“ไม่เป็ไรก็ดีมากแล้ว ต่อไปก็ระวังให้ดี ตอนนี้เ้าก็โตเป็สาวแล้ว ต้องสุขุมหน่อย” ชายชราหูสองมือถักตะกร้าไผ่สานไม่หยุดพัก
“ทราบแล้ว ท่านปู่ ท่านเหนื่อยแล้วกระมัง หยุดพักสักเดี๋ยวก่อนแล้วค่อยถักเถิด วันนี้ข้ากับผิงอันจับงูลายพาดกลอนมาได้ แล้วยังเก็บเห็ดมาได้มากมายด้วย อีกครู่ท่านย่าต้มเสร็จก็ได้ทานแล้ว” เห็นตะกร้าไผ่สานที่ถักเรียบร้อยแล้ววางอยู่ด้านข้าง คาดว่าชายชราจะนั่งด้วยท่าทางเช่นนี้อยู่ทั้งวัน มองที่แก้มตอบอย่างคนชรา ท่าทางในการนั่งที่แข็งทื่อ ใจของเจินจูเป็กังวลเล็กน้อย
“ปู่ไม่เหนื่อย รอทำฝั่งนี้เสร็จก็พอแล้ว พวกเ้ากล้าหาญไม่น้อยเลย กล้าจับงูด้วย ไม่เลวเลยจริงๆ แต่ระวังอย่าให้งูที่มีพิษฉกเอาได้นะ” คนชรามีปัญหากับ “งานที่เกลียด” เล็กน้อย แต่ยังคงก้มหน้าขยับตอกไผ่ในมือไปมาไม่หยุดสักนิด
“ท่านปู่ ข้ารู้ว่างูตัวนั้นไม่มีพิษ ท่านพี่จึงกล้าจับ” เด็กหนุ่มยกหัวขึ้น น้อยใจเล็กน้อย หลังจากนั้นเอาเหตุการณ์ที่พวกเขาจับงูบอกเล่าแก่ชายชรา ราวกับเทถั่วในบ้องกระบอกไม้ไผ่ เล่าออกมาอย่างรวดเร็ว
“สามารถคิดวิธีเช่นนี้ได้ เจินจูฉลาดนัก ผิงอัน เ้าก็กล้าหาญมากเช่นกัน” หูเฉวียนฝูมองเจินจูแล้วยิ้ม งานในมือหยุดลงได้ครู่หนึ่ง รอยย่นบนใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความปิติ
“แค่บังเอิญเท่านั้นเองเ้าค่ะ” เจินจูตอบกลับแล้วหัวเราะแหะปู่หลานสามคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน หวังซื่อก็เดินเข้ามา เห็นการกระทำในมือของชายชราใบหน้าจึงครึ้มลง “ตาเฒ่านี่ ให้เ้าหยุดทำตั้งนานแล้ว เหตุใดจึงยังถักมาอีก ถักั้แ่เช้ายันค่ำ เ้ายังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่? ”
“นี่ไม่ใช่ว่ายังเหลือในมือนิดเดียวหรือ” ท่านปู่สกุลหูวางตอกไผ่ในมือลงด้วยใบหน้าเหยเก หันไปยิ้มให้หวังซื่ออย่างเอาใจ
เจินจูคิดอย่างประหลาดใจ โลกเรานี่มีสิ่งหนึ่งแล้วย่อมมีอีกสิ่งหนึ่งที่เหนือกว่าจริงด้วย ชายชราหัวแข็งผู้นี้มีเพียงภรรยาผู้เผด็จการที่สามารถสยบเขาได้
หวังซื่อตีหน้าดุเอาตะกร้าไผ่สานและตอกไผ่ทั้งหมดไปเก็บไว้อีกห้องหนึ่ง ตอนหันมายังเจินจู นางก็เปลี่ยนสีหน้าเป็ยิ้มแย้มก่อนกล่าว “เจินจู วันนี้พวกเ้าทานข้าวที่บ้านย่าเถิด เนื้องูตุ๋นอยู่ในหม้อ อีกครู่ก็ทานได้แล้ว”
“ท่านย่า ท่านตักใส่ให้พวกข้าหนึ่งถ้วยเอากลับไปก็พอแล้ว ท่านแม่ยังรอพวกข้าอยู่ที่บ้าน ไม่อยู่ทานที่นี่ดีกว่าเ้าค่ะ” หลังจากนั้นก็มองซ้ายขวาหนึ่งรอบ เห็นแต่ชายชราและผิงอันที่กำลังพูดคุยกัน จึงเปลี่ยนมากล่าวเสียงเบา “ท่านย่า เื่ที่หารือกับท่าน ดูแล้วพอจะทำได้หรือไม่เ้าคะ?”
