เมื่อหลินเฟิงได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเขาก็พลันเ็าขึ้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่การพูดจำเป็ต้องมีคุณสมบัติด้วยเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้เอาแต่พล่ามบอกว่าคนอื่นไม่มีคุณสมบัติจะพูดแบบนั้น กล่าวแบบนี้ แล้วตัวนางล่ะ? มีคุณสมบัติอะไรมาฟาดแส้ใส่คนอื่นเขา???
ผู้หญิงคนนี้กระชากแส้ของนางออกจากมือของหลินเฟิง จากนั้นก็สะบัดข้อมืออีกครั้ง แส้ที่อ่อนนุ่มก็พลันเปลี่ยนเป็เส้นตรง พุ่งทะยานไปที่หน้าของหลินเฟิงประหนึ่งัพิษ
“ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายจริงๆ แม้ว่านางจะงดงาม แต่พฤติกรรมของนางช่างน่ารังเกียจ”
หลินเฟิงรู้สึกโมโหเป็อย่างมาก พวกเขาและนางไม่เคยมีความแค้นต่อกัน กระทั่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่นางกลับฟาดแส้ใส่หน้าจิ้งหยุน เพียงเพราะว่าจิ้งหยุนยอกย้อนคำพูดของนาง???
หลินเฟิงปัดป้องการโจมตีของผู้หญิงคนนั้น ในเมื่อนางลงมือทำร้ายพวกเขาอย่างไม่เกรงใจ งั้นก็อย่าหาว่าข้าเหี้ยมโหด!!!
หรือนางคิดว่าตัวนางสามารถแย้งคนอื่นได้ แต่คนอื่นไม่สามารถแย้งความคิดของนางได้? นี่มันหลักการไร้สมองประเภทไหนกัน?
“รนหาที่ตาย!” หญิงสาวะโอย่างโกรธเกรี้ยว เสียงแส้เสียดสีในอากาศจนดังแสบแก้วหู
“เพียงแค่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 1 เท่านั้น แต่กลับไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา”
หลินเฟิงนึกในใจอย่างเหยียดหยาม เขาพลิกฝ่ามือขึ้นมาแล้วตบออกไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นฝ่ามือทั้ง 6 ก็พุ่งทะยานออกไปหานาง ไม่จำเป็ต้องใช้แปดฝ่ามือพิฆาตระดับสูง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็แข็งแกร่งจนไร้ผู้ต่อต้านแล้ว!
พลังโจมตีที่น่าหวาดกลัวพุ่งตรงไปยังหญิงสาว หกฝ่ามือนี้แข็งแกร่งมากจนแส้ของนางไม่อาจต้านทานมันได้เลย
“คุณหนูระวัง!” ชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาวคนนี้ก็ก้าวเท้าขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ลงมือทำลายหกฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา จนเกิดเสียงะเิดังสนั่นพร้อมกับสายลมกระโชก ส่วนฝูงชนที่อยู่รอบๆ ก็รีบหลบฉากทันที
“ดูเหมือนว่าสถานะของคนเหล่านี้จะไม่ธรรมดาเลย อายุไม่มากแต่กลับสามารถบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาได้แล้ว”
ฝูงชนรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเด็กเหล่านี้ต่างบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาแล้ว ถึงแม้ว่าเมืองที่อยู่นอกเมืองหลวงแห่งนี้ ขอบเขตแห่งจิติญญาจะไม่ถือว่าแข็งแกร่งอะไรมาก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงอายุของเด็กพวกนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็ผู้คุ้มกันทั้งสองคน หรือแม้แต่ตัวหลินเฟิงกับเด็กสาวที่ก้าวร้าวคนนั้น อายุของพวกเขาก็ไม่น่าจะเกิน 16 – 17 ปีแน่ๆ พร์ของพวกเขาช่างน่าทึ่งมาก
“เ้ากล้าดีอย่างไรมาโจมตีข้า?!” หญิงสาวคนนั้นถูกฝ่ามือของหลินเฟิงกดดันจนต้องก้าวถอยหลัง สีหน้าของนางดูย่ำแย่ขณะจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างดุร้าย
หลินเฟิงส่งเสียงหึ! ออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนและก้าวเท้าไปหานาง ลมปราณอันทรงพลังก็แพร่กระจายไปทั่วร้านอาหาร
“เ้า้าเอาชีวิตข้า แล้วคิดว่าข้าจะยืนโง่ๆ ให้เ้าทำอย่างนั้นหรือ?”
