เด็กที่อยู่ตรงหน้าอายุราวสิบเอ็ดสิบสองปี รูปร่างผอมสูงทะมัดทะแมง สาเหตุคงเป็เพราะร่ำเรียนวรยุทธ์
เขาก้มศีรษะต่ำ มองเห็นเค้าหน้าไม่ชัด หลังรับคำสั่งของเฟิ่งหยาง ก็ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง "ขอรับ"
"ถอยออกไปเถอะ" เฟิ่งหยางโบกมือ หลิงจื้อหายไปจากเบื้องหน้าอีกครั้ง
หลินหลันเซิงได้เห็นฝีมือของหลิงจื้อ แววตาก็เปี่ยมไปด้วยความหวัง คิดอย่างเรียบง่าย ถังชิงหรูคือผู้พระคุณ และเป็คนที่ตนเองใส่ใจที่สุด เขาอยากเรียนวรยุทธ์เพื่อปกป้องคุ้มครองนาง
"เมื่อเ้าตัดสินใจแล้วก็ตั้งใจศึกษาให้ดี พี่สาวจะทำของกินให้เ้าทุกวันจะได้ช่วยบำรุงร่างกาย" ถังชิงหรูลูบศีรษะหลินหลันเซิง
"ขอรับ" หลินหลันเซิงพยักหน้า
กินข้าวเสร็จ เฟิ่งหยางก็พาหลินหลันเซิงไป พอขาดผู้ติดตามอยู่ข้างตัว ถังชิงหรูก็รู้สึกเหงาอยู่บ้าง จึงตัดสินใจไปดูการค้าที่ร้าน ยังไม่ทันก้าวเข้าประตู ก็เห็นคนจำนวนมากกรูกันเข้าไปในร้านแต่ไกล ถังชิงหรูยกยิ้มน้อยๆ ไม่เห็นว่าเป็เื่สำคัญ จนกระทั่งมีเสียงด่าทอดังออกมาจากด้านใน นางถึงกระจ่างว่าที่แท้มีคนมาก่อเื่ เมื่อครู่นางนึกว่าคนเ่าั้คือลูกค้าเสียอีก
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ร้านนั้นมิใช่ว่าขายดีมากหรือไร ได้ยินมาว่าของที่นั่นแพงมาก มีแต่เศรษฐีเ่าั้ถึงจะซื้อได้" หญิงขายผักข้างถนนสองคนกำลังคุยกันเื่ร้านหัวใจสตรี ถังชิงหรูซึ่งเดิมทีคิดจะรีบเข้าไปดูจึงรั้งเท้าเดินให้ช้าลง ด้วยอยากฟังว่าผู้อื่นจะพูดอย่างไรกันบ้าง อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้มาดูแลร้านนานแล้ว
"เมื่อครู่มีคนมาเอะอะโวยวาย ว่าของที่ขายในร้านนี้เป็ของที่หญิงนางโลมสวมใส่กัน บุรุษของฮูหยินสูงศักดิ์ท่านหนึ่งถูกนางโลมคนนั้นยั่วยวนจนหลงใหล ก็เลยส่งคนมาพังร้าน ตอนนี้มาอีกกลุ่มแล้ว ดูท่าร้านนี้คงจะขายดีเกินไป ทำให้มีคนอิจฉาตาร้อน เลยจงใจมาหาเื่"
"ั้แ่เห็นร้านนี้ขายดีเป็เทน้ำเทท่า ข้าก็รู้แล้วว่าต้องเกิดเื่เข้าสักวัน ตอนนี้เมืองชิ่งเกิดความวุ่นวาย คนถ่อยมากมายออกมาเพ่นพ่านตามถนน คนทำการค้าส่วนใหญ่ต่างย้ายหนีกันไปเกือบหมดแล้ว"
ถังชิงหรูยังไม่เข้าไปก็เห็นคนพาลเ่าั้ถูกไล่ออกมา ที่แท้เฟิ่งหยางเตรียมยอดฝีมือสองคนสามคุมอยู่ด้านใน หากเจอพวกอันธพาลถึงจะออกมาปรากฏตัว
"เสี่ยวเม่ย เ้าไม่เป็อะไรนะ ได้รับาเ็หรือเปล่า" ภายในร้าน โม่เสี่ยวเม่ยนั่งกุมแขนอยู่บนพื้น โลหิตสีแดงสดไหลนองอาบย้อมอาภรณ์ของนาง
โม่เสี่ยวเม่ยหน้าซีดเผือด เอ่ยวาจาด้วยสีหน้าเ็ปทรมาน "ขะ... ข้า กลัวเื" กล่าวจบก็หมดสติไป
"รีบประคองเสี่ยวเม่ยไปโรงหมอเร็วเข้า" เสียงหญิงคนหนึ่งเอ่ยปาก
"เสี่ยวเม่ยเืออกเยอะขนาดนี้ จะหามไปได้อย่างไร" หญิงสาวอีกคนร้องห้ามปราม "พวกเราไปเชิญท่านหมอมาดีกว่า"
พอถังชิงหรูเข้าประตูมาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็รีบสาวเท้าเข้าไป จากนั้นก็หยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มให้เสี่ยวเม่ย ไม่ช้าโลหิตก็หยุดไหล
สตรีสองคนที่อยู่ด้านข้างต่างมองถังชิงหรูด้วยสีหน้าเลื่อมใส หนึ่งในนั้นร้องไห้เอ่ยว่า "แม่นาง ในที่สุดท่านก็มาเสียที หากท่านไม่มา พวกเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เดิมทีเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าพวกเราควรรีบแจ้งให้แม่นางทราบ แต่เสี่ยวเม่ยบอกว่าเป็แค่เื่เล็กน้อย แม่นางมีงานยุ่งทั้งวัน อย่าไปรบกวนดีกว่า แต่ไม่นึกว่าพอ่บ่าย..."
