ปลายเดือนสิบ [1] ลมหนาวพัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ในขณะที่ราชสำนักของต้าสยายังคงโต้เถียงปัญหากันอยู่ว่าผู้ใดควรไปเป็กำลังเสริมที่ชายแดน จัดสรรเสบียงทหารและหญ้าเลี้ยงม้า และแจกจ่ายเงินเดือนกับเสบียงของทหาร
กองทัพที่สองของตาตาร์กับหว่าชื่อก็ได้อ้อมข้ามแม่น้ำซีชวน ทำการตีเมืองตานชังทางตะวันตกเฉียงเหนือแตกในคราวเดียว เมืองตานชังยืนหยัดรักษาไว้อย่างเหนียวแน่นจนตัวตาย เมื่อกำแพงเมืองแตกประชาชนก็ลี้ภัยกระจัดกระจายไปทั่ว
ในชั่วขณะนั้นเมืองต่างๆ ในเขตชนบทห่างไกลทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือก็ตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเตรียมป้องกันขึ้น
...จวนรักษากำแพงเมืองภายในเมืองถงหลิน
สีหน้าองค์ชายหานสี่เคร่งขรึมขึ้น จากานปาลากับอามู่เอ่อร์สองคนใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม คำนวณการลงมือได้ดี ไม่นึกเลยว่าจะแบ่งกองกำลังหกหมื่นนายอ้อมแม่น้ำซีชวน เข้ายึดจุดยุทธศาสตร์เมืองตานชัง
“ฝ่าา ชาวตาตาร์หลอกล่อพวกเราด้วยการแบ่งทหารออกเป็สองกลุ่มั้แ่แรก ทำให้พวกเราคิดว่ากองทัพใหญ่ของพวกเขามารวมตัวกันอยู่หน้าประตูเมืองถงหลินเพียงด้านเดียว แต่แผนลับกลับเป็การแบ่งทหารม้าออกเป็สามกลุ่ม ทางนี้รั้งการโจมตีกำแพงเมือง เพื่อให้ทางนั้นอ้อมทางไกลเข้าไปโจมตีเมืองตานชังได้ในคราวเดียว กองกำลังป้องกันรักษาเมืองไว้ไม่ไหวและตำบลถัดไปก็มีทหารไม่ถึงห้าพันนาย เมื่อสถานการณ์อันตรายอยู่ตรงหน้าจะต่อต้านกับทหารศัตรูกว่าห้าหมื่นนายได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” ทังจ้าวที่เฝ้ารักษากำแพงเมืองใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
หานสี่สายตาลุ่มลึก วางมือลงบนเก้าอี้ไท่ซือและเคาะเบาๆ
“ฝ่าา ราชสำนักยังไม่ตัดสินการส่งกองกำลังเสริม ปัญหาเสบียงอาหารของทหารและหญ้าเลี้ยงม้าก็ยังติดขัดอยู่ เสนาบดีกรมกลาโหมกับเสนาบดีกรมพระคลังเอาแต่ทำาปากกัน ปัญหาจริงๆ ไม่สามารถหาทางแก้ไขได้เลยสักนิด เมืองตานชังถูกตีแตกพอมุ่งลงไปก็เป็อำเภอชินจัว แต่ไหนแต่ไรมาเมืองที่เป็เขตอำเภอก็ไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์ทางการทหารอยู่แล้ว กำแพงเมืองต่ำเตี้ย ไม่มีคูเมืองกับแม่น้ำลึกป้องกันเมือง ค้ำไว้ได้ไม่นานอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ มุ่งลงไปอีกก็เป็เมืองเฉียนตง ซึ่งมีกองกำลังเตรียมพร้อมอยู่หนึ่งหมื่นนายตลอดเวลา แม้กองกำลังมากกว่าอำเภอตานชังเล็กน้อย แต่อาวุธทางทหารไม่ได้มีมากมาย สถานการณ์เลวร้ายอยู่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” หลัวรุ่ยชี้แผนที่บนโต๊ะพร้อมกล่าววิเคราะห์
