยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร เขาหลบอยู่เงียบๆ มาตลอดทว่าใครบางคนกลับรู้สึกขวางหูขวางตาแม้ว่ากงอี่โม่กับเขาต่างพยายามระวังตัวอย่างดีแล้วแต่ก็ไม่อาจป้องกันตัวได้ทุกครั้ง
วังหลังแห่งนี้ใหญ่โตเกินไป ท่ามกลางความคิดบิดเบี้ยวของสตรีสามหมื่นนางการเดินทุกย่างก้าวจึงลำบากยิ่งนัก
ดังนั้นหลังจากปรึกษาหารือพร้อมวางแผนอย่างเป็ขั้นเป็ตอนแล้วจึงมีโอกาสให้กงเจวี๋ยได้ออกจากเมืองหลวงเช่นนี้หากมองจากภายนอกอาจดูเหมือนเป็เื่ง่าย ทว่ากลับต้องวางแผนทุกขั้นตอนอย่างแยบยลจนไม่อาจใช้คำพูดสั้นๆ ร้อยเรียงได้อย่างชัดเจน
กงอี่โม่ยัดเกราะอ่อนไว้ในอ้อมอกของกงเจวี๋ย นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่“เ้าจากไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะได้กลับมา ต้องดูแลตัวเองให้ดีล่ะ”
นางมองหนุ่มน้อยรูปงาม ได้แต่แอบคิดอย่างเศร้าสร้อยกว่าจะเลี้ยงจนกลายเป็หนุ่มน้อยมากความสามารถตามมาตรฐานดีงามเช่นนี้ไม่ง่ายเลยตอนนี้เขาต้องเดินทางขึ้นูเาสูงไปพื้นที่ห่างไกล เมื่อถึงเวลากลับมาคงไม่ได้พาสะใภ้กลับมาด้วยกระมัง?
นางรู้สึกว่าตนเองเหมือนมารดาชราแล้วจริงๆมันเป็ความรู้สึกเหมือนผักกาดขาวในบ้านของตนถูกสุกรฉกไปเลยทีเดียว
“ข้าจะรีบกลับมาโดยเร็ว” กงเจวี๋ยเห็นนางไม่ค่อยสดใสนัก เขาจึงยกมือขึ้นลูบดวงตาของนางั์ตาของเขาสะท้อนความอ่อนโยนจนแทบหลอมละลาย
เพราะมีนางอยู่ที่นี่นั่นเอง
เพียงแต่เมื่อกลับมาอีกครั้ง เขาจะไม่ใช่ฝ่ายที่เสด็จพี่ต้องคอยปกป้องอีกแล้วเขาจะสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ คอยต้านทานอุปสรรคขวากหนามทุกประการอยู่เบื้องหน้าของนาง
ส่วนนางขอแค่มีความสุขตามที่ใจ้าก็พอแล้ว
กงอี่โม่ถูกจ้องมองจนรู้สึกขัดเขินมือที่ััอยู่บนใบหน้าของนางทำให้นางรู้สึกผิดปกติ ทั้งๆ ที่นางเป็ผู้ใหญ่แล้วเพราะเหตุใดเมื่อถูกหนุ่มน้อยคนนี้จ้องมอง นางกลับรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเอ็นดูได้ล่ะ?
