ในโลกของหมากล้อมแห่งความตาย
ไม่มีใครคาดคิด ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ ตอนนี้ ทุกคนกำลังตกตะลึงต่อเหตุการณ์ตรงหน้า
กู่ไห่ที่เดิมทีควรจะถูกสังหาร เหตุใดกลับลอบโจมตีหลี่ฮ่าวหรานได้?
“พวกเรากำลังฝันอยู่หรือเปล่า?” ผู้ฝึกตนทั้งหลาย ต่างพากันขยี้ตา อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น
กู่ไห่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของหลี่ฮ่าวหราน ร่างของเขาถูกหุ้มด้วยเกราะโลหะสีเงินวาว กระบี่โลหิตและกระบี่กระดูกพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
มือขวาของหลี่ฮ่าวหรานคว้าไปที่ร่างของกู่ไห่ ไม่ไกลกันนัก หมากสีทองสองเม็ดกำลังตกกระเด็น ทว่า กลับไม่มีใครไปคว้ามัน เพราะยามนี้ คนทั้งสองมัวพุ่งเป้าไปที่การจัดการกับอีกฝ่ายให้ได้โดยเร็วที่สุด
ตูม!
ดาบคู่ของกู่ไห่ปะทะกับฝ่ามือขวาของหลี่ฮ่าวหราน พลังมหาศาลทั้งสองพุ่งเข้าต่อสู้และฟาดฟันกัน จนเศษหินใต้ฝ่าเท้ากลายเป็ผุยผง
“อะไรกัน?” สีหน้าของหลี่ฮ่าวหรานพลันเปลี่ยนไป
มือซ้ายของเขาถูกกระบี่กระดูกกรีด พร้อมกันนั้น ควันสีดำจำนวนมากก็ไหลทะลัก ก่อนที่หัวกะโหลกจิ๋วจะปรี่เข้ามาขย้ำเนื้อหนัง ราวกับว่ามันกำลังจะกัดกินร่างกายเขากระนั้น
เมื่อพลังฝ่ามือไม่อาจต้านทานกู่ไห่ได้ จึงทำให้หลี่ฮ่าวหรานยิ่งกังวลมากขึ้น
เพราะตอนนี้ แขนซ้ายของเขาไม่สามารถขยับได้แล้ว
“หยุดนะ!” หลี่ฮ่าวหรานตวาดด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“ฮึ่ม!”
ไหล่ซ้ายของหลี่ฮ่าวหรานพลันเปลี่ยนเป็สีทอง ก่อนจะสั่นสะท้าน และแยกออกจากร่าง แขนซ้ายของเขาหลุดกระเด็นทันที
ตูมๆ!
ทันใดนั้น ควันสีดำก็กลืนกินแขนซ้ายของเขาอย่างบ้าคลั่ง พริบตา ก็เหลือเพียงกองกระดูกเท่านั้น ก่อนที่กลุ่มควันสีดำเ่าั้ จะหายลับกลับเข้าไปในกระบี่เจวี๋ยเซิงตามเดิม
กู่ไห่อึ้งเล็กน้อยกับการกระทำของอีกฝ่าย... ชายตรงหน้าถึงกับยอมสละแขนซ้ายของตนอย่างนั้นหรือ?
ชายหนุ่มแทงกระบี่โลหิตใส่หลี่ฮ่าวหรานอย่างสุดแรง แล้วตวัดกระบี่คู่ในมือเข้าฟาดฟัน แต่ถึงจะกระนั้น ก็ยังไม่สามารถตัดแขนขวาของอีกฝ่ายได้
เพียงชั่วครู่ แขนขวาของหลี่ฮ่าวหรานจึงกลายเป็สีทอง จากนั้นร่างของเขาก็ปะทุพลังสีทองออกมาจนถึงขีดสุด
ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากัน หมากสีทองสองเม็ดก็ตกลงมาใกล้ๆ กับพวกเขา แต่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะก้มลงไปหยิบ
“ท่านผู้บัญชาการหลี่!” คนจากกองกำลังเฉินจีหยิง ต่างร้องด้วยความใ
ไต้ซือหลิวเหนียนและหลงหว่านชิงที่หลุดจากพันธนาการ ก็ทะยานเข้าโจมตีหลี่ฮ่าวหรานทันที
ตูม!