ปัญหาที่ว่าสามารถอบเห็ดแห้งด้วยเตียงได้หรือไม่ถูกถามออกมา
หวังซื่อมองเจินจูด้วยความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วจึงยื่นมือไปลูบอุณหภูมิบนเตียง ตอบกลับอย่างระมัดระวังว่า “แม้ว่าจะไม่เคยลอง แต่ตามที่เ้ากล่าวมาน่าจะสามารถพอเป็ไปได้ ลองทำดูก่อนก็ได้”
เจินจูเบิกบานใจ แค่หวังซื่อใส่ใจให้การสนับสนุนนาง ผลลัพธ์ก็เห็นได้แจ่มชัดแล้ว นางยิ้มแล้วกล่าว “ท่านย่า หากทำสำเร็จ นั่นย่อมเป็เื่ที่ดีแน่เ้าค่ะ ท่านลองคิดดู ตอนนี้เห็ดมีราคาเช่นไร? แล้วหน้าหนาวจะราคาเป็อย่างไร? แต่บ้านพวกข้ามีเตียงหลังเดียว ยังไม่เริ่มเผาเลย ดังนั้นหากสามารถลองที่บ้านนี้ก่อนได้ก็คงดีกว่านะเ้าคะ? ประเมินดูว่าบนความร้อนครึ่งชั่วยามน่าจะสามารถเอาน้ำออกไปได้เพียงไร อุณหภูมิสูงมากไม่ได้และต่ำมากไม่ได้เช่นกัน อุณหภูมินี่ควบคุมไม่ง่ายเลย”
“จะมีอะไรยากกัน นั่นเพราะเ้าไม่เคยเผาเตียง เผาหลายๆ ครั้งก็สามารถคลำทางได้แล้ว ราคาเห็ดแห้งในหน้าหนาวแพงกว่าตอนนี้ไม่น้อยเลย ่นี้ท้องฟ้าไม่มีแสงแดดเลยตากเห็ดไม่ได้ หากสามารถอบให้แห้งได้จริงๆ นั่นย่อมเป็เื่ดีเลยเชียวล่ะ” หวังซื่อหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกระซิบถามอีกว่า “นี่ก็เป็สิ่งที่คนคนนั้นบอกหรือ?”
“เอ่อ คิดว่าเป็นิทานที่เคยเล่า ไม่ได้กล่าวเจาะจงเป็พิเศษเ้าค่ะ” เจินจูตอบอย่างลวกๆ “เขาบอกว่ามีของบางอย่างสามารถอบให้แห้งได้ ของบางอย่างไม่สามารถทำได้”
หวังซื่อพยักหน้าตอบ “ได้ อีกเดี๋ยวย่าจะลองดู คอยดูครึ่งชั่วยาม หากสำเร็จก็จำไว้ว่าเป็คุณงามความดีของเ้าแล้ว”
“ได้ที่ไหนกัน ล้วนมิใช่คุณงามความดีท่านย่าหรือ ข้าไม่ได้ทำอันใดเลย” นางหัวเราะตอบ
“เ้าลิงฉลาดตัวน้อยนี่ ย่าจะเอาคุณงามความดีของเ้ามาเป็ของตนเองได้อย่างไร” หวังซื่อเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะนางเบาๆ ด้วยท่าทางมีความสุข มองโครงหน้าที่ได้รับการถ่ายทอดไปของหลานสาว นับวันยิ่งขาวสะอาดแล้วกล่าวว่า “เจินจู ต่อไปอย่าพูดเื่ของเผิงต้าเฉียงกับผู้อื่นนะหลาน หลานสะใภ้ของชายคนนั้นนางเป็คนไม่ดี หากได้ยินว่าเผิงต้าเฉียงสอนความสามารถมากมายให้แก่เ้า นั่นคงจะเป็เื่ร้ายแรงมาก นางถนัดนักในเื่สร้างความเอะอะวุ่นวายอย่างไร้เหตุผล”
