ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     “คุณยายคะ หนูซื้อไข่ไก่มา วางอยู่ในตะกร้าบนชั้นวางถ้วยชาม แล้วก็มีน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวด้วยนะคะ” เซี่ยโม่แจกแจงของที่เอามาจากในโกดังสินค้าให้คุณยายฟัง จะได้ไม่ถูกถามอย่างกะทันหันจนเกิดเหตุการณ์ที่น่า๻๠ใ๽แบบเมื่อครู่นี้อีก

        “หลานนี่ ทำไมถึงซื้อของมาเยอะแยะ หมดเงินไปเท่าไรกันล่ะนี่” คุณยายพูดบ่นไม่จริงจังนัก

        เธอยิ้ม “คุณยายคะ ไม่เท่าไรเองค่ะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ที่บ้านเราเงินแล้ว”

        คุณยายขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดเตือนอย่างหวังดี “โม่โม่ ต่อให้มีเงิน แต่เราจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ไม่ได้ อีกไม่นานเราก็ต้องขึ้นชั้นมัธยมปลาย ส่วนเฉินเฟิงก็ต้องเข้าโรงเรียน ประหยัดได้ก็ประหยัดเถอะ”

        เธอรู้อยู่แล้วว่าคุณยายต้องพูดแบบนี้ เลยคิดวิธีเอาไว้แล้ว “คุณยายคะ เฉินเฟิงเพิ่งจะหายดี หนูเลยอยากให้น้องได้กินของดีๆ จะได้บำรุงร่างกาย”

        เ๹ื่๪๫อะไรที่เกี่ยวข้องกับหลาน คุณยายมักจะใจกว้างเสมอ

        “ในเมื่อซื้อมาแล้วก็แล้วไปเถอะ หลานนี่นะ มีเหตุผลมาอ้างตลอด”

        เธอนึกถึงเ๹ื่๪๫หนึ่งขึ้นมาได้ “คุณยายคะ ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล พอว่างหนูก็สอนความรู้พื้นฐานให้น้อง น้องชอบเรียนมากแล้วก็บอกว่าอยากเข้าเรียนด้วย หนูเลยคิดว่าอีกไม่กี่วันจะพาเขาไปสมัครเรียนค่ะ”

        “เฉินเฟิงเพิ่งจะห้าขวบ เข้าเรียนได้แล้วเหรอ”

        “เฉินเฟิงเป็๞เด็กฉลาด ตอนอยู่โรงพยาบาล คุณปู่เตียงข้างๆ ยังบอกเลยว่า เด็กฉลาดเข้าเรียนเร็วหน่อยถือเป็๞เ๹ื่๪๫ดี”

        คุณยายมีท่าทีลังเลอยู่สักครู่ถึงค่อยเอ่ย “งั้นก็เอาตามที่หลานว่า”

        เธอถามต่อ “ในหมู่บ้านเรามีเด็กที่จะเข้าโรงเรียนปีนี้ไหมคะ หนูอยากหาเพื่อนให้น้องสักคน”

        “เมื่อวันก่อนเหมือนยายได้ยินว่า ลูกชายคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านกำลังจะเข้าโรงเรียนปีนี้นะ”

        “คุณยายคะ เ๹ื่๪๫นี้ค่อยว่ากันอีกทีเถอะค่ะ ไม่แน่เฉินเฟิงอาจจะแค่อยากเข้าเรียนแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว สองสามวันผ่านไปอาจจะไม่อยากไปโรงเรียนแล้วก็ได้”

        “ก็จริง เด็กมักจะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้” คุณยายพยักหน้า

        ความจริงแผนเดิมของเธอคือซื้อจักรยาน จัดการเ๹ื่๪๫เรียนของเธอให้เรียบร้อยแล้วค่อยจัดการเ๹ื่๪๫นี้ พอถึงตอนนั้นคุณตาคุณยายต้องไม่ว่าอะไรแน่

        ยายหลานพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เซี่ยโม่ซอยแตงกวากับมันฝรั่งเพื่อทำยำไปด้วย หมูน้ำแดงในหม้อตุ๋นได้ที่แล้ว เธอจึงตักลงจานแล้วเริ่มทำลูกชิ้นความสุขสี่ประการ

        หลังจากทำเสร็จ ยกไปวางที่โต๊ะ ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทาน

        คุณปู่จ้าวมองอาหารที่เซี่ยโม่ทำ หมูน้ำแดงมีสีน้ำตาลทองแวววาว เนื้อหมูที่ใช้ทำเป็๲ส่วนเนื้อและส่วนติดมันอย่างละครึ่งพอดี พอลองใช้ตะเกียบคีบเข้าปาก มีความมันแต่ไม่เลี่ยน หวานเล็กน้อยกำลังดี

        “ดี ไม่ว่าจะสีสันหรือรสชาติ อร่อยไม่แพ้ร้านอาหารของรัฐเลยทีเดียว” เหล่าจ้าวพูดชมไม่ขาดปาก

        เหล่าจ้าวใช้ตะเกียบคีบลูกชิ้นความสุขสี่ประการเข้าปาก รสชาติเข้มข้น เนื้อนุ่ม มันแต่ไม่เลี่ยนเช่นกัน

        ชิมเสร็จก็ยกนิ้วโป้งชมเชย “ฝีมือการทำอาหารของโม่โม่ไม่เลวเลย ต่อไปฉันต้องมีลาภปากทุกวันแน่นอน กับข้าวที่บ้านยังไงก็อร่อยกว่าที่อื่น”

        ฝีมือการทำอาหารของเซี่ยโม่ได้มาจากการเรียนหลังจากประสบความสำเร็จในชีวิต ตอนนั้นสุขภาพร่างกายเธอไม่ค่อยแข็งแรง เป็๲เพราะอยากดูแลร่างกายให้ดี เธอเลยจ้างพ่อครัวมืออาชีพมาสอน

        หากมีเวลาว่างเธอมักจะทำอาหารกินเอง หากก็รู้ดีว่าฝีมือของเธอยังเทียบชั้นกับพ่อครัวมืออาชีพไม่ได้

        กลับชาติมาเกิดใหม่ ทุกคนในครอบครัวเป็๲ชาวบ้านธรรมดาที่แค่กินอาหารเพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น ย่อมต้องรู้สึกว่าฝีมือการทำอาหารของเธอที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อครัวมืออาชีพนั้นดีเลิศ

        “อาจารย์ ชมซะฉันตัวลอยหมดแล้วค่ะ” เซี่ยโม่ตอบกลับอย่างถ่อมตัว

        ทุกคนพากันหัวเราะออกมา

        หันไปมองน้องชาย พบว่าน้องชายตัวน้อยของเธอกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย

        “ผมชอบกินอาหารที่พี่ทำ อร่อยมากเลยครับ”

        “งั้นต่อไปพี่จะหาเวลาทำให้เรากินบ่อยๆ ดีไหม”

        พอฟ้ามืดคุณปู่จ้าวก็ขอตัวกลับ

        วันต่อมา ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง เซี่ยโม่ที่เคยชินกับการตื่นเช้าก็ตื่นขึ้นมา

        หลังจากออกกำลังกายเสร็จ เธอก็เดินขึ้นเขาไปเก็บหญ้าแห้วหมู พอฟ้าสว่างเธอนำหญ้าแห้วหมูไปส่งแล้วถึงค่อยกลับบ้าน

        คุณปู่จ้าวมาแล้ว เธอทักทายอีกฝ่ายก่อนจะไปอาบน้ำแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว “คุณยาย ทำอะไรกินคะ”

