คนในเกี้ยวออกคำสั่ง “เอาโคมไฟมา ข้าจะเข้าไปดูเสียหน่อย” เมื่อพูดจบจึงเดินออกมาจากเกี้ยว นางอยู่ในชุดหรูหรา ใบหน้ามีเครื่องประทินโฉมแต่งแต้มอย่างงดงาม นางก็คือเฟิ่งสือหนิง พระชายาขององค์ชายสี่ที่เพิ่งวิวาห์ได้ไม่นานนั่นเอง
นางเดินเข้าไปภายในซอยภายใต้การนำทางของหญิงรับใช้ เมื่อแสงริบหรี่จากโคมส่องไป หญิงรับใช้ก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความใ นางแทบจะร้องอุทานออกมาเลยก็ว่าได้
ภายในซอยที่แสนมืดมิดมีศพอยู่สามศพ คือที่ข้างผนังสองศพ และที่กลางถนนอีกหนึ่งศพ นอกจากนี้ ที่ข้างผนังยังมีใครอีกคนนั่งอยู่ คนผู้นั้นมีดวงตาสีดำขลับเช่นเดียวกับนาง หน้าอกที่ขยับขึ้นลงช้าๆ แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่
บนพื้นที่เปียกชุ่ม ท่ามกลางดินโคลนที่เลอะเปรอะ เืสีแดงอาบท่วมเป็วงกว้าง สายเืเป็เหมือนลำธารซึ่งไหลออกมาจากร่างกายอย่างเงียบสงบ ก่อนเืที่เคยอุ่นจะเย็นลงช้าๆ
เฟิ่งสือจิ่นนั่งพิงผนังในสภาพเสื้อผ้ายุ่งเหยิง คล้ายกำลังหอบหายใจ แต่เสียงลมหายใจกลับแ่เบาเหลือเกิน ชุดสีเขียวอ่อนบนร่างกายเปื้อนไปด้วยเื ยังมีเืบางส่วนเลอะเปรอะไปถึงคาง มันทำให้นางแลดูงดงามทว่าน่าสลดใจ ราวกับคนตรงหน้าเป็ปีศาจจอมยั่วยวนที่ออกมากัดกินหัวใจมนุษย์ในยามราตรีเช่นนั้น มือทั้งสองข้างอาบไปด้วยเื โดยมือข้างหนึ่งถือกริชประณีตงดงามเล่มนั้นเอาไว้แน่น เมื่อปล่อยมือ กริชก็ร่วงลงบนพื้น ทำให้เกิดเสียงกระทบดังก้อง
ห้วงอากาศตลบไปด้วยกลิ่นคาวเื
เฟิ่งสือหนิงมีท่าทีสงบจนน่าประหลาด มือทั้งสองข้างจับกันที่ด้านหน้า ท่าทีสง่างามทว่าน่าหลงใหล มีระเบียบทว่าสูงศักดิ์ ชุดสีแดงซึ่งปักลายสีทองบนร่างทำให้นางดูสูงส่งราวกับเทพเ้า ผิดกับสภาพแวดล้อมอันแสนโสมมในที่แห่งนี้อย่างสิ้นเชิง นางพูดขึ้น “สือจิ่น เ้าฆ่าคนตาย”
บัดนี้ เฟิ่งสือจิ่นสร่างจากความมึนเมาแล้ว ร่างบางสั่นเทาไม่หยุด เมื่อมองดูศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น นางก็รู้สึกคล้ายเืในร่างกายกำลังเย็นลงเรื่อยๆ ราวเืในตัวเยือกแข็งไปแล้วเช่นนั้น สิ่งเดียวที่นางรู้สึกในตอนนี้ก็มีเพียงความหนาวเย็น หนาวสะท้านไปจนถึงกระดูกดำ “แล้วอย่างไรเล่า? ที่เ้ามาโผล่อยู่ที่นี่ได้อย่างพอดิบพอดี เพราะ้าจะบอกกับข้าแค่นี้หรือ?” นางหันไปมองทางเข้าด้านหน้าซอย เพราะความมืด นางจึงมองเห็นเค้าโครงของเกี้ยวที่จอดอยู่ตรงนั้นได้เพียงเลือนรางเท่านั้น “เ้าสามารถหยุดยั้งข้า หยุดยั้งพวกเขาได้ แต่เ้ากลับไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะเ้าเองก็อยากดูว่าข้าจะเป็อย่างไรต่อไป อยากเห็นจุดจบของข้า...”
