ระยะห่างระหว่างชั้นผู้ฝึกยุทธ์กับชั้นเบิกนภาไม่เหมือนกับความห่างระหว่างระดับผู้ฝึกยุทธ์ที่ห่างกันขั้นสองขั้นพูดตามตรง แตกต่างราวฟ้ากับดิน และฉู่เฟิงก็ไม่ใช่แค่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งแต่เป็พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสาม เป็ถึงศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักใน เป็ผู้ที่ปราบทั่วสำนักในไร้คู่ต่อกร
แม้ว่าฉู่เฟิงจะลงมือแค่ส่งๆ ไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมาแต่ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์คนไหนก็ไม่อาจหลบพ้นได้
แต่เดิม ด้วยความสามารถของเสวียนเทียนก็ไม่อาจหลบพ้นหนึ่งกรงเล็บกับหนึ่งฝ่ามือของฉู่เฟิงได้แต่เมื่อครู่ เขาตกอยู่ในห้วงภาวะจิตแห่งความเร็วของ ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ พอดี เขาตกอยู่ในห้วงจิตใต้สำนึก ความเร็วเพิ่มขึ้นถึงขีดสุดราวกับใช้ ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ ออกมา หลบการโจมตีของฉู่เฟิงไปเอง
ฉู่เฟิงตั้งใจจะสั่งสอนเสวียนเทียนเล็กๆ น้อยๆ ในใจคิดว่าอย่างน้อยก็จะส่งเสวียนเทียนลงไปหมอบอยู่กับพื้นทำให้เขากระอักเื ให้ภาพลักษณ์ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักนอกของเขาแตกยับต่อหน้าศิษย์ชั้นสูงของสำนักนอกมากมายเหล่านี้
ไม่คิดว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเสวียนเทียนกลับรวดเร็วถึงเพียงนี้ทำให้ฉู่เฟิงเล่นงานพลาดเป้า เกรงว่าคงจะทิ้งภาพให้คนอื่นจดจำว่าแอบลอบโจมตีแล้วไม่สำเร็จ
เมื่อได้ยินเสียงอุทานใของบรรดาศิษย์ชั้นสูงสำนักนอกความโกรธในใจของฉู่เฟิงก็ยิ่งเดือดพล่าน รู้สึกว่าคนที่หน้าแตกยับไม่ใช่เสวียนเทียนกลับเป็ตัวเขาเอง
“บังอาจ เ้ากล้าหลบข้า?” ฉู่เฟิงโกรธจัดะโ เงาร่างดุจธนูพุ่งออกจากแล่งทะยานเข้ามาหาเสวียน เทียนเสวียนเทียนได้สติตื่นกลับมาจากภาวะจิตของ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ กำลังบรรลุส่วนสำคัญกลับถูกคนเข้ามาขัดในใจของเสวียนเทียนก็โกรธขึ้นมาเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันให้เสวียนเทียนกระทำการใด ฉู่เฟิงก็ราวกับเหยี่ยวถลาจับกระต่ายใช้ท่าโจมตีรุนแรงเข้าใส่เสวียนเทียน สองฝ่ามือของฉู่เฟิงซัดออกมาไม่ยั้งมือ ฟาดออกมาปรากฏเงาฝ่ามือซ้อนกันเป็ชั้นๆเร็วถึงขีดสุด ฟาดตรงเข้ามาที่หน้าอกของเสวียนเทียน ครั้งนี้ไม่หักซี่โครงของเสวียนเทียนให้ได้สักท่อนเขาไม่ขอเลิกรา
ศิษย์ชั้นสูงในหอวิชายุทธ์วินาทีนี้ล้วนกลั้นลมหายใจพร้อมกันนั้น ในใจก็ได้แต่นิ่ง ไว้อาลัยให้เสวียนเทียนที่ไปยั่วโมโหศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักในอย่างฉู่เฟิงเข้า
