บทที่ 167 การฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง
คืนนี้ ฉู่อวิ๋นได้กำจัดตัวตนของเขาในนาม “คนป่าอวิ๋นชู” ออกไปแล้ว และกำลังจะปลอมตัวเป็ซิวหลัวหน้าผีไปแสดงตัวในเมืองชุยเสวี่ย
แน่นอนว่าเขายังปักหลักอยู่ในลานอันหรูหราของจวนเสวี่ยเทียน ซึ่งเพิ่มสีสันให้ลานแห่งนี้ขึ้นมาไม่น้อย
หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน ฉู่อวิ๋นก็ได้รู้จากหลิงจื้อว่าเป็เพราะพฤติกรรมของตระกูลหลิงค่อนข้างแปลกแยก จึงไม่ค่อยพาสมาชิกออกไปไหนทีละมากๆ
ที่เลือกจะมาอยู่ในจวนเสวี่ยเทียนนั้นก็เป็เพราะไม่้าให้มีคนมาสอดรู้มากเกินไป
ในฐานะตระกูลผู้ฝึกฝนจิติญญาที่หลงเหลือมาั้แ่สมัยโบราณ จึงยังจำเป็ต้องรักษาความลึกลับบางอย่างเอาไว้ ทั้งเพื่อปกป้องตนเองและสร้างภาพลักษณ์ภายนอก
แต่หลังจากฉู่อวิ๋นสอบถามเพิ่มเติมก็พบว่าภูมิหลังของตระกูลหลิงค่อนข้างน่ากลัว เพราะตามคำกล่าวของหลิงจื้อ ของขวัญที่เขามอบให้ฉู่เจิ้นหนานในครั้งนี้ล้วนเป็สมบัติิญญาระดับสูงและมีคุณค่าอย่างยิ่ง
ดังนั้นฉู่เจิ้นหนานจึงให้ความสนใจมาก และตระกูลหลิงก็ย่อมกลายเป็หนึ่งในสามกองกำลังแย่งชิงคนงาม
ตราบใดที่หลิงจื้อยังคงติดต่อกับเ้าจิ้งจอกเฒ่าและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป การที่ “ซิวหลัวหน้าผี” จะเข้าเรือนกลิ่นกำจรก็ไม่ใช่เื่ยาก
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็จะปลอมตัวเป็ซิวหลัวหน้าผีเพื่อไปพบกับฉู่ซินเหยาอีกหลายครั้ง แกล้งทำเป็หลงฉู่ซินเหยาและขอให้นางเลือกตระกูลหลิง แล้วแผนการก็จะดำเนินไปอย่างราบรื่น
เมื่อถึงเวลา ในวันแต่งงาน ทันทีที่ประกาศผล ทุกคนก็จ้างกลุ่มผู้คุ้มกันชุดใหญ่และตระเตรียมเ้าสาวตัวปลอมไว้
ในขณะเดียวกัน หากฉู่ซินเหยาถูกขโมยัสลับหงส์[1] และฉู่อวิ๋นพานางหนีไปได้ ต่อให้ฉู่เจิ้นหนานจะสั่งคนให้ติดตามนางไปงานแต่งงานตามธรรมเนียมที่ดินแดนบรรพบุรุษตระกูลหลิงด้วย ก็สายไปเสียแล้ว
ท้ายที่สุด นี่คือเมืองชุยเสวี่ย ไม่เพียงแต่มีคนจากเชื้อสายหลักตระกุลฉู่เท่านั้น แต่ยังมีกองกำลังจากพันธมิตรที่จะส่งคนไปร่วมแสดงความยินดี อาจกล่าวได้ว่าตระกูลมากอำนาจ สำนักมากบารมีล้วนมาอยู่ที่นี่หมด ต้องระวังไว้ทุกสิ่ง
ด้วยพลังของฉู่อวิ๋นและตระกูลหลิงเพียงอย่างเดียว เป็ไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะพวกเขาซึ่งหน้า ย่อมต้องถูกเอาเปรียบเป็แน่
กลางคืนมืดมิดราวทะเลลึก ดาราส่องแสงหม่นสลัว
หลังจากหารือรายละเอียดของแผนการกับหลิงจื้อแล้ว ฉู่อวิ๋นก็สวมหน้ากากผีร้าย เดินเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อนภายใต้การปรนนิบัติของสาวใช้สองคน
“พวกเ้ากลับไปเถอะ ข้าบอกผู้เฒ่าหลิงแล้วว่าพรุ่งนี้ให้พวกเ้ากลับบ้านได้” ฉู่อวิ๋นพูด ทำให้สาวใช้ทั้งสองยิ้มอย่างอ่อนหวาน มอบจูบแสนหวานแก่เขาอีกครั้ง แล้วจึงจากไป
ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ ปิดประตูแล้วนั่งอยู่หน้าเตียงด้วยความงุนงงและแอบถอนหายใจ “ผู้าุโ ท่านคิดว่าแผนนี้จะราบรื่นหรือไม่?”
