อวี๋ฉิงที่กำลังมุ่งไปยังที่เกิดเหตุไม่ลืมแจ้งข่าวเพื่อให้ผู้เป็เพื่อนสบายใจ
“ฉันแจ้งหน่วยปราบจลาจลแล้ว จะไปถึงภายในห้านาที รอเดี๋ยวนะ”
เมื่อโทรศัพท์สั่นซูอินจึงหยิบมันเข้าไปในห้วงมิติ หลังจากเปิดอ่านข้อความเธอก็รู้สึกสงบลง
เธอรู้ว่าคุณหนูอวี๋เป็คนกว้างขวาง แต่ไม่คิดว่าจะถึงกับทำให้หน่วยปราบจลาจลเคลื่อนไหวได้
เธอจับมือเด็กชายตัวน้อยและเขย่า ก่อนจะก้มลงมองดวงตากลมคู่นั้นที่เหมือนกับผลองุ่น ขยิบตาเล็กน้อย จากมุมมองของอีกฝ่าย เธอยังคงแสดงอาการตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว
หลิงเมิ่งที่ยังคงจมอยู่กับความสุขที่จะได้แก้แค้นไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนสามกลุ่มที่กำลังตรงมาทางนี้ เมื่อเห็นท่าทีกลัวจนหัวหดของซูอิน เธอก็ระบายความคับข้องใจของตนเองออกมาอีก
ท้องฟ้าเริ่มมีสีดั่งเปลวเพลิง
ดวงอาทิตย์เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก คนทำงานในเมืองกำลังกลับบ้าน คนชนบทที่ทำงานอยู่ในทุ่งนามาทั้งวันเสร็จสิ้นภารกิจอันเหน็ดเหนื่อยเพื่อกลับไปกินข้าวที่บ้าน
สำหรับคนทั่วไปนี่คือการกลับไปกินข้าวเย็นธรรมดาที่ไม่มีอะไรเป็พิเศษ แต่สำหรับสี่สิบกว่าครอบครัวในชนบท การรับประทานอาหารเย็นร่วมกันคือความสุขที่สุด
ความกลัดกลุ้มใจเื่ค่าเล่าเรียนของบุตรได้คลี่คลายแล้ว
กองทุนช่วยเหลือค่าเล่าเรียนนั้นไม่ได้หลอกลวง
อีกฝ่ายไม่เพียงมอบเงินให้ ยังใส่ใจความรู้สึกของพวกเขา ไม่ให้คนจากสถานีโทรทัศน์บันทึกภาพติดหน้าพวกเขา
ทุกคนล้วนมีความนับถือในตนเอง แต่สำหรับคนยากจนที่ถือเป็ชนชั้นล่างของสังคม หลายครั้งที่พวกเขาทำได้เพียงยอมประนีประนอม คนยากจนนั้นหน้าบางราวกับกระดาษติดหน้าต่างบางๆ ที่พร้อมจะขาดทุกเมื่อ
แต่ในวันนี้พวกเขาเจอสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป
อีกฝ่ายไม่เพียงแก้ปัญหาหนักใจของพวกเขา แต่ยังใส่ใจเคารพศักดิ์ศรีของพวกเขาด้วย
ทั้งสี่สิบครอบครัวอยู่ในพื้นที่ต่างกัน แต่กลับยืนรวมตัวกันมองธนบัตรใหม่เอี่ยมที่อยู่ในซองแดง
“เป็ของจริง มีลายน้ำด้วย เงินก้อนนี้เป็ของจริง!”
