บรรดาศิษย์ไม่มีใครไม่ตื่นตะลึงฉู่เฟิงพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสาม ทั้งกระบี่ที่แทงออกมาก็เป็กระบี่วิเศษชั้นนิลแต่กลับมีคนใช้นิ้วคีบเอาไว้ได้?
ผู้าุโอายุห้าสิบปีท่านนี้ศิษย์นอกไม่มีสักคนรู้จัก มีเพียงฉู่เฟิงกับไป๋หลิงที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ใเรียกขึ้นว่า “ผู้าุโอู่!”
ผู้าุโอู่ท่านนี้เห็นได้ชัดว่าเป็ผู้าุโของสำนักในศิษย์สำนักนอกถึงไม่เคยเห็นมาก่อน ไป๋หลิงมองผู้าุโอู่ด้วยสีหน้าใส่วนฉู่เฟิงสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ผู้าุโอู่ไม่ใช่ใครอื่น เขาเป็ผู้าุโสูงสุดของผู้พิทักษ์หอวิชายุทธ์มีนามว่าอู่เจิ้นคุน มีพลังวัตรถึงชั้นเบิกนภาขั้นเก้า ความสามารถของเขาในสำนักกระบี่์ นอกจากท่านผู้าุโสูงสุด เขาก็เป็ที่สามเป็รองเพียงแค่เ้าสำนักกับผู้าุโใหญ่เท่านั้น
อู่เจิ้นคุนพลังวัตรพอกันกับบิดาของฉู่เฟิงแต่ความสามารถแข็งแกร่งยิ่งกว่า ตำแหน่งสูงกว่า
ฉู่เฟิงอย่างไรก็เป็เพียงเด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีครึ่งแม้ว่าจะบ้าดีเดือด แต่ก็ยังมีจิตใจแบบเด็กหนุ่ม เขาก่อเื่ในหอวิชายุทธ์ตอนนี้อยู่ต่อหน้าอู่เจิ้นคุนในใจไม่หวาดกลัวได้หรือ?
“เ้าเด็กตระกูลฉู่ได้ความกล้ามาจากใครกัน? กล้าลงมือรังแกผู้น้อยในหอวิชายุทธ์?” อู่เจิ้นคุนสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง สองนิ้วคีบกระบี่ของฉู่เฟิงไว้แน่นราวกับงอกรากแค่กำลังของฉู่เฟิง ออกแรงมากเท่าไรก็ดึงกระบี่ออกมาไม่ได้
ถึงแม้ว่าฉู่เฟิงจะเป็อัจฉริยะที่ร้อยปีจะหาได้สักคนของสำนักกระบี่์ความสำเร็จในวันหน้าอาจก้าวเกินแม้กระทั่งผู้าุโสำนักในทุกคนก้าวขึ้นสู่ชั้นปฐี แต่ต่อหน้าอู่เจิ้นคุนไม่กล้าโมโหแม้แต่นิด ความสำเร็จในอนาคตจะยิ่งใหญ่เพียงไรก็เป็เพียงอนาคตจะรอให้พลังวัตรของฉู่เฟิงก้าวเกินหน้าอู่เจิ้นคุนไม่รู้ว่าต้องกี่ปีหลังจากนี้ตอนนั้นอู่เจิ้นคุนก็คงแก่ตายไปนานแล้ว ใน่ที่อู่เจิ้นคุนมีชีวิตอยู่เขาข่มฉู่เฟิงได้แน่นอน ดังนั้นฉู่เฟิงไม่กล้าทำตามอำเภอใจต่อหน้าอู่เจิ้นคุน
ฉู่เฟิงไม่ได้มั่นใจเหมือนเสวียนเทียนเสวียนเทียนยิ่งพลังวัตรสูงขึ้น ก็ยิ่งรับรู้ได้ว่ากระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วตนแข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่นการจะก้าวข้ามฉู่เฟิงเป็เื่แน่นอน ทั้งยังไม่ต้องใช้เวลานานนักด้วย
ศัตรูที่แท้จริงของเสวียนเทียนคือเสวียนจีผู้เข็งแกร่งสุดยอดของชั้นนภา ฉู่เฟิงสำหรับเสวียนเทียนแล้วเป็แค่ศัตรูตัวเล็กๆ บนเส้นทางวิถียุทธ์เท่านั้น