โยวกู่จือควบคุมวงแหวนอวกาศให้ลอยขึ้นไป และพูดอย่างภาคภูมิใจ “ราบรื่นแน่นอน แผนของข้าไม่มีทางไม่สมบูรณ์แบบ!”
“เหลือเวลาอีกเพียงสี่วันก่อนการประกาศเ้าบ่าว พรุ่งนี้ข้าจะติดตามผู้เฒ่าหลิงไปเยี่ยมเรือนกลิ่นกำจร หวังว่าจะไม่มีใครจำได้นะ”
ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ เรียกได้ว่าพรุ่งนี้เป็วันที่แสนอันตราย ตราบใดที่ปิดฟ้าข้ามทะเล[2] ทำให้ฉู่ซินเหยาเลือกตระกูลหลิงได้ก็เพียงพอแล้ว
ต่อมา ฉู่อวิ๋นที่ไม่ตั้งใจฝึกฝนก็พลิกตัวอีกครั้ง เขานอนไม่หลับเลย ดังนั้นจึงลุกขึ้นนั่งและหยิบรางวัลที่ได้รับจากการประชันห้าัออกมา
ม้วนคัมภีร์วิชากระบี่หนึ่งเล่ม ยันต์ิญญาหนึ่งแผ่น แร่มิติหนึ่งก้อน และไข่มุกสีทมิฬเล็กจ้อยหนึ่งเม็ด
“พรุ่งนี้ข้าต้องไปที่เรือนกลิ่นกำจรแต่เช้า ฝึกกระบี่ไม่ทันแล้ว ให้แร่มิติเสี่ยวหวงก่อนดีกว่า”
ฉู่อวิ๋นหยิบแร่มิติออกมา วางไว้เหนือลายสลักบนหน้าอก เรียกชื่อสองสามครั้ง จากนั้นก็เห็นแสงสีทองแผ่ออกมาราวกับเป็การตอบสนอง
“วับ!”
แร่มิติเปล่งแสงโปร่งใส สวยงามราวกับเพชร ส่องแสงระยิบระยับ จากนั้นมันก็กลายเป็กระแสแสงที่ค่อย ๆ ไหลเข้าสู่หน้าอกของฉู่อวิ๋น
ทันใดนั้น แร่มิติขนาดเท่ากำปั้นก็หายไป
“อ๊ะ จิ๊ดจิ๊ด~”
และเมื่อแร่มิติสลายไป เสียงร้องที่ชัดเจนและไพเราะของเสี่ยวหวงก็ดังขึ้นอีกครั้งในใจของฉู่อวิ๋น
คราวนี้ เสียงร้องของสัตว์ปีศาจตัวน้อยนี้ดูมีพลังมากขึ้น เต็มไปด้วยความสุข ดูเหมือนว่าพลังของมันจะฟื้นตัวขึ้นมาก
“ไม่ต้องกังวลไป เสี่ยวหวง ขอเพียงจัดการเื่ที่เมืองชุยเสวี่ยจบ ข้าจะหาให้เ้ากิน”
“จิ๊ดจิ๊ด...”