“แบบนี้ลูกก็ได้เรียนหนังสือต่อแล้ว”
“คนที่มอบเงินให้ช่างเป็คนดีจริงๆ”
“เป็คนดีจริงๆ”
ตื่นเต้น ประทับใจ…ความรู้สึกมากมายปรากฏบนหน้าของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็ผู้ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน หรือแม้แต่ผู้ดำเนินการกองทุนที่เคยพบกันเพียงครั้งเดียว ตอนที่ไปรับเงินก็ทำให้สมาชิกในครอบครัวเหล่านี้ล้วนเกิดความรู้สึกตื้นตันใจ
สี่สิบครอบครัวที่มีคนรวมตัวกันนับร้อยมีเส้นด้ายสีทองที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ารวมจากทุกทิศทางพุ่งตรงมายังน้ำพุแห่งจิติญญาในห้วงมิติ
เพราะกำลังฟังคำพูดของหลิงเมิ่ง และสมองที่กำลังระดมความคิด ทำให้ซูอินถูกคำพูดของหลิงเมิ่งดึงความสนใจ จึงไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในน้ำพุแห่งจิติญญา
กำแพงสีเขียวเข้มเกิดฟองอากาศขนาดเล็กและใหญ่ลอยขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วไหลมารวมกัน น้ำเริ่มกลายเป็กระแสน้ำวน ฟองอากาศค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นทุกอย่างหลอมรวมกันก่อนจะก่อตัวเป็ตาน้ำขนาดใหญ่และไหลลงมา
ในเวลาเดียวกันหลิงเมิ่งที่กล่าวปราศรัยในฐานะ “ผู้ชนะ” จบก็เอ่ยคำพูดประโยคสุดท้าย
“สรุปว่าเธอจะไม่ยอมให้ฉันเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งใช่ไหม ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องเรียนเหมือนกัน!”
“จัดการเลย!”
เมื่อได้ยินคำสั่งจากหลิงเมิ่ง เหล่าอันธพาลที่ถูกยั่วยุจนเกิดความไม่พอใจมาก่อนหน้านี้ก็พุ่งตัวเข้ามาทันที
ซูอินกวาดตามองไปรอบๆ หน่วยปราบจลาจลยังไม่ปรากฏตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักข่าวประจำสถานีโทรทัศน์ประจำเมืองคนนั้นเลย
เหล่าอันธพาลจำนวนมากถาโถมเข้ามา หากถูกพวกเขาพุ่งชน ถ้าไม่ตายก็คงได้รับาเ็ เธอถอนหายใจอย่างแรง ดูท่าทางความลับของเธอคงต้องถูกเปิดเผยสินะ
ซูอินหันไปปลอบเด็กชายตัวน้อยที่มีสีหน้าหวาดกลัว
“อันอัน ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่ที่นี่”
หลังจากที่เธอได้ห้วงมิติ เธอเคยลองจับมดและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มาทดลอง ปรากฏว่าสามารถนำสิ่งมีชีวิตเข้าไปในห้วงมิติ ดังนั้นหากเธอนำน้องชายตัวน้อยเข้าไปไว้ในนั้น เธอก็ไม่ต้องเป็กังวล
ส่วนเื่ที่ความลับจะถูกเปิดเผย ยามวิกฤตเช่นนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงเื่นั้นแล้ว
เธอช้อนร่างเด็กชายตัวน้อยขึ้นมาก่อนจะวิ่งหนีเข้าไปในโรงงานร้าง ระยะนี้เธอออกกำลังกายเป็ประจำ เธอวิ่งเข้าไปในห้องหนึ่งและตั้งสติ รีบเชื่อมต่อกับห้วงมิติอย่างรวดเร็ว
ทว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น
เดิมทีใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเธอก็สามารถเชื่อมต่อห้วงมิติอย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าห้วงมิติเป็เพียงสถานที่ที่เธอจินตนาการขึ้นเอง
เกิดอะไรขึ้น
เมื่อถูกล้อม ซูอินที่มีความมั่นใจในตอนแรกกลับตื่นตระหนกโดยสมบูรณ์แบบ
อันธพาลที่อยู่เบื้องหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนห่างแค่เอื้อม ทันใดนั้นความสิ้นหวังก็ผุดขึ้นในใจเธอ
จบสิ้นแล้ว!
ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ทิ้งความหวัง อุ้มน้องชายตัวน้อย พยายามใช้ประโยชน์จากฉากกั้นต่างๆ ในโรงงานร้างเพื่อหลบเลี่ยง แต่พละกำลังของเธอเทียบไม่ได้กับผู้ชายในวัยเดียวกัน ไม่นานนักก็ถูกตามทัน
“เธอกล้าทำให้เมิ่งเมิ่งเข้าสถานพินิจหรือ”
คนแรกที่พุ่งเข้ามาคือต้าหู่ที่เคยนำกลุ่มอันธพาลเข้าไปสกัดเธอไว้ในวันที่มีสอบ เมื่อตามมาทัน เขาเหวี่ยงท่อนเหล็กสามเหลี่ยมใส่เธอโดยไม่ลังเล
ทันใดนั้นในที่สุดอวี๋ฉิงและหลี่ิฉีก็ตามมาทัน สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเธอคือภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวเบื้องหน้า
“กล้าดียังไง!”
