สีท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว เนื้องูที่ต้มมานานกว่าสิบห้านาทีในที่สุดก็สามารถนำออกมาจากหม้อ ชุ่ยจูที่อยู่หน้าเตาอีกด้านหนึ่งกำลังปรุงผัดเห็ด ผิงซุ่นทั้งก่อไฟพลาง คอยื่นคอยาวรอผักสุกไปพลาง เจินจูฉวยโอกาสตอนที่หวังซื่อไปหาเครื่องปั้นดินเผา มุ่งไปทางหม้อเนื้อที่ตุ๋นไว้แล้วแอบหยดน้ำแร่ใส่ลงไปในหม้อใหญ่ไม่น้อย
เมื่อพี่น้องหญิงชายกลับบ้านมาพร้อมชามเครื่องปั้นดินเผาที่เต็มไปด้วยเนื้องู สีของท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
เนื้องูต้มที่แสนอร่อยของหญิงชราสกุลหู จับคู่กับน้ำแกงเห็ดที่เพิ่งต้มของหลี่ซื่อ อาหารเย็นของทั้งสามคนจึงถูกกินกันจนพุงกลม ผิงอันเลียริมฝีปากอย่างไม่หนำใจแล้วเรอออกมา เอาแต่เอะอะโวยวายว่าอร่อยมากเลย หลี่ซื่อมองแล้วกุมหน้ายิ้มทันที คืนนี้นางทานเนื้องูไปไม่น้อย หวังซื่อทำอาหารได้เอร็ดอร่อยเสียจริง ฝีมือในครัวของนางธรรมดานัก ช่างน่าอับอายเสียจริง
อาหารเย็นผ่านไป หลี่ซื่อต้มน้ำหม้อใหญ่หนึ่งหม้อ วันนี้เป็วันอาบน้ำของทั้งครอบครัว ทั้งสามคนจึงเรียงกันไปอาบทีละคนอย่างสุขใจ
นี่เป็การอาบน้ำครั้งที่สองของเจินจูในยุคนี้ นางคว้าจ้าวเจี่ยวมาสองท่อนชะล้างั้แ่หัวจรดเท้า เมื่อนางอาบเสร็จออกมาก็ถูกหลี่ซื่อคว้าตัวเอาไว้ นางชี้มาที่ผมของนางแล้วขมวดคิ้ว สองวันก่อนเด็กคนนี้เพิ่งจะต้มน้ำสระหัวตนเองไป วันนี้เย็นมากแล้วก็ยังสระ อีกทั้งผมยังแห้งไม่ง่ายเลย เจินจูหัวเราะทันที ตอบอย่างออดอ้อนว่า “ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าข้าถือโอกาสสระผมไปด้วยเลยหรือ ประเดี๋ยวข้าเช็ดไม่กี่ทีก็แห้งแล้วเ้าค่ะ”
หลี่ซื่อมองนางอย่างจนใจ เด็กสาวคนนี้ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปรักความสะอาดได้เช่นนี้ นางเอื้อมมือไปหยิบผ้าผืนหนึ่งมาบิดให้อย่างระมัดระวัง ผมของเจินจูไม่หนานัก แต่เส้นผมเรียบลื่นสางแล้วสบายมือนัก บิดไม่กี่ทีผมก็แห้งไปครึ่งหนึ่งแล้ว หลังจากเร่งรัดให้เจินจูกลับห้องไปนอน หลี่ซื่อก็ตักน้ำอุ่นชะล้างตนเองให้สะอาดบ้าง
พอกลับมาห้องแล้ว เจินจูไม่ได้รีบพักผ่อน ก่อนนอนทุกครั้งนางต้องเข้าไปในมิติช่องว่าง ไปรดน้ำดูแลการเติบโตของพืชผลการเกษตรรอบหนึ่งด้วยความเคยชิน นางปีนขึ้นไปบนเตียงไม้เนื้อแข็งพลางดึงผ้าห่มที่ค่อนข้างหยาบขึ้นมา นอนคว่ำลงบนผ้าห่มแล้วจึงค่อยๆ ปรากฏตัวเข้าไปในมิติช่องว่าง