หลินเฟิงรู้สึกขำมาก คนเหล่านี้เกิดมาเพื่อคิดว่ามีแค่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถดูถูกคนอื่นได้ แต่คนอื่นไม่สามารถดูถูกพวกเขาได้? เขาต้องปล่อยให้นางดูถูกโดยที่ไม่ตอบโต้อะไรเนี่ยนะ??? มันไร้สาระมาก
ผู้คุ้มกันทั้งสองของนางจ้องมองหลินเฟิงอย่างระมัดระวัง พวกเขาสามารถััได้ว่าหลินเฟิงเป็ตัวอันตรายอย่างแท้จริง
“ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ จงตบปากของตัวเองแล้วไสหัวไปซะ” หญิงสาวคนนั้นแผดเสียงออกมาอย่างโมโห
ใบหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยวออกมา นางไม่เคยคิดว่าจะได้รับความอัปยศที่นอกเมืองหลวงเช่นนี้
“ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย”
หลินเฟิงแสยะยิ้มอย่างเ็า และก้าวเท้าไปหานางอีกหนึ่งก้าว ทันใดนั้นลมปราณที่แข็งแกร่งก็พุ่งเข้าไปหานาง
“เ้าบอกว่าข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดปากพูด ถ้างั้นข้าขอถามเ้าหน่อยว่า ขยะไร้ค่าอย่างเ้ามีคุณสมบัติอะไรมาดูถูกคนอื่น เ้าจะตบปากตัวเองไหม?”
สิ้นเสียงของหลินเฟิง เขาก็ฟาดฝ่ามือออกไป แปดฝ่ามือพิฆาตทะยานออกมาโจมตีพวกเขาอีกครั้ง คราวนี้หลินเฟิงใช้ 7 ฝ่ามือ ความรุนแรงของมันไร้ที่เปรียบ!!!
“นี่เ้ากล้า!!!” สีหน้าของสองผู้คุ้มกันพลันเปลี่ยนไป ลมปราณในร่างของพวกเขาถูกปลดปล่อยออกมาจนถึงขีดสุด แล้วชกออกไปต้านทานฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา
เสียงะเิดังกึกก้องไปทั่วอากาศ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่พวกเขา เหล่าฝูงชนแอบคิดในใจว่า เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไป อันธพาลสาวคนนี้ต้องแย่แน่ๆ ที่ยั่วยุเขา โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
“ไสหัวไป!”
หลินเฟิงตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้นแปดฝ่ามือพิฆาตก็ปกคลุมไปทั่วอากาศ ลมปราณที่แผ่ออกมาช่างไร้เทียมทาน
“ตูม!!! ตูม!!!”
ร่างของผู้คุ้มกันทั้ง 2 คนกระเด็นไปในอากาศ ก่อนจะตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง เด็กหนุ่มคนนี้เป็เพียงผู้เยาว์ที่อายุแค่ 16 - 17 ปีเท่านั้น แต่พลังของเขากลับแข็งแกร่งมาก กล่าวได้ว่าเด็กคนนี้ก็คืออัจฉริยะ ดูเหมือนว่านอกเมืองหลวงก็เต็มไปด้วยเสือซุ่มัซ่อน
หญิงสาวจ้องมองไปยังผู้คุ้มกันที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“นี่เ้า...” นางชี้นิ้วไปทางหลินเฟิง ก่อนจะพบว่าหลินเฟิงได้เดินเข้ามาใกล้นางแล้ว ด้วยความกลัวนางจึงกลืนคำพูดของตัวเองลงคอ
“ตอบคำถามของข้า เ้าบอกว่าข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะพูด แล้วตัวเ้าล่ะมีไหม?”
หลินเฟิงถามผู้หญิงคนนั้นเสียงเข้ม ในขณะที่ดวงตาก็ฉายแววเ็าออกมา เขาไม่ชอบรังแกคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทนให้คนอื่นมาดูถูกเขา
หลินเฟิงรู้ว่าดีว่าผู้หญิงอันธพาลที่ไร้มารยาทเช่นนางแล้ว ใช้เหตุผลอะไรมาอธิบายก็คงจะไม่ได้ หากเขาถอย นางก็จะยิ่งดูถูกข่มเหงเขามากขึ้น อยากจะให้เขาตบปากตัวเอง? อยากจะทำร้ายใบหน้าของจิ้งหยุนให้เสียโฉม??? คิดว่าหลินเฟิงจะปล่อยไปง่ายๆ ขนาดนั้นหรือ???
