เจอปัญหา เถารั่วเซียงหลุดคำหยาบออกมาหนึ่งคำ
เถารั่วเซียงคิดว่า ก่อนหน้านี้ระบบรักษาความปลอดภัยของบิวตี้คลับน่าจะไม่สูงมาก เพราะยังไงเสียก็เป็เพียงสถานเริงรมย์ อีกอย่าง และคงไม่มีเ้าของกิจการคนไหนที่ยินดีจ่ายแพงๆ เพื่อสิ่งที่ไม่มีตัวตนเหล่านี้ แต่ทว่า บิวตี้คลับกลับมีการรักษาความปลอดภัยของระบบที่สมบูรณ์แบบมาก แสดงว่าพวกเขายอมจ่ายแพงๆ เพื่อจ้างมืออาชีพมาอัพเกรดความปลอดภัยของระบบข้อมูลในทุกๆ ด้าน
ทว่ามันกลับยิ่งกระตุ้นให้เถารั่วเซียงอยากเจาะเข้าไปมากขึ้น เธอพูดกับฉินหลางว่า “คำพูดเมื่อกี้ นายคิดซะว่าไม่ได้ยินละกันนะ รอฉันติดต่อเพื่อนคนหนึ่งช่วยให้สิทธิ์ฉันในการเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์คลาวด์ ไม่ว่ารหัสของพวกมันจะยาวแค่ไหน ฉันก็จะถอดรหัสมันได้อย่างรวดเร็ว…”
เหมือนว่าเถารั่วเซียงจะเข้าสู่สภาวะแล้ว เธอใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อหาเพื่อน จากนั้นรอโปรแกรมคำนวณหาตัวเลขรหัส
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเธอก็ถอดรหัสสำเร็จ เข้าสู่เครือข่ายไร้สายของบิวตี้คลับ
จากนั้นเธอเข้าสู่โฮสต์คอมพิวเตอร์ของบิวตี้คลับ แล้วเริ่มดาวน์โหลดข้อมูลจากมัน
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเถารั่วเซียงปรากฏรูปถ่ายใบแล้วใบเล่า รูปพวกนี้เป็คลังข้อมูลสาวๆ ของบิวตี้คลับ เปรียบเสมือน ‘เมนูอาหาร’ นอกจากเมนูอาหารเหล่านี้แล้ว ยังมีเรทราคาอีกด้วย
ทว่าฉินหลางยังคงเป็ห่วงว่าข้อมูลพวกนี้ยังไม่เพียงพอจะจัดการกับอันเต๋อเซิ่ง ดังนั้นเขากล่าวเตือนเถารั่วเซียง “จากคำพูดของพนักงานบริการ ที่นี่พวกเขามีบริการเพียงนั่งดื่มเหล้าเป็เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีการบริการบนเตียง ทั้งหมดทางร้านล้วนไม่รับทราบ มันเป็การตกลงกันเองระหว่างลูกค้ากับเด็กนั่งดริ้ง…”
“แกล้งหูหนวกตาบอด!” เถารั่วเซียงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่ไม่ได้เป็วิธีที่ล้ำเลิศอะไร! ต่อให้พวกมันจะเ้าเล่ห์แค่ไหน ถ้าเราเช็กจากบัญชีรายรับของร้านก็ยังเจอความผิดสังเกตอยู่ดี”
ในขณะที่พูด เถารั่วเซียงเปิดไฟล์เอกสารที่เพิ่งดาวน์โหลดเสร็จออก พูดกับฉินหลางว่า “เห็นไหม บอกว่าเป็การตกลงกันเองระหว่างลูกค้ากับเด็กนั่งดริ้ง แต่พวกเขากลับได้ส่วนแบ่งมากสุด ดังนั้นขอเพียงตรวจสอบบัญชีเหล่านี้ดีๆ จะต้องเจอปัญหาแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์”
เพิ่งพูดจบ จู่ๆ เถารั่วเซียงก็พูดขึ้น “ไม่ดี พวกมันสังเกตเห็นแล้ว! ปิดโฮสต์คอมพิวเตอร์แล้วด้วย พวกเรารีบไปกันเถอะ! แต่ว่ามันเพิ่งจะรู้ตัว ก็สายเกินไปแล้ว!”