ผักกวางตุ้งในทุ่งนาที่เติบโตอย่างรวดเร็วถูกนางเก็บเกี่ยวจนหมดสิ้น ที่เหลือเป็พันธุ์ที่ต้องใช้เวลาในการออกผล ผักไม่กี่ชนิดนี้ล้วนมีผลที่ได้จากต้นที่งอกในครั้งก่อน อย่างพริก หัวไชเท้า และฟักทอง เมื่อดูให้ละเอียดยังต้องใช้เวลาเล็กน้อยจึงจะสุกทั้งหมด มองฟักทองลูกใหญ่ที่แผ่ขยายทั่วทั้งพื้นที่ด้วยรอยยิ้ม ต้นพุทราสี่มุมช่างเติบโตเขียวชอุ่มจนน่าชื่นใจยิ่งนัก เจินจูคิดหาโอกาสย้ายหนึ่งต้นออกไปยังลานบ้านตนเอง หากทำเช่นนี้ปีหน้าก็มีพุทราทานแล้ว ฮิๆิ
รดน้ำในที่นาแล้วค่อยเก็บผลจากต้นแต่ละประเภทเสียหน่อย เจินจูอยู่ในมิติช่องว่างครึ่งชั่วยามเสร็จแล้วจึงกลับมานอนบนเตียง
เช้าวันต่อมาฟ้าเพิ่งจะสาง ครอบครัวหูยังคงนอนหลับฝันหวานอยู่
นอกบ้านมีเสียงร้องะโดังเข้ามา “เจินจู เจินจู…”
เจินจูสะดุ้งใตื่นขึ้นมาในทันที พอตั้งใจฟังจึงพบว่าเป็เสียงของชุ่ยจู นางพลิกกายลงจากเตียง ไม่มีเวลาสนใจสวมเสื้อคลุม รีบใส่รองเท้าแล้วเปิดประตูห้องมองชุ่ยจูที่อยู่นอกลานบ้านก่อนจะรีบตอบกลับ “ว่าอย่างไร พี่รอง มีอะไรหรือ?”
“เจินจู สำเร็จแล้ว! สำเร็จแล้ว!” ชุ่ยจูตื่นเต้นเล็กน้อย เรียกให้นางรีบออกมา
เจินจูเดินมาเปิดประตูลานบ้าน ชุ่ยจูจึงดึงมือนางไปแล้วกล่าวทันทีว่า “เจินจู เื่ที่เ้าหารือกับท่านย่า ตอนนี้ทำสำเร็จแล้ว เห็ดพวกนั้นแห้งจนเหมือนตากแดดมาหลายวันเลย ตอนเริ่มแรกยังควบคุมความร้อนได้ไม่ดีนัก ใช้เวลาอบนานไปนิด กลิ่นแรงเล็กน้อย ผ้าห่มเลยมีกลิ่นเห็ดติดไปด้วย”
ชุ่ยจูเผยยิ้มทันที นางกล่าวต่อไปไม่หยุดว่า “แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ที่สำคัญคือเห็ดส่วนใหญ่ล้วนอบให้แห้งได้ มีเพียงเห็ดที่มีน้ำมากที่อบไม่สำเร็จ แต่ว่าเท่านี้ก็ดีมากแล้ว ท่านย่าบอกว่าเห็ดที่อบแห้งได้ เก็บไว้ตอนข้ามปีก็สามารถขายได้ราคาดีแล้ว ปีนี้พวกเราจะได้ฉลองข้ามปีดีๆ ได้แล้ว เจินจู ทำไมเ้าฉลาดถึงเพียงนี้”
เจินจูมองชุ่ยจูที่ดีอกดีใจอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางดึงมือที่ถูกกำไว้แน่นกลับมา แล้วจัดการสางผมที่ยุ่งเหยิงของนางให้เรียบร้อย กล่าวช้าๆ ว่า “พี่รอง นี่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ท่านรีบพรวดพราดมาเพื่อกล่าวสิ่งนี้หรือ? ข้ากลัวเสียจนคิดว่าเกิดเื่อะไรขึ้นแล้ว ท่านอย่าทำให้คนใเช่นนี้ได้หรือไม่?”
ชุ่ยจูเบ้ปาก บ่นพึมพำ “ไม่ใช่ว่าข้าดีใจมากหรอกหรือ ตื่นเต้นเสียจนไม่นอนไปครึ่งคืนเพราะอยากมาบอกข่าวดีกับเ้าเร็วๆ เ้ายังตำหนิข้าอีก”
เจินจูอดยิ้มไม่ได้พอกำลังจะเปิดปากกล่าว เสียงของผิงอันก็ดังขึ้น “พี่รอง มีอันใดหรือ นี่เช้ามากอยู่เลยนะขอรับ?”