ในเมื่อมันไม่ถูกต้องก็ต้องลุกขึ้นมาต่อต้าน
หลินเฟิงไม่ใช่คนที่ใครจะเข้ามากลั่นแกล้งได้ง่ายๆ เขาพร้อมที่จะต่อต้านทุกคน หากว่าไม่ได้รับความเป็ธรรม
“เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร?”
หญิงสาวคนนั้นถูกลมปราณของหลินเฟิงกดข่ม จนต้องก้าวถอยหลังไปทีละก้าว ในใจของนางแอบเกลียดชังตัวเองที่ไม่พาผู้คุ้มกันที่เก่งกว่านี้มา
แน่นอนว่านั่นก็เป็เพราะนางไม่คิดว่าจะมีใครกล้าต่อต้านนางเหมือนกับหลินเฟิง
“เ้าจะเป็ใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?” หลินเฟิงยิ้มอย่างเ็า “ก็แค่สวะที่อาศัยบารมีของครอบครัวมาข่มเหงรังแกคนอื่น เ้าชี้หน้าด่าคนอื่นว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะพูด แล้วยังคิดที่จะตบคนอื่น แต่กลับไม่รู้ว่าถ้าพยายามที่จะตบหน้าใครบางคนที่เ้าไม่รู้จัก เ้าก็อาจจะถูกตบกลับมาได้”
“ตบหน้าข้า? เื่ตลกอะไรกัน ไม่มีใครกล้าที่จะตบหน้าข้า” หญิงสาวกล่าวอย่างเ็า
“จริงเหรอ?” หลินเฟิงแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “เช่นนั้นคงเป็เกียรติที่ข้าจะได้ตบหน้าเ้าเป็คนแรก”
“เ้ากล้า?” หญิงสาวจ้องมองด้วยความโกรธและกล่าวต่อไปว่า “ถ้าเ้ากล้าััข้า เ้าไม่ตายดีแน่”
“บางคำพูดก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ และในเมื่อพูดออกมาแล้วก็มีราคาที่ต้องจ่าย เ้าคงไม่ลืมประโยคที่เพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้หรอกนะ?” สีหน้าของหลินเฟิงยังคงเ็า ขณะก้าวเท้าไปหานางอีกก้าว “เื่บางอย่างก็เป็สิ่งที่ไม่สมควรทำ และในเมื่อได้ทำมันแล้ว ก็ต้องแบกรับผลที่จะตามมา เ้าอยากให้ข้าตบปากคัวเอง งั้นข้าก็จะตบปากเ้า”
“เ้ากล้า?” หญิงสาวคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงเ็า
“ทำไมจะไม่กล้า?” ในที่สุดหลินเฟิงก็เดินมาถึงตัวของหญิงสาว เขาเงื้อมือขึ้นในอากาศ
“หยุดมือ”
ทันในนั้นก็มีเสียงใสๆ ดังแทรกขึ้นมา
ผู้คนต่างหันไปมองทางต้นเสียง บนชั้นสามมีสตรีที่งดงามผู้หนึ่งกำลังเยื้องย่างลงมาอย่างสง่างาม นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าสดใส และในอ้อมกอดก็ยังถือพิณกู่ฉินเอาไว้ ท่าทางสูงส่งของนางทำให้ผู้คนไม่กล้าดูิ่
หลายคนต่างจับจ้องไปที่นาง ในใจก็นึกตกตะลึงขึ้นมา นางคือเ้าของร้านอาหารชิงซินแห่งนี้ ช่างสมชื่อจริงๆ ความงดงามของนางทำให้จิตใจของพวกเขารู้สึกสงบ
หญิงสาวคนนี้ดูหยิ่งทะนงและยังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ ทำให้ชายใดไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เลย
“ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะยังไม่เกิดขึ้น”
หลายๆ คนแอบคิดในใจอยู่เงียบๆ ว่า สาวงามนางนี้กำลังออกหน้าช่วยเหลือหญิงสาวผู้หยิ่งยโสคนนั้นอยู่ แม้ว่าฝูงชนจะไม่ชอบนาง แต่เมื่อนึกถึงสถานะของหญิงสาวจอมยโสคนนี้ กับชิงซินที่ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว พวกเขาจึงได้แต่เงียบ
ในตอนนั้นเองหลินเฟิงก็หันกลับไปมองชิงซิน นางอายุราวๆ 20 ปี เป็สตรีที่มากไปด้วยเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่