ริมฝีปากของไป๋หลิงขยับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ที่สุดก็ไม่ได้เปิดปากฉู่เฟิงในฐานะศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักในย่อมมีศักดิ์ศรีของตัวเอง ตอนนี้ความโกรธเกิดขึ้นมาแล้วหากไม่ให้เขาได้ระบายออกก็ยากที่จะดับลง
ความเร็วของฉู่เฟิงเร็วถึงขีดสุด ท่าฝ่ามือล้อมทั่วร่างของเสวียนเทียนปิดตายทางถอยของเสวียนเทียนเอาไว้
เสวียนเทียนจะหลบก็หลบไม่ได้ ได้แต่ป้องกัน
แม้ว่าเงาฝ่ามือของฉู่เฟิงฟาดมาเป็ชั้นๆ แต่เสวียนเทียนบรรลุวิถีแห่งความเร็วจนถึงระดับชั้นลึกซึ้งที่สุดแล้ววินาทีนั้น ท่ามกลางเงาฝ่ามือลวงตามากมาย เสวียนเทียนมองเห็นทิศทางที่ฝ่ามือแท้จริงของฉู่เฟิงฟาดเข้ามา
ปราณเบิกนภาพลันโคจรเข้าสู่สภาพสูงสุด เสวียนเทียนยกสองฝ่ามือขึ้นป้องกันตรงหน้าอกท่ามกลางเงาฝ่ามือมากมาย สองฝ่ามือรับประสานกับสองฝ่ามือของฉู่เฟิงที่พุ่งเข้ามาป้องกันสองฝ่ามือที่เร็วถึงขีดสุดของฉู่เฟิงไว้ได้
ดวงตาของศิษย์นอกทั้งหมดเบิกกว้าง เสวียนเทียนมองฝ่ามือของฉู่เฟิงออกเื่นี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึง
พวกเขาตื่นตะลึงชั่วครู่ ก่อนจะกลายเป็เสียงอุทานเสียงร้องด้วยความตะลึง
ร่างของเสวียนเทียนกระเด็นถอยหลังออกมา แม้ว่าเสวียนเทียนจะรับฝ่ามือของฉู่เฟิงไว้ได้แต่พลังวัตรเพียงแค่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า อย่างไรก็ไม่อาจต้านทานแรงโจมตีอันแข็งแกร่งของปราณแท้ชั้นเบิกนภาของฉู่เฟิงไว้ได้
สิ่งที่ฉู่เฟิงฝึกฝนคือวิชาปราณชั้นนิล อีกทั้งอย่างน้อยก็ฝึกฝนได้ถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่แล้วความล้ำลึกของปราณแท้ชั้นเบิกนภา เทียบกับพลังภายในของเสวียนเทียนแข็งแกร่งยิ่งกว่าไม่รู้กี่เท่า
ถึงแม้ว่าฉู่เฟิงจะใช้พลังเพียงสองสามส่วน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปริมาณที่เสวียนเทียนจะรับได้ในตอนนี้
วินาทีที่สองฝ่ามือประสานกัน ปราณแท้ชั้นเบิกนภาปริมาณมหาศาลก็สาดเข้ามาพริบตานั้น เส้นปราณในร่างของเสวียนเทียนแทบจะรับไม่ไหว คล้ายจะปริแตกออก ร่างกายราวกับกำลังจะะเิฝืนไม่ได้กระเด็นปลิวไปข้างหลัง
แต่ตอนที่ปราณแท้ชั้นเบิกนภาของฉู่เฟิงทะลักเข้ามาจนถึงหว่างคิ้วของเสวียนเทียนนั่นเองกระบี่หยกขาวเล่มน้อยที่ซ่อนอยู่กลางหว่างคิ้วของเสวียนเทียนก็พลันตื่นขึ้น กระแสปราณสายหนึ่งฉับพลันก็ปรากฏขึ้นมาไหลเวียนไปทั่วแขนขากระดูก จรดเส้นผมและเส้นขนนับไม่ถ้วนบนร่างของเสวียนเทียนในพริบตา
พริบตานั้น ปราณแท้ชั้นเบิกนภาของฉู่เฟิงก็ถูกไล่ออกไปนอกร่าง
เสวียนเทียนรู้สึกราวกับในร่างกายมีกระบี่แหลมคมอยู่เล่มหนึ่งที่พร้อมจะพุ่งออกมานอกร่างทำลายทุกสิ่งที่เป็ปฏิปักษ์กับเขา
ปึง!
