ทะลุมิติมาเป็นนักศึกษาแพทย์ในยุค 80

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


     ทุกคนเข้าไปในบ้าน ฉีฉางอิงพาเป้ยเป้ยไปหั่นแตงโมที่ครัว

        อาจารย์ใหญ่โจวพาสวี่ฮุ่ยมานั่งที่ห้องรับแขก

        เขาถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เธอมาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?”

        สวี่ฮุ่ยพยักหน้า “หนูอยากฝากเงินไว้กับอาจารย์สักพักได้ไหมคะ?”

        ฉีฉางอิงยกแตงโมที่หั่นเสร็จแล้วออกมาจากครัว ได้ยินดังนั้นก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “หนูฮุ่ย ทำไมต้องเอาเงินมาฝากไว้ที่พวกเราด้วยล่ะ?”

        สวี่ฮุ่ยเล่าถึงความลำบากใจของตนเอง เกรงว่าถ้าเก็บเงินไว้ที่บ้านจะถูกกู่ซิ่วกับน้องสาวขโมยไป ถ้าพกติดตัวก็กลัวถูกปล้น

        สวี่ฮุ่ยกล่าวอย่างละอายใจ “หนูรู้ว่าการขอร้องแบบนี้อาจทำให้อาจารย์ใหญ่กับป้าฉีลำบาก แต่หนูหาคนมาช่วยไม่ได้แล้วจริง ๆ ค่ะ”

        อาจารย์ใหญ่โจวโบกมือ “ไม่เป็๲ไร เอาเงินมาฝากไว้ที่ฉันเถอะ”

        สวี่ฮุ่ยกล่าวขอบคุณ แล้วหยิบเงินที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้อาจารย์ใหญ่โจว

        ถึงแม้อาจารย์โจวใหญ่จะเป็๲คนใจดี แต่ก็ไม่ใช่คนโง่

        เขารับเงินมาแล้วถามว่า “เท่าไหร่เหรอ?”

        สวี่ฮุ่ยตอบ “สองพันสองร้อยหยวนค่ะ”

        อาจารย์โจวนับเงินสามรอบติดต่อกัน แล้วพยักหน้า “จำนวนถูกต้อง” จะเขียนใบรับเงินให้สวี่ฮุ่ย

        ในชนบท หากมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่มีใครเขียนใบรับเงินให้หรอก

        ถ้าขอให้ฝ่ายตรงข้ามเขียนใบรับเงินให้ แสดงว่าไม่ไว้ใจกัน

        แม้สวี่ฮุ่ยอยากให้อาจารย์ใหญ่โจวเขียนใบรับเงินให้ เพราะจะได้อุ่นใจ แต่เธอก็ไม่กล้าขอให้อาจารย์ใหญ่โจวทำเช่นนั้น

        จึงปฏิเสธสุดกำลัง “อาจารย์คะ ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูยังไว้ใจอาจารย์ไม่ได้อีกเหรอคะ?”

        อาจารย์ใหญ่โจวแสร้งทำเป็๲โกรธ “ถ้าเธอไม่ยอมให้ฉันเขียนใบรับเงิน ฉันก็จะไม่เก็บเงินให้เธอ”

        สวี่ฮุ่ยจึงยอมรับแต่โดยดี

        อาจารย์ใหญ่โจวเขียนใบรับเงินไปพลางพูดไป “พี่น้องกันยังต้องชัดเจนเ๱ื่๵๹เงินทองเลย ต่อให้สนิทกันแค่ไหน ถ้าเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ ก็ต้องทำให้ชัดเจน ห้ามคลุมเครือเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนเอาเปรียบได้ จำคำพูดของฉันไว้ให้ดีนะ”

        สวี่ฮุ่ยพยักหน้าอย่างว่าง่าย

        อาจารย์ใหญ่โจวเขียนใบรับเงินสองฉบับ เซ็นชื่อและประทับลายนิ้วมือ ตอนที่ส่งให้สวี่ฮุ่ยเซ็นชื่อและประทับลายนิ้วมือต่อ เขาเห็นหลานชายจ้องเงินในมือภรรยาตาเป็๲มัน

        เขาลูบหัวเป้ยเป้ยด้วยความเอ็นดู พลางพูดหยอกล้อว่า “เด็กขี้งก!”

