ปากกระบอกปืนดำสนิททำให้เย่เทียนเซี่ยหรี่ตาลง รอยยิ้มบนใบหน้ากลับฉีกยิ้มสดใสยิ่งขึ้น เขาเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวแล้วพูดออกไปอย่างช้าๆ “แกวางปืนกระบอกนั้นลงซะจะดีกว่านะ ฉันโคตรจะไม่ชอบให้ใครถือปืนจ่อมาที่ฉันเลย ไม่งั้นพวกแกอาจรับผลที่จะตามมาไม่ไหวเอานะ”
“หึ ไอ้โง่” ชายชุดดำที่ถือปืนอยู่ราวกับได้ยินคำพูดน่าขัน ริมปากของเขากระตุกยิ้มเย็น แล้วหัวหน้าของพวกมันก็พูดขึ้นเสียงเย็น “เลิกไร้สาระได้แล้ว จัดการมันซะ”
ปั้ง!
ในศตวรรษที่ 23 เสียงของปืนนั้นได้มีแนวโน้มในการพัฒนาไปในทางที่ไร้ที่ติ เมื่อะุพุ่งออกจากรังปืนก็จะมีเพียงแค่เสียงเหมือนมีอะไรชนกันเบาๆเท่านั้น
สิบก้าว..... เย่เทียนเซี่ยยืนอยู่ห่างจากพวกมันแค่สิบก้าวเท่านั้น เมื่อเสียงยิงปืนดังขึ้น ลูกะุก็ตรงมายังตรงกลางหว่างคิ้วของเย่เทียนเซี่ย เท้าของเขาก็หยุดชะงักในทันที
“อื้ออื้อ.....อื้ออื้อออ.....” หญิงสาวหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ไม่กล้าหันไปมองฉากที่ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันคนนั้นล้มลงโดยมีเืสดๆไหลออกมาจากศีรษะ แต่ทันใดนั้นหูของเธอกลับได้ยินเสียง “กริ๊ง” เบาๆดังกลับมา มันเหมือนกับเสียงของโลหะตกลงกระทบพื้นแข็ง
รอบๆเปลี่ยนเป็ความเงียบงันในทันที มันเป็ความเงียบที่น่าหวาดผวา สายลมอ่อนพัดผ่านเข้ามาในค่ำคืนอันร้อนระอุ สิ่งที่เห็นตรงหน้าที่มาพร้อมกับสายลมเย็นสบายทำให้ร่างของคนทั้งสี่สั่นกลัว มันเหมือกับการโจมตีของยมทูตที่โจมตีเข้าไปในกระดูและหัวใจของพวกเขา
ะุที่ส่งออกไปไม่ได้นำมาซึ่งเืสดๆ ท่ามกลางม่านตาที่หดตัวลงของคนทั้งสี่ ะุที่ส่งออกไปก็ค่อยๆร่วงลงจากหัวของเย่เทียนเซี่ยตกลงบนพื้นเกิดเป็เสียงเบาๆที่เกือบจะทำให้หัวใจของพวกเขาหยุดเต้น
พวกเขา.......กำลังมองตัวอะไรอยู่เนี่ย!?
นี่มันเป็ภาพลวงตาหรือเปล่า? หรือว่าดวงตาของพวกเขามีปัญหากันแน่......