เสียงร้องของสัตว์ปีศาจดังขึ้นครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็หายไป มันได้เข้าสู่นิทราอีกครั้ง
ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ หยิบไข่มุกเม็ดเล็กขึ้นมาแล้วถามว่า “ผู้าุโ ท่านบอกว่าท่านสามารถปรับแต่งเครื่องหมายิญญานี้ ช่วยข้าปรับปรุงพลังจิตของข้าได้ใช่หรือเปล่า? ท่านทำตอนนี้เลยได้หรือไม่?”
“เ้าแน่ใจหรือว่า้าปรับแต่งตอนนี้? มันใช้เวลานานมาก หากเ้าเริ่มตอนนี้จนถึงเที่ยงคืนก็อาจจะยังไม่เสร็จสิ้น เ้าทนไหว?” น้ำเสียงของโยวกู่จือดูไม่ค่อยวางใจและเป็กังวล
“ไม่มีเวลาแล้ว อีกอย่างถ้าข้าปรับปรุงพลังจิตได้ ตอนปลอมเป็ซิวหลัวหน้าผีก็คงไม่เผยความลับออกไปง่ายๆ กระมัง?”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะสละชีวิตติดตามวีรบุรุษสักครั้ง เ้าเพียงแค่ต้องมุ่งความคิดไปที่ไข่มุกสักครู่ แต่ในระหว่างกระบวนการ อาจจะ... เ็ปอยู่บ้าง เ้าต้องอดทนนะ”
“ระหว่างทางมานี้มีความเ็ปใดที่ข้าไม่เคยเจอ ผู้าุโ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มาเริ่มกันเลย!”
พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็วางไข่มุกเม็ดเล็กไว้ข้างเตียง นั่งขัดสมาธิ และเริ่มหลับตา มุ่งความสนใจไปที่ไข่มุกตามที่โยวกู่จือบอก
โยวกู่จือนิ่งเงียบ อันที่จริงเขารู้ดีถึงความเ็ปของการขัดเกลานี้ และมันไม่อาจหยุดความมุ่งมั่นอย่างยิ่งของชายหนุ่มคนนี้ได้แน่
“วิ้ง!”
ในห้องพัก รัศมีแสงส่องประกาย ไข่มุกสีดำสนิทก็เริ่มส่องแสงสว่าง ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ มาหยุดอยู่ตรงหน้าผากของฉู่อวิ๋น ราวกับดวงดาวในคืนที่มืดมิด แผ่แสงสว่างให้แก่ทุกสรรพสิ่ง
กลุ่มเมฆลวงตาลอยออกมาจากไข่มุกะเิไทวะแล้วรวมตัวกันเป็ลายสลักอาคมที่เสียหาย แลดูลึกลับ ไม่มีที่สิ้นสุด คล้ายมีเสี้ยวแสงสว่างกำลังเต้นรำอยู่
ฉับพลัน ภายใต้การควบคุมของโยวกู่จือ เครื่องหมายิญญานั้นก็ค่อยๆ เข้าใกล้ฉู่อวิ๋น จากนั้นด้วยเสียง “ฟุ่บ” มันก็พุ่งเข้าไปในหว่างคิ้วของเขา!