หานสี่เดินมายังข้างโต๊ะนั้นและมองแผนที่ทางการทหารที่คุ้นเคย เขาขมวดคิ้ว ผ่านเมืองเฉียนตงไปก็เข้าสู่พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว ดังนั้นเมืองเฉียนตงต้องรักษาไว้ให้ได้
“ฝ่าา แม่ทัพระดับล่างอย่างกระหม่อมยินดีนำพลทหารมุ่งหน้าไปช่วยพวกเขาเองพ่ะย่ะค่ะ” กุยเต๋อเจียงจุน [2] หลี่เฉิงอี้คุกเข่าลงรอน้อมรับคำสั่ง
“ท่านแม่ทัพหลี่ลุกขึ้นก่อน นี่เป็เื่ใหญ่สำคัญมากนัก พวกเราควรหารือกลยุทธ์ให้ดีก่อน แล้วค่อยทำการสั่งแยกย้ายกันไปลงมือ” หานสี่ยกมือแสดงเจตตาให้ลุกขึ้นยืน
หลัวจิ่งเงียบกริบอยู่ด้านข้าง ระดับยศของเขาต่ำกว่า การประชุมทางการทหารนี้ เขาจึงไม่มีคุณสมบัติหารือร่วมด้วย
ทว่าสายตาของเขายอดเยี่ยม ตัวอักษรเล็กมากบนแผนที่เขาก็สามารถมองได้ชัดเจน
เขาจดจำชัยภูมิบริเวณรอบข้างชายแดนไว้อย่างเงียบๆ ในสมองนึกถึงวิธีการต่างๆ ในจดหมายของเจินจูขึ้น
ครั้งก่อนที่ใช้น้ำมันสีดำที่พอจุดแล้วไฟก็ลุกขึ้นได้นั้น เป็นางที่เตือนให้หามาไว้ นางบอกว่าสมัยฟางเสิงเป็หนุ่มเคยเห็นในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ใต้ผืนดินที่ลึกลงไปมีน้ำมันดำซ่อนไว้ไม่น้อย แล้วก็เป็ไปตามนั้น เขาได้รับรู้จากปากของคนที่เกิดและเติบโตในที่แห่งนี้ว่านอกประตูทางใต้ของเมืองถงหลิน ห่างออกไปประมาณสิบลี้ข้างใต้พื้นดินมีน้ำมันชนิดนี้อยู่
จากพื้นดินที่ลึกลงไปบริเวณพื้นที่รกร้างว่างเปล่าผืนนั้น เขาเอาน้ำมันดำออกมาอย่างระมัดระวังได้สองถังใหญ่ เมื่อพวกเขาจู่โจมปืนใหญ่ตอนกลางดึกคืนนั้นใช้น้ำมันดำไปไม่ถึงครึ่งถัง ขณะนี้ยังเหลืออยู่ที่ลานบ้านของเขาหนึ่งถังกว่า
เจินจูเคยเอ่ยว่าน้ำมันดำชนิดนี้เมื่อเจอกับไฟจะลุกไหม้ เจอน้ำจะไม่ดับ เผาไหม้ได้รวดเร็วและรุนแรงอย่างยิ่ง เป็สิ่งของที่ค่อนข้างอันตรายอย่างมากชนิดหนึ่ง
เป็สิ่งที่ช่วยในการเผาเสบียงอาหารและหญ้าเลี้ยงม้า เผากระโจม เผาม้าศึกและอื่นๆ ได้ดีอย่างยิ่งยวด
ตาตาร์กับหว่าชื่อแบ่งทหารหกหมื่นนายเข้าโจมตีเมืองตานชัง ทหารที่ตั้งมั่นอยู่หน้ากำแพงเมืองถงหลินนั้นย่อมไม่เกินเก้าหมื่นนาย
าการโจมตีกำแพงเมืองสองสามครั้งที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้รับผลดี ทั้งยังสูญเสียหทารม้าไปไม่น้อย
หากจะประยุกต์ใช้น้ำมันดำให้เป็ประโยชน์ ต้องเอาไปเผาแนวหลังของทหารศัตรู เพราะตรงนั้นเป็พื้นที่รวบรวมม้าและเสบียงของพวกเขา
สมองหลัวจิ่งแล่นด้วยความรวดเร็ว คิดทุกวิธีการที่มีความเป็ไปได้
การประชุมต่อเนื่องลากยาวมาถึงกลางดึก
กองกำลังช่วยเหลือนำโดยกุยเต๋อเจียงจุนหลี่เฉิงอี้เป็ผู้บัญชาการ และิเวยเจียงจุน [3] หลัวรุ่ยเป็รองผู้บัญชาการ กลับไปยังเมืองเจียจิ้นเพื่อนำกำลังพลสองหมื่นนายเร่งเดินทางไปยังเมืองเฉียนตงทั้งวันทั้งคืน
