ท่ามกลางฤดูร้อนอันแสนอบอ้าว
ณ หมู่บ้านซ่างสุ่ย ประชาคมชีหลี่
เสียงจักจั่นที่ดังระงมราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก้องกังวานไปทั่วทุกสารทิศ อากาศที่ร้อนอบอ้าวกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก
ชาวประชาคมต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากที่พวกเขาได้ช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวสาลีทั้งหมดขึ้นยุ้งฉางได้สำเร็จก่อนที่พายุฝนจะเทกระหน่ำลงมา
ในลานบ้านทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน หญิงสาวที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงเตากำลังจ้องมองไปยังหน้าต่างที่แปะด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าสีเหลืองซีด ด้วยดวงตาที่ไร้ซึ่งประกายใดๆ ร่างกายของเธอรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย ข้างหูได้ยินแต่เสียงด่าทอของหญิงแปลกหน้าที่ดังแสบแก้วหู
“สวี่จือจือ ฉันจะบอกอะไรให้นะ อย่าคิดว่าแกจะมานอนแผ่หลาอยู่บนเตียงเตา แกล้งตายเพื่อให้ผ่านเื่แต่งงานนี้ไปได้
ถ้าแกไม่อยากเป็เมียใหม่ไอ้คนขายเนื้อบ้านจาง ก็รีบไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับไก่ตัวผู้ที่บ้านตระกูลลู่เอามาให้ซะ!” เสียงแหลมสูงของผู้หญิงคนหนึ่งดังลั่นข้างหู
“ะโน้ำตายอย่างนั้นเหรอ?” เธอหัวเราะเยาะอย่างเ็า “ถ้าจะตายก็ไปตายให้ไกลๆ หน่อย นังเด็กแพศยา กล้าดียังไงมาขู่ฉัน!”
สวี่จือจือ? ตระกูลลู่? พิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับไก่ตัวผู้?
ดวงตาของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเตาพลันสั่นไหวเล็กน้อย ชื่อและเื่ราวเหล่านี้ทำไมมันช่างเหมือนกับเื่ในนิยายยุค 70 ที่เธอเพิ่งอ่านเมื่อคืนนี้เลย!
เื่ราวในนิยายดั้งเดิมทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนเมื่อปี 1976
ในนิยายเื่นั้น ตัวประกอบหญิงอย่างหวงซินอวี่ เธอมีแม่แท้ๆ ชื่อสวี่จือจือ เป็เด็กสาวที่พ่อแม่ไม่รัก ถูกพี่สาวกลั่นแกล้งอยู่เสมอ จนกลายเป็กระสอบทรายที่เก็บตัวและมืดมน
สวี่จือจือถูกหวังซิ่วหลิงแม่ใจร้ายขายให้กับลู่จิ่งซาน ลูกชายคนรองของบ้านตระกูลลู่แห่งหมู่บ้านผานสือ ที่ทำงานเป็เ้าหน้าที่ในหน่วยงานลับ
ลู่จิ่งซานเป็ชายหนุ่มอนาคตไกลที่หาได้ยากยิ่งของประชาคมชีหลี่ เขาเข้าไปทำงานในหน่วยงานลับั้แ่อายุ 16 ปี และใช้เวลาเพียงหกเจ็ดปีก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็เ้าหน้าที่ระดับสูง
แต่ชื่อเสียงของลู่จิ่งซานนั้นไม่สู้ดีนัก เพราะใครๆ ก็ร่ำลือกันว่าเขาเป็คนดวงกินภรรยา เขาเคยมีคู่หมั้นมาแล้วสองคน คนหนึ่งหมั้นหมายกันไม่นานก็พลัดตกน้ำตาย อีกคนกำลังดูตัวกันอยู่ก็ถูกม้าที่ลากข้าวสาลีเตะจนตาย
แน่นอนว่าเ้าของร่างเดิมก็เคยได้ยินกิตติศัพท์อันน่าสะพรึงกลัวของลู่จิ่งซานเช่นกัน เธอจึงไม่ยอมแต่งงานด้วยเด็ดขาด พยายามะโน้ำตายแต่ก็มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ สุดท้ายก็ต้องจำใจแต่งงาน
ใครจะรู้ว่าในวันแต่งงาน ลู่จิ่งซานดันไม่กลับมาเพราะติดภารกิจ ทำให้คนในตระกูลลู่คิดที่จะให้เธอเข้าพิธีแต่งงานกับไก่ตัวผู้แทน
แม้เ้าของร่างเดิมจะเป็กระสอบทราย แต่ก็ยังพอมีสติสัมปชัญญะ เธอจึงไม่ยอมแต่งงานกับไก่ตัวผู้เป็อันขาด
ด้วยเหตุนี้แม่เลี้ยงของลู่จิ่งซานจึงตัดสินใจให้โจวเป่าเฉิงลูกชายที่ติดมาด้วย ซึ่งมีอายุมากกว่าลู่จิ่งซานหนึ่งปีมารับตัวเ้าสาวแทน