หลี่ซื่อจูงผิงอันมาที่ประตูทันทีแล้วมองดูพวกนางอย่างสงสัย
“เอ่อ…ไม่มีอันใดเ้าค่ะ พี่รองแค่ตื่นเช้าแล้วมาบอกพวกเราโดยเฉพาะว่าอีกครู่ทุกคนจะไปเก็บเห็ดด้วยกัน ใช่หรือไม่?” เจินจูยิ้มแล้วกู้หน้าให้แก่ชุ่ยจู
“ใช่แล้ว อาสะใภ้รอง ผิงอัน ไม่มีอันใด ข้าแค่ตื่นเช้าไปหน่อย เอ่อ... คือ เจินจู หลังอาหารเช้าข้ากับผิงซุ่นจะมาหา เห็ดหลังเขามีมาก พวกเราไปเก็บด้วยกันเถิดนะ เอาล่ะ ข้าขอกลับไปก่อนนะเ้าคะ” ชุ่ยจูกล่าวตะกุกตะกักเสร็จก็วิ่งหายวับไปกับตา
เจินจูอดหัวเราะไม่ได้ นางหันกลับมาบอกาเื่เห็ดอบแก่หลี่ซื่อและผิงอัน
หลี่ซื่อไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้มากนัก แม้นางจะอยู่ใต้เชิงเขา แต่ขึ้นเขาน้อยครั้งนัก ในบ้านงานเย็บปักถักร้อยมีมากมาย ลูกก็ยังเล็ก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนทิ้งไปได้ยาก อีกทั้งนางยังพูดไม่ได้ จึงออกจากบ้านนับครั้งได้
แต่ผิงอันดีใจนัก เห็ดทั้งอร่อยทั้งใช้ยังหาเงินได้อีก ถือโอกาส่ฝนตกเก็บไปฝากไว้ หน้าหนาวขายแล้วก็สามารถหาเงินได้
ฝนฤดูใบไม้ร่วงตกโปรยปรายลงมาเป็ระยะๆ นำพาให้เห็ดบนป่าเขาเติบโตอย่างแข็งขัน ขอแค่ฝนมีท่าทีหยุดเพียงเล็กน้อย ครอบครัวหูทุกคนก็ทยอยกันออกมาขึ้นเขาเก็บเห็ด แม้แต่หวังซื่อยังเอาเื่จุกจิกในบ้านพักไว้ก่อน แบกตะกร้าไผ่สานขึ้นเขาอยู่หลายรอบ หวังซื่อผู้มากด้วยประสบการณ์เก็บเห็ด ไม่เพียงรู้จักสายพันธุ์เห็ดหลากชนิด ทว่าการเคลื่อนไหวของมือและเท้ายังว่องไวมากอีกด้วย ทุกครั้งจึงสามารถลำเลียงเห็ดกลับไปได้เต็มตะกร้า แต่กลัวว่าหากเก็บบ่อยไปจะดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากเกินไป จึงใส่ผักป่าบนตะกร้าแฝงไว้จำนวนเล็กน้อย
กลางวันเก็บเห็ด ตกเย็นอบแห้ง เช่นนี้แล้วยังไม่ค่อยทันเวลานัก อย่างไรเสียการอบแห้งย่อมต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน อีกทั้งยังต้องใส่ใจความร้อนของไฟ หวังซื่อต้องตื่นมาอบแห้งเห็ดแต่เช้าและนอนดึกทุกวัน เร่งรีบอยู่ไม่กี่วันเบ้าตาก็ดำไปหลายส่วน ดีที่จิตใจยังฮึกเหิมนัก ชายหญิงชราสกุลหูสองคน ออกมาใช้ห้องหลักอบแห้งเห็ดโดยเฉพาะเป็การชั่วคราว
งานเก็บเห็ดกินเวลาไปอีกสี่วัน เจินจูกับผิงอันเป็กำลังหลักในการเก็บเห็ดของครอบครัวหูฉางกุ้ย ทุกวันตอนเช้าทานอาหารเสร็จแล้วก็รีบขึ้นเขาไป หน้าที่สำคัญอย่างการเลี้ยงกระต่ายจึงยกให้เป็หน้าที่ของหลี่ซื่อ หลี่ซื่อที่ให้อาหารไก่เสร็จก็ให้อาหารหมูแล้วยังต้องให้อาหารกระต่ายอีก ในหนึ่งวันยุ่งจนหัวหมุนเลยทีเดียว ยังดีที่่นี้สภาพร่างกายไม่เลวนัก ไม่เช่นนั้นต้องรับมือไม่ไหวอย่างแน่นอน
เจินจูใช้ประโยชน์จากการแบกเห็ดไปบ้านเก่าทุกวัน แอบใส่น้ำแร่ลงไปในอาหารหรือน้ำเล็กน้อยบ่อยๆ เพื่อปรับปรุงร่างกายทั้งครอบครัวให้ดีขึ้น
วันนี้ สองพี่น้องเจินจูกับผิงอันแบกเห็ดที่เก็บรอบยามบ่ายมาถึงบ้านเก่า ยังไม่ทันได้เข้าประตูบ้านก็ได้ยินเสียงร่าเริงของผิงซุ่นดังออกมา “ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้ว! ซื้อลูกอมมาให้ข้าหรือไม่?”