สภาพกองกำลังทางการทหารฉุกละหุก หลัวจิ่งให้หลัวรุ่ยนำต้าไป๋และน้ำมันดำหนึ่งถุงใหญ่ไปด้วย แล้วยังมีลูกเหม็นหนึ่งเม็ดและผงเคลิ้มอยู่ในภวังค์ไปอีกสองเม็ดพร้อมกันด้วย
หลัวรุ่ยมองของในห่อผ้า มีความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเล็กน้อย ของที่แปลกใหม่เหล่านี้ ส่งผลกระทบในสนามรบได้จำกัด แต่ในเมื่อผู้เป็น้องชายให้มาด้วยความจริงใจ เขาย่อมต้องเก็บไว้อย่างดี
สองพี่น้องกำชับกันและกันไม่กี่ประโยค แล้วจึงแยกจากกันไปอย่างรีบร้อน
หลัวจิ่งไม่ได้กลับลานบ้านไปพักผ่อน แต่ไปส่วนที่สูงที่สุดของกำแพงเมือง ทอดสายตามองออกไปยังค่ายทหารศัตรูจากระยะไกล
การกระจัดกระจายของกระโจม การจัดวางของแสงไฟ การสลับเปลี่ยนของทหารลาดตระเวน เขาจดจำไว้ในใจทีละอย่างเงียบๆ
ส่วนกลางของกองกำลังในค่ายใหญ่ฝั่งตรงข้าม จากานปาลากับอามู่เอ่อร์บนใบหน้าต่างประดับไว้ด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ฮ่าๆ อึดอัดใจมาตั้งหลายวัน ในที่สุดข้าก็สามารถยินดีปรีดาได้เสียที” จากานปาลาหัวเราะเสียงดัง พอข่าวการยึดจุดยุทธศาสตร์เมืองตานชังส่งเข้ามา ทั่วทั้งค่ายทหารต่างก็มีขวัญกำลังใจฮึกเหิมขึ้นทันที
“ยังเร็วเกินกว่าจะกล่าวเช่นนี้ หานสี่ยังมีกองทัพใหญ่หลายหมื่นนายในเมืองเจียจิ้นที่พร้อมไปช่วยได้ทุกเมื่อ แต่เก๋อเกินและถ่าลาก็ทำได้ไม่เลว การป้องกันอำเภอชินจัวอ่อนแอพรุ่งนี้น่าจะยึดไว้ได้เช่นกัน แต่เมืองเฉียนตงพูดได้ยากนัก” อามู่เอ่อร์ขมวดคิ้วมองไปยังจุดเมืองและตำบลบนแผนที่หนังแกะ
“ฮ่าๆ เมืองตานชังไม่ใช่ว่าโดนพวกเขายึดไว้แล้วหรือ กองกำลังป้องกันของเมืองเฉียนตงก็คงไม่ต่างกัน การยึดมาได้จะเป็เื่ในไม่ช้านี้แล้ว เ้าอย่าให้จิตใจอันเด็ดเดี่ยวของศัตรูมาทำลายความน่าเกรงขามของตัวเอง ชาวหนานหม่านจื่ออาณาจักรต้าสยาก็เป็เพียงกุ้งเท้าอ่อน [4] กองหนึ่ง พอเข้าสู่สนามรบล้วนฉี่ราดรดกางเกงกันหมดแล้ว จะกลัวเขาทำบ้าอะไรกัน” จากานปาลาชำเลืองมองอามู่เอ่อร์แวบหนึ่ง แววตามีความไม่พอใจทอดมองออกมา
มุมปากของอามู่เอ่อร์ยกขึ้นราวกับยิ้มและไม่ยิ้ม ดวงตาปล่อยความเยาะเย้ยออกมาจางๆ ช่างเป็คนโง่เขลาความจำสั้นจริงๆ กลิ่นเหม็นไปทั้งกายยังอบอวลไปทั่วกระโจมอยู่เลย ยามนี้เริ่มอวดดีขึ้นมาอีกแล้ว
เมื่อจากานปาลาเห็นสีหน้าท่าทางของเขาก็โมโหขึ้นฉับพลัน “หานสี่เ้าลูกหลานตะพาบนั่น อย่างมากก็แค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยชั่วร้ายแค่นั้น หากเขากล้าประมือกันตรงๆ เหล่าจื่อคงตัดหัวของมันลงมาได้นานแล้ว”
“เ้าดูสิ การป้องกันกำแพงเมืองของพวกเขาในวันนี้ ไร้ยางอายจนถึงที่สุดจริงๆ เห็นทหารพวกเราใช้ผ้าคลุมจมูกและปาก ไม่คิดเลยว่าจะไม่โปรยผงพริกป่นแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็เทน้ำส้วมหลุมกลิ่นเหม็นคละคลุ้งแทน โอ้์... ไม่เคยเจอผู้ใดกระทำการเลวทรามต่ำช้าไร้ยางอายยิ่งไปกว่าหานสี่เลย เขาเป็องค์ชายประสาอะไรกัน ชั่วช้ายิ่งกว่าคนเสเพลข้างถนนจริงๆ” จากานปาลาคิดถึงาในตอนกลางวันขึ้นมาความโมโหก็ตีล้นทะลักออกมาอีก