เสียงกระแทกดังสนั่น ทุกคนถูกสกัดกั้นจากเขตแดนป้องกัน
“อะไรกัน? ม่านป้องกัน?” สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยน
หมากสีทองสองเม็ดนั้น คิดว่ากู่ไห่และหลี่ฮ่าวหรานเป็ผู้เดินหมาก จึงสร้างเกราะป้องกันเหมือนเดิม ทำให้ไม่มีใครเข้าไปในเขตแดนนั้นได้
ผู้ฝึกฝนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็รีบมารวมตัวกัน เพื่อเป็กองหนุน
เมื่อเห็นเช่นนั้น คนของเฉินจีหยิงก็ปรี่เข้าไปขัดขวางทันที กลุ่มผู้ฝึกตนต่างมองกองกำลังทหารตรงหน้า ด้วยดวงตาวาวโรจน์
“อย่าเข้ามานะ! เ้าพวกโง่... คอยดูเถอะท่านผู้บัญชาการหลี่จะไม่ปล่อยพวกเ้าไว้แน่!” คนของเฉินจีหยิงเอ่ยเสียงดังลั่น
“ถึงอย่างไร เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยพวกข้าให้มีชีวิตรอดอยู่แล้ว เพราะพวกเ้า... เราถึงต้องเป็แบบนี้!”
“ฆ่าพวกมันๆ!”
“ฆ่า!”
...
ด้านนอกของสมรภูมิอันโกลาหล
หลงหว่านชิงและองครักษ์ทั้งสาม พยุงร่างของไต้ซือหลิวเนียน ก่อนเหลือบมองเข้าไปในเขตป้องกัน ด้วยความเป็ห่วงกู่ไห่
“ทำไมกัน? ทำไม!? เ้าถึงมาอยู่ในมือของข้าได้?” หลี่ฮ่าวหรานถามด้วยความโกรธเกรี้ยว
กู่ไห่แสยะยิ้ม ก่อนพูด “เ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าตอนที่เิไท่และเว่ยหยางจัดการกับฟู่เสวี่ยนั้น เขาก็ไม่ได้โต้กลับแต่อย่างใด ทว่าไม่ใช่ยอมจำนน แต่เป็เพราะฟู่เสวี่ยไม่อาจโจมตีได้ต่างหาก
ด้วยคุณสมบัติของมัน หมากโปร่งใสเป็สิ่งสมมติ ส่วนหมากสีขาวและดำเป็ของจริง ดังนั้น พวกเราจึงทำได้แค่ป้องกัน หาใช่โจมตี!”
“เช่นนั้น ที่เ้าใจเย็นมาตลอด เป็เพราะมั่นใจหรือ? แม้จะไม่สามารถโต้กลับได้ เ้าก็ยังมั่นใจ ว่าจะสามารถชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ?” หลี่ฮ่าวหรานะโลั่น
“นี่เรียกว่าผังเมืองเปล่า ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะหลอกเ้าได้หรือไม่? แต่เ้ากลับพาข้าเข้าไปในเกราะป้องกันของตัวเองเสียได้!” กู่ไห่กล่าว พลางยิ้มเย้ยหยัน
“หลงหว่านชิง ไต้ซือหลิวเหนียนและสมุนทั้งสาม เ้าใช้พวกมันเพื่อโกหกข้าอย่างนั้นหรือ พวกมันเป็หมากของข้า เ้าจึงใช้หมากเหล่านี้เพื่อหลอกข้าเช่นนั้นหรือ เดิมที เ้าก็้าส่งหมากสีทองให้ข้าแต่แรกแล้วสินะ” หลี่ฮ่าวหรานกล่าวเสียงเรียบ พร้อมทอดสายตาจ้องไปยังร่างตรงหน้าเขม็ง
“ส่งถึงบ้านเช่นนี้ คนโลภเช่นเ้า อย่างไรก็ต้องเปิดประตูรับแน่ เ้า้าของล้ำค่ามาไว้ในมิใช่หรือ ข้ามั่นใจว่าหากข้าโยนหมากสีทองให้ เ้าต้องลดการป้องกันลงแน่ ด้วยนิสัยอยากได้อะไรก็จะหาทางแย่งชิงมาให้ได้ โดยไม่เกี่ยงวิธีการ จึงทำให้เ้าประมาท จนกลายเป็ภัยแก่ตัวเองเช่นนี้!” กู่ไห่เย้ยหยัน
