เล่มที่ 3 บทที่ 86
“กรดกำมะถันหรือ?” มู่หรงฉิงใพร้อมก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูมีดสั้น “ถ้ามีกรดกำมะถัน ทำไมมีดสั้นของเ้าถึงไม่เป็อะไรล่ะ?”
“เ้ารู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร?” หยิบผ้าขึ้นมาแล้วเช็ดของเหลวออกจากคมมีดเบาๆ “มีดสั้นของข้า ตามตำนาน นี่เป็สิ่งประดิษฐ์สมัยโบราณที่หลงเหลือจากาเทพเซียน ของสกปรกเหล่านี้ย่อมทำอะไรมันไม่ได้”
คุยโวมิหนำซ้ำยังบอกด้วยว่าเป็ของสมัยโบราณ
พูดนินทาในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นว่าไม่ยอมรับ “ถ้ามีกลไกจริงๆ การเปิดด้วยวิธีใช้แรงสุ่มสี่สุ่มห้า มันจะไม่เป็การทำลายสิ่งที่อยู่ข้างในหรือ?”
“ใช่ ดังนั้นเราจะต้องศึกษาให้ดี สำหรับเื่กลไกเหล่านี้ชิงเย่รู้ดี เพียงแต่ตอนนี้ชิงเย่ไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเราทำได้แค่ลองให้ชิงยวี่ช่วยดู และลองดูสิว่าชิงยวี่จะสามารถมองเห็นได้หรือไม่”
ครั้นได้ยินว่าชิงยวี่มีวิธี มู่หรงฉิงก็รีบสั่งปี้เอ๋อร์ให้ไปที่เรือนหยางเซิงเพื่อตามตัวชิงยวี่ ชิงยวี่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เห็นปี้เอ๋อร์เร่งเร้า เขาจึงสาวเท้าเดินมาที่ห้อง
หลังจากก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็เห็นเ้านายและมู่หรงฉิงกำลังจ้องมองกล่องด้วยความลำบากใจ ทันใดนั้น เขาจึงเข้าใจทันทีว่า คนทั้งสองจะขอให้เขาช่วยแกะกล่องนี่เอง
“ชิงยวี่ เ้ามาดูนี่สิ มีกรดกำมะถันในกลไกนี้หรือไม่?” เห็นชิงยวี่เดินเข้ามาในห้อง จ้าวจื่อซินก็หลีกทางให้ด้วยความสมัครใจก่อนมอบงานตรวจสอบให้ชิงยวี่
ชิงยวี่ก้าวเท้าไปข้างหน้า เคาะกล่องและกดเบาๆ อยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “กลไกนี้ออกแบบได้อย่างชาญฉลาดมาก มันมีกรดกำมะถันและน้ำมันก๊าดอยู่ภายใน ถ้าเปิดออกด้วยความรุนแรง มีความเป็ไปได้อย่างยิ่งว่า กรดกำมะถันจะกลายเป็อาวุธ ทำให้ผู้ที่แกะกล่องอย่างผิดวิธีถึงแก่ความตาย ส่วนน้ำมันก๊าดในกล่องหากัักับอากาศ มันจะติดไฟและเผาทุกอย่างในทันที”
คำพูดของชิงยวี่เป็สาเหตุให้มู่หรงฉิงกลัวจนใจเต้นรัว นางแอบดีใจที่ไม่ได้ออกแรงแกะกล่องสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการได้ “ในกรณีนี้ เ้ามีวิธีปลดกลไกหรือไม่?”