หญิงสาวคนนั้นในที่สุดก็รวบรวมความกล้าแล้วลืมตาขึ้นในที่สุด เมื่อมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเธอก็เห็นว่าเย่เทียนเซี่ยร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย เธอเกือบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เย่เทียนเซี่ยยื่นมืออกมาแล้วกดลงเบาๆตรงที่ที่ถูกลูกะุลูกนั้นพุ่งเข้าใส่ รอยยิ้มที่มุมปากยกขึ้นช้าๆ สิ่งที่ปรากฏในสายตาของชายชุดดำทั้งสี่คือรอยยิ้มของปีศาจจากนรก แม้เขาจะไม่ได้รับาเ็จากะุลูกนั้น แต่ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความเ็ปอยู่ เมื่อคิดย้อนกลับไปเขาก็จำไม่ได้แล้วว่าคนที่กล้ายกปืนขึ้นจ่อเขาครั้งล่าสุดตายไปั้แ่เมื่อไร
เสียง “กริ๊ง” ของปืนสีเงินที่ตกลงบนพื้นดังขึ้นมาอีกครั้ง สองมือของชายชุดดำสั่นเหมือนคนเป็ไข้ คนที่อยู่ตรงหน้าเขาห่างไปไม่ไกลนั้นใช้ร่างกายป้องกันะุไว้จริงๆ อีกทั้งยังใช้ส่วนหัวหยุดมันไว้อีก สิ่งที่เขาได้รับรู้ในเวลานั้นส่งผลให้เขารู้สึกหวาดกลัวราวกับเห็นปีศาจและมันยังเอาชนะแนวป้องกันในจิตใจเขาได้อย่างง่ายดาย
“สัตว์ประหลาด!” สีหน้าของคนเ่าั้ซีดเผือดก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว มนุษย์อย่างพวกเขาไม่มีทางที่จะมีคุณสมบัติเหนือชั้นแบบนั้นได้...... เท้าที่กำลังก้าวถอยไปของชายคนนั้นเพิ่งจะแตะลงบนพื้น เงาดำสายหนึ่งก็พัดพาสายลมเย็นวูบพุ่งมาถึงตรงหน้าเขา ในตอนนั้นเองความเ็ปก็พุ่งขึ้นมาจากหัวใจของเขา เวลานั้นก่อนที่เขาจะมีสติได้ป้องกันตัวหูของเขาก็พลันมีเสียงหน้ากลัวของชายหนุ่มคนนั้นดังขึ้นมา “ขอโทษนะ........ฉันไม่ใช่”
ชายชุดดำทั้งสี่เกือบจะทรุดลงในเวลาเดียวกันซึ่งห่างกันแค่เพียงไม่เกินหนึ่งวินาที เพราะมีความมืดปกคลุมอยู่จึงไม่มีใครเห็นชัดเจนว่าจริงๆแล้วพวกเขาล้มลงได้อย่างไร เย่เทียนเซี่ยโบกมือไปมา ก่อนจะพูดออกไปด้วยความเมตตา “จริงๆแล้วก็กะจะแค่ทำให้พวกแกกลายเป็ไอ้โง่สี่ตัวแค่นั้น แต่ในเมื่อพวกแกอยากตายซะขนาดนี้ งั้นก็เก็บแรงของพวกแกไว้เถอะ”
เย่เทียนเซี่ยเลิกคิ้วเดินตรงไปยังด้านหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้น เขาพยุงเธอขึ้นมาแล้วแก้มัดที่ข้อมือรวมทั้งที่ปากของเธอด้วย อาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ทำให้ใบหน้างดงามที่ฉายแววงุนงงชัดเจนปรากฏสู่สายตา ผมยาวยุ่งเหยิงของเธอสยายอยู่ด้านหลัง ใบหน้าสวยสง่าสมบูรณ์แบบนั้นเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชายตกตะลึง และแม้ใบหน้าของเธอจะซีดเซียวแค่ไหนก็ไม่อาจปกปิดลักษณะสูงส่งที่มีมาแต่เกิดของเธอได้...... เด็กสาวคนนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ ตอนนี้เธอกลับบ้านได้แล้ว” เย่เทียนเซี่ยพยุงร่างของเธอแล้วพูดออกมา แต่ผ่านไปซักพักโดยไม่ต้องรอคำตอบของเธอ หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็มีน้ำตาพรั่งพรูออกมาทันทีเหมือนน้ำที่โอบล้อมดวงดาวไว้ ฟันซี่เล็กของเธอขบริมฝีปากแน่นจนแทบไม่เห็นสีเื จมูกของเธอสั่นเล็กน้อย แม้แต่เสียงหายใจที่ปล่อยออกมาก็ดูอ่อนแรงเต็มที เธอยังคงไม่หายจากอาการกลัวและใ
หญิงสาวมีรูปร่างสูงเพรียว เตี้ยกว่าเย่เทียนเซี่ยไม่ถึงครึ่งศีรษะ เธอพิงตัวเข้ามาหาเย่เทียนเซี่ย ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าจมูก ภายใต้ความมึนเบลอเธอลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ไม่แม้แต่จะตระหนักได้ว่าตัวเธอเองกำลังตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของผู้ชายคนหนึ่ง เธอเพียงแค่มองมาทางเขาด้วยความหวาดกลัว ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด หญิงสาวคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งความหวังกับคนชั่วจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มที่มีความสามารถล้ำเลิศและเสน่ห์เหลือร้ายจาก์มาจัดการพวกคนชั่วทั้งหมด ช่วยเหลือหญิงสาวที่ไร้ทางสู้
เวรเอ้ย....่เวลาแบบนี้ทำไมมันคุ้นๆวะ!?