“ดีๆๆ! แค่อุบายเล็กๆ น้อยๆ ทุกคนก็กลายเป็หมากของข้าแล้ว เ้าโกหกข้าโดยใช้พวกมัน จึงสามารถเข้ามาในเกราะป้องกันของข้าได้ ทว่าอย่างไรก็ตาม เ้าก็มีพลังอยู่ในระดับก่อ์... แค่ก่อ์เท่านั้น!” หลี่ฮ่าวหรานเอ่ย พลางยิ้มร้าย
“ย๊าก!” กู่ไห่คำรามลั่น ราวกับจะปลุกพลังของตนให้ตื่นขึ้น เพื่อให้สามารถแสดงพละกำลังออกมาได้อย่างเต็มที่
“แม้กระบี่โลหิตเล่มนี้ จะสามารถเพิ่มพลังของเ้าให้ขึ้นมาเทียบเคียงกับระดับหยวนอิง แต่เ้ารู้หรือไม่? ว่ามันก็ยังคงห่างชั้นกับระดับหยวนอิงอยู่ดี? แม้ข้าจะเสียแขนข้างหนึ่งไป แต่เ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า
ขืนเข้ามาก็ตายเปล่า เ้าก็เป็เพียงผู้ฝึกตนระดับก่อ์ แม้กระบี่โลหิตจะเพิ่มพลังให้เ้าได้ แต่มันก็เท่านั้น ข้าจะพิสูจน์ให้เ้าเห็น ว่าคนอวดดีมักจะมีชีวิตที่ไม่ยืนยาว.. ฮ่าๆ!” หลี่ฮ่าวหรานกล่าว พลางหัวเราะ
ตูมๆ!
แสงสีทองกระจายไปทั่วร่างของหลี่ฮ่าวหราน ก่อนที่พลังนั้นจะผลักอีกฝ่ายให้ถอยไป กู่ไห่สกัดมันด้วยกระบี่คู่ของตน ตอนนี้ เขาเหงื่อแตกพลั่กไปทั่วร่าง ตัวสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังจะถึงขีดสุดของพลัง
“ฮ่าๆๆๆๆ! เมื่อเจอกับระดับแก่นทองคำ แม้แต่กระบี่โลหิตก็ไม่อาจเติมพลังให้ได้ เ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้หรอก... ตายเสียเถอะ... ฮ่าฮ่าๆ!” หลี่ฮ่าวหรานหัวเราะลั่น ก่อนจะผลักกระบี่โลหิตกลับไปกดที่ลำคอแกร่งของอีกฝ่าย
แม้ว่าพลังของกู่ไห่จะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพลังอันมหาศาลของเขาได้
“ก่อ์ ก็เป็เพียงก่อ์ ไม่สามารถเทียบเคียงระดับแก่นทองคำได้! เ้าจงตายไปพร้อมกับความจริงนี้เสีย!” หลี่ฮ่าวหรานเอ่ยเสียงเย็น
และทุกอย่างก็หยุดลงเพียงเท่านั้น เพราะจู่ๆ สายลมก็โชยพัด จากนั้น แสงสีทองสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหากู่ไห่ในพริบตา
ฟู่!
“หืม? พลังกุศล? เ้าไปเอาพลังกุศลมาจากไหน?” หลี่ฮ่าวหรานรู้สึกกังขาเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! แคว้นเจ่า ข้าได้รับการยอมรับจากแคว้นเจ่าในฐานะของผู้บรรเทาภัยพิบัติ ชาวบ้านจึงแสดงความซาบซึ้งในบุญคุณ และมันก็แปรเป็พลังกุศลที่ส่งมาถึงข้า ช่างได้จังหวะเหมาะเจาะนัก!” กู่ไห่กล่าว พลางหัวเราะเสียงดังลั่น
ตูม!
ทันใดนั้น ในร่างของกู่ไห่ก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
ภายในจุดตันเถียน พลังชี่แท้รูปัแหวกว่ายไปมาในลูกแก้วทรงกลม พลังชี่ที่เคยรวบรวมได้จากการสังหารคนครึ่งอสูรกว่าสามหมื่นตนก่อนหน้านี้ ผสานเข้ากับลูกแก้วพลังชี่แท้ทันที พายุหมุนที่เคยเกิดขึ้น สลายตัวกลายเป็กระแสน้ำวน พร้อมๆ กันนั้น มวลพลังก็แปรเปลี่ยน กลายเป็พลังหยวนไปในที่สุด
“อ๊าก!!”