การออกแบบอันชาญฉลาดของท่านแม่พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่อยู่ภายในนั้นไม่ธรรมดา บางทีของภายในคือที่มาของการแก้ปัญหาทุกสิ่ง
ชิงยวี่มองดูกล่องอย่างระมัดระวังเป็เวลาครึ่งชั่วยาม จากนั้นเขาถึงได้พยักหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงยืนยันว่า “แม้ว่าจะใช้เวลานาน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้”
หลังจากได้รับคำตอบยืนยัน มู่หรงฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในกรณีนี้ เ้าควรจะระมัดระวัง ใส่ใจถึงความปลอดภัยให้มาก ในเวลาเดียวกันก็ต้องรับรองได้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในนั้นจะไม่เสียหาย”
“รับทราบ” หลังจากนั้นจึงหันไปพูดกับจ้าวจื่อซิน “เ้านาย ขอยืมผ่า์มาใช้หน่อย”
ผ่า์หรือ? มู่หรงฉิงนึกฉงน ก่อนเห็นจ้าวจื่อซินมอบมีดสั้นในมือให้ชิงยวี่ จากนั้นเดินมาหยุดตรงหน้ามู่หรงฉิงและอธิบายว่า “ที่มาของมีดสั้นนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ตามที่เล่าลือกัน สิ่งนี้เป็อาวุธศักดิ์สิทธิ์โดยเรียกว่า ผ่า์ นั่นหมายความว่า อาศัยความแข็งแกร่งของเ้าของเดิม มีดสั้นนี้เพียงพอที่จะผ่า์ได้”
ด้วยเสียงอืมก็นับว่าเข้าใจแล้ว สายตาเลื่อนไปมองที่ชิงยวี่ แต่เห็นเขาถือผ่า์ค่อยๆ กรีดผนังของกล่อง
ในระหว่างที่ชิงยวี่ปลดกลไก มู่หรงฉิงมองด้วยความวิตกกังวลอยู่ด้านข้างด้วยกลัวว่าชิงยวี่จะเสียชีวิต เนื่องจากการัักลไก ทั้งยังกลัวว่าจู่ๆ กลไกจะเริ่มเปิดใช้งานและทำลายสิ่งที่อยู่ในกล่อง
อาจเป็เพราะว่าทั้งประตูและหน้าต่างถูกปิดสนิท ด้านในห้องจึงร้อนอบอ้าวเกินไป หรืออาจเป็เพราะรู้สึกประหม่าเกินไป ใบหน้าหล่อเหลาของชิงยวี่ถึงได้เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ มีหยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมลงมาที่หน้าผากของเขา มือทั้งสองของชิงยวี่กำลังปลดกลไก ดังนั้นเขาย่อมไม่สามารถเช็ดเหงื่อด้วยมือได้ และหยาดเหงื่อก็ไหลลงมาถึงดวงตาของเขาทำให้แพขนตาเปียกชุ่ม
เห็นแบบนั้นมู่หรงฉิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นางดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากแขนเสื้อและย่อตัวลงนั่งข้างๆ ชิงยวี่ คอยช่วยเช็ดหยาดเหงื่อออกจากดวงตาของเขา
มือที่ขยับอยู่ของชิงยวี่หยุดชะงักชั่วครู่หนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากกลับโดนมู่หรงฉิงชิงพูดขึ้นเสียก่อน “ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว ยังต้องใช้เวลานานถึงจะได้ใช่หรือไม่?”
