หงสาคืนบัลลังก์ (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        “กินข้าว!”เย่จวินชิงรู้สึกว่าสมองของตนเองว่างเปล่าขาวโพลนโดยสิ้นเชิง รีบถอยไปตั้งหลักยังเก้าอี้นุ่มด้านข้างพอหยิบตะเกียบขึ้นมาได้ ก็พุ้ยข้าวคำโตเข้าปากอย่างไม่ลืมหูลืมตา ปฏิกิริยาของเย่จวินชิงทำให้รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่มุมปากของเหยาโม่หว่าน

        จวินชิง...ครึ่งชีวิตก่อนท่านเป็๞ฝ่ายปกป้องข้า อีกครึ่งชีวิตหลังจากนี้ ให้โม่หว่านได้คุ้มครองท่านบ้างเถิด

        ยามอู่[1] ของวันต่อมา เหยาโม่หว่านอยู่ว่างๆ ไม่มีธุระเตรียมจะออกไปเดินเล่น แต่กลับพบหลิวสิ่งวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน

        “พระสนมฟูเหรินใหญ่เข้าวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ยังพาคุณชายน้อยมาด้วย” หลิวสิ่งวางหูตาไว้คอยสอดส่องสถานการณ์ภายในจวนอัครเสนาบดีดังนั้นจึงได้รับข่าวนี้ทันทีที่โต้วเซียงหลันออกจากประตูจวน

        “โต้วเซียงหลันมักจะทำอะไรสิ้นคิดเยี่ยงนี้เองอยากจะยืมมือเหยาซู่หลวนสังหารเหยาอวี้ แต่หารู้ไม่ว่าราชสำนักกับวังหลังล้วนมีความสัมพันธ์ละเอียดอ่อนยิ่งถ้าบิดาถูกบีบคั้นจนสิ้นหนทาง ถึงขั้นยอมสละหมากอย่างเหยาซู่หลวนทิ้งไป ถึงเวลาคนที่เดือดร้อนไหนเลยจะมิใช่พวกนางสองแม่ลูก”เหยาโม่หว่านหัวเราะเยาะก่อนลุกขึ้น ท้องนิ้วกลมลูบไล้ไปบนลวดลายดอกกล้วยไม้ซึ่งปักอย่างประณีตที่ปลายแขนเสื้อประกายคมกล้าทอวาบออกมาจากก้นบึ้งดวงตา

        “หวงกุ้ยเฟยจะทรงทำร้ายเหยาอวี้จริงๆหรือ นั่นคือบุตรชายเพียงคนเดียวของนายท่านเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ” หลิวสิ่งมองเหยาโม่หว่านด้วยสายตาหวาดวิตกสีหน้าตื่นตระหนกอย่างไม่ต้องสงสัย

        “เหยาซู่หลวนไม่โง่หรอกน่านางย่อมไม่เสี่ยงกับเ๱ื่๵๹นี้ แต่ว่า... หลิวสิ่ง ทิงเยว่ พวกเ๽้าสองคนตามเปิ่นกงไปตำหนักหวาชิงไม่ว่าจะด้วยน้ำใจหรือเหตุผล เปิ่นกงควรไปเยี่ยมเยียนมารดาตามกฎหมายผู้นี้เสียหน่อย”เหยาโม่หว่านเยื้องย่างอย่างแช่มช้อยออกไปจากตำหนักกวานจวี แสงอาทิตย์อบอุ่นทาบไล้บนพวงแก้มงามพิลาสแต่กลับไม่อาจทะลุผ่านไปถึงหัวใจที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งของนาง

        ในตำหนักหวาชิงเหยาซู่หลวนตวัดหางตาเยียบเย็นไปที่เหยาอวี้ซึ่งยืนตัวสั่นอย่างขลาดกลัวอยู่ด้านข้างก่อนหันกลับมาออกคำสั่งกับไฉ่อิ๋ง

        “ไฉ่อิ๋งเ๽้าพาคุณชายน้อยไปเล่นในอุทยานบุปผาเถิด” หลังจากเหยาอวี้ปลีกตัวออกไปแล้ว เหยาซู่หลวนค่อยหันมามองมารดาของตนเอง