กล่าวถึงหลานชายของเผิงต้าเฉียงขึ้นมา แต่เดิมเป็คนซื่อตรงมีความรับผิดชอบ แต่บังเอิญแต่งกับภรรยาที่หน้าด้านเอะอะโวยวายไร้เหตุผล ก่อนที่เผิงต้าเฉียงจะถึงแก่กรรมก็ซื้อโลงศพไว้แล้ว แล้วยังจัดการเตรียมเงินทองให้พวกเขาเอาไว้ใช้จัดการเื่หลังจากถึงแก่กรรมไปแล้วด้วย แต่เมื่อเผิงต้าเฉียงจากไป หลานสะใภ้ของเขากลับหลอกลวงว่านางไม่เคยได้รับเงินเช่นนั้น แล้วยังนำของในบ้านเผิงต้าเฉียงออกไปขาย ชิ้นไหนที่ขายได้ก็ขาย ชิ้นไหนใช้ได้ก็เอาไปใช้เอง สุดท้ายยังคิดเอาบ้านเก่าขายทิ้ง แม้แต่จ่ายเงินจ้างฝังศพยังไม่ยอมทำ ท้ายสุดยังคงเป็เหล่าชาวไร่ชาวนาที่ทนดูไม่ได้ เรียนเชิญผู้ใหญ่บ้านมาช่วยจัดการ ภายใต้อำนาจของหัวหน้าหมู่บ้าน นางจึงถูกบังคับให้ทำตามขั้นตอน แสดงความอาลัยต่อคนที่จากไปด้วยความกตัญญูกตเวที ส่วนหลานชายของเขา ทำได้แค่ก้มหน้าไม่กล้าส่งเสียงมาตลอดั้แ่ต้นจนจบ
เจินจูแจ่มแจ้งในใจ พยักหน้าตอบกลับในทันที “ทราบแล้ว ท่านย่า ต่อไปมีความคิดอะไรล้วนเป็ข้าที่ขบคิดได้เอง ข้าฉลาดแล้ว ใช่หรือไม่!”
ท่าทางหน้าไม่อายที่นางแสดงออกมา ช่างทำให้หวังซื่ออดกลั้นใบหน้ายิ้มขึ้นมาไม่ได้จริงๆ
“ไม่เลวเลย แต่ไม่ใช่ว่าเป็เ้าลิงดื้อแสนรู้หรือ” บีบใบหน้ารูปไข่ของนางแย้มยิ้มเป็สุขอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็นึกถึงผิงอันที่กำลังเล่นกับชายชราอยู่จึงเตือนอีกครั้งว่า “อย่าลืมบอกผิงอันเล่า เขายังเล็กไม่รู้ความ อย่าได้แพร่งพรายออกจากปากมั่วซั่ว ข้าก็จะตักเตือนชุ่ยจูด้วย”
เจินจูเก็บยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เอาล่ะ ข้าจะไปดูเนื้อว่าตุ๋นได้ที่หรือยัง อีกเดี๋ยวฟ้าน่าจะมืดแล้ว” หวังซื่อมองสีท้องฟ้าด้านนอกก่อนจะเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
“ท่านย่า ข้าจะไปดูกับท่านด้วย ผิงอัน เ้าอยู่คุยกับท่านปู่ที่นี่เถิด อีกเดี๋ยวเสร็จแล้วข้าจะเรียกเ้า” เจินจูรีบตามหวังซื่อออกไปที่ห้องหลัก
ยังไม่ทันถึงห้องครัว กลิ่นเนื้อตุ๋นก็โชยมาเข้าจมูก จิตใต้สำนึกของเจินจูกลืนน้ำลายลงไปอย่างไม่รู้ตัว นางลูบๆ ท้องที่ว่างเปล่า รู้สึกว่าหน้าท้องตนเองผอมจนใกล้จะแปะติดกับแผ่นหลังอยู่แล้ว
กำลังคิดจะเข้าไปดูด้วยสองตา ประตูห้องข้างๆ ฝั่งตะวันตก จู่ๆ ก็เปิดออก ฟู่เหรินใบหน้ากลมคนหนึ่งสวมเสื้อกันหนาวชนิดมีซับยาวสบาย เปิดประตูเดินออกมา เจินจูงงงันในทันที ฟู่เหรินคนนั้นฉีกมุมปากกล่าวว่า “เจินจูมาแล้ว ไม่ได้เจอเ้าเสียหลายวัน ได้ยินว่าเ้ากลิ้งจากบนเขาตกลงไปาเ็ค่อนข้างสาหัส แล้วยังเชิญท่านหมอไปดูอีก เหตุใดตอนนี้ดูแล้วเหมือนไม่เป็อะไรเลยเล่า?”