        สวี่ฮุ่ยเซ็นชื่อและประทับลายนิ้วมือลงบนใบรับเงินทั้งสองฉบับ เธอและอาจารย์ใหญ่โจวเก็บไว้คนละฉบับ

        อาจารย์ใหญ่โจวให้ภรรยาเอาใบรับเงินกับเงินไปเก็บ จากนั้นก็รั้งสวี่ฮุ่ยไว้กินมื้อเที่ยง

        สวี่ฮุ่ยไม่เกรงใจ ทำมื้อเที่ยงด้วยกันกับอาจารย์ใหญ่โจวและภรรยา

        ในชาติที่แล้ว ๻ั้๫แ๻่๰่๭๫ปี 90 สวี่ฮุ่ยเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ที่สถานีรถไฟในตัวเมือง ฝีมือทำอาหารของเธอถพอใช้ได้ ในตอนนั้นก็นับว่าทำเงินได้ประมาณหนึ่ง

        แต่เงินที่หามาได้ส่วนใหญ่ถูกกู่ซิ่วเอาไป โดยอ้างว่าเอาไปรักษาสวี่เยว่

        ที่พ่อม่ายวิตถารคนนั้นทำร้ายเธออย่างโ๮๨เ๮ี้๶๣ส่วนหนึ่งก็เป็๞เพราะเหตุผลนี้

        สวี่ฮุ่ยนำหมูสามชั้นหนักสองจินที่ซื้อมาทำเป็๲หมูตงพัว[1] และหั่นไก่ย่างจัดใส่จาน

        จากนั้นก็หั่นแตงกวาสองลูก เอามาทำยำแตงกวา และผัดผักอีกสองอย่าง เท่านี้มื้อเที่ยงก็เสร็จเรียบร้อย

        ทั้งสามคนเพิ่งจะยกอาหารไปวางบนโต๊ะ ก็มีชายหนุ่มที่ดูร่าเริงอายุราว ๆ ยี่สิบต้น ๆ สวมเสื้อกล้าม เลี้ยงลูกบาสเกตบอลเดินเข้ามาในบ้าน

        เขาถูกฉีฉางอิงปราม “จะกินข้าวแล้ว ยังจะเล่นบาสอีก? ฝุ่นเข้าไปในอาหารหมดแล้ว! ”

        ชายหนุ่มจึงหยุดเล่น วางลูกบาสเกตบอลไว้ใต้ชายคา แล้วก้าวเข้ามาในบ้าน

        เขาใช้จมูกสูดดมเข้าไปอย่างแรง “ทำอะไรกินกันครับเนี่ย ทำไมถึงหอมขนาดนี้?”

        ฉีฉางอิงบอก “สวี่ฮุ่ยนักเรียนของคุณพ่อแกทำหมูตงพัว แล้วยังซื้อไก่ย่างมาด้วย รีบล้างมือแล้วมากินข้าวเร็วเข้า”

        ชายหนุ่มถามด้วยความประหลาดใจ “สวี่ฮุ่ยที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อันดับหนึ่งเหรอครับ?”

        “ใช่ เธอคนนั้นแหละ”

        อาจารย์ใหญ่โจวแนะนำสวี่ฮุ่ยที่ยกผักออกมาจากครัวว่า “นี่โจวอวี่หลงลูกชายฉัน ทำงานอยู่ที่โรงเหล็กในเมืองเอก สองวันนี้ได้หยุดพอดี เลยกลับมาบ้าน”

        สวี่ฮุ่ยพยักหน้าให้โจวอวี่หลงอย่างเป็๲มิตร “สวัสดีค่ะ”

        โจวอวี่หลงมองเธอตาค้าง พอได้ยินเสียงสวี่ฮุ่ยทักทาย เขาก็รีบตั้งสติ แล้วตอบกลับไปว่า “สวัสดีครับ” ใบหน้าขาวสะอาดขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

        เขารีบวิ่งเข้าไปล้างมือล้างหน้าในครัว แล้วสงบสติอารมณ์ไปด้วย

        เมื่อกี้เขาเสียมารยาทเกินไป จ้องมองผู้หญิงเขาไม่วางตา

        แต่เมื่อนั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหาร เขาก็อดแอบมองสวี่ฮุ่ยไม่ได้อยู่ดี

        ถึงกับรำพึงในใจว่า บนโลกมีผู้หญิงที่น่าหลงใหลขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ!

        สวี่ฮุ่ยก็รู้ตัว หลังกินข้าวเสร็จเลยขอตัวออกไปโดยอ้างว่ามีธุระ

        โจวอวี่หลงออกไปส่งสวี่ฮุ่ยกับพ่อแม่ เขารู้สึกใจหายเล็กน้อย แล้วกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง

        อาจารย์ใหญ่โจวกับภรรยาไม่มีนิสัยนอนกลางวัน

        ฉีฉางอิงไกวเปลให้หลานชายที่นอนอยู่ในเปลไปพลาง พูดกับสามีเสียงแ๵่๭เบา

        “เมื่อกี้ตอนกินข้าว คุณได้สังเกตสายตาที่เสี่ยวหลงมองฮุ่ยฮุ่ยไหม?”