แต่เมื่อทั้งคู่เพิ่งจะทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จ ลู่จิ่งซานก็กลับมาถึงบ้านเสียอย่างนั้น
ไม่นานเ้าของร่างเดิมก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกสาวคนแรก หรือก็คือตัวประกอบหญิงหวงซินอวี่ที่กล่าวมาในทีแรกนั่นเอง
ในขณะที่สวี่เจวียนเจวียน พี่สาวของร่างเดิมที่แต่งงานมาแล้วห้าปียังไม่มีลูก จึงบอกกับหวังซิ่วหลิง แม่ของเธอว่าอยากจะขอรับลูกสาวของร่างเดิมไปเป็บุตรบุญธรรม
อย่างไรเสียก็เป็แค่เด็กผู้หญิง ตระกูลลู่ก็คงไม่ได้อยากได้อยู่แล้ว ทว่าถึงจะเป็แค่เด็กผู้หญิง แต่ก็เป็ลูกคนแรกของลู่จิ่งซาน เขาจึงไม่ยอมอย่างเด็ดขาด
สวี่เจวียนเจวียนจึงยุยงให้เ้าของร่างเดิมทะเลาะกับสามีตัวเองแทน
เมื่อลู่จิ่งซานไม่ยอม เ้าของร่างเดิมก็ใช้ลูกในท้องบังคับให้เขายอม ถึงขั้นมีข่าวลือว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของลู่จิ่งซานแต่เป็ลูกของโจวเป่าเฉิง เพราะในตอนแรกเขาเป็คนมารับตัวเ้าสาวแทนลู่จิ่งซาน เื่เข้าหอก็อาจจะแทนกันได้เช่นกัน เพราะใน่ที่อยู่ในบ้านตระกูลลู่ ลู่จิ่งซานมักจะไปปฏิบัติภารกิจพิเศษ ทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยได้เจอกัน และไม่ได้มีความผูกพันกันมากนัก สุดท้ายหวงซินอวี่ก็ถูกยกให้สวี่เจวียนเจวียนไป
เพียงแต่ในบ้านสามีเธอไม่เพียงแต่ต้องทนทุกข์ทรมานจากแม่สามีและโดนพี่สะใภ้กดขี่เท่านั้น แต่ยังต้องทนกับการคุกคามของโจวเป่าเฉิง แถมยังถูกยุยงจากบ้านเดิม หวังซิ่วหลิงและสวี่เจวียนเจวียนอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เองเ้าของร่างเดิมจึงมีนิสัยที่มืดมนลงเรื่อยๆ
ต่อมาเมื่อลู่จิ่งซานได้รับาเ็ เขาจึงถือโอกาสลาออกจากงานและกลับมาอยู่ที่บ้าน ทำให้เธอเริ่มหวาดระแวง จินตนาการว่ามีคนจะมาทำร้ายเธอ แย่งผู้ชายของเธอ และทำร้ายลูกของเธอ
นานวันเข้าหลังจากที่เธอให้กำเนิดลูกคนที่สี่ เธอก็เป็โรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายไปในที่สุด
หลังจากที่เธอตายได้ไม่นาน ลู่จิ่งซานก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน
ส่วนลูกๆ ที่เ้าของร่างเดิมคลอดมา ลูกสาวคนโตที่ถูกยกให้สวี่เจวียนเจวียนหรือก็คือหวงซินอวี่ ก็ต้องเข้าไปอยู่ในคุก เพราะพยายามที่จะทำร้ายนางเอกของเื่ ส่วนลูกอีกสามคนที่เหลือก็ล้วนแล้วแต่เข้าสู่ด้านมืด และทำตัวมีปัญหา
ไม่มีใครมีจุดจบที่ดีเลย
ผู้เขียนนิยายเื่นี้ชื่นชอบตัวละครลู่จิ่งซานมาก ถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาจะเป็เพียงตัวประกอบของตัวประกอบ แต่ก็ยังมีการกล่าวถึงเื่ราวของพวกเขาอยู่เสมอๆ
“แม่คะ” สวี่เจวียนเจวียนที่อยู่ข้างนอกบ้านกล่าวด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจหวังซิ่วหลิง “จือจือแค่คิดมากไปเอง เื่แต่งงานดีๆ แบบนี้ ได้แต่งเข้าตระกูลลู่ถือเป็โชคของน้องแล้ว เดี๋ยวหนูจะเข้าไปคุยกับน้องเอง แม่ไม่ต้องโกรธหรอกนะคะ”
“ลูกสาวของฉันคนนี้รู้ความจริงๆ” หวังซิ่วหลิงตบปุๆ ที่มือของสวี่เจวียนเจวียนด้วยความเอ็นดู “ไม่ต้องไปสนใจนังเด็กเหลือขอนั่นหรอก ยังไงซะมันก็ต้องไปตายที่บ้านตระกูลลู่ ไปเถอะ แม่นึ่งไข่ตุ๋นให้ รีบไปกินซะ”
“แม่คะ” สวี่เจวียนเจวียนลังเลเล็กน้อย “ไข่ตุ๋นเก็บไว้ให้นน้องกินดีกว่า น้องต้องแต่งงานวันนี้แล้วนี่คะ...”
