บทที่ 73 คุณลุงกลับมาอีกครั้ง
การขายซาลาเปาและหมั่นโถวไปได้เจ็ดลูกในคราวเดียวนั้นเป็กำลังใจอย่างมากสำหรับสวี่จือจือ
แม้แต่ลู่ซืออวี่ที่กังวลเมื่อครู่ก่อนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตอนนี้
ชายร่างกำยำที่อยู่ข้างๆ ถึงกับตะลึงงัน ไม่คิดเลยว่าการค้าขายครั้งแรกของเขาจะเป็ไปในลักษณะนี้
ชายวัยกลางคนจ่ายเงิน สวี่จือจือนำซาลาเปาห่อด้วยกระดาษใส่ตะกร้าส่งให้เขา
“เอ่อ...” ชายร่างกำยำพูดเสียงเบา “น้องสาว ที่นี่มีห้าอีแปะ ฉันขอติดหนี้เธอไว้ก่อนสามอีแปะได้ไหม”
ท้องหิวเกินไป ในหัวตอนนี้มีแต่เื่กินหมั่นโถวกินหมั่นโถว ไม่มีอารมณ์จะขายของเลย
“ได้สิคะ” สวี่จือจือยิ้มแย้มเปิดผ้าคลุม แล้วหยิบหมั่นโถวร้อนๆ ออกมา สอดหัวไชเท้าดองให้ชายร่างกำยำ “พี่ใหญ่กินก่อนเถอะ วันนี้ยังอีกยาวไกล”
ตอนนี้ทุกคนเพิ่งจะทยอยกันมาเดินตลาด
ชายร่างกำยำรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา เขาสังเกตเห็นว่าหัวไชเท้าดองที่เด็กสาวคนนั้นใส่ให้เขานั้นเยอะกว่าที่ใส่ให้ชายวัยกลางคนอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบใจนะ” ชายร่างกำยำก้มหน้าลงกินหมั่นโถวกับน้ำที่เตรียมมา
อร่อยจริงๆ!
และในระหว่างที่เขากำลังกินหมั่นโถวนั้น สวี่จือจือก็เปิดร้านได้อีกสองครั้ง ขายหมั่นโถวไปสองลูก และซาลาเปาหนึ่งลูก
มีคนมาถามมากมาย แต่หลายคนก็ถอดใจเพราะราคา
ลู่ซืออวี่เป็ห่วงเล็กน้อย แต่สวี่จือจือกลับไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะหลายคนเพิ่งมาจากบ้านเพื่อมาเดินตลาด ตอนนี้ยังไม่หิว รออีกสักพักพอหิวแล้วก็จะนึกขึ้นมาอยากซื้ออะไรกิน
ปรากฏว่าพอใกล้เที่ยง คนมาซื้อซาลาเปาก็มากขึ้น แม้แต่คนที่ขายของอยู่แผงข้างๆ สวี่จือจือก็ยังมาซื้อของกินที่ร้านเธอ
ไม่ต้องวิ่งไปไหน แถมยังได้กินอิ่มกินอร่อย ใครๆ ก็อยากทำ
ชายร่างกำยำยิ่งไม่คาดคิดว่า วันนี้เขามาสายไม่ได้ที่ทำเลดี แต่กลับโชคดีเพราะอยู่ข้างๆ สวี่จือจือ เวลาที่คนมาซื้อซาลาเปาก็จะเห็นตะกร้าของบ้านเขา หลายคนที่กินซาลาเปาแล้วก็ซื้อตะกร้าของเขาไปด้วย
เงินสามอีแปะที่ชายร่างกำยำติดค้างไว้ก็ถูกนำมาคืนให้กับสวี่จือจือั้แ่เนิ่นๆ ไม่เพียงแค่นั้นพอเห็นว่าซาลาเปาของพวกเธอกำลังจะหมด เขาก็รีบซื้อไปอีกสองลูก ตั้งใจจะเอาไปให้ลูกๆ ที่บ้านได้ลองชิม
หลังจากที่ซาลาเปาและหมั่นโถวของสวี่จือจือขายหมด สองพี่น้องก็เก็บของเตรียมตัวจะกลับ ก็เห็นชายวัยกลางคนที่ซื้อของเป็คนแรกเมื่อครู่วิ่งกระหืดกระหอบมา
“พวกเธอยังไม่กลับ โชคดีจริงๆ” ชายวัยกลางคนพูดพลางเช็ดเหงื่อ
“คุณลุง” สวี่จือจือยิ้มแย้มกล่าว “ไม่ต้องรีบเอาชามมาคืนขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
“ไม่ใช่เื่ชาม” เขาพูดพลางหอบหายใจพลางโบกมือ “ซาลาเปาและหมั่นโถวของเธอ...ยังมี...” พูดยังไม่ทันจบ เมื่อมองดูท่าทางของสองพี่น้อง คงจะกำลังจะกลับกันแล้ว ก็ยิ้มพลางส่ายหน้า “ขายหมดแล้วเหรอ?”
