เมื่อวันเสาร์ ซย่านีกับเซี่ยงเหมยผลัดกันทำหนังยางรัดผมตลอดทั้งวัน ทั้งสองคนมือไม้คล่องแคล่วเป็อย่างยิ่ง พอยิ่งทำก็ยิ่งชำนาญมากขึ้นทำให้ความเร็วในการทำจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผลคือพวกเขาสามารถทำหนังยางรัดผมออกมาได้หนึ่งพันชิ้นเลยทีเดียว
วันรุ่งขึ้นพวกเธอก็จัดการบรรจุหนังยางรัดผมวงใหญ่ลงในถุงต่างๆ จากนั้นก็ขอยืมรถสามล้อของเพื่อนบ้านแล้วนำสินค้าทั้งหมดพร้อมกับลูกๆ สามคนขึ้นรถไปด้วยกัน
“ลูกๆ ทำการบ้านอยู่ที่บ้านไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ? ทำไมถึงอยากออกมาเจอลมหนาวนอกบ้านด้วย” ซย่านีอดไม่ได้ที่จะบ่นเด็กทั้งสอง
ซ่งวั่งซูกล่าวเสียงดังฟังชัด “หนูทำการบ้านเสร็จหมดแล้วค่ะ!”
“ผะ...ผม...ผมก็...” เมื่อซ่งตงซวี่ต้องเผชิญกับสายตาจับจ้องดุจไฟฉายคู่นั้นของซย่านี เขาก็หดหัวลงอย่างรู้สึกผิด “ผมทำเกือบเสร็จแล้ว! เหลืออีกแค่หน้าเดียวครับ กลับไปแล้วผมจะรีบทำให้เสร็จ”
ซ่งวั่งซูกล่าวขึ้น “แม่ หนูช่วยแม่ขายของได้นะ! ดูสิคะว่าหนูรัดผมด้วยหนังยางของแม่แล้วสวยมากแค่ไหน เดี๋ยวพอมีลูกค้าเข้ามาพวกเขาก็จะเห็นว่าหนูใส่แล้วสวยมากๆ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อมันก็ได้นะคะ”
วันนี้ซ่งวั่งซูสวมเสื้อคลุมบุนวมผ้าฝ้ายตัวเก่าซึ่งทำมาจากผ้าลายดอกสีแดง แม้จะเก่าแต่สีสันก็ยังคงสดใส ซย่านีเกล้าผมเป็มวยให้กับลูกสาวแล้วเลือกหนังยางรัดผมที่ทำจากผ้าลูกไม้สีแดงมารัดให้เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ เมื่อเธอมองมาที่ลูกสาวของตนแล้ว มันทั้งดูสวยงามและดูมีชีวิตชีวามาก
“โอ้โห ลูกช่างมีหัวการค้าเหมือนกันนะจ้ะ” อันที่จริงแล้วซย่านีมีความสุขมากที่ซ่งวั่งซูเต็มใจออกมาช่วยเธอขายของ เธอมองออกว่าก่อนหน้านี้ซ่งวั่งซูไม่เห็นด้วยกับความคิดที่เธอจะตั้งแผงลอยเท่าไหร่นัก ทว่าวันนี้ลูกสาวตัวน้อยกลับเสนอตัวจะตามเธอมาเอง นี่จึงถือว่าซ่งวั่งซูมีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเลยจริงๆ
ส่วนซ่งตงซวี่ก็ตามออกมาเพียงเพราะเห็นว่าเป็เื่ที่แปลกใหม่และดูน่าสนุกเท่านั้น
ซย่านีหันไปพูดกับซ่งตงซวี่อีกครั้ง “ตอนที่แม่กำลังขายของ ลูกก็อยู่ข้างๆ คอยดูแลน้องอย่างเชื่อฟัง แล้วเล่นเป็เพื่อนซิงซิงอย่าปล่อยให้เขาร้องไห้หรือสร้างปัญหา เข้าใจไหม?”