ฉู่เฟิงดึงกระบี่กลับมาไม่ได้ก็เลยปล่อยกระบี่เสีย น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ผู้าุโอู่ศิษย์น้องหวงเทียนไม่เคารพ ศิษย์เพียงแต่โกรธไปชั่ววูบ ถูกความโกรธครอบงำสติขอผู้าุโโปรดสอบสวนให้ชัดด้วย”
ถ้าหากฉู่เฟิงยกบิดาของตัวเองขึ้นมากลับกันจะยิ่งทำให้อู่เจิ้นคุนรู้สึกว่าฉู่เฟิงเอาบิดามาข่มตนจะทำให้อู่เจิ้นคุนไม่มีทางลง ถ้าไม่ลงโทษฉู่เฟิงในใจจะรู้สึกว่าตนเองสู้บิดาของฉู่เฟิงไม่ได้
ดังนั้นฉู่เฟิงจึงปิดปากสนิทไม่พูดถึงยอมรับผิดต่อหน้า ด้วยฐานะของฉู่เฟิง อู่เจิ้นคุนไม่อาจลงโทษเขาหนักเกินไปนักได้
อย่างไรก็ตาม ยี่สิบสามสิบปีให้หลังถึงแม้อู่เจิ้นคุนจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีลูกหลานรุ่นหลังอยู่ในสำนักกระบี่์
ตอนนั้นฉู่เฟิงก็เติบโตเป็ผู้ใหญ่แล้วหรืออาจถึงขั้นเป็บุคคลที่เทียบเทียมกับผู้าุโสูงสุดไปแล้วถ้าหากอู่เจิ้นคุนลงโทษหนักหนาเกินไป ทำให้ในใจฉู่เฟิงเกิดความแค้นย่อมไม่เป็ผลดีกับลูกหลานรุ่นหลังของอู่เจิ้นคุน
อู่เจิ้นคุนงอนิ้วแล้วดีดออกกระบี่ในมือพุ่งกลับไปปักอยู่ตรงหน้าฉู่เฟิง กล่าวขึ้นว่า “เ้าไม่เห็นกฎสำนักในสายตาสร้างความเสียหายแก่หอวิชายุทธ์ นี่นับเป็โทษหนักเห็นแก่เ้าเป็เสาหลักในอนาคตของสำนัก ทั้งยังสำนึกผิดปรับปรุงได้ทำโทษเ้าเก็บตัวฝึกสมาธิสำนึกผิดสามเดือน ศึกษาวิถียุทธ์”
เก็บตัวฝึกสมาธิสำนึกผิดสามเดือน ศึกษาวิถียุทธ์เท่ากับให้เขาเก็บตัวฝึกวิชาสามเดือน ถึงจะเป็การลงโทษ แต่ไม่มีผลร้ายใดๆ กับฉู่เฟิงด้วยฐานะของเขา ต่อให้อยู่ใน่ถูกทำโทษ ข้าวของที่ต้องใช้ในการฝึกฝนก็ไม่ขาดแคลน
ฉู่เฟิงประสานมือเป็กำหมัดกล่าวตอบ “ขอบคุณผู้าุโอู่” พร้อมกันนั้นในใจก็คิดว่า นับว่าเ้ายังรู้จักสถานการณ์ถ้าเ้ากล้าทำร้ายข้า วันนี้เ้าทำร้ายข้าหนักหนาเท่าไรวันหลังข้าย่อมเอาคืนที่ลูกหลานเ้าสิบเท่า
อู่เจิ้นคุนโบกมือ กล่าวขึ้นว่า “เ้าไปรับโทษกับตำหนักลงทัณฑ์เองแล้วกัน!”
“ศิษย์ขอลา!” ฉู่เฟิงเตรียมตัวจะเดินจากไป
“ศิษย์ก็ขอลา!” ไป๋หลิงก็บอกลากับอู่เจิ้นคุนเช่นกัน
“ศิษย์พี่ฉู่!” ตอนนี้เอง เสียงของเสวียนเทียนก็ดังขึ้น
คนทุกคนคิดว่าเื่นี้จบลงแล้วแต่ไม่รู้ว่าเสวียนเทียนยัง้าอะไรอีก บรรดาศิษย์ในดวงตาฉายแววประหลาดใจหันขวับพร้อมเพรียงมองมาที่หน้าของเสวียนเทียน
ฉู่เฟิงกับไป๋หลิงกำลังจะออกไปพอเสียงของเสวียนเทียนดังขึ้น เท้าของทั้งสองก็หยุดลง ฉู่เฟิงหมุนตัวกลับมาสายตามองเสวียนเทียนยังคงมีท่าทีแข็งกร้าว “มีเื่อะไร?”
