รถม้าแน่นเอี๊ยดเดินทางออกจากจวนอวี้ โลดแล่นบนถนนใหญ่ ก่อนจะตรงมาที่บ้านสกุลหลินซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง
แม้หลินมู่จือจะเป็เ้าตระกูลทว่าสกุลหลินยังมีผู้นำคนอื่นที่ยิ่งใหญ่เหลืออยู่
เื่ที่เกี่ยวข้องกับเกียรติยศของวงศ์ตระกูลปกติแล้วจะมีผู้าุโทั้งสามเป็คนตัดสินใจ
โชคดีที่หลินมู่จือเป็คนอบอุ่นและจิตใจกว้างขวางมารดาของหลินเมิ้งหยาเองก็อ่อนโยนและจิตใจโอบอ้อมอารี
ดังนั้นผู้าุโทั้งสามล้วนดูแลหลินเมิ้งหยาเป็อย่างดี
แน่นอนว่านั่นคือเื่ราวก่อนที่ซ่างกวนชิงจะแต่งงานเข้ามา
ในห้องโถงของเหล่าบรรพบุรุษผู้าุโนั่งรวมตัวกัน
นั่งอยู่้าคือเหล่าผู้าุโที่มีอายุยืนยาว อยู่มานานกว่าสามรุ่น
ปกติผู้าุโสกุลหลินมักจะอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเองทว่าวันนี้พวกเขากลับมารวมตัวกัน
นั่นก็เพราะหลินเมิ้งหยาที่เคยเป็คนสติฟั่นเฟือน ตอนนี้กลายเป็ชายาอวี้ไปแล้ว
“มาแล้วมาแล้ว ผู้าุโทั้งสาม ชายาอวี้เสด็จแล้ว”
ทันทีที่รถม้าของหลินเมิ้งหยาปรากฏขึ้นบนถนนฝั่งตะวันตกเสี่ยวซีก็รีบร้อนร้องประกาศ
“ตื่นเต้นจนกลายเป็อะไรไปแล้วก็ไม่รู้อย่าทำให้พวกข้าขายหน้า ตามมา พวกเราไปรับพระชายากัน”
หากมองในแง่ของความาุโหลินเมิ้งหยาควรเรียกพวกเขาทั้งสามว่าท่านปู่
แต่เพราะตอนที่ยังทำงานในวังหลวงพวกเขาเป็เพียงขุนนางระดับสี่ ดังนั้นสถานะของพวกเขาจึงด้อยกว่าหลินเมิ้งหยามาก
ทุกคนยืนอยู่ด้านหลังผู้าุโทั้งสามเพื่อรอต้อนรับหลินเมิ้งหยา
“ข้าน้อยหลินเล่ยขอต้อนรับพระชายา”
ผู้าุโหลินเล่ยเคยเป็ทหารในกองทัพอีกทั้งยังเป็คนซื่อตรงและเป็ลุงแท้ ๆ ของหลินมู่จือ
กอปรกับอายุที่มากกว่าผู้อื่นและสถานะที่สูงที่สุดดังนั้นเขาจึงเป็ตัวแทนของบ้านสกุลหลินในการต้อนรับหลินเมิ้งหยา
“ทุกท่านได้โปรดลุกขึ้นเถิดล้วนเป็ญาติมิตรกันทั้งนั้น ไม่จำเป็ต้องมากพิธี”
เสียงหวานเสมือนคนไร้เรี่ยวแรงดังขึ้นจากภายในรถม้าก่อนที่แขนสีขาวราวหิมะจะแหวกผ้าสีฟ้าเข้มออก
ต่อมาสาวใช้หน้าตางดงามสี่คนเดินลงจากรถม้าแล้วยืนเรียงเป็สองแถว
“ไม่ได้เจอกันหลายปีมิรู้ว่าผู้าุโทั้งสามยังสบายดีหรือไม่? ”
ภายในรถม้าไม่นานหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่งเดินลงมา
ใบหน้าเรียวเล็กโดดเด่นงดงาม แม้สีหน้าจะขาวซีด แต่มิได้ทำให้ความสง่างามลดลงไปเลย
สาวใช้พยุงร่างหลินเมิ้งหยาลงจากรถม้า
“ทุกคนสบายดีพ่ะย่ะค่ะทำให้พระชายาต้องเป็กังวลแล้ว เชิญด้านในเถิด”
หลินเล่ยเอ่ยด้วยความเกรงใจก่อนจะพาพวกหลินเมิ้งหยาเข้าไป ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมที่นี่นัก
แต่มักมีคนมาทำความสะอาด ดังนั้นแม้บ้านหลังนี้จะเก่า แต่ยังคงสมบูรณ์ดี