เฟิ่งสือจิ่นลดสายตาลง นางมองกริชที่ตกอยู่ข้างมือ มองมันกองอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ทันใดนั้น จู่ๆ นางก็รู้สึกเ็ปข้างในหัวใจ ท้ายที่สุดก็ทำใจไม่ได้ จึงเก็บกริชเล่มนั้นขึ้นมาอีกครั้ง แม้บัดนี้มันจะสกปรกจนแทบดูไม่ได้แล้วก็ตาม เฟิ่งสือจิ่นเช็ดกริชด้วยเสื้อผ้าของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง แต่เพราะไม่ระวังร่างกายจึงถูกบาดจนกลายเป็แผล ยิ่งเช็ด เืบนกริชก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ
นี่เป็กริชที่ซูกู้เหยียนมอบให้นางเมื่อสามปีก่อน เขาบอกให้นางใช้กริชเล่มนี้ป้องกันตัว หากใครคิดจะรังแกนาง ก็จงใช้กริชเล่มนี้สั่งสอนคนผู้นั้นเสีย เขาบอกให้นางไม่ต้องกลัว บอกว่าเขาเป็องค์ชายสี่ที่จักรพรรดิโปรดปรานที่สุด ไม่ว่านางจะทำผิดอะไร เขาก็จะปกป้องนางเสมอ
คำสัญญาในวัยหนุ่มกลับถูกลบลืมจนหมดสิ้น
ในตอนนั้น ซูกู้เหยียนรักและตามใจนางทุกอย่าง หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งสือหนิงวางแผนใส่ร้ายละก็...
ทั้งที่เคยช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ปลอบประโลม และเป็ที่พึ่งพิงซึ่งกันและกันแท้ๆ ในตอนนั้น นางคิดว่าเฟิ่งสือหนิงเป็คนในครอบครัวคนสุดท้ายที่ตนเหลืออยู่... แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่นางได้รับกลับมา กลับเป็การหักหลังอย่างเืเย็น ในโลกใบนี้ ไม่ว่าใครก็ทำให้นางเ็ปไม่เท่าการที่เฟิ่งสือหนิงใช้มีดกรีดแทงลงกลางหัวใจของนางเช่นนี้
เฟิ่งสือหนิงใช้นางเป็บันไดเพื่อเอื้อมคว้าทุกสิ่ง ผิดกับนางที่ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง
เฟิ่งสือจิ่นรู้ดีกว่าใคร นางจ้องเข้าไปในดวงตาของเฟิ่งสือหนิง “เ้าสะกดรอยตามข้า เป็อย่างไรบ้าง เยาะเย้ยข้าจนพอใจแล้วหรือยัง? ตอนนี้เ้ามีทุกอย่าง แต่ข้ากลับมีชีวิตอยู่อย่างน่าสมเพช ตอนนี้เ้าพอใจแล้วหรือยัง?”
เฟิ่งสือหนิงเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะย่อตัวลงข้างๆ เฟิ่งสือจิ่น นางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ที่ข้าคอยตามเ้าก็เพราะเป็ห่วง ข้ากลัวว่าเ้าจะมีอันตราย กลัวว่าเ้าจะมีปัญหาอะไร ข้าอยากหาโอกาสเข้ามาคุยกับเ้า อยากให้เ้าออกไปจากเมืองหลวง และไม่กลับมาที่นี่อีก”
เฟิ่งสือจิ่นชะงักลงเล็กน้อยพลางเงยหน้ามองอีกฝ่าย เฟิ่งสือหนิงเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ “แต่ข้าก็รู้ดี ไม่ว่าอย่างไร เ้าก็ไม่ยอมทำตามที่ข้าขอหรอก” พูดจบ นิ้วมือเย็นเยียบก็เอื้อมไปแตะใบหน้าของเฟิ่งสือจิ่น ราวกับอสรพิษที่กำลังเลื้อยพันรอบตัวเหยื่อ “สือจิ่น ถ้าเ้ายอมถอดใจไปั้แ่แรก ถ้าเ้าออกไปจากเมืองหลวงั้แ่แรกก็คงดี อย่างไรเสีย ข้าก็เหลือเ้าเป็น้องสาวแท้ๆ แค่คนเดียวแล้ว ถ้ามีทางเลือก ข้าก็ไม่อยากให้เ้าต้องเป็อะไรไปเหมือนกัน”
เฟิ่งสือจิ่นปัดมือเฟิ่งสือหนิงออกไป พลางถามด้วยเสียงที่สงบจนน่าประหลาดใจ “เลิกเสแสร้งเสียที เดิมที นี่ก็เป็แผนของเ้าอยู่แล้ว เพราะเ้ากลัว เ้าระแวง ไม่กล้าให้ข้าที่เป็เหมือนะเิเวลามีชีวิตอยู่ต่อ เ้ากลัวว่าข้าอาจกลับมาแย่งซูกู้เหยียนไปจากเ้าอีก”
ใบหน้าภายใต้แสงไฟของเฟิ่งสือหนิงเ็า ทว่าก็อ่อนโยนและงดงามไม่เปลี่ยน “เขาเป็สามีของข้าแล้ว เ้ายังมีโอกาสแย่งเขาไปอีกหรือ?”