        “เห็นอยู่แล้ว” อาจารย์ใหญ่โจวจิบชาอุ่น ๆ “เด็กคนนี้ไม่มีมารยาทเอาซะเลย เอาแต่จ้องมองฮุ่ยฮุ่ยไม่วางตา จนเด็กผู้หญิงเขากินข้าวไม่ลง”

        ฉีฉางอิงอมยิ้ม “นั่นก็เพราะลูกชายเราชอบฮุ่ยฮุ่ยน่ะสิ ฉันว่าฮุ่ยฮุ่ยไม่เลวเลยนะ ทั้งเรียนเก่ง หน้าตาก็สวย แถมยังทำอาหารเป็๲อีกต่างหาก หรือว่าพวกเรารีบคว้าตัวเธอมาไว้ก่อน ไปสู่ขอฮุ่ยฮุ่ยมาเป็๲สะใภ้ดีไหม? ถ้าฮุ่ยฮุ่ยมาอยู่บ้านเรา ต่อไปก็ไม่ต้องถูกพ่อแม่เอาเปรียบอีกแล้ว”

        อาจารย์ใหญ่โจวถลึงตาใส่ “เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ลูกชายเราจบแค่ระดับอนุปริญญา จะคู่ควรกับอันดับหนึ่งของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง! ฉันบอกไว้เลยนะ อย่าไปจับคู่ให้หนุ่มสาวสุ่มสี่สุ่มห้า”

        ฉีฉางอิงบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจ “ถึงแม้ว่าเสี่ยวหลงจะเรียนแย่ไปหน่อย แต่หน่วยงานที่เขาทำอยู่ก็ไม่เลวนะ”

        เห็นสามีไม่ตอบ เธอเลยได้แต่ปิดปากเงียบ

        ในที่สุดวันที่ต้องไปร่วมงานประกาศเกียรติคุณที่มณฑลก็มาถึง

        สวี่ฮุ่ยแต่งตัวสวยงาม๻ั้๫แ๻่เช้าตรู่ เธอสวมชุดเดรสสีแดงตัวนั้น

        ตอนกำลังจะเลือกเครื่องประดับผมระหว่างที่คาดผมสีแดงกับที่คาดผมโบว์ที่ลู่ฉี่เสียนซื้อให้ สวี่ฮุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลือกที่คาดผมสีแดงอันนั้น

        เมื่อวานตอนกลางวัน  อาจารย์ใหญ่โจวโทรมาหาสวี่ฮุ่ยนัดกันว่าจะออกเดินทางตอนตีห้าครึ่ง ไปขึ้นรถไฟที่ตัวอำเภอตอนหกโมงครึ่ง ระหว่างทางจะแวะไปขายปลาไหลที่ร้านคุณลุงจาง

        แต่คนเราวางแผนอย่างไรก็สู้ฟ้าลิขิตไม่ได้ ตอนกลางคืนสวี่ฮุ่ยไปตกปลาไหลก็ตกตะพาบได้อีกสองตัว

        แต่มันตัวไม่ใหญ่เท่าครั้งที่แล้ว น้ำหนักตัวละแค่จินกว่า ๆ เท่านั้น

        สวี่ฮุ่ยตั้งใจว่าจะแวะขายในเมืองเอกตอนไปร่วมงานประกาศเกียรติคุณวันนี้ด้วย

        จะได้ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งไปเมืองเอก เสียค่ารถไปกลับตั้งสิบหยวน

        ยังไม่ทันตีห้า อาจารย์ใหญ่โจวก็มาถึงแล้ว

        เห็นสวี่ฮุ่ยสวมชุดเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้าที่เขาซื้อให้๻ั้๫แ๻่หัวจรดเท้า ก็พอใจมาก

        เห็นในถังมีทั้งตะพาบและปลาไหล ก็นึกว่าจะเอาไปขายให้เถ้าแก่จางทั้งหมด เลยไม่ได้คิดอะไรมาก พาสวี่ฮุ่ยออกเดินทางทันที

        พอถึงตัวเมือง เห็นสวี่ฮุ่ยขายปลาไหลทั้งหมดให้เถ้าแก่จาง ส่วนตะพาบสองตัวยังอยู่ในถัง

        อาจารย์ใหญ่โจวก็ถามอย่างประหลาดใจ “เธอคงไม่ได้จะเอาตะพาบสองตัวไปที่เมืองเอกด้วยหรอกนะ?”

        สวี่ฮุ่ยพยักหน้า “หนูเองก็คิดแบบนั้นแหละค่ะ”

        อาจารย์ใหญ่โจวพูดไม่ออก แล้วบอกว่า “เอาตะพาบไปร่วมงานด้วย ไม่ค่อยเหมาะสมมั้ง”

        สวี่ฮุ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “หนูไม่ได้จะเอาไปด้วยหรอกค่ะ พอถึงเมืองเอก หนูจะฝากตะพาบไว้กับคนรู้จักก่อน ค่อยไปร่วมงานกับอาจารย์ พองานจบแล้วหนูค่อยไปเอาตะพาบมาขายค่ะ”

        อาจารย์โจวเห็นเธอจัดการแบบนี้ ก็ไม่คัดค้านอะไร

         

        [1] หมูตงพัว หมายถึง หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๋ว เป็๲อาหารประจำเมืองหางโจว ทำโดยทอดหมูสามชั้นด้วยกระทะแล้วนำหมูนั้นมาตุ๋น

     

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้