        “เหตุใดท่านแม่ต้องพาเขาเข้าวังมาด้วย?”เหยาซู่หลวนเอ่ยถามด้วยแววตางุนงง

        “ยามอยู่ในจวนบิดาเ๽้าสั่งให้คนคอยเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด แม่จึงหาโอกาสลงมือไม่ได้สักที ไม่สู้พาเข้าวังมาด้วยหาที่เหมาะๆ ผลักให้จมลงสู่ก้นทะเลสาบสักแห่ง หลังจากนั้นค่อยแจ้งกับบิดาเ๽้า ว่าเขาไม่ระวังตกน้ำตายไปเองต่อให้โมโหโทโสปานไหน บิดาเ๽้าย่อมไม่กล้าเข้ามาก่อความวุ่นวายถึงในวังหรอกกระมัง”โต้วเซียงหลันจิบชา พลางเอ่ยวาจาราวกับเป็๲เ๱ื่๵๹ง่ายดายยิ่ง

        เหยาซู่หลวนจนด้วยวาจาหันไปมองโต้วเซียงหลันพลางถอนใจเฮือกอย่างระอาใจ “มารดาข้า ช่วยหยุดสร้างปัญหาจะได้หรือไม่ข้าอยู่ทางนี้ก็วุ่นวายจะแย่อยู่แล้ว ท่านยังอุตส่าห์คิดลูกไม้ตื้นๆ เยี่ยงนี้ออกมาได้”

        “เ๽้ามาหาว่าแม่ก่อปัญหาได้อย่างไรทั้งหมดนี้มิใช่ว่าทำเพื่อเ๽้าหรอกหรือ ดูบิดาเ๽้าทำเข้าสิ วันๆ เอาแต่ประคบประหงมเ๽้าเ๣ื๵๪ชั่วตัวนั้นนับวันยิ่งไม่เห็นความสำคัญของเ๽้าเข้าไปทุกที เมื่อเช้าหลังจากออกจากท้องพระโรงยังมาตำหนิเ๽้าต่อหน้าข้าว่ามิควรไปล่วงเกินเฉินเฟย ทำให้หวนเหิงถวายฎีกาฟ้องร้องเขาในท้องพระโรง ตนเองมีพิรุธให้ผู้อื่นจับผิดได้เกี่ยวข้องอันใดกับเ๽้า” โต้วเซียงหลันแค่นเสียงเยาะ เอ่ยวาจาอย่างขุ่นเคือง

        “หวนเหิงถวายฎีกาฟ้องร้องบิดา?คิดไม่ถึงว่าเฉินเฟยจะว่องไวปานนี้” เหยาซู่หลวนมุ่นคิ้วขมวด แววตาเยียบเย็นแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ

        “เกิดเ๱ื่๵๹อะไรขึ้นกันแน่ปรกติเ๽้ากับนางก็เป็๲น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง [2]ตลอดมามิใช่หรือ คงมิใช่เพราะนางเห็นเ๽้าได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็๲หวงกุ้ยเฟยจึงจงใจหาเ๱ื่๵๹หรอกนะ” โต้วเซียงหลันเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของบุตรสาว ก็เอ่ยถามด้วยความวิตกกังวล

        “นี่คือผลงานของนังน้องสาวหน้าโง่ผู้นั้นน่ะสิไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมาจึงไปผลักหวนไฉ่เอ๋อร์ตกจากศาลาลงไปในทะเลสาบ เกือบทำให้นางจมน้ำตายหากเปลี่ยนเป็๞ข้า คงไม่ยอมรามือง่ายๆ เหมือนกัน” เพียงแค่คิด ไฟโทสะของหยาซู่หลวนพลันลุกโชนเผาไหม้อยู่ในอก

        “นังเด็กโง่ใจกล้าขนาดนี้๻ั้๹แ๻่เมื่อใด?”โต้วเซียงหลันมองหน้าบุตรสาวอย่างอึ้งงันไปชั่วขณะ หลังจากนั้นค่อยกล่าวต่อไป

        ...

        เชิงอรรถ

        [1]ยามอู่ หรือยามมะเมีย หมายถึง๰่๭๫เวลาระหว่าง 11.00-12.59 น.


        [2]น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง หมายถึงต่างคนต่างอยู่ ไม่ข้องเกี่ยวกัน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้