หลังจากที่ซ่งตงซวี่ได้รับภารกิจจากแม่ของเขาแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเอ่ยตอบ “เข้าใจแล้วครับ!”
ซย่านีขี่รถสามล้อส่วนเซี่ยงเหมยก็ปั่นรถจักรยานของที่บ้านตัวเอง กลุ่มของพวกเธอเดินทางมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เมืองหลวงปักกิ่งถือเป็ศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งประเทศจึงมีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่มากที่สุด
กลุ่มคนที่มีมากที่สุดในมหาวิทยาลัยก็คือคนหนุ่มสาว หญิงสาววัยรุ่นต่างก็รักสวยรักงามกันทั้งนั้น ส่วนพวกผู้ชายวัยรุ่นก็อยากจะเอาใจผู้หญิงที่ชอบ ยิ่งไปกว่านั้นคือ่นี้มหาวิทยาลัยทุกแห่งยังเปิดให้เข้าศึกษาฟรีและยังให้เงินกับนักศึกษาอีกด้วย เหล่านักศึกษาส่วนใหญ่ย่อมมีเงินในมือพอจะซื้อหนังยางรัดผมนี้ได้อย่างแน่นอน
ซย่านีคิดคำนวณมาอย่างดีแล้วเธอจึงเลือกถนนเล็กๆ ที่เป็ทางเชื่อมกับทางเข้าด้านหลังของมหาวิทยาลัยทั้งสามแห่ง
เมื่อพวกเขามาถึงจุดหมายตรงปากทางเข้าประตูก็มีรถสามล้อและรถเข็นจอดอยู่เป็จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีแผงขายอาหารอย่างถังหูลู่[1] และมันเผาอยู่ด้วย
ซย่านีจอดรถสามล้อไว้ด้านหนึ่งแล้วหยิบกระสอบสินค้าที่เตรียมไว้อย่างดีออกมา เธอสะบัดมันออกเล็กน้อยเพื่อปูลงบนพื้นจากนั้นจึงวางหนังยางรัดผมไว้ในรูปแบบต่างๆ
หนังยางรัดผมหลากหลายสีสันถูกจัดไว้เป็กองเล็กๆ หลายกอง
หลังจากรอมาสักพักแล้ว อย่าว่าแต่เปิดประเดิมการขายเลย ขนาดลูกค้าสักคนยังไม่มีทีท่าจะเดินเข้ามาถามราคาสักนิด
เซี่ยงเหมยเริ่มกังวล เธอมองดูนักศึกษาที่เดินไปมาขวักไขว่ระหว่างประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย“ซย่านีจะทำอย่างไรดี? พวกเราเลือกสถานที่ผิดไปหรือเปล่า?”