ยามนี้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เหงื่อไหลอาบจนเสื้อผ้าเปียกชื้น เ็ปกว่าครั้งที่ดูดซับิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์มาก
เพราะการดูดซับนี้เทียบเท่ากับการทำลายิญญาออกเป็เสี่ยงๆ จากนั้นจึงหลอมรวมให้เป็เครื่องหมาย แล้วจึงปรับรูปร่างให้เป็แก่นิญญาใหม่
แค่คิดก็รู้ว่าความเ็ปนี้ พุ่งตรงไปยังแก่นิญญา
หลายครั้งที่ฉู่อวิ๋นแทบทนไม่ไหวใกล้จะเป็ลม แต่เมื่อคิดถึงศัตรูทรงพลังที่ต้องเผชิญหน้า และเหตุการณ์ที่อาจถูกล้อมรอบทุกด้าน จึงทำให้เขากัดฟันสู้ต่อ
ในที่สุด เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ฉู่อวิ๋นก็หมดสติและหลับลึกไป
โยวกู่จือควบคุมไข่มุกให้ตกลงมาและพูดกับตัวเองว่า “ช่างเป็เด็กที่น่าทึ่งจริงๆ ความเ็ปปานนี้ ครั้งแรกที่ข้าดูดซับปรับปรุงพลังิญญายังไม่อาจรับได้เลย”
“ไม่คิดว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้ ทั้งระดับพลังจิตก็เพิ่มถึงระดับยี่สิบ น่าทึ่งอยู่ไม่น้อย แม้แต่ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากในขั้นพื้นพิภพก็ยังไม่ถึงระดับนี้”
ในเวลานี้ โยวกู่จือค่อยๆ ดูดซับพลังิญญาที่เหลืออยู่ในไข่มุกะเิไทวะและลอบถอนหายใจ
แต่เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นนอนหลับสนิท เขาก็ต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ฮะๆ เ้าหนู พรุ่งนี้เมื่อเ้าตื่นขึ้นมา เ้าจะพบว่าโลกนี้แตกต่างจากเดิมอย่างไร”
หลังจากนั้นไม่นาน ในห้องก็เงียบลง มีเพียงไข่มุกะเิไทวะเท่านั้นที่ยังคงส่องแสง
ดวงอาทิตย์กำลังแย้มบานที่ตรงขอบฟ้า สาดแสงลงมาบนพื้นโลก
ในลานอันเงียบสงบของจวนเสวี่ยเทียน มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นทำลายความสงบ
“อ๊าก! นี่มันบ้าอะไรกัน?!” ฉู่อวิ๋นมองไปรอบๆ อย่างใ ดูขวัญเสียอยู่ไม่น้อย
ั้แ่ตื่นขึ้นมา ฉู่อวิ๋นก็พบว่าโลกรอบตัวเขาดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังชัดเจนมาก
เขาสามารถเห็นโครงสร้างและเครื่องเรือนของทุกมุมห้องได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งช่องว่างเล็กๆ ในผนังทั้งสี่ด้านก็ยังเห็นได้ชัด
แม้แต่เสียงดอกไม้ ต้นไม้ และต้นหญ้าที่โต้ลมในลานบ้าน ขอเพียงแค่ตั้งสติสักนิดเขาก็ยังได้ยินชัด
กระทั่งได้ยินการสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคนในห้องอย่างคลุมเครือ
“คุณชายผู้นั้นเป็คนดีจริงๆ รูปร่างหน้าตางดงาม จิตใจแข็งแกร่ง อันที่จริง คงจะดีไม่น้อยหากได้เป็ภรรยาของเขา”
“เฮ้อ คนระดับเขาจะมามองสาวชาวบ้านอย่างเราๆ ได้อย่างไร?”
“จิ๊จิ๊ เมื่อวานสายตาที่เ้ามองเขาแทบจะถลนออกมาอยู่รอมร่อแล้ว”
“อ๊าย! พูดอะไรน่ะ…”
“ไม่รู้ว่าคุณชายผู้นั้นมีคนรักแล้วหรือยัง? เราอาจจะไม่ได้เจอเขาอีกเลยก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็คืนสติกลับมา “อ๊ะ! ผู้าุโ! เกิดอะไรขึ้น?!”
“ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงสารพัดสิ่ง มองเห็นสารพัดอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยเล่า?” ฉู่อวิ๋นสะบัดศีรษะที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ฮิฮิ” โยวกู่จือลอยมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นเป็เพราะเ้าได้สร้างเครื่องหมายิญญาที่เป็เอกลักษณ์สำหรับเ้าเพียงผู้เดียวแล้ว และได้กลายเป็นักพรติญญาอย่างเป็ทางการ”
“อะไรนะ?!” ได้ยินเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็ใ จากนั้นก็ดีใจ!