ร่างกายของเสวียนเทียนที่ปลิวถอยหลังอยู่กลางอากาศกระแทกเข้ากับชั้นหนังสือแถวหนึ่ง
เสียงดังโครมครามของชั้นหนังสือที่ล้มหงายดังขึ้นคัมภีร์ยุทธ์เป็ร้อยเป็พันเล่มกระจายเกลื่อนอยู่เต็มพื้น ร่างกายของเสวียนเทียนล้มอยู่ในกองซากชั้นหนังสือ
เสวียนเทียนโกรธจัด ลึกลงไปในดวงตาทั้งคู่ของเขาเงากระบี่ขาวดุจหยกปรากฏขึ้นเลือนราง ฝ่ามือฟาดกับพื้นทีหนึ่งคนทั้งร่างก็ดีดผึงขึ้นมาราวกับขดลวดไม่ได้รับาเ็แม้แต่น้อย
ทั้งที่แห่งนั้นตื่นตะลึง!
มองไปที่ชั้นหนังสือที่พังยับนั้น บรรดาศิษย์นอกก็รับรู้ได้ว่าพลังจากสองฝ่ามือของฉู่เฟิงนั้นมหาศาลเพียงไรแต่เสวียนเทียนกลับไม่ได้รับาเ็เลย นับเป็เื่เหนือความคาดคิดของผู้คนอย่างแท้จริง
ใบหน้าของฉู่เฟิงเองก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยในใจคิดว่าร่างกายของเ้าเด็กนี่ทำมาจากเหล็กหรืออย่างไร?
แม้ว่าฉู่เฟิงเพิ่งจะใช้พลังเพียงสองสามส่วน แต่ต่อให้เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาที่เพิ่งขึ้นชั้นเบิกนภามาก็ไม่แน่ว่าจะรับได้
ทว่าเขาลงมือไปครั้งหนึ่งแล้ว ชั้นหนังสือของหอวิชายุทธ์ก็ทำพังไปแล้วนี่เป็เื่ใหญ่ ฉู่เฟิงต่อให้บ้าเืกว่านี้ก็ไม่กล้าลงมือต่อไม่ให้เสียหายหนักกว่านี้
และแม้ว่าจะเล่นงานให้เสวียนเทียนกระอักเืไม่ได้แต่ก็เล่นงานเขาล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับชั้นหนังสือได้ นับว่าทำให้เสวียนเทียนเสียหน้าแล้วความโกรธในใจได้ระบายออกไปบ้างแล้ว
พลังสายหนึ่งโถมทะลักไหลวนอยู่ในร่างของเสวียนเทียนกระบี่วิเศษอันแหลมคมเล่มหนึ่งราวกับจะทะยานออกมานอกร่าง ฟาดฟันฟ้าดินเผยรัศมีคมกริบไม่อาจควบคุม
ดวงตาทั้งสองของเขาเหมือนกับปราณกระบี่ตวัดมองไปที่หน้าของฉู่เฟิงตะคอกว่า “ฉู่เฟิงเป็คนก็อย่าบ้าให้มากนัก”
เสวียนเทียนรู้ความสามารถของเขาตอนนี้ดี เขาด้อยกว่าฉู่เฟิงอยู่มากอีกทั้งในหอวิชายุทธ์ก็ไม่ใช่สถานที่สำหรับต่อตีทะเลาะ แต่พลังที่ส่งประกายคมกริบอยู่ในใจนั้นกลับทำให้เขาไม่อาจควบคุมความโกรธในใจได้
ถึงแม้ว่าเสวียนเทียนจะพยายามควบคุมตัวเอง แต่น้ำเสียงกลับแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
เมื่อได้ยินคำพูดของเสวียนเทียน ศิษย์ทั้งหมดในหอวิชายุทธ์ชั้นหนึ่งล้วนเบิกตากว้างตื่นตะลึงถึงขีดสุด กล้าพูดแบบนี้กับฉู่เฟิงศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักใน? ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่มั้ย?