"ข้ารู้แล้ว" ถังชิงหรูมองหญิงปักผ้าสองคน พลางเอ่ยว่า "พวกเ้าคือชิงอีกับลวี่สุยสินะ เสี่ยวเม่ยมอบให้ข้าดูแล ส่วนพวกเ้าไปเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อยเถิด"
"เ้าค่ะ" ชิงอีลากลวี่สุ่ยซึ่งยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นออกไป หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บกวาดหน้าร้านให้เรียบร้อย
ชายร่างบึกบึนที่อยู่ด้านข้างคือมือสังหารของเฟิ่งหยาง เขาแขนขาดไปข้างหนึ่ง ดังนั้นถึงถูกส่งมาทำงานที่ไม่หนักมาก ปรกติที่นี่ไม่ค่อยมีคนมาก่อนเื่ พวกเขาก็ใช้ชีวิตอิสระ อย่างไรเสียก็มีกันอยู่สามคน แม้ว่าคนหนึ่งจะเหลือแขนอยู่ข้างเดียว แต่การจัดการกับมอดไรเล็กๆ เหล่านี้ไม่นับว่าเหลือบ่ากว่าแรง สำหรับคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดอย่างพวกเขา
พวกเขาทั้งสามมีชื่อว่า จางซง หวังสยง และถังซานหู่ วันนี้คนที่เฝ้าดูแลร้านคือจางซง อีกสองคนที่เหลือออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา
จางซงมีแขนข้างเดียว ไม่อาจอุ้มโม่เสี่ยวเม่ย พอเห็นถังชิงหรูอุ้มนางขึ้นมาด้วยตนเอง พลันเกิดความรู้สึกว่าการมีแขนเพียงข้างเดียวช่างเป็เื่ที่ยากจะรับได้
"มัวแต่ยืนทื่ออยู่ได้" ถังชิงหรูหันไปเห็นจางซงยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น ก็เอ่ยถามอย่างร้อนใจ "รู้หนังสือหรือไม่ ข้าจะบอกเทียบยา เ้าไปซื้อหาสมุนไพร แขนของนางได้รับาเ็สาหัส จำเป็ต้องใส่ยาเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้ามากะทันหัน ไม่ได้เตรียมสมุนไพรมาด้วย"
"แม่นางพูดมาเลย ข้าน้อยรู้หนังสือขอรับ" จางซงละล่ำละลัก
"งั้นก็ดี เ้าไปจัดมาให้ข้า..." ถังชิงหรูฉีกแขนเสื้อของโม่เสี่ยวเม่ยข้างที่ได้รับาเ็ก่อนพันแผลอย่างง่ายให้นางก่อน ตอนนี้ยังไม่มียา อีกสักครู่ต้องพันใหม่อีกรอบ "เส้นเอ็นที่มือได้รับาเ็ หากจัดการไม่ดี ต่อไปอย่าหวังว่าจะได้ทำงานเย็บปักได้อีก ระหว่างที่เ้าไปซื้อของ ข้าจะทำการผ่าตัดให้นางก่อน"
จางซงไม่รู้ว่าการผ่าตัดที่ถังชิงหรูเอ่ยถึงคือสิ่งใด แต่รู้ได้เื่หนึ่งคืออาการของโม่เสี่ยวเม่ยสาหัสยิ่ง เขาต้องรีบไปซื้อสมุนไพรกลับมาอย่างเร่งด่วน
นับั้แ่นางวางมือจากการเป็เถ้าแก่ ร้านค้าก็มีสตรีสามคน ผู้คุ้มกันสามคนดูแลรับผิดชอบ ปรกติก็ไม่เคยมีเื่ ไม่นึกว่าวันนี้จะมีคนมาก่อกวนมากมายขนาดนี้ ผู้คุ้มกันสามคนเฝ้ามาสองเดือน ไม่เคยมีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้นมาก่อน จึงเป็เหตุให้ประมาทเลินเล่อ
ชิงอีกับลวี่สุ่ยเก็บกวาดร้านเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปช่วยถังชิงหรูดูแลโม่เสี่ยวเม่ย