“อย่าเพิ่งรีบร้อน” ซย่านีกล่าวต่อ “ยังไม่เลิกเรียนเลย”
ตลอดชีวิตสองชาติรวมกัน ซย่านีเพิ่งเคยทำธุรกิจเป็ครั้งแรก แม้ว่าภายนอกของเธอจะดูสงบนิ่งแต่ในใจกลับประหม่าอยู่บ้าง
ตอนนี้เป็เวลาประมาณสิบเอ็ดโมงสี่สิบ
ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว
เหล่าพ่อค้าแม่ขายแผงลอยที่เตรียมการมาอย่างดีเริ่มทยอยหยิบของกินของร้านตัวเองขึ้นมาทีละชิ้น พวกเขาต่างก็ปล่อยให้กลิ่นหอมของอาหารโชยไปทั่วทุกสารทิศเพื่อดึงดูดนักศึกษาที่กำลังหิวโหย
ประมาณห้านาทีให้หลัง เหล่านักศึกษากลุ่มใหญ่ก็หลั่งไหลออกมาจากประตูมหาวิทยาลัย
นักศึกษากลุ่มใหญ่ตรงไปยังแผงลอยขายอาหารกินเล่นที่ตนอยากกิน ส่วนนักศึกษาอีกกลุ่มที่ยังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรก็เดินเลือกดูสินค้าแทน
หลังจากที่เดินดูสินค้าเรื่อยมาจนมาถึงหน้าแผงขายสินค้าของซย่านี
“เอ๊ะ นี่คืออะไรน่ะ?” นักศึกษาหญิงสองคนเดินควงแขนกันเข้ามาที่แผงลอยของซย่านี
ซย่านียิ้มกว้าง “พวกเราขายเครื่องประดับผมจ้ะ นักศึกษาทั้งสองดู เครื่องประดับผมพวกนี้สิ มันคืออันเดียวกันกับที่ประดับอยู่บนผมของลูกสาวฉันเลย” ซย่านีดึงซ่งวั่งซูมาอวดให้เด็กผู้หญิงสองคนนั้นดูพลางกล่าวต่อว่า “เครื่องประดับผมนี้ ด้านนอกหนังยางรัดผมถูกพันรอบด้วยผ้าเป็ชั้นๆ เพราะงั้นเมื่อรัดผมแล้วหนังยางนั้นจะไม่กินเส้นผมอย่างแน่นอน”
ปกติแล้วเพศหญิงเกิดมาก็รักสวยรักงามเป็ทุนเดิมเพียงมองการแต่งกายของนักศึกษาหญิงสองคนนี้แล้ว เธอก็รู้ได้เลยว่าพวกเธอสองคนให้ความสำคัญกับการแต่งตัวมากแค่ไหน นักศึกษาสาวทั้งสองเห็นเครื่องประดับบนผมของซ่งวั่งซู ั์ตาของเด็กสาวทั้งสองก็เปล่งประกายขึ้นมา
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น รอบด้านก็มีเหล่านักศึกษาหญิงล้อมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
เด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้น “เครื่องประดับผมนี่ ชิ้นละเท่าไหร่หรือคะ?”
ซย่านีชี้ไปทางหนังยางรัดผมวงเล็กแบบธรรมดาพลางกล่าวว่า “กองนี้ชิ้นละสามเหมา[2] สองชิ้นห้าเหมาจ้ะ” จากนั้นซย่านีก็ชี้ไปทางหนังยางรัดผมวงใหญ่แบบธรรดา “กองนี้ราคาชิ้นละสี่เหมาจ้ะ ถ้าซื้อสองชิ้นจะราคาเจ็ดเหมา แล้วก็ยังมีแบบผ้าไหมด้วยนะจ้ะ แบบนี้ชิ้นละหกเหมาถ้าสองชิ้นก็หนึ่งหยวนจ้ะ”
จนมาถึงกองสุดท้าย ซย่านีก็ชี้ไปทางกองที่ทำจากผ้าแพรและผ้าลูกไม้แสนสวย “ส่วนกองนี้ ชิ้นละหนึ่งหยวนจ้ะ แต่สามารถจับคู่กับเครื่องประดับผมชิ้นเล็กที่กองละสามเหมาได้นะจ้ะ”
หญิงสาวหลายคนพากันอ้าปากค้างแต่มีหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มร้องอุทานขึ้นมาว่า “ทำไมแพงจัง? ของอะไรกันเนี่ยขายชิ้นละตั้งหนึ่งหยวนแน่ะ!”
[1] ถังหูลู่ หรือ ถังหูหลู糖葫芦 คือ ขนมขบเคี้ยวหรือของหวานแบบจีนภาคเหนือ (华北) ที่ใช้น้ำตาลเคลือบแข็งลงบนผิวผลไม้สดที่เสียบก้านไม้ยาว
[2] เหมา 毛 คือ ค่าเงินจีนเรียกอีกชื่อคือ เจี่ยว (角) มีค่าเท่ากับ 1/10 หน่วย (10 เหมา = 1 หยวน)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้