“เรียนฮูหยินน้อย การออกแบบกลไกนี้ช่างแยบยลยิ่งนัก และผู้น้อยไม่กล้าประเมินตัวเองสูงเกินไป เดาว่าต้องใช้เวลาอีกราวหนึ่งชั่วยาม” เมื่อมู่หรงฉิงซับเหงื่อบนใบหน้าออก ชิงยวี่ก็ััได้ถึงลมหายใจซึ่งมีกลิ่นหอมจางๆ ทันใดนั้น มือของเขาก็แข็งทื่อโดยปราศจากเหตุผล
“มีเวลามาก เ้าค่อยๆ ทำ” หลังจากซับเหงื่อแล้ว ก็หยิบพัดที่วางอยู่บนเก้าอี้ยาว แล้วค่อยๆ พัดให้ชิงยวี่
ความคิดของมู่หรงฉิงเรียบง่ายมาก เนื่องจากชิงยวี่กำลังช่วยนางทำงาน โดยธรรมชาติแล้วนางไม่สามารถปล่อยให้เขาเหงื่อออกมากและส่งผลต่อการทำงาน รวมถึงยิ่งมีคนรู้เื่นี้น้อยเท่าไรย่อมเป็เื่ดี ดังนั้นนางจึงทำสิ่งต่างๆ เช่น เช็ดเหงื่อและโบกพัดให้ซึ่งเป็การกระทำที่สมเหตุสมผล
มู่หรงฉิงคิดง่ายๆ แต่ชายสองคนที่อยู่ด้านข้างดูไม่มีความสุข “ทำไมน้องหญิงเช็ดเหงื่อให้เขาล่ะ? ข้ารู้สึกร้อนมาก น้องหญิงก็ไม่ยอมโบกพัดให้ข้า”
เฉินเทียนหยูถามจ้าวจื่อซินด้วยสีหน้าไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับพฤติกรรมของมู่หรงฉิงอย่างยิ่งยวด จ้าวจื่อซินพยักหน้าอย่างเ็า “อืม ค่อยจัดการเขาในภายหลัง”
ด้วยคำพูดของจ้าวจื่อซิน ทำให้มือของชิงยวี่สั่นเทา มีดสั้นเกือบจะร่วงจากมือ เขาหยุดร้องคร่ำครวญในใจไม่ได้ เ้านาย... สิ่งที่เ้านายพูดนั้นไม่ถูกต้อง นี่คือน้ำจิตน้ำใจของฮูหยินน้อย ทำไมเ้านายถึงต้องปัดความรับผิดชอบให้ข้าด้วย?
ครั้นมู่หรงฉิงเห็นสีหน้าของชิงยวี่ นางก็หันศีรษะไปจ้องชายสองคนเขม็ง “อย่าก่อกวนสิ หรือพวกเ้าจะมาทำด้วยตัวเอง”
“ข้าไม่เอาด้วย ไม่มีใครรับใช้ข้า จะให้ข้าไปรับใช้เขาหรือ?” ทันทีที่ได้ยินว่าให้ไปรับใช้ชิงยวี่ เฉินเทียนหยูส่ายศีรษะคล้ายกับป๋องแป๋งทันควัน ทว่าจ้าวจื่อซินถึงกับก้าวเท้าไปข้างหน้าและคว้าพัดในมือของมู่หรงฉิง “มา ข้าทำให้เอง”
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ดีกับเขา ทั้งที่ชิงยวี่แค่ช่วยปลดกลไกให้นางเท่านั้น นางกลับซับเหงื่อและโบกพัดให้
การปฏิบัติที่ว่าช่างแตกต่างเกินไปอยู่หลายส่วน
จ้าวจื่อซินโบกพัดให้ชิงยวี่ด้วยตัวเอง มู่หรงฉิงย่อมยินดีโดยธรรมชาติ นางย้ายไปยืนอยู่ข้างๆ และคอยเฝ้าดูการทำงานของชิงยวี่อย่างตั้งใจ
ระหว่างที่ชิงยวี่แกะกล่อง เขาก็ลอบถอนหายใจไปพลาง หายาก หายากจริงแท้ วันนี้เขาได้รับการดูแลจากเ้านายด้วย ดูเหมือนว่าฮูหยินน้อยจะมีความสามารถ หากเป็ในอดีต เกรงว่าแม้จะเห็นเขาเหงื่อออกกลายเป็แม่น้ำ เ้านายก็ไม่ใส่ใจเขา ทว่าวันนี้เ้านายอาสามาโบกพัดให้ด้วยตัวเอง...