พวกเขาเดินผ่านสวนดอกไม้เข้ามาจนกระทั่งมาถึงห้องโถงบรรพชน
ขณะนี้ไร้ซึ่งคนนอกหลินเมิ้งหยาจึงโค้งคำนับผู้าุโทั้งสามตามกฎระเบียบ
“หลานหลินเมิ้งหยาขอคำนับบรรพบุรุษและผู้าุโทั้งสาม”
หลินเมิ้งหยาก้มตัวลงความพึงพอใจถูกวาดลงบนดวงตาของผู้าุโทั้งสาม
มิใช่วัวลืมตีน แม้นางจะเป็ถึงพระชายาแต่ยังคงเคารพกฎระเบียบของสกุลหลิน
ดูเหมือนลูกสาวของมู่จือจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี
ตอนที่ยังอยู่บนรถม้า สาวใช้ทั้งสี่ช่วยกันหวีผมให้หลินเมิ้งหยา
ชิงหูทนไม่ได้ที่ต้องเห็นร่างกายอ่อนแอของหลินเมิ้งหยาดังนั้นเขาจึงหาโสมมาให้นางกิน
เมื่อกินโสมลงท้องแขนและขาของหลินเมิ้งหยาก็ไม่สั่นเทิ้มอีกต่อไป
“ผู้าุโทั้งสามได้โปรดอภัยหลังจากเมิ้งหยาออกเรือน เมิ้งหยาควรมาไหว้บรรพบุรุษแต่เพราะงานในจวนมีค่อนข้างมาก หย๋าเอ๋อร์เพิ่งเคยจัดการงานเ่าั้เป็ครั้งแรกดังนั้นจึงยังขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง ผู้าุโได้โปรดอภัยให้เมิ้งหยาด้วย”
หลินเมิ้งหยาคุกเข่าอยู่บนพื้นท่าทางเช่นนี้ประหยัดแรงได้มากกว่าการยืน
แต่ในสายตาของผู้าุโทั้งสาม พวกเขารู้สึกว่านางเคารพนับถือพวกเขาอย่างแท้จริง
“เ้าเด็กคนนี้นี่ พวกเราอายุมากขนาดนี้แล้วแท้ ๆจะไม่รู้เื่พวกนั้นได้อย่างไร ลุกขึ้นเถิด พื้นมันเย็น”
หลินเล่ยนั่งตรงกลางขณะเดียวกันเขารู้สึกพึงพอใจเป็อย่างมาก
ทว่า หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า สีหน้ามุ่งมั่น
“ที่มาในครั้งนี้ก็เพราะมีเื่้าขอร้องผู้าุโทั้งสาม”
ผู้าุโทั้งสามสบตากันหลินเมิ้งหยาเป็ถึงพระชายาหรือนางมีเื่ที่้าให้พวกเขาออกหน้าให้อย่างนั้นหรือ?
“ลองพูดมาก่อนเถิด แม้อำนาจของพวกเราจะมีขีดจำกัดแต่ถ้าหากช่วยได้ พวกเราจะช่วย”
ผู้าุโรีบตอบตกลงหลินเมิ้งหยาไม่รู้สึกประหลาดใจเลย
“ข้าอยากนำป้ายสถิติญญาของพี่เยว่ถิงมาไว้ที่สุสานบรรพชนของสกุลหลินโดยให้นางได้เข้ามาในฐานะลูกสะใภ้และฝังร่างของนางไว้ในสุสานสกุลหลิน”
“อะไรนะ? ”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาเปรียบเสมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ
ทุกคนในเมืองหลวงรู้เื่การตายของเยว่ถิง
มีคนบอกว่านางตายทั้งที่ยังเป็สาวพรหมจรรย์
บางคนบอกว่าเพราะเื่น่ารังเกียจในสิ่งที่นางได้กระทำดังนั้นสกุลเยว่จึงทอดทิ้งนาง
สรุปแล้ว มีทั้งคำพูดที่ดีและไม่ดี
ส่วนสกุลหลินที่ได้ทำการหมั้นหมายกับสกุลเยว่เอาไว้ต้องแบกรับผลกระทบจากข่าวลือเหล่านี้
สีหน้าของผู้าุโทั้งสามเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง
หลินเมิ้งหยาเป็พระชายาแต่คำขอเช่นนี้ก็ยากที่จะอนุญาต