หญิงสาวสองคนนี้ในความทรงจำของถังชิงหรู ชิงอีเชี่ยวชาญการคำนวณ ไม่ว่าคำถามเกี่ยวกับตัวเลขจะซับซ้อนแค่ไหน นางก็สามารถให้คำตอบได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ส่วนลวี่สุ่ยเป็คนปากหวานมีวาทศิลป์ มีนางเข้ามา ล้วนเอาใจลูกค้าสตรีเ่าั้จนอยู่หมัด ไม่เพียงแต่ยอมจ่ายเงินซื้อของด้วยความเต็มใจ ยามออกไปจากร้านยังหน้าบานเป็จานเชิง ไม่ว่าลูกค้าจะเอาใจยากแค่ไหน ขอแค่ได้ผ่านฝีปากของลวี่สุ่ย สุดท้ายก็กลายเป็เหมือนเพื่อนพี่น้องข้างบ้านกันทุกคน ในส่วนนี้ถังชิงหรูสามารถรับรองได้
เนื่องจากทั้งสามต่างมีความสามารถโดดเด่นไปคนละด้าน ถังชิงหรูจึงพักผ่อนได้อย่างสบายใจ แต่ไม่คิดว่าการค้าดีเกินไป จะทำให้พวกนางสามคนถูกคนรังแก
หวังสยงกับซานหู่ได้ยินข่าวก็รีบกลับมา หวังสยงมือขาดไปข้างหนึ่งนับได้ว่าเป็คนพิการ ส่วนถังซานหู่ก็ตาบอดหนึ่งข้าง ที่จริงถังซานหู่ยังสามารถทำงานในหน่วยสังหารต่อ แต่เฟิ่งหยางได้ยินว่าเขาเพิ่งได้บุตรชาย หากมอบสถานะที่เปิดเผยให้ เขาก็สามารถกลับไปเยี่ยมลูกเมียได้
ถังชิงหรูมองคนทั้งสองในสมองก็มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาผุดขึ้นมามากมาย ทำให้รู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง นับวันนางยิ่งรู้จักเฟิ่งหยางมากขึ้น และรู้เื่ราวต่างๆ มากมาย ต่อไปหากตนเองคิดจะตีจาก เกรงว่าบุรุษผีเข้าผีออกผู้นั้นต้องไม่ยินยอมแน่ นี่คือผลลัพธ์ของการลงเรือโจร นางรู้สึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก
ยามนี้เสี่ยวมีร่างเป็ลูกสุนัข ไม่อาจติดตามนางได้ตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน แต่ตราบใดที่นางเรียก มันก็จะมาปรากฏตัวตรงหน้านางทันทีราวกับสัตว์อสูร
นางเคยอยากเลี้ยงสัตว์อสูรมาก่อน แต่สัตว์อสูรของร้านค้าในระบบมีราคาสูงเกินไป ด้วยแต้มจรรยาแพทย์ของนางตอนนี้ แม้แต่เสี่ยวอียังเลี้ยงไม่ไหว นับประสาอันใดกับสัตว์อสูร นางจึงล้มเลิกความคิดนั้นไปเสีย บัดนี้เสี่ยวอีกลายร่างเป็สัตว์อสูรแล้ว แม้ว่าจะเหมือนโครงไก่ที่ใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก แต่ถึงกระนั้นก็สามารถชดเชยความปรารถนาในใจที่อยากเลี้ยงสัตว์อสูรของตนเองได้
"แม่นาง พวกเราต้องทำอันใดอีกบ้างเ้าคะ" ชิงอีกับลวี่สุ่ยช่วยถังชิงหรูทำความสะอาดแผลให้เสี่ยวเม่ย หลังจากจากนั้นก็เปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ที่สะอาดสะอ้านให้แก่นาง
"พวกเ้าออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวข้าจะใช้เคล็ดลับวิชาฝังเข็มที่อาจารย์ถ่ายทอดมาให้รักษานาง ไม่สะดวกให้พวกเ้าอยู่ที่นี่" ถังชิงหรูกล่าวเสียงเรียบ
"เ้าค่ะ" หญิงสาวทั้งสองไม่มีข้อโต้แย้ง
หลังจากทั้งสองออกไปแล้ว ถังชิงหรูก็เรียกเสี่ยวอี
"นายหญิง..." เสี่ยวอีหาได้เอ่ยปากสนทนา แต่ส่งกระแสจิตมายังสมองของนางเหมือนเมื่อก่อน
"เสี่ยวอี มือของโม่เสี่ยวเม่ยเส้นเอ็นขาด นายเตรียมอุปกรณ์ผ่าตัดให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะต่อเส้นเอ็นให้นางก่อน" ถังชิงหรูพูดกับเสี่ยวอี