อวี๋ฉิงะโ แววตาของเธอมองข้ามกลุ่มอันธพาลไปยังหลิงเมิ่งที่อยู่ด้านหลัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
มีคนมาหรือ
แววตาของหลิงเมิ่งเบิกกว้าง เธอรู้สึกเสียดายที่ก่อนหน้านี้มัวแต่เสียเวลาอยู่
จะพูดอะไรตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ อวี๋ฉิงยกกล้องดิจิทัลที่ห้อยคอไว้ขึ้นมาเปลี่ยนเป็โหมดบันทึกวิดีโอ “ฉันมีหลักฐาน ถ้าอินอินได้รับาเ็ เธอหนีไม่รอดแน่ รีบบอกให้พวกเขาหยุดเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้หลิงเมิ่งรู้สึกกลัว แต่เหล่าอันธพาลที่ถูกกระตุ้นอารมณ์กลับอยู่เหนือการควบคุมของเธอแล้ว
“ฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะ หากฆ่าคนก็ไม่ผิดกฎหมาย”
ต้าหู่ะโก่อนจะโบกท่อนเหล็กสามเหลี่ยมที่อยู่ในมือออกไปแรงๆ
การมาถึงของอวี๋ฉิงทำให้ซูอินมีความหวัง จึงพยายามวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง แต่ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเธอจึงรู้สึกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนนั้นก่อตัวอยู่ที่บริเวณศีรษะ
เธอเดินโซเซ ระหว่างที่ยังมีสติ ซูอินพยายามกอดเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนก่อนจะล้มลงกับพื้น
ก่อนที่จะหมดสติ สิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยินคือเสียงไซเรนจากรถตำรวจ
เธอรู้สึกโล่งใจก่อนจะหมดสติไป
ซูอินที่สลบไปไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เด็กชายตัวน้อยออกมาจากอ้อมแขนของเธอ หมวกแพนด้าเบี้ยว ตามตัวเปรอะเปื้อนดินโคลน เด็กชายหน้าตาน่ารักกลายเป็ขอทานขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นภาพการต่อสู้เบื้องหน้า ดวงตาโตราวกับผลองุ่นของเด็กชายตัวน้อยก็เอ่อล้นด้วยน้ำตา เมื่อเผชิญกับต้าหู่ เด็กชายตัวน้อยอย่างเขากลับยืนขึ้น มือสองข้างกางออกบังร่างของพี่สาวไว้
“ไม่ได้!”
“ไม่ให้ทำร้ายพี่สาว!”
พี่สาวคนสวยและอ่อนโยนเล่นกับเขา ซื้อของเล่นและเสื้อผ้าสวยๆ ให้เขา พี่สาวคือคนที่ดีกับเขาที่สุดในโลก
เขาเป็เด็กผู้ชาย จะต้องปกป้องพี่สาว
เสียงไซเรนของตำรวจค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ
“ตำรวจมา!”
ไม่รู้ว่าเสียงใคระโ อันธพาลหลายคนจึงหยุด ทว่าต้าหู่กลับไม่คิดใส่ใจก่อนหัวเราะเยาะ “จะขู่ใครเหรอ ต่อให้ตำรวจมาแล้วจะทำไม มาจริงๆ ฉันก็ไม่กลัว”
แต่ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มไม่ออก
รถคันสีดำเลี้ยวเข้ามา แสงไซเรนสีน้ำเงินแดงบนหลังคารถสว่างไสว รถแล่นตามมาทีละคันก่อนจะเข้าจอดจนแน่นไปหมด
“รีบหนีเร็ว!”
ไม่รู้ว่าใครเป็คนนำ เหล่าอันธพาลไม่สนใจอะไรอีกต่อไป พากันหนีเตลิดเปิดเปิงไปทุกทิศทาง
แต่คนจะวิ่งหนีรถยนต์ได้หรือ
พื้นที่รกร้างรายล้อมด้วยโรงงานร้าง ทำให้รถของเ้าหน้าที่ล้อมไว้ได้อย่างรวดเร็ว ประตูรถเปิดออก เ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบสีดำเดินลงมา ในมือยกโล่สีดำขึ้นก่อนจะเข้าล้อมอย่างแ่า
อันธพาลนับร้อยคนไม่คิดขัดขืน พวกเขาทิ้งอาวุธ มือสองข้างวางบนท้ายทอยก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นอย่างว่าง่าย