แน่นอนว่าฉู่เฟิงที่เพิ่งบังคับตัวเองให้กลืนความโกรธลงไปเมื่อครู่พอได้ยินน้ำเสียงของเสวียนเทียน ความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกรอบ
ฉู่เฟิงมองเสวียนเทียน พูดเสียงเย็นว่า “เ้านับเป็สิ่งใดได้? ศิษย์นอกตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับกล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า วันนี้ข้าจะให้เ้าได้รู้ว่าจุดจบของการไม่เคารพศิษย์สำนักในเป็อย่างไร”
พูดจบฉู่เฟิงก็จะลงมือในพริบตา เสวียนเทียนรวบรวมสมาธิเขาััถึงพลังที่กระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วส่งผ่านมาได้เลือนราง พลังสายนี้แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใดราวกับสามารถสะบั้นฟ้าทลายดินได้
ขอเพียงฉู่เฟิงขยับแม้แต่นิด พลังในร่างกายเขาก็พร้อมจะะเิออกมาสังหารฉู่เฟิงถึงตอนนั้นเขาก็ไม่อาจควบคุมได้อีกแล้ว
“ศิษย์พี่ฉู่!”
เวลานี้เอง ไป๋หลิงก็ดึงแขนของฉู่เฟิงไว้ กล่าวว่า“ศิษย์พี่ฉู่เป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักในชื่อะเืสำนัก ใครไม่รู้จัก ใครไม่เคยได้ยินบ้าง? ตัวตนตำแหน่งล้วนเหนือผู้อื่นศิษย์น้องหวงเป็เพียงศิษย์น้องตัวเล็กๆ เท่านั้น เทียบกับศิษย์พี่ฉู่แล้วราวฟ้ากับดินท่านจะไปทำตัวไม่รู้เื่เช่นเดียวกับเขา ไม่ใช่จะเป็การลดตัวให้คนได้หัวเราะเอาหรือ? ศิษย์พี่ฉู่จิตใจกว้างขวาง ให้ศิษย์น้องหวงยอมรับผิดแล้วจบกันเถอะ!”
ผู้าุโผู้พิทักษ์หอวิชายุทธ์เป็ผู้าุโสำนักในที่ตำแหน่งสูงส่งคนหนึ่งฐานะไม่ต่ำไปกว่าบิดาของฉู่เฟิง ฉู่เฟิงก็ไม่อยากสร้างเื่ใหญ่เกินไปในหอวิชายุทธ์ไม่งั้นจะเก็บกวาดไม่ได้ ได้ยินไป๋หลิงพูดขึ้นก็ไม่ได้ลงมือทันที สิ่งที่เขา้าก็แค่ให้เสวียนเทียนก้มหัวเพียงแค่เสวียนเทียนยอมขอโทษสำนึกผิดก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
พูดกับฉู่เฟิงจบ สายตาของไป๋หลิงก็หันมามองเสวียนเทียนกล่าวว่า “ศิษย์น้องหวงตอนนี้แม้ว่าจะเป็ศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักนอก มีพร์ของอัจฉริยะ แต่ก็ยังเทียบกับศิษย์พี่ฉู่ไม่ได้ศิษย์นอกอย่างไรก็เป็ศิษย์นอก ต่อให้เป็ที่หนึ่งก็ยังคงเป็ศิษย์สำนักนอก ต่อหน้าศิษย์สำนักในก็ควรเคารพวันนี้ศิษย์พี่ฉู่นับว่าให้บทเรียนเล็กๆ น้อยๆ แก่เ้า หวังว่าเ้าจะจำไว้ รีบขอโทษยอมรับผิดกับศิษย์พี่ฉู่เื่วันนี้ก็ขอให้จบเท่านี้เถิด”
“ศิษย์พี่ไป๋มองเห็นอดีตมองไม่เห็นอนาคตคาดเดาคนชราได้แต่คาดเดาหนุ่มสาวไม่ได้! อย่าได้ดูถูกคนหนุ่มสาวเพราะคนหนุ่มสาวยังมีอนาคตอันสว่างไสวรออยู่อนาคตนั้นผันเปลี่ยนยากคาดเดา ใครบ้างคาดการณ์ได้ ท่านเอาอะไรมาพูดว่าข้าไม่อาจเทียบกับเขาได้?” สายตาของเสวียนเทียนแหลมคมเหลือประมาณ จับจ้องไปที่ดวงตาทั้งคู่ของไป๋หลิงพูดต่อว่า “วันนี้เป็เขารังแกข้าก่อน ทำไมข้าต้องขอโทษด้วย?”