เพื่อป้องกันหากทหารต้าสยาโปรยผงพริกป่นลงมาอีกครั้ง พวกเขาจึงเร่งทำผ้าคลุมหน้าขึ้นหนึ่งชุดโดยเฉพาะ ผลสุดท้ายไอ้หานสี่จอมปลิ้นปล้อนนั่น กลับเปลี่ยนมาใช้ของที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าขึ้น
ขณะที่ของเหลวมากมายผสมกับอุจจาระอันน่าอาเจียนของแต่ละถังราดรดลงมา หัวใจของจากานปาลาก็แตกสลาย เขามีกลิ่นเหม็นติดอยู่หลายวัน ได้รับความทุกข์และกลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรงมาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นทหารก็กลับมาพร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นหนึ่งกองอีก เขาแทบอยากล้มหมดสติให้รู้แล้วรู้รอด
ม้าสุดที่รักของเขาเมื่อได้รับการจู่โจมจากลูกเหม็นครั้งนั้น ในวันเดียวกันก็น้ำลายไหลเป็ฟองออกจากปากและหมดสติไป ผ่านมาหลายวันเพียงนี้แล้วยังคงตรอมใจกับกลิ่นเหม็นไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ จึงกลายเป็ม้าขยะไร้ประโยชน์ไปแล้ว
หางตาอามู่เอ่อร์กระตุก ก็นั่นน่ะสิ จากานปาลาที่เดิมทีร่างกายก็เหม็นมากอยู่ตรงนี้ จมูกของเขาอบอวลไปด้วยกลิ่นจวนจะไม่มีสติอยู่แล้วเช่นกัน
หานสี่ การกระทำเลวทรามต่ำช้าและไร้ยางอายจริงๆ ด้วย
...ข่าวเมืองตานชังถูกตีแตกแพร่ไปทั่วอาณาจักรต้าสยา
เมืองหลวง ภายในห้องโถงราชสำนัก ขุนนางที่ทำาฝีปากถกเถียงกันมาตลอดต่างก็เงียบสงบลงทั้งสิ้น กองกำลังป้องกันรักษาของเมืองตานชังเกือบหนึ่งหมื่นนาย ถูกตาตาร์ยึดจุดยุทธศาสตร์ในหนึ่งวันหนึ่งคืน แม้อำเภอชินจัวจะได้รับข่าวและมีการเตรียมป้องกันแล้ว แต่ยืนหยัดอยู่ได้เพียงสองวันก็ถูกตีเมืองแตกไป ขณะนี้กองกำลังตาตาร์กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองเฉียนตง
หากเมืองเฉียนตงถูกตีแตกอีก พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็จะปรากฏสู่สายตาของชาวตาตาร์โดยไม่มีสิ่งกีดขวางเลยแม้แต่น้อย
ไหวฮว่าเจียงจุน [5] โม่ไป่เจ๋อได้รับการแต่งตั้งให้เป็ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระดมกองกำลังห้าหมื่นนายจากเจ็ดเมืองในกานโจวไปเป็กำลังเสริมทันที พร้อมด้วยเสบียงอาหารกับหญ้าเลี้ยงม้าและเงินเดือนทหารก็จัดสรรให้ไปติดๆ กัน ประกาศความช่วยเหลือออกไปทีละประการอย่างรวดเร็ว ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือนต่างเหมือนมีคมดาบแขวนอยู่บนศีรษะก็ไม่ปาน