เถารั่วเซียงวางโน้ตบุ๊กไว้อีกฝั่ง รีบข้ามกลับมายังที่นั่งคนขับ สตาร์ทแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็ว
เพียงแต่ มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์อย่างละสองคัน พุ่งออกมาจากลานจอดรถใต้ดินของบิวตี้คลับ ขับตามเถารั่วเซียงกับฉินหลางไป แล้วพวกเขาน่าจะรู้แล้วว่าข้อมูลโดนคนอื่นแอบมาคัดลอก ดังนั้นจึงรีบตามออกมา
ปึง!
ผ่านไป 10 นาที รถของฉินหลางกับเถารั่วเซียงโดนอีกฝ่ายพุ่งชนท้ายแรงๆ
ฉินหลางอาจเก่งการต่อสู้ แต่ทักษะการขับรถกลับไม่ผ่าน ยังไงซะ เขาก็ยังไม่สามารถสอบใบขับขี่ได้
เถารั่วเซียงดูนิ่งเรียบผิดปกติ บังคับพวงมาลัยด้วยความมั่นคง ไม่มีอาการกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
เช่นเดียวกับฉินหลาง เพราะเขาเองก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะมันไม่เหมือนจากฉากไล่ล่าในภาพยนตร์ เพราะพวกที่ตามพวกเขาอยู่ไม่ได้ยิงพวกเขาด้วยปืนสักหน่อย
ฉินหลางเพิ่งคิดถึงตรงนี้ ก็เห็นมอเตอร์ไซค์ที่ขับมาประกบทางด้านขวา และกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นอกจากนี้ คนที่กำลังขับอยู่ เอามือลงไปล้วงอะไรบางอย่าง ทำให้ฉินหลางตระหนักได้ว่ามันจะต้องเป็เื่ไม่ดีแน่ ก่อนหน้านี้กระทิงได้ปืนมาจากซางคุน อย่าบอกนะว่าเข้าหมอนี่ก็มีเหมือนกัน?
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินหลางจึงไม่กล้าประมาทอีก คว้าประแจในรถ แล้วเขวี้ยงไปยังคนขับมอเตอร์ไซค์แรงๆ
ปัง!
ประแจโดนเป้าหมายพอดี ด้วยความที่เขวี้ยงแรงมากไปหน่อย ทำให้หมวกกันน็อกบนหัวเ้าหมอนั่นแตกออกจากกัน เหมือนว่าเสียงกระแทกเมื่อกี้ยังดังก้องในหู ร่างกายขาดการทรงตัว ล้มลง ก่อนจะไถลไปบนถนน จนเกิดประกายไฟขึ้นเป็ทางยาวราวกับดอกไม้ไฟ
เถารั่วเซียงจึงใช้โอกาสนี้เพิ่มความเร็ว เธอเหยียบคันเร่งจนมิด วิ่งไปยังสะพานข้ามแม่น้ำด้วยความเร็วราวกับเหาะ
แต่ฉินหลางกับเถารั่วเซียงรู้ว่า ตอนนี้พวกเขาหนีพ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่นานพวกนั้นก็ตามมา
“ฉินหลาง เอาไงดี?” เถารั่วเซียงถามขึ้น “บนสะพานมีไฟแดง ต้องรถติดแน่นเลย!”