หลินเล่ยเงียบไปก่อนจะส่งเสียงตัดทอนกำลังใจไม่ให้พูดต่อ
“ไร้สาระ! ร่างกายของเยว่ถิงมีมลทินอีกทั้งยังถูกคนทั้งเมืองประณามหรือเ้าเองก็อยากให้สกุลหลินของพวกเราต้องแปดเปื้อนไปด้วย? เมิ้งหยาพวกเราไม่คิดเอาเื่เ้าเพราะเห็นว่าเ้าเป็ลูกสาวของมู่จือแต่อย่าได้เอ่ยเื่นี้ออกมาอีก”
เสียงเคร่งขรึม เขาเป็ตัวแทนในการแสดงเจตนารมณ์ของสกุลหลิน
หลินเมิ้งหยาเดาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงโขกหน้าผากกับพื้น
“ข้ารู้ว่าผู้าุโหมายความว่าอย่างไรข้ารู้ดีที่สุดว่าการขอร้องเช่นนี้เป็สิ่งที่มากเกินไป แต่ว่า...ท่านปู่นับั้แ่วันที่พี่เยว่ถิงและพี่ชายหมั้นหมายกันนั่นก็เท่ากับว่าทั้งสองตระกูลได้รวมเป็หนึ่งเดียวกันแล้วมิใช่หรือ? ”
ตอนนั้นความรู้สึกที่พี่ชายมีต่อพี่เยว่ถิงเป็เพียงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง
แต่เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองตระกูลพวกเขาเพิกเฉยต่อการต่อต้านของพี่ชายและทำการหมั้นหมายจนสำเร็จ
แม้ว่าต่อมาความอ่อนโยนของพี่เยว่ถิงจะเอาชนะใจของพี่ชายได้ก็ตาม
ตอนนั้นก็เหมือนกัน เพื่อผลประโยชน์แล้ว พวกผู้าุโบีบบังคับให้ท่านพ่อแต่งงานกับซ่างกวนชิง
สิ่งนี้ได้กลายเป็หนามยอกอกของพวกเขาเหล่านี้
“ตอนนั้นก็คือตอนนั้น ตอนนี้ก็คือตอนนี้หากมิได้เกิดเื่น่ารังเกียจกับเยว่ถิง พวกเราอาจจะพิจารณายินยอมให้ก็ได้แต่ตอนนี้...ไม่มีทาง”
คำพูดของหลินเล่ยได้รับความเห็นชอบจากคนที่เหลือ
ทว่า ในตอนนั้นเองหลินเมิ้งหยามิได้แสดงท่าทางนอบน้อมอีกต่อไปสาวใช้เข้ามาพยุงร่างของนางให้ลุกขึ้น
“สกุลหลิน? ฮึ น่าขันนัก”
หญิงสาวที่เคยมีท่าทางนอบน้อมถ่อมตนเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็หลังมือเสียงเย็นะเืเจือไว้ซึ่งความเย่อหยิ่ง
“ตอนนั้นพวกท่านบังคับให้ท่านพ่อของข้าแต่งงานกับซ่างกวนชิงโดยไม่สนใจใยดีหลานสาวผู้น่าสงสารอย่างข้าที่ถูกซ่างกวนชิงทรมาน ผู้าุโท่านยังจำคำขอร้องที่ท่านแม่ของข้าร้องขอต่อพวกท่านในวันที่นางตายได้หรือไม่? ”
เพียงได้ยินหลินเมิ้งหยาเอ่ยถึงมารดาผู้ให้กำเนิดสีหน้าของผู้าุโก็เปลี่ยนไป
ผู้าุโคนที่สอง หลินฉงโบกมือไล่
“เอาล่ะ พวกเ้าออกไปก่อน”
เหล่าผู้คนที่พยายามเงี่ยหูฟังความลับของต้นตระกูลทั้งหลายจำใจเดินออกไป
“คำขอร้องของแม่เ้า พวกเรายังจำได้ขึ้นใจเพียงแค่...เื่นี้กับเื่นั้นมันคนละเื่กัน มิอาจเอามาปะปนกันได้ไม่”
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แค่นยิ้มเ็าสายตาจ้องมองพวกเขาเ่าั้