“นังเด็กเหลือขอไม่มีค่าพอจะได้กินไข่ตุ๋นหรอก ลูกกินไปเถอะ ลูกของแม่คนนี้รู้ความที่สุดแล้ว”
...
ความเศร้าและความเสียใจพลันแผ่ซ่านเข้ามาในใจ
สวี่จือจือหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอก็กลับมาสดใสและแน่วแน่
‘เธอจงวางใจได้เลย ในชาตินี้ฉันจะไม่เหมือนกับเธอในชาติที่แล้ว ส่วนคนที่เคยทำร้ายเธอ ฉันก็จะไม่ปล่อยพวกมันไปอย่างแน่นอน’
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเตาอย่างยากลำบาก เมื่อปรับตัวได้แล้วก็เดินไปที่ประตู
ในลานบ้านยังคงเป็ภาพของแม่ผู้แสนใจดีกับลูกกตัญญู
วันนี้เป็วันแต่งงานของสวี่จือจือ และเป็การแต่งเข้าตระกูลลู่ แม้ว่าปกติจะไม่ค่อยถูกกับหวังซิ่วหลิง แต่เช้าตรู่บรรดาป้าๆ ในตระกูลก็ยังมาช่วยกันแต่เช้า
อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชินชากับความลำเอียงที่หวังซิ่วหลิงมีต่อลูกสาวคนโต และความใจร้ายที่ทำกับลูกสาวคนเล็กมาเป็สิบปีแล้ว
“นังเด็กเหลือขอนั่น เดี๋ยวแม่จะเข้าไปสั่งสอนให้มันเชื่อฟังเอง...” ในขณะที่เปิดประตู หวังซิ่วหลิงก็กำลังช่วยจัดแต่งทรงผมให้กับสวี่เจวียนเจวียนอย่างเอาใจใส่ไปด้วย แต่ปากก็ยังบ่นด่าสวี่จือจืออย่างไม่สบอารมณ์
“แม่” สวี่จือจือเรียกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไร้อารมณ์ “ถ้าหนูเป็เด็กเหลือขอ แม่ที่เป็แม่ของหนูจะเป็อะไรล่ะคะ? คนแก่เหลือขอเหรอ?”
ทุกคนชะงักราวกับว่าแม้แต่บรรยากาศโดยรอบก็พลันหยุดนิ่ง
เมื่อกี้พวกเธอได้ยินอะไรน่ะ?
เด็กกระสอบทรายถึงกับกล้าเถียงแล้ว!
“นังเด็กสารเลวนี่ แกกล้าด่าฉันเหรอ?” หวังซิ่วหลิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโต้ตอบด้วยความโกรธเกรี้ยว “กล้าดียังไงมาทำแบบนี้ ดูซิ วันนี้ฉันจะตีแกให้ตาย”
“ดีเลย ถ้าแม่ตีหนูตายได้วันนี้ก็ดีเลย” ใครจะรู้ว่าสวี่จือจือไม่ได้กลัวเธอเลย แถมยังพูดด้วยรอยยิ้ม “จะได้เอาสินสอดสองร้อยหยวนของตระกูลลู่ไปคืน”
เอาไปคืน?
ไม่มีทาง!
นังเด็กเหลือขอเหิมเกริมแล้ว ถึงกับกล้ามาขู่เธอ!
“อย่าคิดว่าวันนี้แกจะแต่งงานแล้วแม่จะไม่กล้าสั่งสอนแก” หวังซิ่วหลิงคว้าไม้กวาดที่อยู่ใกล้ๆ แล้วยกขึ้นจะตีสวี่จือจือ
ยังไงซะขอแค่ไม่โดนหน้าก็พอแล้ว
“นังเด็กเหลือขอ ปล่อยนะ” ไม้กวาดที่หวังซิ่วหลิงยกขึ้นถูกสวี่จือจือคว้าไว้ด้วยมือเดียว
นังตัวซวยนี่แรงเยอะขนาดนี้ได้ยังไง
“ได้สิคะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วก็ปล่อยมือของเธออย่าง ‘เชื่อฟัง’
แต่ในขณะที่ปล่อย เธอก็ออกแรงผลักนิดหน่อย
“โอ๊ย หน้าฉัน!” สวี่เจวียนเจวียนที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่ก็เอามือลูบหน้าตัวเองพร้อมกับกรีดร้อง “เจ็บจังเลย”
เวลาที่หวังซิ่วหลิงทุบตีสวี่จือจือมักจะใช้แรงทั้งหมดที่มี เมื่อถูกสวี่จือจือผลักไปด้านหลัง ทั้งตัวก็เสียหลักล้มไปข้างหลัง ไม้กวาดที่อยู่ในมือก็เหวี่ยงไปข้างหลังอย่างแรง
ไม่รู้ว่าเป็ความบังเอิญหรือเป็โชคชะตา ไม้กวาดนั้นก็ดันไปตีเข้าที่ใบหน้าของสวี่เจวียนเจวียนอย่างจัง
“เื...ฉันเืออกแล้ว...”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้