เซียวเจวี๋ยบอกกับตัวเองได้ใช่ไหมว่ามาที่วังเพราะเป็ห่วง?
เขายังไม่อยากยอมรับ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาขอปฏิเสธเหมือนอย่างเคย
อย่างไรก็ตาม เขากลับพูดออกไปว่า “เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย[1]”
หลังจากพูดจบ เขาก็มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
เ้ากระต่ายจ้องเขาอย่างท้าทาย “ตอนนี้สิ่งที่รอก็มาแล้ว เ้าคิดจะทำอย่างไรต่อล่ะ?”
ทันใดนั้น เซียวเจวี๋ยก็นึกถึงนางที่ดื่มจนเมาในวันนั้น นางยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้ววิ่งมาหาเขา มันเหมือนกระต่ายจริงๆ มุมปากจึงยกขึ้นเล็กน้อย ในน้ำเสียงเองก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ที่เขาเองก็ไม่ทันสังเกต “ตอนนี้ผอมเกินไป กินเนื้อสัตว์เพิ่มน้ำหนักเสียหน่อย เ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
หนุ่มน้อยคนนี้คิดที่จะกินนางงั้นหรือ?
ดวงตาที่สวยงามของชิงอีเบิกกว้าง มีหลายสิ่งหลายอย่างในดวงตานั้น แม้แต่เซียวเจวี๋ยก็ไม่เข้าใจไปชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งนางเผยใบหน้าที่เย่อหยิ่งออกมาและพูดว่า “ฮึ หนุ่มน้อยอย่างเ้าแต่งตัวดีสะอาดสะอ้าน ท่าทางเป็ผู้ดีและสง่างาม คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความคิดเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ หน้าเนื้อใจเสือเสียจริง
ก็ใช่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์โดยตรง ทว่า ด้วยวัยของเ้าก็ยังมีกำลังวังชาก็ย่อมรู้สึกเช่นกัน อย่างไรเสีย มีใครที่เห็นข้าแล้วจะไม่หวั่นไหวบ้างล่ะ?”
เซียวเจวี๋ย : ...
สรุปแล้ววันๆ นางคิดเื่อะไรบ้างนะ?
เซียวเจวี๋ยเบือนหน้าไปที่หน้าต่างและสูดลมหายใจเข้า ตกลงแล้วเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่? ทำไมไม่ปล่อยให้นางถูกมัดเสา แล้วโดนย่างไฟไปนะ หากไล่นางกลับไปปรโลก เื่ต่างๆ ก็คงจบใช่ไหม?
ความคิดวุ่นวายสับสนเกี่ยวกับเื่ของนางค่อยๆ สงบลง เซียวเจวี๋ยหันมาถามว่า “ท่านจะไปตรวจสอบโรคแปลกๆ นอกวังใช่หรือไม่?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ชิงอีส่งเสียงฮึออกมา “ใครบางคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ แต่กลับไม่ทำงาน หญิงสาวอ่อนแออย่างข้าโดนใส่ร้าย ทำได้แค่พึ่งพาตัวเอง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเท่านั้น”
นางเป็หญิงสาวอ่อนแองั้นหรือ?
พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง?
ดวงตาของเซียวเจวี๋ยเผยให้เห็นถึงความเยาะเย้ย แน่ใจหรือว่าไม่ได้ออกมาเพื่อแก้แค้น?
“เช่นนั้นเ้าก็ไปเถิด ข้าไม่ไปส่ง”
เมื่อพูดจบ เซียวเจวี๋ยก็หลับตา
“เ้าฝันไปเถอะ!”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เ้าปัญหาตัวน้อยนี้เริ่มแสดงเล่ห์เหลี่ยม
มุมปากของเซียวเจวี๋ยยกขึ้นเล็กน้อย
ชิงอีจ้องเขาอย่างไม่พอใจ “ในเมื่อเ้ายังไม่ตาย เช่นนั้นก็ลุกขึ้นมาทำงานให้ข้าสิ รับเงินเดือนมากขนาดนั้น ทั้งที่ไม่ทำอะไรเลย ท่านจะให้ตนเองเป็หนุ่มน้อยที่พึ่งผู้หญิงจริงๆ หรือไร?”