"หลังจากที่แม่ข้าตายข้าพบสมุดบัญชีเล่มหนึ่งในห้องของท่านแม่ ตอนนั้นข้ายังเด็ก ไม่รู้ว่าตัวเลขเ่าั้คืออะไรน่าเสียดาย ข้ายังคงจดจำมันได้พอโตขึ้นมาจึงได้รู้ว่าสมุดเล่มนั้นเขียนอะไรเอาไว้”
เพียงได้ยินคำว่าสมุดบัญชีผู้าุโทั้งสามก็เริ่มตื่นตระหนก
แม่ของหลินเมิ้งหยาเป็คนฉลาดเฉลียว
แน่นอนว่านางเป็คนควบคุมดูแลบ้านสกุลหลิน
แม้แต่ทรัพย์สินของพวกเขาทั้งสามก็เป็ทรัพย์สินส่วนรวมแม่ของหลินเมิ้งหยารู้ดีที่สุด
“ที่ร้านผ้าไหมถนนตะวันตกวันที่ยี่สิบแปดเดือนธันวาคมเงินในสมุดบัญชีส่วนรวมถูกเบิกไปสามร้อยยี่สิบตำลึงเพื่อซ่อมแซมบ้าน ที่ยุ้งข้าวถนนต้าเหลียงวันที่สามสิบเดือนพฤษภาคมมีการขอเบิกเงินสนับสนุนผู้ประสบภัยจำนวนห้าร้อยยี่สิบ...”
“หยุด ทั้งหมดล้วนเป็ข้อมูลเก่าแม้จะเปิดออกมาดูก็มิอาจหาหลักฐานได้”
หลินฉงรีบร้องห้าม สีหน้าเ็า
“ถูกต้องพวกเราไม่อาจหาหลักฐานจากข้อมูลในสมุดบัญชีเก่าได้อีกทั้งคงมิเคยมีใครไม่เคยทำความผิด แต่ว่า...ชีวิตคนเราไม่แน่นอนใครจะรับประกันได้ว่าความลับจะไม่รั่วไหลข้าคิดว่าคงไม่มีใครอยากให้เื่นี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่?”
คำขู่ของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของคนทั้งสามเปลี่ยนไปจนยากจะคาดเดา
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นท่าทางมุ่งมั่นของหลินเมิ้งหยาเกรงว่า พวกเขาคงกลายเป็ปลาที่ติดเบ็ดนานแล้ว
เมื่อปรับอารมณ์ให้ใจเย็นลงสุดท้ายหลินเล่ยเป็ตัวแทนในการพูด
“เมิ้งหยา เ้าเป็ลูกสาวของสกุลหลินหากเื่นี้ถูกแพร่ออกไปและทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสื่อมเสีย เกรงว่าเ้าเองก็คงไม่มีหน้าให้แบกอีกต่อไปสู้พวกเรามาหาทางคิดแก้ปัญหาเื่นี้กันดีหรือไม่? ”
ในที่สุดก็เริ่มกลัวแล้วสินะหลินเมิ้งหยาเก็บใบหน้าเ็าของตนเอง
เื่นี้...นางจะบีบคั้นพวกเขาไม่ได้
“ได้ เมิ้งหยามิเคยคิดแทงข้างหลังพวกท่านขอพวกท่านได้โปรดอภัยด้วย”
เมื่อเห็นว่าหลินเมิ้งหยายอมถอยหนึ่งก้าวทั้งสามจึงผ่อนอารมณ์ตาม
หลังจากปรึกษากันสุดท้ายผู้าุโทั้งสามยินยอมให้ร่างของเยว่ถิงฝังอยู่ในอาณาเขตของสกุลหลินในบริเวณที่ห่างออกไปเล็กน้อย
เยว่ถิงสามารถเข้ามาอยู่ในสุสานบรรพชนของสกุลหลินได้แต่ป้ายิญญาจะต้องถูกคลุมผ้าสีแดงเอาไว้อีกทั้งคนรุ่นหลังจะไม่มีการจุดธูปไหว้ใด ๆ ทั้งสิ้น
ส่วนชื่อบนสุสาน สุดท้ายพวกเขายอมทำตามคำขอของหลินเมิ้งหยา
“ภรรยาของหลินหนานเซิง”
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า
ระหว่างที่กำลังปรึกษากันนั้น หลินเมิ้งหยาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ
ข่มขู่...เป็เพียงวิธีการตื้น ๆ เท่านั้น สุดท้ายหลินเมิ้งหยาใช้สิ่งของล้ำค่าในการปิดปากเหล่าผู้าุโ...