เฟิ่งสือจิ่นก้มหน้าลงต่ำ นางเก็บกริชเข้าที่อย่างเงียบงัน “ข้าจะไม่แย่งกับเ้าอีกแล้ว อนาคตข้างหน้าจะเป็อย่างไรก็ปล่อยมันไปตามชะตากรรมเถิด ข้าไม่สนใจแล้ว”
นางเตรียมจะประคองร่างโซซัดโซเซของตัวเองขึ้นจากพื้น แต่เฟิ่งสือหนิงกลับดึงแขนของนางเอาไว้ พลางมองมาที่นางด้วยแววตาอ่อนโยนและจริงใจ “สือจิ่น เ้าให้อภัยพวกเราหรือยัง เ้าจะอวยพรให้เรามีความสุขใช่หรือไม่?”
เฟิ่งสือจิ่นแสยะยิ้มเย็นเฉียบ “ข้าอวยพรให้พวกเ้า... ไม่อาจอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า”
“เฟิ่งสือจิ่น!” เฟิ่งสือหนิงหน้าถอดสี “ทั้งที่มีสภาพแบบนี้แล้ว เ้ายังจะปากแข็งอีกหรือ เ้าคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะข้าในตอนนี้ได้หรือ? ตอนนี้เ้าฆ่าคนตาย ต่อให้อยากไปจากเมืองหลวง เ้าก็ไม่มีโอกาสทำแล้ว แม้แต่ซูกู้เหยียน ก็ไม่มีทางช่วยให้เ้าพ้นจากเื่นี้ได้! ตอนนี้ ทางเดียวที่เ้าจะรอดพ้นก็คือการขอร้องข้า ขอให้ข้าช่วยเ้า!”
เฟิ่งสือจิ่นถูกหญิงรับใช้สองคนกดร่างติดผนัง ไม่มีคำสั่งของเฟิ่งสือหนิง พวกนางไม่มีทางปล่อยมือแน่ เฟิ่งสือจิ่นมองเฟิ่งสือหนิงพลางหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ และน่าหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน นางถาม “ถ้าแน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ ฆ่าข้าแล้วปัญหาทุกอย่างจะจบ เ้าเองก็จะเป็พระชายาองค์ชายสี่ได้อย่างสบายใจ เป็เกียรติแก่วงศ์ตระกูล ท่านแม่ที่ตายไปจะได้มีเกียรติ และภาคภูมิใจในตัวเ้าด้วย”
เฟิ่งสือหนิงหน้าถอดสี นางบีบคางของเฟิ่งสือจิ่นแน่น “หยุดพูดได้แล้ว”
ทว่าแม้ต้องกัดปากตัวเองจนกลายเป็แผล เฟิ่งสือจิ่นก็ยังพูดต่อ “อย่างไรเสียข้าก็เป็ลูกอกตัญญูอยู่แล้วนี่ แม้ตายก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย ฮ่าๆๆ เมื่อลงไปในนรก ข้าจะบอกท่านแม่ให้หมดว่าเ้าทำอะไรไว้บ้าง! ตระกูลเฟิ่งมีลูกสาวแบบเ้า ถือเป็เกียรติอย่างสูง แม้แต่เฟิ่งสือจาวก็ยังเทียบชั้นกับเ้าไม่ได้ ต่อไปนี้ แม้แต่ลูกของฮูหยินแห่งจวนท่านโหว ก็ยังต้องทำตามคำสั่งของลูกจากอนุภรรยาอย่างเ้าเลย ฮ่า... แต่ต่อให้เป็แบบนั้นแล้วอย่างไร เพราะเ้าเหลือเพียงตัวคนเดียว ไม่เหลือใครอีกแล้ว!”
“ข้าบอกให้หยุดพูด!” เฟิ่งสือหนิงเก็บกลั้นความโกรธมานาน นางเหวี่ยงฝ่ามือลงบนใบหน้าของเฟิ่งสือจิ่นเต็มแรง เฟิ่งสือจิ่นจึงหยุดพูดลงแค่นั้น ไม่นาน เฟิ่งสือหนิงก็เริ่มพูดขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่าราวกำลังร้องไห้ “นอกจากกู้เหยียน ข้ายอมให้เ้าได้ทุกอย่าง ข้ารักเขา รักไม่น้อยไปกว่าที่เ้ารัก และสุดท้ายเขาก็เลือกข้า แล้วเ้าจะไปโทษใครได้?” นางจับไหล่ของเฟิ่งสือจิ่นแน่นพลางเขย่าอย่างแรง “ข้ารักเขามากจริงๆ เพื่อเขา ข้ายอมทรยศได้แม้แต่น้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ทำไมเ้าถึงไม่ยอมเชื่อว่าข้ารักเขามากจริงๆ เล่า?” นางคำรามเสียงดัง “ต่อให้ไม่มีเ้า ข้าก็ทำให้เขามีความสุขได้เหมือนกัน! ขอแค่เขามีความสุข สำคัญด้วยหรือว่าคนที่อยู่เคียงข้างเขาจะเป็ข้าหรือเป็เ้า! แต่ก่อน พวกเราก็มอบความรักให้เขาโดยไม่สนว่าเขาจะเลือกใครไม่ใช่หรือ?”
เฟิ่งสือจิ่นหัวเราะด้วยเสียงเคียดแค้น พลันน้ำตาก็รินไหลออกมาเป็สาย