“คุณหนู! คุณหนู!”
เสียงฝีเท้ารีบร้อนดังขึ้นจากที่ไกลๆใกล้เข้ามา ไม่นานกลุ่มคนสวมชุดสูทสีดำ 5 คนก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อมองดูรถตู้สีดำและคนอีกสี่คนที่นอนอยู่บนพื้นใบหน้าของพวกเขาก็แสดงความใออกมา แล้วรีบเอ่ยถาม “คุณหนู ไม่เป็ไรใช่ไหมครับ? พวกเรา......”
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร.......ไม่เป็ไรก็แปลกแล้ว!” หญิงสาวกระทืบเท้าแรงๆครั้งหนึ่ง น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวทำให้ชายในชุดสูทสีดำห้าคนก้มหัวลงต่ำพร้อมเพรียงกัน “อีกนิดฉันก็จะโดนลักพาตัวอยู่แล้วพวกนายรู้หรือเปล่า! ถ้าไม่มีคนมาช่วยฉันล่ะก็ ตอนนี้ฉันก็คง....ก็คง..... ฮึ้ม!!”
“ข...ขอโทษครับคุณหนู” นี่เป็ความผิดพลาดของพวกเราเอง ก่อนหน้านี้คุณเฟิงเป็คนคุ้มกันคุณหนูตลอด ครั้งนี้คุณเฟิงไม่อยู่ เมื่อเจอสถานการณ์แบบนั้นพวกเราก็เลยตามไปด้วยความเคยชินจนลืมไปว่าคุณหนูอยู่คนเดียว หลังจากกลับไปแล้วขอให้คุณหนูลงโทษพวกเราเถอะครับ......คุณหนู คนพวกนี้คือ....”
ชายคนหนึ่งทรุดกายลงตรวจสอบลมหายใจของชายชุดดำทั้งสี่คน ไม่นานเขาก็ยืนขึ้นมา ใบหน้าเคร่งขรึมส่ายหน้าก่อนจะพูดออกมา “พวกมันตายหมดแล้ว”
ไม่เพียงแค่ตาย แต่เมื่อพวกเขาตั้งใจตรวจสอบร่างกายของคนพวกนี้กลับพบว่าไม่มีรอยเืหรือร่องรอยการได้รับาเ็ใดๆเลย อีกทั้งสีหน้าตอนที่พวกมันตายยังเป็สีหน้าของความหวาดกลัวเหมือนกันอีกด้วย
“ตายแล้ว?”
“ห๊า? ตายแล้ว!?” หญิงสาวถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่ตั้งใจ สองมือของเธอยกขึ้นปิดปาก คิดถึงคนที่หยุดลูกะุนั่นไว้และฆ่าคนเหล่านี้จนหมด........หรือเขาจะเป็คนที่คุณพ่อเคยพูดถึง สัตว์ประหลาดที่ไม่ควรไปตอแยด้วยงั้นเหรอ?
“จะต้องมีหนอนบ่อนไส้ทำให้ข้อมูลของคุณหนูรั่วไหลแน่ๆ หลังจากกลับไปแล้วพวกเราต้องหาตัวมันมาให้ได้ คุณหนู พวกเรากลับกันก่อนเถอะครับ พวกเราโทรหานายท่านเรียบร้อยแล้ว ท่านบอกว่า.......”
“นายไม่ต้องมาพยุงฉันหรอก ฉันเดินเองได้!” หญิงสาวโบกมือ เดินไปด้านหน้าด้วยความโกรธ “มีพวกนายแล้วมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้ก็เกิดเื่สองครั้งแล้ว ครั้งแรกก็โดน......”
ใบหน้าของชายห้าคนที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอับอายเมื่อได้ฟัง มันเป็เื่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลย วันนี้คุณหนูพบเจอเื่ไม่คาดฝันถึงสองเื่ ครั้งแรกก็ตอนไปรับอุปกรณ์เชื่อมต่อเกม World of Fate เนื่องจากอุปกรณ์เชื่อมต่อเกม World of Fate ผูกติดกับ DNA ของผู้เล่นดังนั้นจึงต้องไปรับด้วยตัวเอง แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะถูกคนลวนลามกลางถนน และพวกเขาก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทันแม้แต่เงา ครั้งที่สองก็เกือบจะถูกลักพาตัวแล้ว ถ้าไม่ได้ชายนิรนามช่วยเอาไว้ก็ไม่รู้ว่าผลที่ตามมา.........คิดถึงตรงนี้ใบหน้าของคนทั้งหน้าก็มีเหงื่อไหลซึมไม่หยุดเหมือนคนเป็ไข้
แต่เสียงน่ากลัวของคุณหนูก็หยุดลงอย่ากะทันหัน เท้าของเธอก็ชะงักลงตรงนั้น คิดไปถึงตอนเช้าตอนที่ถูกใครบางคนจับหน้าอก เงาร่างที่วิ่งห่างออกไปทั้งสองค่อยๆหลอมรวมกันเป็หนึ่ง แม้แต่สีของเสื้อผ้าและรองเท้า แบบนั้นมัน...... “อ๊า!!” หญิงสาวชี้ไปด้านหน้าแล้วะโออกมาเสียงดัง “เขาก็คือคนที่ลวนลามฉันกลางถนนคนนั้นเอง!!!”