นางต้องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
นางปัดมือกงเจวี๋ยออก จากนั้นจึงเก็บข้าวของต่อไปอันที่จริงฮ่องเต้ก็มอบของล้ำค่าให้นางอยู่ไม่น้อยดูเหมือนว่าจะมีมีดสั้นอันคมกริบจนสามารถตัดเหล็กเสมือนตัดดินโคลนนางต้องหามันให้เจอ
เมื่อเห็นร่างของสาวน้อยเบื้องหน้ากำลังค้นหาสิ่งของวุ่นวายชุดอันงดงามของนางสะบัดวนจนมีลักษณะเหมือนดอกไม้กงเจวี๋ยยกยิ้มตรงมุมปากอย่างอ่อนโยนไม่ว่าจะมองนานเพียงไหนก็รู้สึกไม่เพียงพอเสียที
นางมีดวงตาคู่งาม แม้ว่าจะมีสภาพเหมือนคนยังไม่ตื่นอยู่เสมอ ทว่าความเกียจคร้านในดวงตามักทำให้เขารู้สึกหลงใหลนางต้องนอนวันละหกชั่วยามเมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังดูเหมือนคนง่วงเหงาหาวนอนอยู่เป็ประจำ ทว่าในสายตาของเขานั้นนางสดใสร่าเริง มีชีวิตชีวา เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าเพราะเหตุใดใบหน้าของคนคนหนึ่งจึงสามารถแสดงสีหน้าได้มากมายถึงเพียงนี้นางสามารถเปลี่ยนแปลงสีหน้าได้ตลอดเวลาภายในชั่วพริบตา
เขาไม่อยากอยู่ห่างจากนางแม้เพียงชั่วครู่ รอยยิ้มตรงมุมปากของกงเจวี๋ยค่อยๆ จางหาย
หากเป็ไปได้ เขาหวังว่าเขาจะอยู่เคียงข้างนางเช่นนี้ตลอดไปขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มของนาง เขาก็รู้สึกพอใจมากแล้ว ทว่าเขาทราบเป็อย่างดีหากไม่้าให้นางเป็ฝ่ายปกป้องเขาตลอดไป เขาต้องพยายามแย่งชิง พยายามไขว่คว้าต้องใช้ความดีความชอบแลกกับอำนาจ เพื่อให้สามารถยืนเคียงข้างนางอย่างสมภาคภูมิ
สองปีมานี้ เขาศึกษาในทุกๆ วัน ฝึกวรยุทธ์อย่างหนักอีกทั้งยังทำการค้ากับกงอี่โม่ พวกเขามีร้านค้ามากมายในเมืองหลวงทว่าเมื่ออยู่กับคนนอกนั้น เขาต้องพยายามปกปิดตนเองไว้ เขาทำตัวเสมือนเป็อากาศแต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขา้า
เขา้าพลังอำนาจที่เพียงพอมันต้องเพียงพอจนเขาไม่จำเป็ต้องควบคุมความรู้สึกของตนเองอีกต่อไปเขา้ายืนอยู่เบื้องหน้าของนางอย่างสง่าผ่าเผย ให้ในความคิดของนางเขาเปลี่ยนจากเด็กชายกลายเป็บุรุษคนหนึ่ง
เขามีความคิดมากมาย ทว่าเขาไม่กล้าเอ่ยออกมาความคิดบางอย่างมันบิดเบี้ยวจนน่ากลัว จนแม้กระทั่งตัวเขาเองยังใ
เขาต้องอดทน ต้องซ่อนมันไว้อยู่ทุกวัน เพราะเกรงว่าหากเสด็จพี่รู้ความคิดที่แท้จริงของเขาแล้วนางจะรู้สึกหวาดกลัว หรือบางทีอาจผิดหวัง เพราะนางคาดหวังมาตลอดว่าเขาจะเป็คนมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ตรงไปตรงมา แต่ไม่ใช่คนที่มีจิตใจบิดเบี้ยวบ้าคลั่งคนหนึ่งนางไม่ชอบให้เขาฆ่าคน ไม่ชอบให้มือของเขาต้องแปดเปื้อนไปด้วยโลหิต ดังนั้นเขาจึงต้องหาสถานที่สักแห่งเพื่อระบายความรู้สึกเหล่านี้เขาจะใช้การสังหารลบล้างความรู้สึกกดดันที่เขาซ่อนไว้ภายใน
