บทที่ 2 ฟาดหัวคนด้วยเงินมันสะใจมาก
"เหยาเยว่ ฉันอยากเจอหน้าเธอเป็ครั้งสุดท้าย..."
เย่จื่อเฉินถือกระเป๋ายืนอยู่นอกหอพักหญิง
"เราไม่ได้เป็อะไรกันแล้วนะ นายอย่า...อุ๊ย! พี่เฉียง อย่าซนสิคะ..."
เสียงหอบหายใจในสปีกเกอร์โฟนทำให้ใบหน้าของเย่จื่อเฉินถมึงทึงจนน่ากลัว เขาเหยียดยิ้มมุมปากขึ้นมาอีกครั้ง
"ครั้งสุดท้าย ฉันอยากให้ของขวัญกับเธอ..."
"ของขวัญ! งั้นนายรอเดี๋ยว"
ครึ่งชั่วโมงเต็ม เย่จื่อเฉินถึงได้เห็นเหยาเยว่เดินออกมาจากหอพักหญิง
ดูจากเืฝาดบนใบหน้าของเหยาเยว่แล้ว คาดว่าพวกเขาสองคนน่าจะเพิ่งมีความสุขกันจบไปได้ไม่นานเท่าไร
เย่จื่อเฉินรู้สึกว่าตัวเองโง่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คบกันมาตั้งครึ่งค่อนปี แม้แต่จับมือเหยาเยว่เขายังไม่กล้าเลย
รูมเมทด่าว่าเขาขี้ขลาด ตัวเองก็หัวเราะฮ่าฮ่าพร้อมตอบไปว่ารักจริง!
รักจริง!
รักจริงกับผีอะไรล่ะ!
"อะไร เงินที่พี่เฉียงให้ไปมันไม่พอเหรอ อยากได้ค่าเลิกกันอีกหรือไง?"
เหยาเยว่ยิ้มหยันพร้อมกับหยิบเอาบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนใส่เย่จื่อเฉิน บัตรหล่นลงพื้น เกิดเสียงที่ทำให้คนหัวใจแตกสลาย
"ในบัตรใบนั้นมีอยู่หนึ่งหมื่น พี่เฉียงบอกว่านับแต่นี้ไปให้นายอยู่ห่างๆ ฉัน"
เย่จื่อเฉินที่ยืนนิ่งไม่ขยับ อยู่ดีๆ ก็ยิ้มขึ้นมา เขาเก็บบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาจากพื้นด้วยท่าทางสบายสบาย จับหมุนเล่นไปมาเล็กน้อย จากนั้นจึงขว้างใส่หน้าเหยาเยว่
"มีเงินแล้ววิเศษนักเหรอ?"
"นายอย่ามาทำเป็หน้าบางไม่เอา..."
เหยาเยว่ะโด่าทอด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่เพิ่งด่าได้แค่ครึ่งประโยค ก็เห็นว่าเย่จื่อเฉินเปิดกระเป๋าออกมา
ข้างในมีเงินอัดแน่นเต็มกระเป๋า
แต่เงินนี้ก็ดูแปลกอยู่นิดหน่อย นี่เป็เงินกงเต๊กที่เย่จื่อเฉินตั้งใจไปซื้อที่ร้านหีบศพในราคาสองหมื่นหยวน
"เพราะเขามีเงินใช่ไหม? เอาไป!"
เย่จื่อเฉินถลึงตากว้าง แล้วหยิบเอาเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าโยนใส่หน้าเหยาเยว่
เหยาเยว่ตะลึงงันไปในทันทีที่เย่จื่อเฉินเปิดกระเป๋า
เงินเป็ฟ่อนถูกโยนใส่หน้าเหยาเยว่ นักศึกษาที่อยู่รอบๆ เข้ามามุงดูสถานการณ์ตรงหน้า
ใช้เงินฟาดหัวคน พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ได้แต่พากันนึกสงสัยอยู่ในใจว่าเย่จื่อเฉินคือคุณชายบ้านไหนกันแน่ ไม่คิดเลยว่าจะมีอำนาจขนาดนี้ เด็กสาวหลายคนแอบจดจำใบหน้าของเย่จื่อเฉินเอาไว้ในใจ และครุ่นคิดว่าเมื่อไรจะมีโอกาสได้พบเจอบ้าง
"ชอบเงินนักใช่ไหม โดนเงินฟาดเข้าให้ถูกใจหรือเปล่าล่ะ? เหอะ สารเลว"
เงินทั้งกระเป๋าถูกเทคว่ำลงบนหัวของเหยาเยว่ เย่จื่อเฉินหมุนตัวเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเ็า
นักศึกษาในมหาวิทยาลัยพอเห็นเงินก็กรูเข้ามาแย่งกันเก็บทันที เหยาเยว่จึงได้สติกลับมา และหันไปะโใส่นักศึกษาที่อยู่รอบๆ
"อย่ามายุ่ง นี่มันเงินของฉัน!"
