“พี่ใหญ่ พี่สอง ผมเอาเหล้าไปก่อนแล้วนะ” หวังเซิงไม่รู้เอาหลอดมาจากที่ไหนเปิดขวดใบใหญ่ของตนเองออกน้อยๆ จากนั้นก็เสียบหลอดเขาไป ดูดนิดหน่อยแล้วก็รีบปิดฝา เรียกคนใช้บ้านกัวเตรียมให้มายกขวดเหล้าไป
“ให้ตาย ดูเ้าสองนั่นสิ เหล้าของจริงแน่ๆ เลย อย่าเพิ่งให้มันไปก่อนถ้าของพวกเราเป็ของปลอม อย่างน้อยก็กินของมันได้” หลี่เย่าพูดพลางห้ามหวังเซิงเอาไว้
“พี่ใหญ่ ทำอะไรกันอยู่เนี่ย เอามือลงเลย เดี๋ยวผมมีประชุม ถ้าไปถึงช้าไม่รู้คุณอาผมจะจัดการกับผมยังไงเอามือลงเร็วพี่ๆ” หวังเซิงพูดเสียงดัง
“แค่รองหัวหน้าหน่วยวางแผนครอบครัวอย่างแกจะประชุม รอแปบนึงรอเราทดสอบเหล้าของพวกเราเสร็จแล้วเดี๋ยวก็ปล่อยแกไป ไปเอาหลอดมาให้ฉัน!” หลี่เย่าพูดเสียงดัง
“เ้าอ้วน พวกเราไปก่อนแล้วนะ มีอะไรก็ไปหาฉันที่บ้านได้” หลี่เย่าดูดเหล้าเล็กๆ คำนึง ก็รีบปิดฝา ไม่ได้ตามหาใครแล้วรีบดิ่งไปอุ้มเหยือกใบใหญ่ขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
“ไปไม่ได้ พวกแกใครก็ไปไม่ได้ รอให้ฉันทดสอบเหล้าเสร็จแล้วถึงจะไปได้” ในใจของเจี่ยหยวนพลันตระหนก เ้าสี่ แกคงไม่ได้จะแกล้งฉันแบบนี้ใช่ไหมคิดๆไปเจี่ยหยวนก็เอาหลอดที่หลี่เย่าส่งมาให้ ค่อยๆ ดูดเหล้า
“ไปกันเถอะ ถ้า่นี้ไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมาหาฉัน ให้ฉันได้เมาเละหน่อย” เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจใช้คำพูดใดมาอธิบายได้
“พี่เซิ่ง ในเหยือกกับในขวดเหล้าใส่อะไรไว้กันแน่ทำไมพวกเขาถึงได้มีความสุขแบบนี้ล่ะ” เมื่อทั้งสามออกจากบ้านตระกูลกัวไปคนรับใช้สองสามคนก็มองพ่อบ้านพลางพูดถาม
พ่อบ้านตระกูลกัวหยิบหลอดที่เจี่ยหยวนใช้เป็คนสุดท้ายจากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียไปโดยไม่ได้สนใจว่าจะสะอาดหรือไม่
“นายน้อย นายน้อย เหล้า เหล้า!” พ่อบ้านตระกูลกัวพูดด้วยความตื่นเต้นสุดขีดต่อมาก็เป็ลมล้มพับไป
แน่นอนเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกัวไฮว่ไม่รู้อย่างแน่นอนเมื่อตื่นจากฝันร้าย เขาก็ล้างหน้าล้างตา กินข้าวเช้าเป็เพื่อนผู้ใหญ่ทั้งสองจากนั้นตัวเขาเองก็เดินทางไปยังโรงเรียนโดยไม่ให้ใครไปส่ง
“โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง (โรงเรียนฟู่จง)ในความทรงจำเด็กนี่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย นั่งรถเมล์ไปก็แล้วกันถ้าเป็แบบนี้ต่อไปไม่รู้จะถึงเมื่อไหร่” กัวไฮว่เงยหน้าขึ้นมามองป้ายรถสาย 888 สถานีปลายทางก็คือที่แห่งนั้น
“โชคฉันไม่เลวจริงๆ คนมาถึงปุ๊บรถก็มาถึงปั๊บ ไปแล้วโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง พี่มาแล้ว สาวๆ จ๋า กรี๊ดกันเร็วฉันมาช่วยชีวิตพวกเธอแล้ว” กัวไฮว่คิดพลางะโขึ้นไปบนรถ
“นี่หนู ยังไม่ได้เติมเงินในบัตร เร็วเข้า ข้างหลังยังมีคนรออยู่นะ” คนขับมองกัวไฮว่ที่จะเดินไปด้านหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะะโไป
“เติมเงินในบัตร? ให้ตายสิ ไม่มีเงิน” กัวไฮว่มองป้ายราคาไปโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงแวบหนึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ราคาหนึ่งหยวนตลอดเส้นทาง ถูกจริงๆ เลยแต่บนเนื้อตัวของกัวไฮว่ตอนนี้ ไม่มีเงินแม้แต่นิดเดียว
“นี่หนู จะไปไหนเหรอ คงจะไม่ได้เบี้ยวใช่ไหม” คนขับรถถามกัวไฮว่ด้วยสายตารังเกียจ
“ไปโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง นี่พี่ พี่ว่าเอางี้ดีไหมครั้งนี้ผมรีบออกมาเลยไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มา เอามาแค่บัตรใบเดียวครั้งหน้าผมค่อยโปะเงินให้” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าดำมืดน่าอาย น่าอายจริงๆ ตอนตัวเองเป็เซียนไม่เห็นจะเคยอับอายขนาดนี้มาก่อน
“นี่ไอ้หนู แกไปยืนข้างๆ ก่อนไป ให้คนข้างหลังขึ้นมาก่อน” คนขับรถพูดยิ้มๆ “นี่ไอ้หนู แกโตพอๆกับเ้าเด็กบ้าที่บ้านลุงเลย เขาก็อยู่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงจะบอกอะไรให้นะ ลุงให้ตั๋วแกฟรีได้แต่แกจะมาหลอกลุงไม่ได้โรงเรียนพวกแกเป็โรงเรียนประจำ เดือนนึงจะกลับบ้านครั้งเดียว แกบอกว่าคราวหน้าจะโปะบัตรให้รถเมล์สาย 888 นี้มีทั้งหมดหกสิบคันโอกาสที่แกจะเจอลุงอีกครั้งเป็หนึ่งในพันแปดร้อยครั้งซึ่งก็หมายความว่ายากมากที่เราจะได้บังเอิญเจอกันอีก”
“ลุง หยุด หยุด ไม่ได้งั้นผมลงรถ ผมจะไปถอนเงิน ลุงไม่ต้องพูดแล้ว” กัวไฮว่มองคนขับรถที่เตรียมจะพูดต่อเขาถึงขั้นใช้วิชาอ่านจิตถึงได้รู้ว่าคนขับรถคนนี้จะให้เขาทำงานด้านการศึกษาหนึ่งชั่วโมงก็พลันทนรับไม่ไหว ถึงจะต่อยไม่ไหวอย่างน้อยก็พอซ่อนตัวไหวล่ะนะ
“ลุง เดี๋ยวหนูจ่ายให้เขาเอง ลุงขับรถไปเถอะค่ะ” ในขณะที่ทั้งสองเถียงกันไม่หยุด เด็กหญิงอายุราวสิบห้าสิบหกคนหนึ่งก็เดินออกมาจากด้านหลังหยอดเงินเข้าไปในกล่องเก็บเงิน จากนั้นก็ลากกัวไฮว่ไปนั่งด้านหลัง
“เปิดกว้าง คนบนโลกนี่เปิดกว้างกันเกินไปแล้ว เด็กนี่จูงมือฉันเองเลยชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่รู้หรือไง เปิดกว้าง ฉันชอบจัง ฮ่าๆเด็กนี่ก็หน้าตาไม่เลวเลย” กัวไฮว่มองเด็กสาวที่ลากตนเองไปนั่งด้านหลังแวบหนึ่งเมื่อเทียบกับโหยวโยวโยวแล้ว แม้ส่วนที่ควรจะใหญ่จะไม่ได้ใหญ่เหมือนโหยวโยวโยวแต่ว่าไอแห่งความอ่อนเยาว์กลับอยู่เหนือโหยวโยวโยว
“เสี่ยวซี ยุ่งเื่คนอื่นอีกแล้วนะ ถ้าคุณป้ารู้เข้า ต้องสั่งสอนเธออีกแน่ๆเลย” เด็กสาวที่ช่วยกัวไฮว่เอาไว้ชื่อว่าถังซีกัวไฮว่พบว่าข้างๆ เธอยังมีเด็กสาวที่หน้าตาพอๆ กับเธอคนหนึ่งอยู่
“เยี่ยจื่อ เบาเสียงหน่อย เธอไม่บอกแม่ฉันก็ไม่รู้ เยี่ยจื่อ เธอคงจะไม่บอกใช่ไหม” ถังซีพูดยิ้มๆ
“ไอ้หนู มองอะไรฮะ อย่ามาคิดฉวยโอกาสจีบเลยนะ ไม่ต้องมาขอเบอร์ ขอวีแชทถามชื่อแซ่ ถามราศีเกิด แล้วนายก็ไม่ต้องคืนเงินด้วย นายยังมีอะไรอีกรึเปล่า” ซูเยี่ยเงยหน้ามาแล้วก็พบว่ากัวไฮว่กำลังมองพวกเธออยู่เลยถลึงตาพูดใส่กัวไฮว่
“ยายเด็กผมเหลืองนี่ พี่ไม่ตามหาเธอหรอก” กัวไฮว่คือใครเขาเป็สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิง ถูกเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี่ข่มขู่งั้นเหรอยิ่งไปกว่านั้นกัวไฮว่ยังเป็เทพแห่งจิตในสรวง์ “ฉันชื่อกัวไฮว่วันนี้มารายงานตัวที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง ถ้าอยากให้ฉันคืนเงินก็ไปหาฉันที่นั่นได้ พวกเธอช่วยฉันครั้งนี้ถือว่าฉันติดค้างน้ำใจเธอมีอะไรก็ไปหาฉันได้” พูดจบกัวไฮว่ก็ปิดตา ไม่พูดจาต่อ