โธ่ โอกาสนี้หายากแท้ หลังจากกลับไป เขาจะต้องอวดคนอื่นแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม มู่หรงฉิงรอจนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงป๊อก ถัดจากนั้นชิงยวี่ก็พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก
นางดีใจและรีบก้าวเท้าเข้าไปใกล้ เห็นว่ากล่องทั้งหมดถูกแกะออกจากกัน แท้ที่จริงแล้ว ชั้นกลางถูกปิดผนึกด้วยเหล็กดำ ในขณะที่ชั้นในสุดเป็กล่องหยก
“ป้องกันถึงขั้นนี้ยุ่งยากเกินไปหรือไม่?” จ้าวจื่อซินจ้องมองฐานของกล่องหยกและมองไปรอบๆ จ้าวจื่อซินฉงนใจเล็กน้อย แม้ว่าจะมีน้ำมันก๊าด แต่ปริมาณยังไม่เพียงพอ บวกกับหยกนี้ เผาก็ไม่เป็อะไร ในกรณีนี้ สาเหตุของการทำกลไกมีจุดประสงค์อะไรหรือ?
ความข้องใจของจ้าวจื่อซินเป็ความข้องใจของมู่หรงฉิงเช่นเดียวกัน นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ทันทีที่จะยื่นมือออกไปหมายหยิบกล่องนั้นกลับถูกชิงยวี่ขวางอย่างตื่นตระหนก “ฮูหยินน้อย ช้าก่อน กล่องหยกนี้ยังขยับไม่ได้”
“ยังขยับไม่ได้หรือ? กลไกถูกทำลายไปแล้วไม่ใช่หรือ?” ครู่ก่อนเห็นๆ อยู่ว่าสีหน้าของเขาผ่อนคลายลง กลไกยังไม่ถูกปลดทั้งหมดหรือ?
“กลไกที่ปลดไปก่อนหน้านี้ คือกลไกที่ทำร้ายผู้คน และกลไกในกล่องหยกนี้ คือกลไกที่ทำลายสิ่งของ” หลังจากพูดดังนั้น ชิงยวี่ก็หยิบของที่แกะเมื่อหลายอึดใจก่อนวางไว้ด้านข้าง ถือมีดสั้นและปลดกลไกสุดท้าย
ตอนแรกคิดว่าหนึ่งชั่วยามก็นานพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าถัดจากนั้นจะต้องใช้เวลาอีกมาก
เห็นชิงยวี่ปลดร่องกลไกบนกล่องหยกอย่างจริงจัง มู่หรงฉิงทำได้เพียงอดทนรออีกหน โชคดีที่คราวนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามในการเปิดกล่องหยก
ชิงยวี่หยิบของในกล่องออกมา มู่หรงฉิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย นางรับสิ่งนั้นจากชิงยวี่มาดู มีกระดาษขาวหนาพับอยู่และยังมีหยกสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่ง
ของเหล่านี้คืออะไรหรือ? กระดาษเปล่าเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไรหรือ? และหยกสี่เหลี่ยมนี้คืออะไรหรือ?
ฉงนใจ และทันใดนั้นนางก็นึกถึงยาลับที่จ้าวจื่อซินพูดถึงในวันที่จื่อเอ๋อร์ออกเดินทาง “จ้าวจื่อซิน เ้ามียาลับติดตัวอยู่หรือไม่? กระดาษหนาๆ กองนี้น่าจะเป็จดหมายที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า”