อู่เจิ้นคุนปรากฎตัวออกมาขวางฉู่เฟิงไฟโกรธในใจเสวียนเทียนก็ค่อยๆ สลายไป แต่พลังยังคงเปล่งรัศมีคมกริบเหมือนเดิมกล่าวขึ้นมามั่นใจเต็มเปี่ยมว่า
“ท่านคิดเอาเองว่าอายุสิบสามปีขึ้นชั้นเบิกนภาอายุสิบห้าบรรลุจิตกระบี่ เป็อัจฉริยะเพียงคนเดียวของสำนัก แล้วไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาจองหองวางท่าใหญ่โต แต่ไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือยอดคนมียอดคนวันนี้ข้าขอประกาศต่อหน้าทุกคนในที่นี้ อย่างมากภายในเวลาหนึ่งปีข้าจะก้าวข้ามเ้า เหยียบเ้าไว้ใต้เท้าให้เ้าได้รู้ว่าอะไรเรียกว่ามาทีหลังดังกว่า!”
เวลาหนึ่งปี ก้าวข้ามฉู่เฟิง?
บรรดาศิษย์นอกล้วนอึ้งค้างเสวียนเทียนตอนนี้เป็ศิษย์สำนักนอก เพิ่งพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าส่วนฉู่เฟิงเป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักในมาตั้งนานแล้วมีพลังวัตรถึงขีดสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสามเลื่อนขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสี่ได้ตลอดเวลา หลังจากหนึ่งปีถ้าหากมีโชคได้พบของดีอาจจะเลื่อนชั้นถึงชั้นเบิกนภาขั้นห้า
ช่องว่างระหว่างคนทั้งสองกล่าวได้ว่าห่างราวฟ้ากับดินพลังวัตรชั้นเบิกนภาจะเลื่อนชั้นยากกว่าการเลื่อนชั้นพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งกว่าสิบเท่าคำพูดนี้ของเสวียนเทียนทำให้คนตะลึงงันอย่างแท้จริง
แม้กระทั่งอู่เจิ้นคุนยังมองเสวียนเทียนด้วยสายตาประหลาดใจไม่รู้ว่าเสวียนเทียนไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
ฉู่เฟิงกัดฟันคำพูดของเสวียนเทียนเป็การดูถูกเขาคนนี้ที่เป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักในชัดๆแต่อู่เจิ้นคุนอยู่ข้างๆ เขาไม่สะดวกลงมือ จึงได้แต่แค่นหัวเราะ “เ้าขยะ ข้าจะรอดู”
พูดจบฉู่เฟิงก็ไม่หยุดรออีก เดินไม่สนใครออกไป
อู่เจิ้นคุนเป็ผู้าุโสูงสุดของหอวิชายุทธ์ ตำแหน่งสูงมากอำนาจเสวียนเทียนไม่รู้จัก ไม่เคยข้องเกี่ยวแม้แต่น้อย อู่เจิ้นคุนกลับออกมาช่วยเขาทำให้เสวียนเทียนประหลาดใจมาก
เสวียนเทียนกำลังจะหันไปขอบคุณอู่เจิ้นคุนกลับเห็นเพียงเงาร่างเบื้องหน้าโฉบหายไปอู่เจิ้นคุนพริบตาก็ขึ้นมาบนชั้นสองของหอวิชายุทธ์ หายตัวไป ไม่ทิ้งคำพูดไว้สักคำ
คัมภีร์ยุทธ์เกลื่อนเต็มพื้นแต่ชั้นหนังสือพังไปแล้ว ไม่อาจเก็บขึ้นไปได้เสวียนเทียนออกจากหอวิชายุทธ์เดินไปหาผู้าุโสำนักนอกที่รักษาการณ์อยู่หน้าหอ แจ้งเื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ผู้าุโสำนักนอกรับฟังแล้วก็บอกให้เขากลับไปก่อนคัมภีร์ยุทธ์ในหอจะมีผู้มาจัดการเอง
เกิดเื่ราวเช่นนี้เสวียนเทียนหมดอารมณ์เข้าไปอ่าน ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ อีกครั้งจึงออกมาจากหอวิชายุทธ์ เดินไปทางตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าใกล้ๆ กับสำนักกระบี่์
หอวิชายุทธ์ชั้นสองมีห้องส่วนตัวอยู่ห้องหนึ่งหลิงซิงเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกำแพง ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นอู่เจิ้นคุนเดินเข้ามา
หลิงซิงเยว่ยืนขึ้นทันที ถามขึ้น “อาจารย์ลุงอู่สถานการณ์เป็อย่างไรบ้าง?”