“เออ ป้าสะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ได้ตกลงไปรุนแรงนัก แค่ศีรษะกระแทกแตก เืออกไม่น้อย ท่านแม่ข้าเลยกังวล ดังนั้นจึงเชิญท่านหมอมาดูเสียหน่อยน่ะเ้าค่ะ” ฟู่เหรินเปิดปากกล่าว เจินจูจึงนึกขึ้นได้ว่านี่คือเหลียงซื่อลูกสะใภ้คนโตของสกุลหู ที่ตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สี่ด้วยวัยที่ค่อนข้างจะสูงแล้ว
“เหอะ เด็กชนบท จะโตมาแบบไม่กระทบกระแทกได้ที่ใดกัน ท่านแม่เ้าคิดว่าเ้าล้ำค่านักหรือ แค่ผิวแตกนิดหน่อยก็ต้องเชิญท่านหมอมาแล้ว” เหลียงซื่อเบ้ปาก ที่บ้านล้วนยากแค้นเสียจนเสียงกระทบดัง [1] เด็กสาวแสนดื้อที่ชอบสร้างความวุ่นวายคนหนึ่ง กระแทกผิวแตกนิดเืออกหน่อยก็ต้องเชิญท่านหมอมาดูแล้วหรือ สองพี่น้องหญิงชายนี่นะ ไม่รู้จะพูดเช่นไรเลยจริงๆ เหอะ
“ลูกสะใภ้คนโต เ้าไม่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงดีๆ วิ่งออกมาทำอันใด ท่านหมอมิใช่แจ้งแล้วหรือว่าสามเดือนแรกต้องเลี้ยงดูอย่างระวัง เหตุใดต้องทำตัวให้ผู้อื่นกังวลใจเช่นนี้” หวังซื่อได้ยินเสียงจึงยื่นศีรษะออกมาดู นางขมวดคิ้วมองเหลียงซื่อ
“ท่านแม่ ข้านอนมาทั้งวันแล้ว นี่ไม่ใช่ได้ยินว่าเจินจูกับผิงอันมาหาหรือ ข้าแค่ออกมาดูเท่านั้น” เหลียงซื่อรีบเก็บความคิดกลับไปทันที นางแย้มรอยยิ้มอย่างระมัดระวัง แม้จะอยู่ร่วมกับแม่สามีมาหลายปีเช่นนี้แล้ว นางยังคงหวาดกลัวแม่สามีอยู่มาก
ในสกุลหูนั้นหวังซื่อเป็เ้าบ้านที่กล่าวคำไหนคำนั้น ชายชราสกุลหูกับสองพี่น้องสกุลหูล้วนเชื่อฟังนาง ดังนั้นเหลียงซื่อที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่กล้าท้าทายความน่าเกรงขามของแม่สามี ทั้งๆ ที่นับได้ว่าแม่สามีลำเอียงช่วยเหลือบุตรชายสกุลหูคนรองอย่างเห็นได้ชัด ทว่าภายนอกนางไม่กล้าที่จะเผยความไม่พอใจออกมา ดีที่แม่สามีไม่ใช่คนที่ไม่รู้ดีชั่ว ไม่รังแกนางอย่างไร้เหตุผล ซึ่งดีกว่าสถานการณ์ของลูกสะใภ้บางคนในหมู่บ้านที่ถูกแม่สามีรังแกนัก
“พื้นยังเปียกอยู่เลย เ้าอย่าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า เอาเก้าอี้เตี้ยมานั่งข้างประตูก็พอ อีกเดี๋ยวอาหารเสร็จแล้วชุ่ยจูจะยกเข้าไปให้เ้า วันนี้พวกเจินจูจับงูดำลายพาดกลอนได้ บ้านเราจึงพลอยได้ทานเนื้อมื้อใหญ่ไปด้วย” หวังซื่อกำชับลูกสะใภ้คนโต บุตรชายไม่อยู่บ้าน ตาเฒ่าขาและเท้าไม่ดี เหลียงซื่อก็ต้องเลี้ยงดูครรภ์ ทั้งครอบครัวล้วนให้นางจัดการ นางเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวแล้ว ดีที่ชุ่ยจูมีความสามารถ ช่วยงานได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ท่านย่า เนื้องูตุ๋นเสร็จหรือยัง? ต้องเติมฟืนอีกหรือไม่?” เสียงผิงซุ่นดังสะท้อนออกมาจากในห้องครัว เขาเอาแต่บ่นอยู่ด้านในมาตลอด ใช้ข้ออ้างว่าช่วยก่อไฟ ความจริงก็แค่อยากดมกลิ่นหอมของเนื้อให้น้ำลายไหลล้นออกมา
“ไม่เติมแล้ว อบอีกหน่อยก็ใช้ได้แล้ว เ้าอย่าขโมยทานเล่า เนื้อนี่ต้มจนน้ำแกงซึมเข้าเนื้อแล้วถึงจะอร่อย” เสียงหัวเราะเยาะและบ่นกันดังกลับไปกลับมาในห้องครัว
“ทำไมเ้าเด็กนี่ถึงวิ่งเข้าไปด้านในได้เล่า ผิงซุ่น ออกมาเร็ว อย่าสร้างปัญหาให้ท่านย่าของเ้านะ” เหลียงซื่อนั่งะโเรียกอยู่ตรงประตู
“ข้าไม่ออกไป แล้วข้าก็ไม่ได้สร้างปัญหาด้วย ข้ากำลังช่วยอยู่ต่างหาก!” ผิงซุ่นตอบกลับเสียงดัง
“เ้าเด็กดื้อคนนี้ ท่านย่าเ้าให้เนื้อเ้าทานไม่พอหรือ” เหลียงซื่อบ่นอุบอิบ เห็นเจินจูที่อยู่ด้านข้างชะโงกหน้าไปทางห้องครัวจึงเหลือบตามองแล้วสอบถาม “เจินจู เหตุใดเ้าถึงกล้าหาญขนาดนี้ ถึงขนาดกล้าจับงูเชียวที่บ้านไม่มีเสบียงอาหารแล้วหรือ?”