เจินจูได้ยินคำนั้นจึงมองไปทางผิงอัน ผิงอันแสดงความประหลาดใจ รีบเร่งพุ่งเข้าไปในบ้าน ะโด้วยความร่าเริง “ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”
เจินจูผ่อนฝีเท้าลงสองสามก้าว สำหรับท่านพ่อที่ยังไม่คุ้นเคยนี้ นางยังคงสงวนท่าทีไว้บ้าง
ครั้นเห็นชายสองคนสวมเสื้อผ้ารัดรูปเนื้อหยาบยืนอยู่บริเวณลานบ้าน รูปร่างกำยำ ท่าทางเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ชายในชุดสีเทาล้อมขนาบข้างด้วยเหลียงซื่อและผิงซุ่น น่าจะเป็หูฉางหลินพี่ชายของท่านพ่อ ส่วนชายในชุดเสื้อผ้าหยาบสีฟ้าอมเขียวซึ่งกำลังลูบผมและพูดคุยกับผิงอันเสียงเบา น่าจะเป็หูฉางกุ้ยบุตรชายคนรองของสกุลหู หวังซื่อประคองชายชรายืนอยู่หน้าประตูห้องหลัก บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อ ท่านอารอง เข้ามาพักด้านในก่อน ข้าจะยกถ้วยน้ำไปให้พวกท่านดื่ม” ชุ่ยจูชะโงกหน้าออกมาจากครัว กล่าวด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ ใช่ เข้ามาในบ้านก่อน ฉางหลิน เ้าดูภรรยาเ้าสิ นางตั้งครรภ์ครั้งนี้ค่อนข้างอันตรายนัก อย่าตื่นเต้นมากเลย ผิงอัน จูงท่านพ่อของเ้าเข้าไปพักก่อน รีบเร่งเดินทางมาทั้งวันคงจะเหน็ดเหนื่อยน่าดู!” หวังซื่อทั้งร้องเรียกคนกลุ่มหนึ่ง ทั้งประคองชายชรากลับห้อง
เมื่อเจินจูเอาตะกร้าไผ่สานบนหลังวางลงเรียบร้อยแล้ว จึงวิ่งเข้าครัวไปช่วยชุ่ยจู ชุ่ยจูกำลังเอาภาชนะดินเผาที่ใส่น้ำแล้วกับถ้วยดินเผาวางบนถาดรอง เจินจูเห็นดังนั้นจึงเข้าไปแย่งเอางานนั้นมา นางยกถาดขึ้นแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “งานนี้ให้ข้าทำเถิด”
ชุ่ยจูมิได้ห้ามปราม ท่านพ่อกับท่านอารองกลับมาแล้ว อาหารเย็นต้องเตรียมล่วงหน้าเสียหน่อย กับข้าวของสองครอบครัวคงต้องยุ่งอยู่พักหนึ่ง
พอเจินจูเดินพ้นออกมาจากประตูแล้วก็ใส่น้ำแร่เล็กน้อยลงไปในชามเครื่องปั้นดินเผานั้น สองพี่น้องบากบั่นออกจากบ้านไปเดือนกว่าแล้ว ร่างกายต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามากเป็แน่ นางนึกถึงเื่นี้แล้วจึงรีบเดินเข้าไปในห้องหลัก ทุกคนในห้องนั่งล้อมเป็วงกลมรอบโต๊ะอาหาร พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เห็นว่ามีคนเข้ามาใหม่ก็พากันหันขวับมามองเป็ทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง เจินจูแสร้งกระแอมไอปกปิดความเก้อเขิน แล้วเดินเข้าไปด้วยท่าทีรักษาความสงบไว้ นางนำถาดรองวางไว้บนโต๊ะแล้วจึงกล่าว “ท่านลุง ดื่มน้ำเถิด”