“ผู้น้อยมีอยู่เล็กน้อย” ก่อนที่จ้าวจื่อซินจะเอ่ยขึ้น ชิงยวี่ก็หยิบขวดออกมาและอาสามอบให้มู่หรงฉิงด้วยความสมัครใจ
มู่หรงฉิงหยิบขวดยาก่อนหยดของเหลวลงบนกระดาษอย่างแทบอดใจไม่ไหว จากนั้นไม่นาน กระดาษสีขาวหนาๆ ก็เต็มไปด้วยลายมือของท่านแม่
นางอ่านเนื้อความอย่างคร่าวๆ ก็พบได้ว่าจดหมายเหล่านี้มีทั้งลายมือของท่านแม่และลายมือของบุคคลอื่น และลายมือแปลกตาเขียนคำว่า ‘เฉินเทียนหยู’ สามคำอย่างน่าใ
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปลดกลไก แต่สิ่งที่ได้คือจดหมายหนาหนึ่งฉบับและหยกสี่เหลี่ยม
ทีแรกที่ได้เห็นก็นึกใแต่ครั้นพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จดหมายฉบับหนึ่งถูกเขียนโดยท่านแม่ ส่วนจดหมายอีกฉบับมีคำว่า “เฉินเทียนหยู” ปรากฏอยู่ด้านล่าง
จดหมายฉบับที่ลงนามโดยเฉินเทียนหยูทำให้มู่หรงฉิงประหลาดใจ นางจึงยังไม่ได้อ่านจดหมายของท่านแม่และเลือกอ่านจดหมายของเฉินเทียนหยูก่อน
ผู้าุโซู
มีเวลาไม่มาก ผู้น้อยขอสรุปเื่ยาวให้สั้นลง คนอื่นรู้แล้วว่าตราหยกประจำแผ่นดินอยู่ในมือของผู้น้อย เผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขอผู้าุโซูได้โปรดเก็บสิ่งนี้ไว้ด้วยเถิด
หากผู้น้อยถูกคนชั่วทำร้ายในคราวนี้ และไม่สามารถรอให้องค์ชายรัชทายาทกลับมา ขอผู้าุโได้โปรดดูแลสิ่งนี้ให้ดีด้วย จวบจนกระทั่งองค์ชายรัชทายาทนำกองทัพกลับมาเมืองหลวง ขอผู้าุโได้โปรดมอบตราประทับหยกของแผ่นดินให้องค์ชายรัชทายาท
นอกจากนี้ องค์ชายสามได้จับจ้องจวนเฉินราวกับเสือพร้อมจะตะครุบเหยื่อ หากผู้น้อยโชคไม่ดีถูกทำร้าย ขอผู้าุโได้โปรดทูลองค์ชายรัชทายาทด้วย คนในจวนเฉินไม่มีที่สามารถใช้การได้แล้ว จำไว้ จำไว้
เฉินเทียนหยู เขียน
หลังจากอ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว มู่หรงฉิงมองไปที่หยกสี่เหลี่ยมบนโต๊ะอย่างไม่เชื่อสายตา ตราประทับหยกของแผ่นดินหรือ? นี่คือตราประทับหยกของแผ่นดินหรือ?
มันเป็ไปได้อย่างไร? ตราประทับหยกแผ่นดินก็ต้องอยู่ในท้องพระโรงสิ และฮ่องเต้ก็ต้องใช้มันทุกวัน ในมือของนางจะเป็ตราประทับหยกแผ่นดินได้อย่างไร?
นางรู้สึกสับสนจึงรีบหยิบจดหมายจากท่านแม่มาเปิดดู แล้วก็พบว่าจดหมายฉบับนี้ขึ้นต้นว่า “ซิวเอ๋อร์ ลูกชายของข้า” จดหมายนี้ส่งถึงพี่ชายใหญ่จริงๆ หรือ?