เห็นเช่นนั้น โยวกู่จือก็ยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้พลังจิตของเ้ามาถึงระดับยี่สิบแล้ว ก้าวหน้าเป็อย่างมาก โดยธรรมชาติแล้ว เ้าย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงหลายอย่างที่รับรู้ไม่ได้มาก่อน แต่ก็จะค่อยๆ ควบคุมมันได้อย่างอิสระ”
“จริงหรือ?! วิเศษมาก!” ฉู่อวิ๋นดีใจมาก เขายิ้มออกมาเต็มแก้ม
ทันใดนั้น ในหัวก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา หยิบหนังสือ ‘วิภาสบังเหิน’ มาอ่าน ก็พบว่าเขาจำเนื้อหาทั้งหมดของหน้านั้นได้เพียงปรายตามองแค่แวบเดียว ทั้งยังจำมันได้อย่างชัดเจน
นี่คือปราดตาไม่ลืมที่แท้จริง!
“ที่แท้การปรับปรุงพลังจิตก็มีประโยชน์ถึงเพียงนี้?” ฉู่อวิ๋นตื่นเต้นมาก
ทันใดนั้น เขาก็มองไปที่โยวกู่จือด้วยรอยยิ้ม แต่พบว่าดวงไฟเล็กๆ ของร่างิญญานั้นสลัวมาก เขาสะดุ้งในทันที และถามว่า “หืม? ผู้าุโท่าน ทำไมถึง... ดูอ่อนแอนัก?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ โยวกู่จือก็หัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “ฮ่าๆ เพื่อที่จะช่วยเ้าขัดเกลาเครื่องหมายิญญา ข้าจึงใช้พลังิญญาไปนิดหน่อย”
“แต่เ้าไม่ต้องกังวล ข้า...แค่เข้าไปพักในไข่มุกะเิไทวะก็ดีขึ้นแล้ว”
ขณะที่พูด โยวกู่จือก็บินเข้าไปในไข่มุกสีดำพร้อมกับเสียง “ฟุ่บ” และไม่ส่งเสียงอีกเลย
เมื่อเห็นฉากนี้ ฉู่อวิ๋นก็ตื้นตันใจ เขารู้ว่าเมื่อคืนนี้ โยวกู่จือคงลำบากไม่น้อยเพื่อช่วยให้เขาสร้างเครื่องหมายิญญาและก้าวเข้าสู่การเป็นักพรติญญา แม้ว่าตาเฒ่านี่จะชอบพูดโอ้อวดเกินจริง แต่เขา้าช่วยฉู่อวิ๋นจากใจ
“ขอบคุณท่าน ผู้าุโ... พักผ่อนเถอะ ต่อไปให้ข้าเผชิญหน้ากับเ้าจิ้งจอกเฒ่าตามลำพังก็พอ” ฉู่อวิ๋นเก็บไข่มุกสีดำกลับมา ในใจรู้สึกขอบคุณยิ่งนัก
ดวงอาทิตย์แผดเผาร้อนแรง ส่องแสงสว่างจ้า
หลังจากที่ฉู่อวิ๋นสวมเสื้อผ้าใหม่ แล้วสวมหน้ากากผีร้ายปิดท้าย อารมณ์ทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ท่าทางการเดินของเขายังเหมือนกับการย่างก้าวของหลิงเฟิงไม่ผิดเพี้ยน นั่นทำให้เขาดูกล้าหาญและเที่ยงธรรม บรรยากาศรอบกายดูสง่างาม
ฉู่อวิ๋นปลอมตัวเป็ “ซิวหลัวหน้าผี” ั้แ่เช้าตรู่ โดยแกล้งทำเป็ทายาทของตระกูลหลิง และออกเดินทางพร้อมกับหลิงจื้อไปเยี่ยมเยือนยังเรือนกลิ่นกำจร
----------
[1] มีความหมายเดียวกับลักขื่อเปลี่ยนเสา เป็หนึ่งในสามสิบหกกลยุทธ์พิชัยาหรือกลศึกสามก๊ก หมายถึงการใช้วิธีต่ำช้า สับเปลี่ยนโยกย้ายเอาของปลอมไปหลอกหลวงเพื่อผลประโยชน์ของตนหรือเพื่อทำลายอีกฝ่าย
[2] ปิดบังความจริง