สวี่จือจือยิ้ม “ใช่ค่ะ ถ้าคุณอยากกิน ต้นเดือนหน้าค่อยมาใหม่นะคะ หนูจะเก็บไว้ให้”
“ฉันขอปรึกษาเธอเื่หนึ่งหน่อย” ชายคนนั้นดันแว่นตาขึ้นแล้วแนะนำตัว “ฉันชื่อหวังไห่จวิน เป็หัวหน้าสำนักงานของสถานีขนส่งประจำอำเภอ ซาลาเปาของเธอ วันนี้ฉันเอาไปที่ทำงาน ก็โดนพวกเขารุมทึ้งเลย”
เป็อย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงซื้อซาลาเปาและหมั่นโถวไปเยอะขนาดนั้น
“คืออย่างนี้” เขาพูด “ฉันปรึกษากับหัวหน้าสถานีของเราแล้ว อยากจะให้เธอมาส่งซาลาเปาและหมั่นโถวให้พวกเรา อ้อ แล้วก็หัวไชเท้าดองของเธอด้วย”
สวี่จือจือตกตะลึง “คุณลุง นี่...จะเป็ไปได้เหรอคะ?”
จะไม่ถูกหาว่าเป็พวกเก็งกำไรเหรอ?
“ทำไมจะเป็ไปไม่ได้ล่ะ?” หวังไห่จวินยิ้มแย้มกล่าว “สถานีของเรามีรถโดยสารประจำทางระยะไกล พนักงานขับรถหลายคนจริงๆ แล้วขับรถโดยที่ท้องว่างเปล่า อย่างนี้มันอันตรายมาก”
เขาเสนอเื่นี้ในการประชุมหลายครั้ แต่ก็ไม่ได้รับการใส่ใจ จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนเกือบเกิดอุบัติเหตุ สถานีถึงได้ให้ความสำคัญกับเื่นี้ แต่จะให้จัดตั้งโรงอาหารโดยเฉพาะก็ยังไม่ได้มาตรฐานที่จะสร้างโรงอาหารได้
เดิมทีเขาตั้งใจจะซื้อซาลาเปาและหมั่นโถวไปให้ลูกๆ ที่บ้านได้ลองชิม แต่พอเข้าไปในสถานีก็โดนพนักงานขับรถที่สนิทกันรุมทึ้ง หัวหน้าสถานีของพวกเขาก็ได้ลองชิมไปลูกหนึ่ง
ไม่รู้ว่าใครพูดออกมาว่า “ถ้าได้กินซาลาเปาอร่อยๆ แบบนี้ได้ทุกวันก็ดีสิ”
ทำให้หัวหน้าสถานีเกิดความคิดขึ้นมา เรียกเขาเข้าไปในห้องทำงาน ถามว่าซื้อซาลาเปามาจากที่ไหน
หวังไห่จวินก็เล่าเื่ที่ไปซื้อซาลาเปาให้ฟัง รู้ว่าหัวหน้าสถานีของพวกเขามีความพิถีพิถันเื่ความสะอาด เขาเน้นย้ำเป็พิเศษว่าเด็กสาวสวมหน้ากากอนามัย ตอนขายซาลาเปายังมีผ้าขนหนูให้คนเช็ดมือด้วย
หัวหน้าสถานีรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก บอกว่าจะขอเจอเด็กสาวทั้งสองคนทันที
“เธอไปที่สถานีของเรากับฉันได้ไหม?” หวังไห่จวินถาม
“ได้ค่ะ” สวี่จือจือคิดๆ ดูแล้วกล่าว “ตราบใดที่ไม่ใช่เื่ผิดกฎหมายอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
เดิมทีเธอตั้งใจจะพาลู่ซืออวี่ไปเดินเล่นด้วยกัน แต่ดูท่าทางคงจะไม่ได้แล้ว เก็บของตามหวังไห่จวินไปที่สถานีขนส่งทันที
“พี่สะใภ้” ลู่ซืออวี่ตอนนี้ยังรู้สึกเคลิบเคลิ้ม พูดเสียงเบา “พี่ว่านี่เป็เื่จริงเหรอคะ?”