แต่ดวงตาของหลินเฟิงก็ไม่แสดงความหวั่นไหวออกมาเลยสักนิด แม้ว่าชิงซินจะงดงามมาก แต่ถ้าเทียบกับเมิ่งฉิงแล้วยังด้อยกว่าอยู่ดี ประกอบกับหลินเฟิงอยู่กับเมิ่งฉิงมาหลายวันแล้ว ดังนั้นภูมิต้านทานสาวงามของเขาจึงสูงมาก
“มีปัญหาอะไรหรือ?” หลินเฟิงถามอย่างเ็าราวกับไม่แยแสในความงามของนาง
ชิงซินเห็นดวงตาเฉยเมยของหลินเฟิงก็แอบแปลกใจอยู่เล็กน้อย ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นนาง ล้วนแล้วแต่ตกตะลึงทั้งนั้น น้อยครั้งมาที่จะมีคนเฉยชาแบบเขาปรากฏตัว
“เ้าไม่ควรแตะต้องนาง”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่ในน้ำเสียงที่อ่อนโยนกลับแฝงไปด้วยความหยิ่งทระนง ราวกับว่าเพียงแค่นางเอ่ยปากหลินเฟิงก็ต้องยอมตกลง
“นั่นคือคำสั่ง?” หลินเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นยิ่งกว่าเก่า
เมื่อชิงซินได้ยินที่หลินเฟิงพูด มันทำให้นางประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นนางก็ยิ้มและกล่าว “ไม่ มันไม่ใช่คำสั่ง”
“อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าข้า เื่นี้จบลงแต่เพียงเท่านี้เถอะ ได้ไหม?”
“ข้าเข้าใจ” หลินเฟิงกระตุกยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็ถามต่อไปว่า “พวกเรารู้จักกันไหม?”
“หืม?” ชิงซินจ้องมองไปที่หลินเฟิง จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “พวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่…”
“ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” หลินเฟิงกล่าวแทรกชิงซิน “ในเมื่อไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วทำไมข้าต้องเห็นแก่หน้าเ้าด้วย?”
คำพูดของหลินเฟิงทำให้ผู้คนตกตะลึง ชายหนุ่มคนนี้ก้าวร้าวเกินไปแล้ว! เขาพูดอย่างนั้นกับชิงซินได้อย่างไร? ทั้งๆ ที่นางงดงามขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงไม่รู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ และกล่าวต่อไปว่า “ตอนที่นางลงมือทำร้ายสหายของข้า ก็ไม่เห็นว่าเ้าปรากฏตัวออกมาเลยนี่ ถูกไหม?”
“ตอนที่นางสั่งให้คนอื่นตบปากตัวเอง แม้กระทั่งสั่งให้ข้าตบปากของตัวเอง เ้าก็ไม่ออกมาเช่นกันใช่ไหม?” หลินเฟิงถามต่อไปอีก ทำให้ชิงซินพูดไม่ออก
“ตอนที่นางหยิ่งผยอง ดูถูกคนอื่น และยังคิดที่จะตบพวกเรา เ้าไปอยู่ไหน??? แต่พอพวกเราตอบโต้กลับไปบ้าง เ้าก็ปรากฏตัวขึ้นมา เมื่อเป็แบบนี้แล้ว เ้ายังจะให้ข้าเห็นแก่หน้าเ้าอยู่อีกไหม?”
คำพูดของหลินเฟิงดังไปทั่วร้านอาหาร ทำให้ทุกคนอึ้งจนพูดไม่ออก แต่ในใจก็คิดตามคำพูดของหลินเฟิง เมื่อสักครู่พวกเขามัวแต่หลงใหลในความงามของนางจนลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไป อีกทั้งคำพูดที่หลินเฟิงกล่าวพวกเขาก็เองหาอะไรมาปฏิเสธมันไม่ได้
ทำไมนางถึงเพิ่งออกมาตอนนี้? ทำไมนางไม่ออกมาตอนที่หญิงสาวผู้หยิ่งยโสคนนั้นกลั่นแกล้งผู้คน?
คำพูดของหลินเฟิงราวกับเป็การตบหน้าชิงซิน
“มนุษย์ต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี!”
หลินเฟิงกวาดสายตามองไปที่ฝูงชน แล้วเผยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิขึ้นมา ก่อนจะหันไปตวัดฝ่ามือตบหน้าหญิงสาวผู้ยโสคนนั้น
เพียะ!
ช่างเป็เสียงตบที่เฉียบขาดมาก!