รูมเมทคนอื่นๆ ในหอกลับมาหลังจากที่กินข้าวอิ่มแล้ว บนโต๊ะมีกล่องข้าวที่พวกเขาซื้อมาให้เย่จื่อเฉินวางอยู่ด้วย
"ทำไมโทรศัพท์เ้าห้าติดต่อไม่ได้ คงจะไม่ได้ไปหาที่ฆ่าตัวตายหรอกนะ?"
จูอิ๋นไป่เป็คนที่อายุน้อยที่สุดในห้อง ชอบพูดอะไรไม่คิด ปากไม่มีหูรูด คังเผิงยกมือขึ้นเคาะลงบนหัวของเขา แล้วด่า
"นายนี่คิดเป็แต่เื่ร้ายหรือยังไง"
"ที่เ้าหกพูดมันก็เป็ไปได้นะ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่รู้นิสัยเ้าห้ามันนี่ ถึงปกติมันจะดูขี้เล่นแต่มันจริงใจกับเหยาเยว่มากเลยนะ"
ไป๋อี่ถอนหายใจแ่เบา คนอื่นๆ ในห้องก็เงียบไปด้วย
"แจ้งตำรวจดีไหม"
น้องเล็กจูอิ๋นไป่เอ่ยขึ้น คังเผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า
"แจ้งตำรวจเถอะ!"
"เดี๋ยวก่อน พวกนายดูสิว่านี่อะไร?"
ในตอนที่ทุกคนกำลังเตรียมจะแจ้งตำรวจนั้น
"ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่..."
จู่ๆ จางรุ่ยที่อยู่เตียงชั้นบนก็ชะโงกหน้าออกมา ในกลุ่มรูมเมทเขามีฉายาว่าเ้าสี่ แต่ละวันชอบใส่แว่นตาไม่มีเลนส์แกล้งทำตัวเป็เด็กเรียน แต่นิสัยเื้ัคือคนที่กวนที่สุดและสนใจข่าวซุบซิบในมหาวิทยาลัยมากที่สุด
"มีอะไร?"
คังเผิงกับคนอื่นๆ เข้าไปมุงดู จางรุ่ยชี้ไปที่พาดหัวข่าวบนโทรศัพท์...
"เห็นไหม มหาวิทยาลัยตะลึงกับการปรากฏตัวของลูกเศรษฐี ใช้เงินฟาดหัวคนที่หอพักหญิง!"
หลังจากที่เย่จื่อเฉินได้ยินก็อึ้งไป นั่นมันเขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงขึ้นไปอยู่ในคอลัมน์ซุบซิบของเว็บไซต์มหาวิทยาลัยได้ล่ะ?
"ให้ตาย ใช้เงินฟาดหัวคนจริงๆ ด้วย เ้านี่มันจะอวดดีเกินไปแล้ว" จูอิ๋นไป่ะโโหวกเหวก และก่นด่า "ลูกเศรษฐีแบบนี้ ฉันรังเกียจที่สุดเลย"
คนอื่นรอบข้างก็พยักหน้าเห็นด้วย คนในห้องนี้มาจากครอบครัวฐานะธรรมดากันทั้งนั้น เกลียดที่สุดก็คือพวกลูกคนรวยที่เอาเงินพ่อแม่มาถลุงเล่นโดยไม่คิด
"ลูกหลานเศรษฐีอะไร นายดูคนในรูปสิ"
ทุกคนจึงได้พุ่งความสนใจไปที่คนในรูป ห้องเกิดความเงียบทันทีจนน่ากลัว
"เหมือนเ้าห้าเลยนี่" จูอิ๋นไป่กลืนน้ำลายลงคอ
"เหมือนเ้าห้าจริงๆ ด้วย..."
"เหมือนอะไรเล่า นี่มันเ้าห้าชัดๆ"
แก๊ก!