“งั้นเอาหลักฐานแล้วลงรถกัน!” ฉินหลางกล่าว
“ถ้าลงรถ พวกเขาคนเยอะกว่าต้องมารุมเราแน่!” เถารั่วเซียงกล่าวเตือนฉินหลาง
“คุณเคยฝึกศิลปะป้องกันตัวไม่ใช่เหรอ!” เวลานี้ฉินหลางยังจะล้อเล่นอยู่
เถารั่วเซียงก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหมือนกัน ถึงหัวสะพานแล้วเธอจึงจอดรถ จากนั้นตามฉินหลางลงไปยังเขื่อน วิ่งเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ
ฉินหลางถือกล่องหนังสีดำของเถารั่วเซียง ทว่ากลับไม่ได้วิ่งช้าลงเลยสักนิด
แต่คนของบิวตี้คลับก็ตามอย่างเอาเป็เอาตายเช่นกัน ฉินหลางสังเกตดูแล้ว เ้าพวกนี้วิ่งตามมา 8 คน ยังมีอีกคนกำลังขับมอเตอร์ไซค์บนถนนเลียบแม่น้ำ เห็นได้ชัดว่ากำลังมองหาตำแหน่งของฉินหลางกับเถารั่วเซียงอยู่
เพราะ “การบำรุง” ของกองขยะ ทำให้ริมแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นกก ฉินหลางพาเถารั่วเซียงเข้าไปซ่อนตัวอยู่กลางดงกก
เมื่อหลบอยู่แบบนี้ ต่อให้อีกฝ่ายมีอาวุธปืน ก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ เพราะพวกเขามองไม่เห็น ก็ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของฉินหลางกับเถารั่วเซียง ทว่าพวกนี้ก็ไม่ได้โง่ไปซะหมดทุกคน คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ขับขึ้นไปจอดบนที่สูง แล้วมองหาทั้งคู่จากที่สูง ที่เหลืออีกแปดคน เดินเข้าไปหาในดงกกจากทุกทิศ เตรียมไล่ฉินหลางกับเถารั่วเซียงออกมาจากข้างใน
“ฉินหลาง ถ้าเราเล่นซ่อนแอบแบบนี้ คงไม่เป็ผลดีกับเราแน่ พวกมันมีคนเยอะ ไม่ช้าก็เร็วต้องหาเราเจอแน่!” เถารั่วเซียงรู้สึกไม่เห็นด้วยที่ฉินหลางเลือกวิ่งมาตรงนี้ มันไม่ค่อยฉลาดเลย เธอคิดว่าควรจะวิ่งไปในเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านถึงจะถูก
ฉินหลางไม่ได้อธิบายว่าตัวเองเลือกมาที่นี่เพราะอะไร เขาหันไปบอกเถารั่วเซียงด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง อีกแป๊บเดียวพวกมันจะต้องซวยแน่ๆ! คุณยังจำที่ผมบอกได้ไหมว่า ความจริงแล้วให้โจวหลิงหลิงอยู่ที่เขาชิงหยุ๋น เพราะที่นั่นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?”
เถารั่วเซียงพยักหน้า
“รู้เหตุผลรึเปล่า?” ฉินหลางยิ้มเ้าเล่ห์ พลางหยิบยาเม็ดสีแดงขนาดใหญ่พอๆ กับไข่ไก่ออกมาจากกระเป๋าคาดเอว จากนั้นเขวี้ยงลงพื้นแรงๆ ยาเม็ดสีแดงกระแทกเข้ากับก้อนหิน ดัง “ปึง” หมอกควันสีแดงกระจายออกมา ทว่า ยังมีกลิ่นหอมแปลกๆ ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
“ฉินหลาง นายทำอะไร—”
เถารั่วเซียงมองฉินหลางด้วยความใ รู้สึกว่าฉินหลางทำแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการเปิดเผยที่อยู่ของตัวเอง แบบนี้คนจะไม่แห่กันมาเหรอ!
เถารั่วเซียงเงยหน้าขึ้นเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่บนสันเขื่อนจะเห็นควันสีแดงตรงนี้แล้ว เรากำลังใช้โทรศัพท์มือถือโทรบอกอีก 8 คนว่าฉินหลางกับเถารั่วเซียงอยู่ตรงไหนจริงๆ ด้วย
เถารั่วเซียงกระวนกระวาย ทว่าเหมือนเธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้น “ฉินหลาง นายจงใจใช้หมอกควันดึงดูดพวกเขามา จากนั้น พวกเราก็แอบหาจังหวะหนีไปที่อื่นใช่ไหม? ใช่ วิธีการสับขาหลอกของนายนี่ดีจริงๆ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“น้าเถา คุณคิดว่าผมไร้สาระขนาดนั้นเลยเหรอ? รับมือพวกอ่อนหัดแค่นี้ พวกเราจำเป็ต้องหลอกด้วยเหรอ เล่นซ่อนแอบ?” ฉินหลางหัวเราะ “คำตอบของคำถามเมื่อกี้ ผมจะบอกคุณเอง นั่นเพราะว่าเขาชิงหยุ๋นมีงูเยอะ แต่ทว่าที่นี่ ก็มีงูไม่น้อยเหมือนกัน ยาที่ผมเขวี้ยงแตกเมื่อกี้ เรียกว่า ‘ยางูตื่นตัว’ สรรพคุณของมัน อีกไม่กี่นาทีคุณก็จะรู้แล้ว”