--------------------
---------------------
“.......เล่ยเฟิง อมยิ้มของคุณตกอยู่น่ะค่ะ”
เมื่อกลับถึงบ้าน ปิดประตูเรียบร้อย คิดไปถึงคำพูดที่ดังขึ้นด้านหลังนั่นเย่เทียนเซี่ยก็อยากจะตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
“อุวะฮ่าๆๆๆ นายท่านกลับมาแล้วเหรอเ้าคะ อมยิ้ม ได้ซื้ออมยิ้มกลับมาไหมเ้าคะ?” เมื่อเห็นเย่เทียนเซี่ยกลับมา กั่วกัวที่บินไปทั่วทุกมุมในห้องของเย่เทียนเซี่ยก็พุ่งเข้ามา แล้วะโออกมาอย่างรีบร้อน
อมยิ้ม......เย่เทียนเซี่ยสีหน้ามือครึ้มลง “ฟุบ” เขานั่งลงบนโซฟาแล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่มี......แล้วทีหลังก็ไม่ต้องพูดถึงไอ้สิ่งที่เรียกว่าอมยิ้มขึ้นมาอีกนะ!”
ท่าทางตื่นเต้นของกั่วกัวหายไป เธอกระพริบตาปริบๆ ความคับข้องใจกระจายอยู่บนใบหน้า “ฮือ.....นายท่านรับปากข้าแล้ว....... รับปากแล้วว่าจะซื้ออมยิ้มให้กั่วกัวกิน........นายท่านจะไม่รักษาคำพูดไม่ได้นะเ้าคะ...... นายท่านโกหกกั่วกัวเด็กสาวที่น่ารักและเชื่อฟังที่สุดได้ยังไงกันเ้าคะ....”
สีหน้าของกั่วกัวตัวน้อยในเวลานี้น่าสงสารอย่างยิ่ง ใบหน้ารูปไข่ขึ้นสีแดง สองมือเล็กๆของเธอขยุ้มกระโปรงไปมา ดวงตามีน้ำเอ่อคลอ ราวกับหมอกฝนลอยขึ้นมาจากทะเลสาบบนูเาเทียนซาน ปากเล็กๆยื่นออกมาพลางพึมพำแล้วตามมาด้วยเสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นมาราวกับได้รับโทษทัณฑ์จาก์
ความน่าสงสารของกั่วกัวราวกับเป็อาวุธทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ทำลายการป้องกันอันแข็งแกร่งได้ แม้แต่การป้องกันของเย่เทียนเซี่ยเองก็ถูกทำลายมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขารีบหยิบเอาอมยิ้มจากกระเป๋าขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าของกั่วกัว “วางใจเถอะนะ ฉันแค่ล้อกั่วกัวเล่นเท่านั้นเอง ดูสิ.....ฉันซื้ออมยิ้มมาให้กั่วกัวแล้ว”
ความเร็วในการเปลี่ยนอารมณ์ของกั่วกัวเรียกได้ว่าขั้นเทพสะท้านฟ้าะเืดิน เพียงแวบแรกที่อมยิ้มปรากฏตรงหน้าอาการของความคับข้องใจจนอยากจะร้องไห้ก็หายไปเป็ปลิดทิ้ง ดวงตาที่เดิมทีเต็มไปด้วยน้ำตาก็กระพริบปริบๆด้วยความตื่นเต้น ร่างของเธอลอยขึ้นมาแล้วหยิบอมยิ้มที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับตัวเธอมาถือไว้ในมือ เสียงเบาๆลอยออกมาจากริมฝีปากที่อ้ากว้าง “โอ้โห นี่ก็คืออมยิ้มใช่ไหมเ้าคะ? มันสวยมากเลย!”