พลังหยวนไหลเวียนรอบเส้นลมปราณ ก่อนที่จะพุ่งเข้ามารวมกันอีกครั้ง รูขุมขนทั่วร่างเปิดกว้าง แล้วพลังของกู่ไห่ก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
“ร่างกายคือแก่นแท้ ที่ผสานเป็หนึ่งเดียวกับจิติญญา บัดนี้ ข้าคือแก่นทองคำ นี่คือระดับแก่นทองคำอย่างนั้นหรือ? ฮ่าๆๆ!” กู่ไห่หัวเราะเสียงดัง
“ฮึ่ม!”
จากนั้น กระบี่โลหิตก็กลับมาดูดซับพลังเข้าสู่ร่างของกู่ไห่ได้มากกว่าเดิม เปลวเพลิงที่รายล้อมรอบตัวกู่ไห่เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
“อะไรกัน?” หลี่ฮ่าวหรานก็หน้าถอดสีทันที
ตูม!
เสียงะเิดังสนั่นไปทั่วบริเวณ กู่ไห่ปะทุพลังทั้งหมดออกมา แสงสีแดงเืสายหนึ่งปรากฏขึ้น ย้อมฟ้าดินจนกลายเป็สีแดงฉาน หลี่ฮ่าวหรานถูกคมกระบี่ของกู่ไห่ฟันจนร่วงลงพื้นทันที
ฟู่!
แขนขวาของหลี่ฮ่าวหรานลอยกระเด็น
แล้วาแนั้น ก็ถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำ
“พรวด!”
หลี่ฮ่าวหรานกระอักโลหิต ก่อนล้มลงไปในหลุมขนาดใหญ่ แขนทั้งสองข้างถูกฟันจนขาดสะบั้น รู้สึกราวกับว่าตอนนี้ศีรษะของตนถูกฟันแยกออกเป็สองซีก แต่เพราะมีพลังชีวิตอันมหาศาล เขาจึงไม่ตาย หลี่ฮ่าวหรานมองดูภาพตรงหน้า อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
“ไม่! เป็ไปไม่ได้! พรวด...! เหตุใดเ้าจึงเลื่อนระดับพลังได้?” หลี่ฮ่าวหรานกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ
ต่อสู้กันมาครึ่งทางแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงสามารถเลื่อนระดับพลังเข้าสู่แก่นทองคำได้? นี่มันโกงกันชัดๆ! เ้าทำได้อย่างไร?
“ระดับแก่นทองคำขั้นที่หนึ่ง!” กู่ไห่สูดลมหายใจลึก ก่อนเอ่ย แล้วค่อยๆ หยิบหมากสีทองสองเม็ดขึ้นมาจากพื้น
เมื่อการต่อสู้จบลง นอกเขตแดนป้องกันก็มีแต่ความเงียบสงัด ทุกคนต่างเบิกตากว้าง อย่างไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้า... กู่ไห่ชนะ?
“กู่ไห่เ้าชนะแล้ว!” หลงหว่านชิงโห่ร้องอย่างดีใจ
ฟึ่บ!
เหล่าผู้ฝึกตนหกหมื่นคนต่างก็ะโก้องอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
“ฆ่าเขา... ฆ่าหลี่ฮ่าวหราน!”
“ท่านกู่ชนะ... ท่านกู่ชนะแล้ว!”
“ข้ารอดแล้ว!”