แล้วเย่จื่อเฉินที่ใช้เงินฟาดหัวคนก็เดินเข้ามาในหอพักด้วยท่าทางสบายใจ พอเข้ามาในห้อง ทุกคนก็เข้ามารุมล้อมเย่จื่อเฉินเหมือนกับเห็นสัตว์หายาก จางรุ่ยะโลงมาจากเตียงชั้นบน ถือโทรศัพท์มองดูอย่างพินิจพิจารณา
"เ้าห้า คนในรูปนี่นายใช่ไหม"
เย่จื่อเฉินได้ยินจึงรับโทรศัพท์มาดู หลังจากที่เห็นพาดหัวข่าวที่สะดุดตานั้น ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มขมขื่น
"ลูกหลานเศรษฐีอะไร ที่ฉันโยนไปน่ะมันเงินกงเต๊ก"
"เงินกงเต๊ก? แล้วทำไมพวกคนในรูปถึงได้แย่งกันเก็บล่ะ?"
"จ้างมาไง ฉันหมดเงินไปตั้งเยอะ!"
คนในห้องฮือฮากันขึ้นมาอีกครั้ง
"เ้าห้า ร้ายนักนะ"
ไป๋อี่หันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้เย่จื่อเฉิน ใช้เงินกงเต๊กฟาดหัวคนเป็อะไรที่ร้ายกาจมาก ปกติเ้านี่ค่อนข้างเก็บตัว คิดไม่ถึงเลยว่าพอร้ายแล้วจะร้ายได้ขนาดนี้
เย่จื่อเฉินไม่ได้สนใจพวกเขา เดินไปข้างเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
เปิดไปยังวีแชทกลุ่มที่ทั้งกลุ่มคือเทพเซียนกลุ่มนั้น าระหว่างยี่หนึงจินกุนกับาาวานรในกลุ่มได้สิ้นสุดลงแล้ว เหล่าเซียนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสว่าเดือนที่แล้วฝึกฌานกันได้เท่าไร แล้วเดือนนี้จะต้องฝ่าฟันการฝึกฝนอะไรบ้าง
เย่จื่อเฉินเห็นถึงความมหัศจรรย์ของง้วนป้อแล้ว เขาไม่ได้ปัญญาอ่อน ถ้าเขาไม่รู้สึกถึงความพิเศษของกลุ่มนี้ เขาก็ต้องไปตายแล้วล่ะ
หรือจะเป็กลุ่มเทพเซียนจริงๆ?
ถึงแม้ว่าเื่นี้ดูจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย แต่มันก็เกิดขึ้นกับตัวเขาแล้วจริงๆ
เย่จื่อเฉินลูบคลำบัตรเอทีเอ็มในกระเป๋าพร้อมกับฟังเสียงชื่นชมที่แย่งกันพูดของเพื่อนในหอพักกลุ่มนี้
"เงียบกันหน่อย"
คนในห้องเงียบเสียงลงทันที เย่จื่อเฉินหยิบบัตรเอทีเอ็มขึ้นมา แล้วยิ้ม
"เพื่อเป็การฉลองให้กับความสำเร็จที่ฉันกลับมาโสดอีกครั้ง ฉันจะพาทุกคนไปเลี้ยงข้าวที่คลับเฮาส์"
ทั้งห้องเงียบเป็เป่าสาก
คนในห้องมองเขาเหมือนเห็นคนปัญญาอ่อน เย่จื่อเฉินที่โดนจ้องถึงกับขนลุก
"พวกนายมองฉันแบบนี้ทำไม?"
"เย่จื่อ นายเคยเลี้ยงข้าวพวกเราเสียเมื่อไร แค่ทุกวันนี้ไม่อดข้าวก็ดีแค่ไหนแล้ว นี่ฉันไม่ได้หูแว่วไปใช่ไหม?" ไป๋อี่เอ่ยปากพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อหู
"ฉันว่าเ้าห้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ" จูอิ๋นไป่พูดขึ้น
"เ้าห้า พวกเรารู้ว่านายอกหักแล้วอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นที่จะต้องพูดเหมือนคนบ้าแบบนี้นะ ค่าใช้จ่ายที่คลับเฮาส์ถ้าไม่มีเงินหลักหมื่นก็ไปกินไม่ได้หรอกนะ" คังเผิงที่เป็พี่ใหญ่ในห้อง มักพูดจามีเหตุผลเสมอ
"ฉันถามว่าจะไปหรือไม่ไป" เย่จื่อเฉินตอบกลับเสียงดังฟังชัด
"ไป"
คนในห้องตอบพร้อมเพรียงกัน แม่เ้า มีคนเลี้ยงแล้วไม่ไปก็โง่น่ะสิ!
"งั้นพวกเราก็ไปคลับเฮาส์กัน!"