แต่่เวลาเลวร้ายเหล่านี้ อยู่ในฝันอันสวยงามของหญิงสาวเกือบทุกคน เมื่อมองเ้าชายขี่ม้าขาวใกล้ๆหญิงสาวก็รู้สึกราวกับติดอยู่ในความฝันอันสวยงาม
ััที่หนักขึ้นและเริ่มไม่เกรงใจมากขึ้นเรื่อยๆวนเวียนอยู่ที่เอวของเธอ ััอุ่นร้อนจากมือใหญ่กำลังไล้วนอยู่ที่เสื้อของเธอและกำลังทำบางอย่างที่ “แนบชิด” กับเธอ หญิงสาวเกิดอาการหน้าแดง ลำคอระหงเหมือนหยกขาวค่อยๆเปลี่ยนเป็สีชมพู หลังจากนั้นก็ตื่นจากภวังค์ในทันที เธอถอยออกมาราวกับถูกไฟฟ้าช็อต จ้องมองเขาด้วยความตื่นตะลึง
เย่เทียนเซี่ยหมุนตัวกลับไป แล้วพูดอย่างสบายๆ “แล้วเจอกันนะพี่สาวคนสวย คราวหน้าคราวหลังก็ระวังความปลอดภัยด้วย ดึกขนาดนี้แล้วทางที่ดีไม่ควรออกมานอกบ้านนะ”
ตัวเธอเองเกือบจะถูกลักพาตัวไปแล้ว แต่หลังจากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเหมือนซุปเปอร์แมนที่ใช้ร่างกายหยุดะุ ต่อมาก็ล้มคนทั้งสี่คนได้จนหมด เื่ราวที่เพิ่งผ่านพ้นไปปรากฏอยู่ในหัวของเธอเป็ฉากๆ ในขณะที่เธอกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่นั้นเย่เทียนเซี่ยก็เดินจากไปไกลแล้ว
“รอก่อน.......คุณชื่ออะไรคะ?” หญิงสาวที่พิงตัวไว้กับรถด้วยความกลัวและอ่อนแรงะโออกไปเสียงดัง
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้หยุดฝีเท้า แล้วตอบออกมาเสียงเบา “เล่ยเฟิง”
“เล่ยเฟิง? เล่ยเฟิง......อมยิ้มของคุณตกอยู่น่ะค่ะ” หญิงสาวหยิบอมยิ้มที่ตกลงจากร่างของเย่เทียนเซี่ยขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะะโออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
เย่เทียนเซี่ยสะดุดขาตัวเอง ถ้าหากเวลานี้ข้างกายเขามีฝาท่อระบายน้ำเขาคงไม่ลังเลที่จะเปิดมันออกแล้วะโลงไป เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น วิ่งออกไปไกลจนไม่เห็นแม้แต่เงา ฉากอันงดงามที่วีรบุรุษได้ช่วยสาวงามไร้ทางสู้เอาไว้ ภาพวีรบุรุษผู้ซึ่งสูงสง่าและผึ่งผาย ถูกทำลายลงด้วยอมยิ้มแท่งหนึ่ง!
“นี่ คุณอย่าเพิ่งไปสิคะ......” หญิงสาวะโเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากเย่เทียนเซี่ย เมื่อมองแผ่นหลังที่วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วแล้วสายตาของหญิงสาวก็ปรากฏความมึนงงเล็กน้อย เธอรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นแผ่นหลังแบบนี้ที่ไหนมาก่อน