ผู้ฝึกตนทั้งหลายโห่ร้องด้วยความยินดี พากันมองกู่ไห่ที่อยู่ในเขตแดนป้องกันตาเป็ประกาย... เขาคือผู้ที่กุมชัยชนะ
กู่ไห่กำลังถือกระบี่กระดูกและกระบี่โลหิต พลางจ้องหลี่ฮ่าวหรานด้วยสายตาเรียบเฉย
อย่างไรก็ตาม บัดนี้ ผู้บัญชาการหนุ่มก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำได้แค่นอนนิ่งๆ เท่านั้น ไม่อาจขยับตัวได้ ดวงตาสั่นระริกมองกู่ไห่อย่างหวาดกลัว
“ผู้บัญชาการ... ท่านผู้บัญชาการหลี่!” คนจากกองกำลังเฉินจีหยิง ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ต่างร้องอุทานด้วยความตระหนก
“ฆ่ามันเสีย... พวกคนกลุ่มนี้!” ผู้ฝึกตนทั้งหกหมื่นคนต่างโกรธเกรี้ยว และกระโจนเข้าใส่คนของกองกำลังเฉินจีหยิงทันที
ภายในกระดานหมากล้อมแห่งความตาย ดังก้องไปด้วยเสียงโห่ร้องและความสับสนวุ่นวาย
...
ที่โลกภายนอก
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างตะลึงงันกับภาพตรงหน้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเห็นคนอื่นได้อย่างแจ่มชัด แต่การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองนั้นกลับชัดเจนยิ่ง ทั้งยังเห็นหลี่ฮ่าวหรานพ่ายแพ้แก่กู่ไห่ด้วยตาของตัวเอง
นั่นคือผู้บัญชาการของกองกำลังเฉินจีหยิง
เมื่อหนึ่งปีก่อน กู่ไห่เพิ่งเลื่อนพลังเข้าสู่ระดับก่อ์... ใช้เวลาเพียงน้อยนิดเช่นนี้ ก็สามารถโจมตีผู้บัญชาการของกองกำลังเฉินจีหยิงได้แล้ว? ที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตจากการต่อสู้กับหลี่ฮ่าวหรานสักคน ไม่ว่าศัตรูจะเป็ใคร เขาก็สามารถสังหารได้ด้วยธนูเพียงดอกเดียว
ทว่า ชายผู้ดุดันคนนั้น กลับพ่ายแพ้ต่อกระบี่ของกู่ไห่
ในใจของทุกคนมีเพียงความคิดเดียว นั่นคือกู่ไห่ผู้นี้ ไม่สมควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยเด็ดขาด ตอนนี้ เขาก็เป็เช่นดวงอาทิตย์ ที่ค่อยๆ ฉายแสงแรงกล้าอย่างไม่อาจต้านทานได้ หากผู้ใดคิดที่จะเผชิญหน้า ย่อมต้องถูกแผดเผาจนมอดไหม้
กู่ฉินและพวกต่างก็ตื่นเต้นทันที ที่เห็นร่างหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมา
“เสื้อคลุมครึ่งขาวครึ่งดำ? นี่คือท่านเว่ยเซิงเหริน! ข้าเคยเห็นเขาในแดนแรกสาบสูญ” ทันใดนั้น ก็มีคนร้องด้วยความประหลาดใจ
“เว่ยเซิงเหริน? อะไรกัน? ไม่จริงใช่ไหม? ท่านเว่ยเซิงเหรินจะมายืนแอบอะไรอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่นี่?” ใครบางคนกล่าวอย่างคาดไม่ถึง
ผู้ฝึกตนต่างแสดงสีหน้างุนงง
จากนั้น เมื่อกู่ฉินเห็นว่าคนผู้นั้น กำลังลอยมาลงยังที่ที่พวกเขายืนอยู่ จึงเข้าไปโค้งคำนับด้วยความงงงัน “ข้าตระกูลกู่ นามว่ากู่ฉิน ยินดีที่ได้พบท่านผู้าุโเว่ยเซิงเหริน”
ทว่า เว่ยเซิงเหรินกลับเมินเฉยต่อคนตรงหน้า และเดินตรงไปยังกระดานหมากล้อมแห่งความตายทันที
“เอ๋? เหตุใดท่านที่เพิ่งเข้าไป ถึงไม่มีหมากที่เป็ร่างแยกล่ะ?” ใครคนหนึ่งะโด้วยความข้องใจ
ทุกคนต่างงุนงง
เว่ยเซิงเหรินะโเข้าสู่กลหมากแห่งความตาย เพียงพริบตา ก็มาอยู่ใกล้กับพวกกู่ไห่แล้ว
“ท่านเว่ยเซิงเหริน?” ไต้ซือหลิวเหนียนเอ่ย พลางกุมาแของตน การมาของท่านผู้นี้ สร้างความพิศวงให้กับภิกษุชราไม่น้อย