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาจะมีลักษณะเหมือนที่นางปรารถนา
ดังนั้นถึงเขาจะอาลัยอาวรณ์มากเพียงใด เขาก็จำเป็ต้องเดินทางจากไปนี่คือโอกาสที่พวกเขาได้มาอย่างไม่ง่ายเลยจากการวางแผนมันเป็โอกาสอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
กงอี่โม่ไม่เคยรู้ว่าในใจของกงเจวี๋ยมีความคิดซับซ้อนมากเพียงนี้เวลานี้นางกำลังนอนคว่ำก้นงอนหาของบางอย่างอยู่บนเตียง ช่วยไม่ได้จริงๆเพราะนางมีนิสัยชอบเก็บของดีไว้ในซอกระหว่างเตียง
กงเจวี๋ยมองท่าทางของนางอย่างหลงใหล เอวคอดบางและก้นงามงอนของนาง เขาหลับตาลงพยายามกดความคิดที่ไม่เหมาะสมคืนลงไป ทว่าก็ยังไม่อาจควบคุมตนเองเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมจ้องมองไปที่นาง
“หาเจอแล้ว”
กงอี่โม่ชูของสองชิ้นขึ้นมาอย่างดีใจ ชิ้นหนึ่งคือหนังสือเล่มหนึ่งอีกชิ้นคือมีดสั้นเล่มหนึ่ง เมื่อเห็นหนังสืออย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าของกงอี่โม่พลันเปลี่ยนไปทว่าเมื่อคิดได้ว่ากงเจวี๋ยอ่านตัวอักษรบนหน้าปกไม่ออก นางจึงไม่จำเป็ต้องเขินอาย
หลายปีมานี้กงเจวี๋ยทราบดีว่าในมือของเสด็จพี่มีหนังสือมากมายที่เขาอ่านไม่ออกทว่าหนังสือเล่มนี้ดูแปลกเป็พิเศษ หน้าปกเป็ภาพหญิงสาวกับดอกไม้สีสดชื่อหนังสือเป็อักษรสามตัวลายเส้นงดงาม มันเป็หนังสือที่ไม่เหมือนกับเล่มก่อนๆ
“นี่คือ?”
กงเจวี๋ยเอ่ยถามอัตโนมัติ ใบหน้าของกงอี่โม่พลันแดงระเรื่อนางกลบเกลื่อนโดยการยื่นหนังสือให้กงเจวี๋ยดูอย่างสง่าผ่าเผย เพราะเขาอ่านไม่ออกเขาจึงไม่มีทางรู้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็หนังสือวาบหวิวเล่มหนึ่ง
“ก็แค่บันทึกการเดินทางธรรมดาเล่มหนึ่งเท่านั้นเอง”
หากเป็สถานการณ์ปกติ กงเจวี๋ยไม่มีทางเอ่ยถามเื่ที่เป็ความลับของนางทว่าใบหน้าแดงก่ำของนางกับท่าทางโยนหนังสือให้เขามันผิดปกติมากเกินไปกงเจวี๋ยจึงยิ้มน้อยๆ
“จริงหรือ?”
กงอี่โม่พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง มันจริงเสียยิ่งกว่าจริงเสียอีก
ตอนนี้กงเจวี๋ยพลิกหนังสือดู เขาพลันร้อง ''เอ๊ะ'' ขึ้นมาหนึ่งคำ
“ตรงนี้มีภาพประกอบด้วย?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กงอี่โม่จึงรีบแย่งหนังสือกลับคืนมา มีภาพประกอบ? ในหนังสือวาบหวิวจะมีภาพประกอบธรรมดาได้อย่างไรแต่เมื่อนางแย่งมาดู มันกลับเป็เพียงตัวอักษรมากมายเต็มไปหมดเนื้อหาด้านในเขียนบรรยายอย่างละเอียด นางอ่านสองสามบรรทัดอย่างไม่ตั้งใจ เป็เพราะนางอ่านต่อหน้ากงเจวี๋ยใบหน้าของนางจึงร้อนจนแทบไหม้อย่างไม่อาจควบคุม
เ้าตัวร้ายกล้าหลอกนางรึ!