“ในสายตาของเ้า ข้าเป็แค่เพียงหนุ่มน้อยมาตลอดงั้นหรือ?” จู่ๆ เซียวเจวี๋ยก็ลืมตาขึ้นมาจ้องนาง พร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ความขี้เล่นฉายชัดอยู่ในดวงตาเคลือบสีน้ำตาลของเขาอยู่ไม่น้อย
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองลดลง ชิงอีกลั้นหายใจทันที ทว่า บนใบหน้าไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกใดๆ นางยกมือขึ้นเชยคางชายหนุ่มตรงหน้า และเริ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย “เช่นนั้นต่อไปข้าไม่เรียกเ้าว่าหนุ่มน้อยแล้วก็ได้ ข้าจะเรียกเ้าว่าพ่อหนุ่มแทน เป็ไง?”
รถม้าเคลื่อนตัวอย่างกะทันหัน ทำให้รถโคลงเคลง คนสองคนในรถก็ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว ใบหน้าสองคนที่เดิมอยู่ใกล้กันมากแล้ว ริมฝีปากทั้งสองจึงประกบลงไปเบาๆ และแยกทันที
ในเวลาต่อมา ทั้งสองก็ถอยจากกันโดยปริยาย และนั่งห่างจากกันเป็อย่างมาก
เซียวเจวี๋ยขมวดคิ้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ส่งเสียงกระแอม และตำหนิด้านนอก “บังคับให้ดีกว่านี้หน่อย”
ชิงอีไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าของนางก็ดูแปลกประหลาดและอึดอัดนิดหน่อย
แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปากโดนกัน
เพียงแต่...ดูเหมือนว่าจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย
บรรยากาศบนรถม้าดูอึดอัดอย่างยากจะอธิบาย
“รูปลักษณ์ของเ้าเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ดูออก กลับไปที่จวนอ๋องของข้าก่อนก็แล้วกัน”
“อืม แล้วแต่เ้า”
หาได้ยาก...นี่เป็ครั้งแรกที่...
ให้ความร่วมมือ โดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง
เมื่อถึงจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง สีหน้าของชิงอีกลับมาเป็ปกติแล้ว เซียวเจวี๋ยที่ลงจากรถม้าก่อนหันกลับมายื่นมือให้นาง
ชิงอีจับมือเขาลงจากรถม้าอย่างเป็ธรรมชาติ แล้วก็สะบัดมือของเขาทิ้งโดยไม่แยแส และเดินวางมาดเดินเข้าไปในจวนราวกับเป็เ้าของบ้าน เหมือนกับครั้งแรกที่มาเยือนที่นี่
ในทางตรงกันข้าม เซียวเจวี๋ยหยุดอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง มองไปยังมือที่ว่างเปล่าของตนเองอย่างครุ่นคิด
ชิงอียังคิดว่าเซียวเจวี๋ยคงจะมีวิธีช่วยให้นางไม่ถูกผู้อื่นจับได้ อย่างไรก็ตาม เขาเรียกพ่อบ้านลุงจงทันที หลังจากนั้น ลุงจงก็ลงมือละเลงใบหน้าของนางกับชิวอวี่ ก่อนที่ความอดทนของชิงอีจะหมดลง ในที่สุด ผลงานชิ้นเอกของลุงจงก็เสร็จสมบูรณ์
ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถอยหลังออกมาสองสามก้าว แล้วปาดเหงื่อ
ท่าทางที่สง่างามขององค์หญิงนั้นดึงดูดผู้คนมากเกินไป เมื่อนางมองด้วยสายตาทิ่มแทง มือของเขาสั่นอยู่หลายครั้ง ทั้งยังความหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนไปหมด
ชิงอีเบะปาก ก็แค่ปลอมตัวให้ดูลึกลับ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ?
นางขมวดคิ้วและยืนอยู่หน้ากระจกอย่างตกตะลึง
ผู้หญิงหน้าแก่คนนี้คือใคร?!
“กรี๊ด”
เสียงกรีดร้องดังเสียดฟ้า
ชิวอวี่ที่เดาไว้ว่าต้องเป็เช่นนี้ จึงปิดหูเอาไว้ก่อนแล้ว ลุงจงที่อยู่ข้างๆ ก็ใจนตาลาย หู...หูของเขาดูเหมือนว่าจะหนวกไปแล้ว
มีมือข้างหนึ่งมาปิดปากนางไว้
เซียวเจวี๋ยถอนหายใจ ขมวดคิ้ว และมองนาง “มันเป็แค่แผนการชั่วคราวเท่านั้นเอง”
“แค่แผนการก็ไม่ได้!” ชิงอีดึงมือของเขาออก พร้อมกับสีหน้าเกรี้ยวกราดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอยกลับทันที
หญิงแก่ เดิมทีก็หน้าตาน่าเกลียดอยู่แล้ว จะให้พูดชมมันก็เกินไปหน่อยหรือไม่?