“นี่นายว่าใครเด็กผมเหลือง กัวไฮว่ ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินมาก่อนนะ” จู่ๆ ซูเยี่ยก็รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นๆ
“เยี่ยจื่อ ชื่อเดียวกับเ้าสี่ สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงเลย” ถังซีพูดเสียงค่อย
“โห ก็ว่าทำไมชื่อคุ้นๆ กัวไฮว่แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี” ซู่เยี่ยมองพิจารณากัวไฮว่อีกครั้ง ใส่อาร์มานี่ทั้งตัวเหมือนว่าจะไม่ใช่ของปลอมเสียด้วยหรือว่าหมอนี่จะเป็สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงจริงๆ
“หมอนี่แปลกแฮะ ถ้าเป็เ้าสี่ สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงจริงๆไม่น่าจะมาเรียนนี่ได้นะ ผอ.หลี่ไม่มีทางให้คนแบบนั้นเข้าโรงเรียนหรอกคงไม่ใช่เ้าบ้านั่นหรอก” ถังซีลอบคิดในใจ
“ให้ตาย เ้ากัวไฮว่นี่ทำเื่เลวๆ มากี่เื่กันแน่ สี่ตัวอันตรายทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าก็ไม่ได้เลวเท่าไหร่ พี่เย่าเป็าาทหารในกองทัพพี่หยวนหาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมาั้แ่ยังหนุ่ม พี่เซิงเป็ข้าราชการส่วนฉันเป็ทายาทรุ่นที่สามของเศรษฐี กับแค่ชอบซิ่งรถไม่ถือว่าผิดกฎหมายล่ะมั้ง” เทพแห่งจิตใช้วิชาอ่านจิตจึงรู้ว่าเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณตา ช่วยหนูสักครั้งนะคะให้กัวไฮว่ไปเรียนที่โรงเรียนเถอะนะหรือว่าคุณตายังกลัวเด็กนั่นอยู่” หลายเดือนก่อน ภายในบ้านของหลี่สวินอวี้ผอ.โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงหญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปีพูดพลางโอบหลี่สวินอวี้เอาไว้
“เสี่ยวฮวา เื่นี้ตารับปากแกไม่ได้ เสี่ยวกัวเป็คนแบบไหนแกก็น่าจะรู้ดี ตารู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์แกกับหวังเซิงนั่นไม่เลวเลยแต่ว่าจะเอาสี่ตัวอันตรายมาโยนทิ้งที่โรงเรียนของเราไม่ได้ยังไงซะเขาไปเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มๆ
“คุณตา หลายปีมานี้หนูไม่เคยช่วยคุณตาเลยเหรอ” หลี่เสี่ยวฮวามองหลี่สวินอวี้พลางพูดเสียงดัง “หนูแซ่หลี่ แซ่เดียวกับแม่ แล้วก็แซ่เดียวกับคุณตาด้วยคุณตาจะทำแบบนี้กับหลานสาวตัวเองใช่ไหม”
“เสี่ยวฮวา ถ้าให้หมอนั่นมาเรียนที่โรงเรียน เขาก็ทนไม่ไหวหรอก” หลี่สวินอวี้พูดอย่างจนใจ
“คุณตาพูดมาตลอดนี่ โรงเรียนเราเป็สถานที่บ่มเพาะคนก็เหมือนกับพระพุทธเ้าไง ที่บอกว่าไม่มีใครก้าวผ่านมันไม่ได้น่ะตอนนี้หนูก็หาคนแบบนี้มาให้คุณตาแล้วไง ถ้าคุณตาเปลี่ยนแปลงเขาได้นั่นก็หมายความว่าโรงเรียนเราเป็สถานที่บ่มเพาะคนจริงๆ” หลี่เสี่ยวฮวากล่าวเสียงค่อย “บอกว่าตัวเองดีเด่แต่ก็สู้โรงเรียนมัธยมอู่เฉิงจิ่วไม่เห็นได้เลย อย่างน้อยเขาก็กล้าให้กัวไฮว่เข้าเรียนที่นั่น"