มองสายตาที่มั่งคงหนักแน่นของเสวียนเทียน ไป๋หลิงก็อับจนคำพูด
“แค่ขยะอย่างเ้ากล้ามาเทียบชั้นกับข้าหรือ?”
ฉู่เฟิงโกรธจัด ตบหน้าอกแล้วพูดขึ้น “ข้าฝึกกระบี่ตอนอายุเก้าปี อายุสิบสามก้าวสู่ชั้นเบิกนภาอายุสิบห้าบรรลุจิตกระบี่ ก้าวเข้าชั้นเบิกนภาขั้นสาม ปราบทั้งสำนักในไร้คู่ต่อกร วันนี้ข้าอายุสิบห้าปีครึ่งพลังวัตรก้าวถึงขีดสูงสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสาม ทะลุชั้นเบิกนภาขั้นสี่ได้ตลอดเวลาแล้วดูเ้าเข้าสำนักมาได้สี่ปี อายุอ่อนกว่าข้าเพียงปีเดียว วันนี้อายุสิบสี่ปีครึ่งเพิ่งพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า เป็แค่ศิษย์สำนักนอก คว้าที่หนึ่งของสำนักนอกมาได้ก็คิดว่าตนเองเป็คนสำคัญจะมาเทียบชั้นกับข้าเ้าก็แค่ขยะ ข้าจะเหยียบขยะอย่างเ้าให้แบนก็ต้องแบน จะบีบให้กลมก็ต้องกลม เ้านับเป็อะไรได้ข้าก็เป็คนหนุ่ม ความสามารถในอนาคตของข้าคงแข็งแกร่งกว่าเ้านับสิบเท่า ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคตไม่ว่าเวลาไหน ต่อหน้าข้า เ้าล้วนเป็เพียงขยะชิ้นหนึ่ง ข้าบี้เ้าให้ตายเหมือนกับมดตัวหนึ่งได้ตลอดเวลาเ้าเชื่อหรือไม่?”
“ฉู่เฟิง เ้ากล้าก็ลองทำดู!” เสวียนเทียนะโเสียงดัง พลังในร่างโหมกระหน่ำ น้ำเสียงของเขาเปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจและเด็ดขาด
สองตาของฉู่เฟิงตวัดฉับ ะโขึ้นว่า “ในเมื่อเ้าหาที่ตาย ต่อให้ข้าต้องโดนเ้าสำนักลงโทษวันนี้ก็จะขยี้เ้าให้ตายเหมือนกับขยะชิ้นหนึ่ง”
ชิ้ง!
เสียงใสกังวานดังขึ้น กระบี่ในมือฉู่เฟิงชักออกจากฝัก
กระบี่เล่มนี้แสงส่องประกาย ไอสีเขียวพลุ่งพล่านเพียงออกจากฝักก็แผ่พลังมหาศาลออกมา ราวกับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาคนหนึ่งมาปรากฏตัว เป็กระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง
“ศิษย์พี่ฉู่ระงับอารมณ์ด้วย!” ไป๋หลิงร้องออกมาอย่างใ
เห็นฉู่เฟิงกล้าคิดจะสังหารเสวียนเทียนกลางหอวิชายุทธ์ศิษย์ชั้นสูงสำนักนอกทุกคนล้วนอุทานตกตะลึง หวาดกลัวขึ้นมา
เสียงอุทานของทุกคนล้วนเปล่าประโยชน์ กระบี่วิเศษในมือของฉู่เฟิงพอลงมือก็กลายเป็แสงกระบี่สายหนึ่งรวดเร็วราวกับดาวตก แทงมาทางเสวียนเทียน ตั้งใจสังหารเสวียนเทียนในครั้งเดียว
เสวียนเทียนไม่อาจกดพลังในร่างกายไว้ได้อีกต่อไปรัศมีกระบี่ในร่างกาย้าจะทะลวงออกมาจากร่างเพื่อสังหารฉู่เฟิง เวลานี้เอง สองนิ้วมือพลันปรากฏขึ้นผู้าุโอายุเกินห้าสิบปีคนหนึ่งเข้ามายืนขวางระหว่างฉู่เฟิงกับเสวียนเทียน สองนิ้วราวกับคีมเหล็กคีบหยุดกระบี่วิเศษที่พุ่งแทงมาของฉู่เฟิงเอาไว้