เจินจูหันกลับมามองไปยังเหลียงซื่อ อาจเป็เพราะท้องอยู่ บนใบหน้าจึงดูเหมือนบวมเป่งเล็กน้อย สีผิวเหลืองนิดๆ และเส้นผมค่อนข้างยุ่งเหยิง ลูกตาหนึ่งคู่มองพิจารณานางขึ้นลงไม่หยุด
เจินจูคิดขมวดคิ้วอยู่ในใจ เหลียงซื่อคนนี้ต่อหน้าหญิงชราสกุลหูมักจะละเอียดรอบคอบและโอนอ่อนผ่อนตาม ทว่าพออยู่ต่อหน้านางกลับถือโอกาสถามเจาะลึกซึ้งไม่ก็ประชดประชัน นึกถึงคำพูดล้อเลียนของนักแสดงขึ้นมาได้ประโยคหนึ่งที่กล่างว่า “อุ๊ย... ฉันเห็นเด็กสาวแสนดื้อที่ชอบสร้างความวุ่นวายแล้วยังมีสองหน้า” แต่เด็กสาวแสนดื้อที่ชอบสร้างความวุ่นวายในที่นี้ กลับกลายเป็ยัยแก่แสนดื้อที่ชอบสร้างความวุ่นวายเสียอย่างนั้น เฮ้อ
เจินจูที่คิดเช่นนั้นในใจก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ นางประสานสายตากับเหลียงซื่อกลับไป และไม่ได้รู้สึกโกรธ คนน่ะ... กล่าวตามตรงแล้วล้วนแต่เห็นแก่ตัวกันทั้งหมดนั่นแหละ แค่ระดับความเห็นแก่ตัวไม่เท่ากันก็เท่านั้น หวังซื่อมักสงเคราะห์เงินให้กับบุตรชายคนรองเป็การส่วนตัว ในใจเหลียงซื่อที่มีความคิดเห็นไม่พอใจนั้นจึงเป็เื่ที่ปกติมาก พี่น้องร่วมสายโลหิตก็ควรต้องคิดบัญชีอย่างเปิดเผย ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเป็พี่น้องที่แยกบ้านออกไปนานแล้วด้วย
“ป้าสะใภ้ใหญ่ ปีนี้เสบียงอาหารบ้านข้าเพียงพอแล้ว ท่านวางใจ ท่านย่าไม่ได้ให้เสบียงอาหารแก่พวกข้าเป็การส่วนตัว งูนี่เป็ความบังเอิญที่จับมาได้พอดี” เจินจูตอบแล้วหัวเราะเบาๆ
“เฮ้อ ทำไมเด็กนี่ถึงกล่าวเช่นนี้กัน” เหลียงซื่อตำหนิเสียงเบา เหลือบมองไปทางห้องครัวด้วยใบหน้าเป็กังวล เห็นว่าไม่มีผู้ใดได้ยินจึงสบายใจ น้ำเสียงผ่อนคลายก่อนกล่าว “ป้าสะใภ้เป็ห่วงครอบครัวเ้า มิได้มีความหมายอื่นใด เ้าอย่าได้เข้าใจผิดเล่า”
เจินจูได้แต่ยิ้มไม่เอ่ยอะไร
เชิงอรรถ
[1] ยากแค้นเสียจนเสียงกระทบดัง หมายถึง การที่บ้านยากจนข้นแค้น ในหม้อไม่มีข้าวสาร ในชามไม่มีข้าวสวย ใช้ตะเกียบคนลงในชามเปล่าก็จะเกิดเสียงดังขึ้น จนเป็ที่มาของ ยากแค้นเสียจนเสียงกระทบดัง