“........ใช่” เย่เทียนเซี่ยรู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ตัวเองไม่ไปซื้อแตงโมมาแทน หลังจากนั้นก็บอกเธอไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่านี่คืออมยิ้ม
“ว๊าว.....วะฮ่าๆๆๆ นายท่านเป็คนดีจริงๆ นายท่านดีที่สุดเลยเ้าค่ะ ฮุเร่!” กั่วกัวถืออมยิ้มแท่งสวยแล้วบินไปบินมาด้วยความดีใจ สองมือเล็กๆของเธอขยับไปมาไม่หยุด แต่ผ่านไปสักพักเธอก็เรียนรู้ที่จะแกะกระดาษห่อด้านนอกออกด้วยตัวเอง เธอตรวจสอบอมยิ้มตรงหน้าด้วยจมูกแล้วก็ได้กลิ่นหอมหวานของผลไม้ที่ทำให้ดวงตาของเธอหลับพริ้ม แสดงออกถึงความเพลิดเพลินได้อย่างน่ารักน่าชัง หลังจากนั้นก็ยื่นลิ้นเล็กสีชมพูออกมาอย่างระมัดระวังแล้วเลีย้าของอมยิ้มเบาๆ
“ว๊าว! หวานมากเลย มันอร่อยจริงๆเ้าค่ะ” ดวงตาของกั่วกัวเปลี่ยนเป็ประกายสุกใส ปากก็พูดด้วยน้ำเสียงไพเราะน่าฟังออกมาไม่หยุด สองมือน้อยถืออมยิ้มเอาไว้ ลิ้นเล็กกะทัดรัดสีชมพูเลียอมยิ้มต่อไป......ภาพตรงหน้าทำให้เย่เทียนเซี่ยที่มองอยู่นิ่งไปเล็กน้อย
เขาตั้งใจที่จะหาอะไรซักอย่างมากินเป็มื้อเย็นเพราะตอนนี้เวลาก็เดินมาถึงสามทุ่มครึ่งแล้ว อาหารสามมื้อต่อวันของเย่เทียนเซี่ยไม่มีกฎตายตัว มื้ออาหารของเขาก็แค่ทำให้ท้องอิ่มเท่านั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนานเขาเพิ่งจะกินอะไรเข้าไปเขายังไม่รู้เลย ตอนที่กำลังกินอยู่ก็ไม่ได้สนใจเื่รสชาติเสียด้วยซ้ำ
แต่มื้อเย็นของกั่วกัว.......ถ้าหากเธอ้ามื้อเย็นอ่ะนะ ก็คงจะเป็อมยิ้มที่เธอกำลังถืออยู่ตอนนี้นั่นแหละ เวลาผ่านไปไม่นานอมยิ้มแท่งนั้นก็ถูกเธอเลียจนมีขนาดเล็กลงครึ่งหนึ่ง เย่เทียนเซี่ยลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น “กั่วกัว ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว เธอเป็เด็กดีดูทีวีไปนะ กินอมยิ้มแล้วก็อย่าไปวิ่งเล่นมั่วซั่วล่ะ”
“รู้แล้วเ้าค่ะนายท่าน กั่วกั่วจะเป็เด็กดีที่สุดเ้าค่ะ” กั่วกัวน้อยกลับไปสนใจเลียอมยิ้มในมือต่อไป ดวงตาสุกใสเหมือนดวงดาวจ้องไปยังภาพบนทีวีอย่างตื่นเต้น
ภายในห้องน้ำเย่เทียนเซี่ยเอนตัวลงท่ามกลางสายน้ำเย็นสบาย ในที่สุดเขาก็ได้คิดพิจารณาเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากเขาเข้าไปใน World of Fate ในวันนี้อย่างละเอียดคนเดียวเงียบๆ การปรากฏของห้วงเวลาแห่งโชคชะตา การปรากฏตัวของกั่วกัว......แล้วไหนจะยังมาปรากฏตัวในชีวิตจริงของเขาอีก สิ่งที่อยู่เหนือข้อจำกัดพวกนี้ทำให้เขายากจะเชื่อว่ามันเป็ภาพลวงตา เขาก้มหน้าลงต่ำ ลูบไล้เครื่องประดับสีดำบนอกไปมา......สิ่งนี้เรียกว่าห้วงเวลาแห่งโชคชะตานิรันดร์ เย่เทียนเซี่ยหลับตาลง ในหัวมีความคิดวนไปเวียนมาปรากฏเป็ภาพของนางฟ้าคนหนึ่งที่เขาไม่อาจลืมเลือน ในตอนนั้นเมื่อเธอจากไปก็เหลือไว้เพียงของสิ่งเดียว เขาไม่เคยปล่อยให้มันอยู่ห่างกายเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่เวลาอาบน้ำก็จะเอามันไว้ข้างกายเสมอ
บางทีเขาอาจจะสามารถค่อยๆหาคำตอบได้จากร่างกายแปลกๆของกั่วกัวก็เป็ได้ แต่ทว่าสิ่งที่ต้องทำเป็อย่างแรกก็คือการติดสินบนยัยตัวจิ๋วทีละเล็กทีละน้อย......เช่นการซื้ออมยิ้มให้เธอก็ถือเป็ก้าวแรก เมื่อคิดถึงภาพของกั่วกัวที่ถืออมยิ้มเอาไว้เย่เทียนเซี่ยก็หยุดหัวเราะไม่ได้
น้ำเย็นกำลังช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายของเขา คลายความร้อนจากค่ำคืนอันร้อนระอุ เย่เทียนเซี่ยถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก โยนความคิดวุ่นวายทั้งหมดออกไป หลับตาเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่ถูกแช่อยู่ในน้ำเย็น เย็นสบายจนอยากจะหลับไปเสียเลย
“อั๊ยหยา! นายท่านอาบน้ำอยู่เองหรือเ้าคะ.......อุวะฮ่าๆๆ ข้ารักการอาบน้ำเป็ที่สุด ข้าก็อยากอาบน้ำด้วยเ้าค่ะ!”