ไม่ทันได้คิดอะไรมาก นางดูเนื้อความต่อไป
ลูกชายของข้า ซิวเอ๋อร์
ข้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว เกรงว่าข้าจะไม่สามารถรอการกลับมาของเ้าได้อีก เ้ามีความกล้าหาญและมีสติปัญญาที่ดี เ้าจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน สงสารก็แต่ฉิงเอ๋อร์ที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ซ้ำร้ายมีแต่หมาในอยู่รอบตัวของฉิงเอ๋อร์ แม้ข้าจะจัดแจงให้ปี้เอ๋อร์คอยปกป้องความปลอดภัยของฉิงเอ๋อร์อย่างลับๆ แต่ข้าก็ยังกลัว เป็เื่ยากที่กำลังของคนคนหนึ่งจะต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก
เดิม้ามอบตราประทับหยกของแผ่นดินให้กับฉิงเอ๋อร์ แต่เนื่องจากกลัวว่าคนร้ายจะล่วงรู้ ข้าทำได้เพียงต้องซ่อนตราประทับหยกของแผ่นดินไว้ในกล่อง เ้าเชี่ยวชาญวิชากลไก เ้าย่อมค้นพบความแปลกประหลาดของกล่องนี้อย่างแน่นอน และตราประทับหยกนี้เป็ตราประทับหยกของอดีตราชวงศ์ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง คนสนิทขององค์ชายรัชทายาทองค์ก่อนนำตราประทับหยกนี้ออกมาอย่างสุดความสามารถ เพื่อป้องกันไม่ให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะใช้ข้ออ้างว่าเปลี่ยนรัชศก จึงทำตราประทับหยกขึ้นมาใหม่ โดยบอกว่าตราประทับหยกของราชวงศ์ก่อนนั้นถูกซ่อนอยู่ในห้องจัดเก็บหนังสือ
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่เห็นตราประทับหยกของแผ่นดินของราชวงศ์ก่อน และวิตกกังวลเป็อย่างมาก หลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็ไม่เคยล้มเลิกการลอบส่งคนไปค้นหามัน และเมื่อปีที่แล้ว ในท้ายที่สุดก็พบร่องรอยของตราประทับหยกของแผ่นดินของราชวงศ์ก่อน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีกลุ่มคนมีอำนาจล่วงรู้ด้วย และคอยขัดขวางอย่างลับๆ โดยปลิดชีพทหารลับที่ฮ่องเต้ส่งไปทุกคน
ในท้ายที่สุด ตราประทับหยกของแผ่นดินได้จับพลัดจับผลูตกอยู่ในมือของเฉินเทียนหยู คุณชายรองของจวนเฉิน การรู้จักกันระหว่างแม่กับเฉินเทียนหยูก็เป็เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นกัน และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนั้นได้ทำให้แม่พบว่าตนเองถูกเปลี่ยนความทรงจำ
ถ้าคาดเดาไม่ผิด มู่หรงอั้นคงเป็คนสนิทขององค์ชายรัชทายาทองค์ก่อน เพื่อที่จะค้นหาตราประทับหยกของราชวงศ์ก่อน เขาและซูชิงฟางจึงร่วมกันคิดแผนเพื่อวางกับดักข้าโดยเปลี่ยนความทรงจำของข้า เพื่อให้ข้าทิ้งทุกอย่างไปแต่งงานกับมู่หรงอั้นเป็การควบคุมหลิงชิงป๋อ ทางด้านมู่หรงอั้นและลูกพี่ลูกน้องของหนิงเชียนหรงที่มีชื่อว่าฟางซ่านหยวนก็แอบสมรู้ร่วมคิดกัน และด้วยทรัพย์สินอันมั่งคั่งของเขา จึงได้แทรกคนขององค์ชายรัชทายาทองค์ก่อนค่อยๆ เข้าไปในราชสำนักอย่างช้าๆ
องค์ชายรัชทายาทองค์ก่อนสิ้นพระชนม์หรือไม่? ตอนนี้ยังไม่เป็ที่ทราบแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เขาเป็คนขี้ระแวง ตราประทับหยกของราชวงศ์ก่อน เ้าต้องมอบมันให้กับองค์ชายรัชทายาท จงจำไว้ว่าอย่าปล่อยให้ผู้อื่นรู้ว่าเ้าเป็คนหามาได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกฮ่องเต้ฆ่าปิดปาก
ข้ารู้ว่าชีวิตของข้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถรอการกลับมาของซิวเอ๋อร์ได้ ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้คือ ขอโทษชิงชิง ขอโทษชิงป๋อ และมากไปกว่านั้น ข้าต้องขอโทษคนในครอบครัวหลิง หากลูกชายของข้าพบจดหมายนี้ นั่นบ่งชี้ให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วในชีวิตของข้า ข้าเป็หนี้ชิงชิงมากที่สุด ข้ามีความปรารถนาอันยาวนานในชีวิตของข้า โดยหวังว่าลูกชายของข้าจะไปขอขมาและยอมรับความผิดต่อครอบครัวหลิงแทนข้า