“ถึงแม้จะเป็เพียงชั่วคราว แต่ใบหน้าของข้าจะมาปลอมตัวเช่นนี้ไม่ได้! ท่านผู้เฒ่า ลบมันให้ข้าเดี๋ยวนี้ แล้ววาดมันใหม่อีกครั้ง!”
เซียวเจวี๋จนปัญญา ก็แค่ภายนอกเท่านั้นเอง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมนางถึงใส่ใจมากขนาดนี้
ลุงจงพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าไปแก้ไขการแต่งหน้าให้นาง ภายใต้คำแนะนำและคำขอร้องที่สำคัญของใครบางคน การปลอมตัวอันยาวนานในที่สุดก็จบลง
ลุงจงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และมองใบหน้าที่มีเสน่ห์เกือบสมบูรณ์แบบตรงหน้า เขาตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ผลงานชิ้นเอก! ช่างเป็ผลงานชิ้นเอกจริงๆ! ไม่เคยคิดเลยว่าทาสเฒ่าอย่างข้าจะยังสามารถรังสรรค์ใบหน้าที่เย้ายวนใจงามล่มเมืองเช่นนี้ได้”
หญิงสาวในกระจกดูเหมือนเกิดมาเพื่อเป็อันตรายต่อโลก คิ้วเรียวยาวของนางที่ให้ความรู้สึกเ็า เมื่อคิ้วด้านหน้าลดต่ำลงปลายคิ้วก็จะเชิดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำให้หน้าทั้งหน้าดูก้าวร้าวขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าแสนวิจิตรงดงาม และสิ่งที่ดูสะดุดตาเป็ที่สุดก็คงจะเป็ดวงตาทั้งสองข้างของนาง
มีหลากหลายแบบในนั้น ทุกๆ อากัปกิริยาต่างมีเสน่ห์น่าหลงใหล
ชิงอีมองใบหน้าที่คุ้นเคยในกระจก แม้ว่าจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ ทว่า เมื่อรวมกับใบหน้าเดิมของนางที่มีความสมบูรณ์อยู่แล้ว ผู้เฒ่าคนนี้ช่างมีฝีมือดีจริงๆ
หลังจากได้ยินคำชมของเขา นางก็ไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย
“ท่านผู้เฒ่า เ้าช่างตาดีเสียจริง” หลังจากพูดจบ นางก็พูดกับเซียวเจวี๋ยอย่างอารมณ์ดีที่หาได้ยาก “ท่านผู้เฒ่าคนนี้มีพร์ เ้าควรตกรางวัลใหญ่ให้เขานะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิวอวี่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของชิงอี ทว่า คราวนี้ยังตกตะลึงจนไม่สามารถละสายตาได้เลย
ใบหน้านั้นราวกับเกิดมาเพื่อดึงดูดผู้คน แม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะไม่ได้มองมาที่เขา ทว่า จิตใจก็เหมือนถูกดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่นานนัก ก็มีร่างเพรียวบางมาบังสายตาของชิวอวี่ไว้
ชิงอีมองดูความงามอันสูงส่งของตนเองอย่างมีความสุข แต่กลายเป็ว่ามีหมวกคลุมสีดำคลุมใบหน้าของนาง
“เ้าทำอะไรน่ะ!” ชิงอีไม่พอใจเป็อย่างมาก นางอยากจะถอดหมวกนี่ออก
มีมือหนึ่งกดลงที่ศีรษะของนางด้วยแรงที่ไม่อาจต้านทานได้
“สวมหมวกไว้ แล้วออกไปกับข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะส่งเ้ากลับวังหลวง!”
ในน้ำเสียงของชายหนุ่มมีกระแสความไม่พอใจยิ่งนัก
ออกไปข้างนอกด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าจะดึงดูดพวกหนอนพวกแมลงวันหรือไร? เขาแค่ไม่อยากเห็นฝูงแมลงวันน่าเกลียดมารายล้อมรอบตัวนางก็เท่านั้น
หลังจากตระหนักว่าตนเองกำลังคิดอะไร ดวงตาของเซียวเจวี๋ยก็กะพริบ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
อืม พอมีแมลงวันที่น่าเกลียดมากขึ้น ปัญหาก็จะมากตาม
เขาก็แค่เกลียดปัญหาเท่านั้น
ก็แค่นั้นเอง!
*********************
[1] เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย (守株待兔) หมายถึง คนที่ไม่คิดลงแรงหรือพยายามทำงาน แต่กลับหวังอย่างลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีผลงานที่ดีหรือผลตอบแทนดีๆ ซึ่งไม่มีทางเป็ไปได้