สถานการณ์สู้รบระหว่างสองฝั่งยังส่งผลกระทบต่อชายแดนเอ้อโจวด้วย บรรยากาศบนท้องถนนในตลาดตึงเครียด หัวใจประชาชนต่างหวาดกลัวและวิตกกังวล ราคาสินค้าต่างก็ฉวยโอกาสขึ้นราคา หนึ่งวันสูงมากกว่าอีกหนึ่งวันเลยทีเดียว
เมื่อกู้ฉีได้รับข่าวนี้จึงตัดสินใจพาโหยวอวี่เวยกลับเมืองหลวงทันทีในวันถัดไป
โหยวฮั่นส่งจดหมายเร่งความเร็วแปดร้อยลี้มาถึงฝูอันถัง แม้โหยวอวี่เวยยังอาลัยอาวรณ์ก็ต้องบอกลากับเจินจู แล้วเตรียมออกเดินทางกลับ
“น้องสาวเจินจู รอตอนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิข้าจะให้คนส่งต้นกล้ามาให้เ้านะ ฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าหากสถานการณ์บ้านเมืองสงบสุข ข้าจะมาเล่นกับเ้าอีก” โหยวอวี่เวยดึงมือเจินจูไว้อย่างไม่อยากจากไป
กู้ฉีหางคิ้วกระตุก ปีหน้ายังจะมาอีกหรือ ยัยเด็กสาวผู้นี้นี่จริงๆ เลย
“น้องสาวเจินจู เสบียงอาหารเ่าั้พวกเ้าเก็บสะสมไว้ให้ดี หากมีสถานการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น ครอบครัวพวกเ้าก็หลบเข้าไปในคฤหาสน์ที่พักนั้นเสียเลย กำแพงลานที่นั่นสูงตระหง่าน ผู้อื่นไม่สามารถเข้าไปได้โดยง่าย เป็สถานที่หลบหลีกความวุ่นวายได้ดีอย่างยิ่ง” เสบียงอาหารขึ้นราคา กู้ฉีจึงเคลื่อนย้ายเสบียงอาหารหนึ่งเกวียนมาจากฝูอันถัง
เขาล้วนมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย สกุลหูล่วงรู้สถานการณ์ที่ยากแก่การคาดเดาหรืออย่างไร ถึงได้เริ่มเตรียมการไว้อย่างดีเช่นนี้ั้แ่เนิ่นๆ
ไม่เช่นนั้น คนธรรมดาเหตุใดถึงคิดจะสร้างกำแพงลานบ้านที่แข็งแกร่งแ่าและสูงตระหง่านเหมือนกับกำแพงเมืองได้
“ฮ่าๆ ขอบคุณพี่ชายกู้อู่ เสบียงอาหารเ่าั้ข้าจะเก็บไว้อย่างดี หากามาถึงที่นี่จริงๆ พวกข้าจะหลบเข้าไปในูเาอย่างแน่นอน ท่านไม่ต้องเป็ห่วงพวกข้า ตรงกันข้ามกลับเป็พวกท่าน ขณะนี้ชายแดนทำา ภายในท้องที่เลยไม่สงบไปด้วย ถนนหนทางอาจไม่ราบรื่น บนท้องถนนต้องระมัดระวังด้วยนะ” ระยะทางเอ้อโจวถึงเมืองหลวงปกติพอนับได้ว่าราบรื่นดี แต่ขณะนี้เกิดา จิตใจประชาชนไม่สงบสุขยากที่จะรับรองได้ว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
“ไม่เป็ไร พวกข้าต่างก็มีองครักษ์คุ้มครอง หากเจอโจรขโมยที่ไม่มีตาจะได้จัดการให้บ้านเมืองสะอาดพอดี เป็การขจัดความชั่วเพื่อประชาชน” บนใบหน้ากู้ฉีประดับความขบขันขึ้น แต่ส่วนลึกเข้าไปในดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความโเี้ดุดัน
เจินจูเห็นดังนั้นกลับวางใจลงได้ ความวุ่นวายที่อยู่กลางถนน การเห็นอกเห็นใจเป็สิ่งต้องห้ามอย่างใหญ่ยิ่ง
“ในโถสองใบเป็เนื้อพะโล้สองชนิด ข้าให้ท่านอาหงยู่หั่นเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว ตอนพวกท่านเร่งเดินทางก็หยิบออกมาทานได้เลย อากาศหนาวเย็นสามารถเก็บไว้ได้นาน ส่วนในตะกร้าไผ่สานมีห่อเหอเถา ผิงกั่ว และผลพุทรา อืม... แล้วก็ยังมีเม็ดเกาลัดต้มสุกแล้วหนึ่งห่อด้วย ตอนอยู่บนรถว่างๆ ก็แกะออกมาทานเถอะ หากระหว่างเดินทางมีผู้ใดเกิดต้องลมเย็นเป็หวัดขึ้น ให้ต้มน้ำขิงหนึ่งหม้อ รับรองได้ว่าหายเป็ปลิดทิ้ง”