นางเทน้ำลงในถ้วยแล้วส่งไปให้ หลังจากนั้นก็กลับมาเทอีกถ้วย ชำเลืองมองร่างกายที่โค้งงอของหูฉางกุ้ยเล็กน้อย กัดฟันส่งไปแล้วกล่าว “ท่านพ่อ ดื่มน้ำเถิด”
“อื้อ” หูฉางกุ้ยตอบรับทันที ยกถ้วยขึ้นมาดื่มอย่างทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
หวังซื่ออมยิ้มมุมปาก กล่าวอย่างนุ่มนวล “ฉางหลิน เ้าดื่มน้ำสักหน่อยก่อนเถิด เร่งเดินทางมาครึ่งค่อนวัน ข้าจะไปทำอาหารให้พวกเ้าก่อน ผิงอัน เ้ากลับไปบอกท่านแม่เ้าด้วย วันนี้ไม่ต้องทำอาหารเย็น อีกเดี๋ยวมาทานกับย่า ผิงซุ่น เ้าไปเอาน้ำเต้าสุราของท่านปู่ แล้วไปตักสุราที่ปากทางเข้าหมู่บ้านมาครึ่งชั่ง [1]” หลังจากกำชับหน้าที่ของแต่ละคนเสร็จแล้วนางก็ลุกไปจัดการอาหารเย็น
เจินจูย่นจมูกดมกลิ่น แล้วกล่าวออกมาอย่างฉับพลัน “ท่านย่า ท่านยังอบเห็ดไว้อยู่หรือไม่ ทำไมกลิ่นถึงแรงเช่นนี้?” เมื่อครู่ที่ออกมาจากห้องนางก็ได้กลิ่นแล้ว
เพิ่งจะกล่าวจบไป หวังซื่อก็ร้อง “ไอ๊หยา” ออกมา แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องฝั่งตะวันออก เจินจูรีบตามเข้าไปด้วย
“ไอ๊หยา ดูความจำข้าสิ ไม่ใช่ว่าอบเห็ดอยู่หรือ พอพวกท่านพ่อของเ้ากลับมาก็ลืมสิ้นหมดแล้ว ยังดีที่เ้าฉลาดเฉียบแหลม รู้จักเตือนย่า” หวังซื่อหัวเราะ “ฮ่า ฮ่า” ในมือพลิกเห็ดกลับไปมาไม่ได้หยุด นางดูขั้นตอนการทำอย่างตั้งใจ ประเมินว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด
“ท่านแม่ นี่ทำอันใดอยู่หรือ?” พี่น้องหูฉางหลินและหูฉางกุ้ยเดินตามเข้ามา พอเห็นเห็ดบนเตียงจึงพากันงุนงงอยู่บ้าง
“ท่านพ่อ นี่กำลังเอาเห็ดมาอบแห้ง รอข้ามปีค่อยเอาไปขาย ท่านพ่อ ไม่กี่วันมานี้ข้าขยันมากเลย เก็บเห็ดได้มากมายเลยนะ” ท่าทางผิงซุ่นราวกับ้าคำชมเชย มองท่านพ่อของเขาด้วยดวงตาเป็ประกายวิบวับ
“อื้ม ผิงซุ่นกล่าวไม่ผิด หลายวันนี้ฝนตกๆ หยุดๆ เห็ดงอกงามมากนัก พวกเด็กๆ ต่างพากันขึ้นเขาไปเก็บเห็ดไม่น้อย ปีที่แล้วมาไม่มีแสงแดดเลยตากเห็ดไม่แห้ง ปีนี้เจินจูคิดวิธีใช้เตียงมาอบเห็ดให้แห้งได้ หลายวันที่ผ่านมานี้ที่บ้านจึงเอาแต่ทำสิ่งนี้มาตลอด ตุนเห็ดแห้งไว้จำนวนหนึ่งพอข้ามฤดูหนาวก็สามารถขายได้ราคาดี” คิดถึงราคาเห็ดในฤดูหนาวที่ขึ้นสูงหลายเท่า ขายเห็ดแห้งชุดนี้ไปน่าจะสามารถใช้หนี้เก่าคืนได้หมด ในใจหวังซื่อปลื้มอกปลื้มใจเป็อย่างมาก
ได้ยินเช่นนี้ หูฉางหลินและหูฉางกุ้ยต่างก็พากันมองเจินจูอย่างตกตะลึง
เชิงอรรถ
[1] 1 ชั่ง ประมาณ 500 กรัม ดังนั้นครึ่งชั่งจึงประมาณ 250 กรัม