"ได้ครับ" หลังเสียงของเสี่ยวอีสิ้นสุด เครื่องมือผ่าตัดจำนวนมากก็ปรากฏตรงเบื้องหน้า หลังจากนั้นหนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรก็เริ่มทำการต่อเส้นเอ็นให้โม่เสี่ยวเม่ย
หน้าห้อง ชิงอีกับลวี่สุ่ยต่างเดินวนไปวนมาอย่างวิตกกังวล ชิงอีกล่าวด้วยความเป็ห่วง "แม่นางจะรักษาพี่เสี่ยวเม่ยได้ไหมนะ"
"เ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ เสี่ยวเม่ยไม่เป็ไรหรอก" ลวี่สุ่ยอายุมากกว่าโม่เสี่ยวเม่ย จึงไม่เรียกนางว่าพี่สาว แต่เรียกชื่อนางโดยตรง
"พี่จาง" ชิงอีหันไปมองบุรุษร่างสูงใหญ่ฝั่งตรงข้าม "เมื่อครู่ท่านเข้ามาขวางหน้าพี่เสี่ยวเม่ย มือของท่านคงาเ็เหมือนกันกระมัง"
จางซงมองแขนข้างที่ต้องคมมีด ซึ่งยามนี้ใช้ผ้ามัดไว้อย่างลวกๆ เมื่อครู่เหตุการณ์ชุลมุน ถังชิงหรูจึงไม่ได้สังเกตเห็น เขาเองก็มิได้นำพา หากเทียบกับอาการาเ็ที่ได้รับก่อนหน้านี้ าแแค่นี้เป็เื่เล็กน้อย ถึงไม่ใส่ยา เพียงไม่กี่วันก็สมานเองได้
"พวกเ้ายังเฝ้าตรงนี้อยู่อีกหรือ" ถังชิงหรูเดินออกมาด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย เห็นทุกคนยังคงยืนอยู่หน้าประตู จึงเลิกคิ้วถาม
"แม่นาง..." สายตาห้าคู่พุ่งตรงมาที่ถังชิงหรู
ถังชิงหรูนวดแขนที่รู้สึกปวดเมื่อย ดึงหน้ากากอนามัยออก ก่อนเอ่ยว่า "าแค่อนข้างหนัก ต้องใช้เวลาฟื้นฟูประมาณหนึ่งเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเอ็นที่ข้อมือถูกตัดขาด ยิ่งต้องดูแลอย่างดี มิเช่นนั้นต่อไปนางคงไม่อาจทำงานปักผ้าได้อีกแล้ว ข้าจะให้นางกินยาอย่างดี แค่ฟังและทำตามที่ข้าบอกอย่างเคร่งครัด ย่อมสามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมได้ไม่มีปัญหา"
"เช่นนั้นก็ดี พี่เสี่ยวเม่ยมีพร์ด้านการเย็บปักถักร้อยขนาดนั้น หากต้องกลายเป็คนพิการ คงน่าเสียดายแย่" ชิงอีลูบหน้าอกเบาๆ อย่างโล่งอก
"พวกเ้าค่อยๆ ช่วยกันหามนางไปขึ้นรถม้า ให้นางย้ายกลับไปพักผ่อนที่จวนเถอะ ต่อไปข้าจะดูแลร้านนี้เอง จนกว่านางจะหายเป็ปรกติค่อยส่งคืนให้อีกครา" ถังชิงหรูหันไปพูดกับจางซง ถังซานหู่ และหวังสยง "เื่นี้มีเงื่อนงำน่าสงสัย พวกเ้าไปตรวจสอบให้แจ่มชัด"
"เมื่อครู่ข้าน้อยไปตรวจสอบแล้ว" ถังซานหู่พูดติดสำเนียงทางเหนือ "่นี้เมืองชิ่งมีองค์กรนามว่าหอจตุรทิศมาปรากฏตัว ปรกติไม่มีงานทำก็มารีดไถเก็บค่าคุ้มครอง สองวันก่อนมาเก็บเงินที่ร้านเรา จึงถูกพวกเราขับไล่ออกไป ฝีมืออย่างพวกเขาหาใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราอยู่แล้ว มีสามคนาเ็กลับไปด้วย เื่ครานี้คงเป็ฝีมือคนเ่าั้กลับมาแก้แค้น เมื่อพวกเราเป็คนก่อปัญหา ก็มอบหมายให้เป็หน้าที่พวกเราเถอะขอรับ ข้าจะจัดการเ้าพวกหอจตุรทิศให้แตกกระเจิงไปเลย”