สายตาของอู่เจิ้นคุนยังคงมีแววประหลาดใจ เล่าว่า “เขารับหนึ่งฝ่ามือของฉู่เฟิงแต่กลับไม่ได้รับาเ็ ช่างทำให้คนคิดไม่ถึงทั้งยังกล้าประกาศว่าในหนึ่งปีจะตามทันฉู่เฟิง พูดได้เต็มปากเต็มคำข้าเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหน? ท่านอาจารย์คาดหวังกับเด็กคนนี้คงจะมีสิ่งใดไม่ธรรมดา เหนือกว่าผู้อื่น”
“ในหนึ่งปีจะไล่ตามฉู่เฟิงทัน?” หลิงซิงเยว่อดไม่ได้ใ “อาจารย์ลุงอู่คิดว่าเป็ไปได้ไหม?”
อู่เจิ้นคุนส่ายศีรษะ กล่าวว่า “ยากเกินไป เป็ไปไม่ได้!”
.......
ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าใกล้กับสำนักกระบี่์มีขนาดหลายพันลี้เป็ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าที่ใหญ่ที่สุด
เริ่มแรกสุดเปิดขึ้นเพื่อเป็ที่แลกเปลี่ยนสิ่งของมีค่านอกภารกิจสำนักที่ศิษย์สำนักกระบี่์ได้มาตอนไปเก็บประสบการณ์
เพราะว่ามีสำนักกระบี่์คุ้มครองการซื้อขายแลกเปลี่ยนของที่นี่จึงรับประกันความปลอดภัย นานไปจอมยุทธ์พเนจรบางพวกหรือศิษย์สำนักอื่นในแถบใกล้เคียงก็มาแลกเปลี่ยนของกันที่นี่ด้วยจนตลาดค่อยๆ เติบโตใหญ่ขึ้น กลายเป็ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าที่ใหญ่ที่สุด กว้างถึงหลายพันลี้
โดยทั่วไปแล้วของที่จะมาโผล่ในตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าแห่งนี้ได้ล้วนแต่เป็ของที่ราคาไม่ธรรมดาอย่างน้อยก็ราคาแสนกว่าตำลึง อย่างมากก็อาจถึงหลายแสนตำลึง หรืออาจถึงล้านตำลึง
ศิษย์นอกชั้นผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปแล้วไม่มีสิ่งใดมีค่าพอจะนำมาแลกเปลี่ยนที่นี่แล้วก็ยากจะซื้อของสิ่งใดจากตลาดนี้ได้ดังนั้นลูกค้าของการซื้อขายในตลาดแห่งนี้โดยทั่วไปจะเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภา
ก่อนกลับอำเภอเป่ยโม่เสวียนเทียนคิดจะซื้อโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็กลับไปที่ตระกูลให้บิดารักษาอาการาเ็เสีย
เสวียนหงบิดาของเขาแต่เดิมเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาผู้แข็งแกร่งแต่ด้วยเส้นปราณขาดเสียหายแทบกลายเป็คนพิการ ขนาดปราณกระบี่ก็ยังปล่อยออกมาไม่ได้ความสามารถเทียบเท่าได้เพียงผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกเท่านั้น
โอสถทิพย์รักษาอาการาเ็โอกาสที่คนจะใช้มีน้อย จะใช้ครั้งหนึ่งก็ต่อเมื่อเป็เวลาวิกฤติถึงชีวิต
เทียบกับชีวิตแล้ว ไม่มีใครงกเงินดังนั้นราคาโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็โดยทั่วไปจึงสูงจนไร้เหตุผล