เจินจูดึงโหยวอวี่เวยมาชี้สิ่งของบนรถและกล่าวไม่หยุดปาก
โหยวอวี่เวยเบ้าตาแดงรื้น ดึงมือของนางมากล่าวพึมพำ “น้องสาวเจินจู เ้าตามข้าไปเล่นที่เมืองหลวงเถอะ ผ่านปีไปแล้วข้าค่อยให้คนส่งเ้ากลับมา”
กู้ฉีตกตะลึงกับคำพูดของนาง เด็กสาวผู้นี้คิดอะไรขึ้นก็กล่าวออกไปแบบนั้น พอผุดความคิดเช่นนี้ก็โพล่งออกมาทันที
เจินจูกลับยิ้มและส่ายหน้า นำตะกร้าที่ใส่เล่อเล่อยื่นให้นาง “รีบกลับไปคารวะเถอะ ท่านพ่อท่านแม่ของท่านน่าจะเป็ห่วงแล้ว ต่อไปหากพวกเรามีวาสนาต่อกันค่อยมาเจอกันอีกก็ได้”
โหยวอวี่เวยรับตะกร้าไปด้วยน้ำตาคลอ ทันทีหลังจากนั้นวางตะกร้าไว้บนรถและอุ้มเล่อเล่อขึ้น เ้าสุนัขน้อยอยู่ร่วมกับนางจนคุ้นชิน จึงอยู่ในอ้อมอกของนางอย่างสงบ ลูกตาดำชุ่มชื้นมองที่นางอย่างน่ารัก พร้อมกับเลียกลางฝ่ามือของนางอยู่เป็ระยะๆ
โหยวอวี่เวยจึงเบิกบานใจมีความสุขขึ้นได้อีกครั้ง บนใบหน้าจึงปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นทันที
กู้ฉียื่นกล่องไม้สีแดงเป็เงาแกะสลักลายเมฆมงคลหนึ่งกล่องให้นางโดยไม่พูดจา เจินจูรับมาด้วยความประหลาดใจ มันเบาหวิว ไม่มีน้ำหนักมากเท่าไร คืออะไรกันนะ?
นางกำลังคิดจะเปิดออกดู ทว่ากู้ฉีอ้าปากเอ่ยขึ้นก่อน “ด้านในเป็ตั๋วเงินที่ซื้อโสมคน เ้ารับไว้เถอะ ต่อไปหากมีเื่อะไรที่ไม่สามารถจัดการได้ ให้ไปหาหลิวผิงได้เลยทันที หากเขาจัดการไม่ได้ยังมีจวนสกุลกู้อยู่อีก อย่าได้พะว้าพะวังไม่อยากรบกวนพวกข้า ข้ารบกวนและเพิ่มความลำบากให้ครอบครัวเ้ามากยิ่งกว่าเสียอีก เ้าต้องให้ข้าได้ตอบแทนบุญคุณเล็กๆ น้อยๆ บ้าง”
กู้ฉีแววตาอ่อนโยนน้ำเสียงผ่อนเบา มุมปากยกยิ้มขึ้นจางๆ แฝงไว้ด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
เขา… จงใจหันหลังให้โหยวอวี่เวย เพราะไม่้าให้นางสังเกตเห็นความผิดหวังในดวงตาของเขา
หัวใจของเจินจูหม่นหมองโศกเศร้าขึ้นมาทันที
เชิงอรรถ
[1] ปลายเดือนสิบ คือ่วันที่ 21 ไปจนถึงสิ้นเดือนสิบหรือเดือนตุลาคม
[2] กุยเต๋อเจียงจุน หรือ 归德将军 คือ ชื่อเรียกเสนาธิการทหารในราชวงศ์ถัง เป็นายทหารั้แ่ขั้นที่สามลงไป อยู่ระดับชั้นที่เจ็ด
[3] ิเวยเจียงจุน หรือ 明威将军 คือ หนึ่งในชื่อเรียกตำแหน่งของนายพล หรือนายพลผู้เปล่งแสงอานุภาพ เป็นายทหารั้แ่ขั้นที่สี่ลงไป
[4] กุ้งเท้าอ่อน หรือ 软脚虾 หมายถึง คนขี้ขลาด หวาดกลัวที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง
[5] ไหวฮว่าเจียงจุน หรือ 怀化将军 คือ นายทหารั้แ่ยศขั้นที่สามลงมา อยู่ระดับหก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้