ทำไมเธอถึงไม่อยากจะเชื่อเลยนะ? อย่าหลอกพวกเราเลยนะ
“ไม่เป็ไร” สวี่จือจือยิ้ม “พอไปถึงก็รู้เอง”
สถานีขนส่งประจำอำเภอตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของถนนสายใต้ในตัวอำเภอ ทั้งอำเภอมีสถานีขนส่งอยู่เพียงแห่งเดียว หลอกคนไม่ได้หรอก
หวังไห่จวินนำทั้งสองคนไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าสถานี แล้วก็รินน้ำให้พวกเธอ “ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องตื่นเต้น หัวหน้าสถานีของเราเดี๋ยวก็มา”
ขณะกำลังพูดอยู่ก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ยิ้มพลางมองไปที่หวังไห่จวิน “เด็กสองคนนี้ใช่ไหม?”
ดูแล้วยังเด็กมาก แต่เด็กบ้านคนจนมักจะขยันขันแข็งเร็วกว่าคนอื่น เสื้อผ้าก็สะอาดสะอ้าน ทั้งสองคนแต่งตัวเรียบร้อยมาก
เขาก็มีความรู้สึกที่ดีต่อพวกเธอทันที
“นั่งลงสิ” เขายิ้มแย้มกล่าว “แม่หนู ซาลาเปานี่พวกเธอทำเองเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ” สวี่จือจือยิ้มพลางส่ายหน้า “พี่สาวหนูทำ พี่สาวหนูทำซาลาเปาและห่อเกี๊ยวอร่อยมาก”
“อืม” หัวหน้าสถานียิ้มพลางพยักหน้า “เมื่อกี้หัวหน้าแผนกหวังได้บอกพวกเธอไปแล้วใช่ไหม? พวกเธอสามารถกลับไปปรึกษากับคนในครอบครัวได้”
“ไม่ต้องปรึกษาหรอกค่ะ” สวี่จือจือยิ้มกล่าว “พวกเราตัดสินใจเองได้ แค่ไม่รู้ว่าสถานีของพวกคุณในแต่ละเช้า้าซาลาเปาและหมั่นโถวกี่ลูก? แล้วต้องส่งกี่โมง? ถ้าเช้าเกินไป พวกเราอาจจะมาส่งไม่ทันเวลาค่ะ”
ท้ายที่สุดแล้วจากหมู่บ้านผานสือมาที่นี่ พวกเธอเข็นรถเดินเท้าอย่างรวดเร็วยังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเลยนะ
หัวหน้าสถานีไม่คิดว่า สวี่จือจือเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะคิดถึงปัญหาเหล่านี้ได้เร็วขนาดนี้
เขาพูดด้วยรอยยิ้มทันที “เดี๋ยวฉันขอดูตารางเวร” แล้วก็พูดอีกว่า “รถเที่ยวแรกของพวกเราในตอนเช้าคือเจ็ดโมงครึ่ง พวกเธอมาทันเวลานี้ไหม?”
เจ็ดโมงครึ่งก็ใกล้เคียงกับเวลาที่พวกเธอมาในวันนี้ แต่ตอนนี้เป็ฤดูร้อน รอจนถึงฤดูหนาวเวลานี้อาจจะเช้าเกินไป เธอกล่าวว่า “ฤดูร้อนเวลานี้ได้ค่ะ”
หัวหน้าสถานีได้ยินความหมายแฝงของเธอโดยธรรมชาติ อดไม่ได้ที่จะมองเธอด้วยสายตาที่ยกย่อง
“สั่งไปก่อนสามสิบลูก ซาลาเปาสามสิบลูก หมั่นโถวสามสิบลูก” หัวหน้าสถานีกล่าวแล้วก็มองไปที่หวังไห่จวิน “นายว่าไง? ถ้าดี พวกเราค่อยทำต่อ” ถ้าไม่ดีก็ไม่เอา
“ถ้าอย่างนั้น...” สวี่จือจือยิ้มกล่าว “พวกเราขอทำสัญญากันสักหน่อยได้ไหมคะ?”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้