ในตลาด ทุกที่มีแต่ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาศิษย์นอกชั้นผู้ฝึกยุทธ์อย่างเสวียนเทียนสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด ฐานะศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักนอกของเสวียนเทียนในสายตาของศิษย์สำนักในไม่นับเป็อะไรได้ ไม่มีใครเห็นหัวเขาส่วนศิษย์จากสำนักอื่นรวมไปถึงจอมยุทธ์พเนจรเ่าั้ยิ่งไม่เห็นหัวเขา
ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งแต่เดิมก็ไม่มีความสามารถที่จะซื้อหรือแลกเปลี่ยนอะไรใหญ่ๆ ได้ยอดฝีมือชั้นเบิกนภามองเสวียนเทียนก็ทำเป็เหมือนมองไม่เห็น
เสวียนเทียนเดินอยู่ในตลาดหาโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ไปทีละร้าน ทีละร้านก็พบว่าโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็เหล่านี้ไม่เพียงราคาแพง ทั้งยังมีจำนวนน้อยนิดแต่ละร้านมีวัตถุดิบแปลกประหลาดหายากไม่น้อย แต่กลับไม่มีโอสถทิพย์เลย
หลังเดินลึกเข้ามาในตลาดทันใดนั้นเสวียนเทียนก็หยุดลงหน้าร้านแห่งหนึ่ง
ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงกลางตลาดพอดี วางกล่องสีฟ้าไว้กล่องหนึ่งด้านข้างมีป้ายเขียนไว้หนึ่งแผ่น เขียนว่า ‘ยาประสานไขัโอสถทิพย์รักษาอาการาเ็ชั้นนิล รักษาอาการเส้นปราณขาดสะบั้นโดยเฉพาะราคาสองล้านตำลึง’
แต่ว่าความสนใจของเสวียนเทียนไม่ได้ถูกยาประสานไขัดึงดูดไว้ข้างซ้ายของยาประสานไขั วางลายแทงขาดๆ ไว้แผ่นหนึ่งตอนที่สายตาของเสวียนเทียนกวาดผ่านลายแทงแผ่นนั้น กระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วฉับพลันก็สั่นขึ้นมาเบาๆราวกับว่ารู้สึกตื่นเต้นอย่างไรอย่างนั้น
“ลายแทงแผ่นนี้ ต้องมีที่มาแน่” เสวียนเทียนคิดในใจ
พิจารณาลายแทงแผ่นนั้นผ่านๆ ทีหนึ่งด้านข้างก็มีป้ายแนะนำอยู่แผ่นหนึ่ง เขียนว่า ‘ลายแทงขุมทรัพย์ปริศนา แผนที่ไม่สมบูรณ์ตำแหน่งขุมทรัพย์ไม่แน่ชัด ราคาสามแสนตำลึง’
เมื่อมองตัวอักษรบนแผ่นป้ายดูท่าคงอยู่มาเป็เวลานานแล้ว ลายแทงแผนที่ไม่สมบูรณ์ ตำแหน่งขุมทรัพย์ไม่ชัดกลับขายถึงสามแสนตำลึง นี่มันหลอกฟันเงินชัดๆ ไม่แปลกที่ผ่านมานานขนาดนี้dHยังขายไม่ออก
เ้าของร้านเป็ศิษย์สำนักในของสำนักกระบี่์บนอกเสื้อมีตรารูปกระบี่ของสำนักกระบี่์อยู่เมื่อเห็นเสวียนเทียนเป็ศิษย์สำนักกระบี่์ก็ถามขึ้น “ศิษย์น้องผู้นี้เ้า้าจะซื้ออะไรsinv”
น้ำเสียงเฉยชาอย่างยิ่ง ราวกับจะบอกว่าเ้าซื้อไหวหรือ?
เสวียนเทียนตอบว่า “ไม่ซื้อ ข้ามาแลก”
ศิษย์สำนักในอายุราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีคนนั้นถามขึ้น “เ้ามีของแลกได้หรือ?”
“ยาควบปราณแท้ชั้นสูง!” เสวียนเทียนบอกออกมาสั้นๆ
“อะไรนะ? ยาควบปราณแท้ชั้นสูง?” ศิษย์สำนักในคนนั้นส่งเสียงใออกมาท่าทีพลันกลับตาลปัตรร้อยแปดสิบองศา เปลี่ยนมาพูดว่า “เ้าก็คือหวงเทียนม้ามืดแห่งการแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกปีนี้คนนั้น?”