        แค่มองพวกวัตถุดิบที่อยู่บนเขียงเธอก็รู้ทันที

        “เมื่อเช้ายายถามเฉินเฟิงว่าอยากกินอะไร เฉินเฟิงบอกว่าอยากกินบะหมี่ราดซอสเนื้อ แต่เนื้อสดไม่มีแล้ว มีแต่เนื้อแดดเดียว ยายก็เลยจะเอามาทำบะหมี่ราดซอสเนื้อให้กิน” คุณยายพูดพลางหั่นเนื้อแดดเดียวไปด้วย

        “เมื่อวันก่อนหนูพาน้องไปกินบะหมี่ราดซอสเนื้อที่ร้านอาหารของรัฐ เขาคงจะจำรสชาติได้เลยอยากกินอีก งั้นเดี๋ยวหนูไปเก็บแตงกวากับต้นหอมในสวนมาให้นะคะ”

        “กินบะหมี่ราดซอสเนื้อต้องใช้แตงกวากับต้นหอมด้วย?” คุณยายถามอย่างสงสัย

        “เอามาหั่นซอย กินคู่กับบะหมี่ราดซอสเนื้อก็อร่อยดีค่ะ” เซี่ยโม่อธิบาย

        คุณยายพึมพำ “ถึงว่าทำไมร้านอาหารของรัฐถึงขายดี แค่บะหมี่ราดซอสเนื้อก็ยังไม่เหมือนใคร…”

        เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ เปิดร้านอาหาร ถ้าอาหารไม่อร่อยจะดึงดูดลูกค้าได้ยังไงคะ”

        สิบนาทีต่อมา ทุกคนนั่งลงที่โต๊ะ เริ่มกินบะหมี่ราดซอสเนื้อด้วยกัน

        เซี่ยเฉินเฟิงชิมเข้าไปคำหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมา “คุณยาย บะหมี่ที่คุณยายทำอร่อยที่สุด ผมชอบมากครับ”

        คุณยายยิ้มเอ็นดู “ชอบงั้นก็กินเยอะๆ”

        “บะหมี่ถ้วยนี้มีรสชาติความอบอุ่นของบ้าน ไม่เหมือนร้านอาหารของรัฐที่กินแล้วมีรสชาติอึดอัดใจ“

        มีเ๹ื่๪๫แบบนี้ด้วย?

        “เกิดเ๱ื่๵๹อะไรขึ้น” คุณตาถามอย่างใคร่รู้

        เซี่ยโม่เลยเล่าเ๹ื่๪๫อย่างคร่าวๆ ให้ฟัง

        คุณยายฟังแล้วเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “กินข้าวข้างนอกหรือจะสุขใจเท่ากินที่บ้านเรา”

        คุณปู่จ้าวพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ กินข้าวที่บ้านเนี่ยแหละทั้งสุขใจทั้งสบายใจ”

        แม้แต่เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย เอ่ยพร้อมกับยู่ปาก “กินข้าวข้างนอกเงินก็ต้องจ่าย แถมยังต้องอารมณ์ไม่ดีอีก ต่อไปผมไม่อยากไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐแล้ว”

        เซี่ยโม่คิดในใจ สามปีหลังจากนี้ หากออกไปกินข้าวที่ไหนจะไม่ต้องหงุดหงิดใจกับเ๹ื่๪๫แบบนี้อีก

        ตอนนั้นทุกที่จะมีแต่ร้านอาหาร หากบริการไม่ดีใครจะอยากไปกิน หลายปีหลังจากนี้จะมีความคิดที่ว่า ‘ลูกค้าคือพระเ๽้า บริการด้วยรอยยิ้ม’ เกิดขึ้น การบริการแย่แบบนั้นไม่มีทางอยู่รอดแน่นอน

        ทุกคนกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข

        เซี่ยโม่เตรียมไข่ต้มเจ็ดแปดฟอง แตงกวา มะเขือเทศที่ล้างสะอาดแล้ว และน้ำเปล่าใส่กระบอกไม้ไผ่ให้คุณปู่คุณจ้าว

        คุณปู่จ้าวเห็นลูกศิษย์เตรียมของให้ตัวเองเยอะแยะก็เอ่ยอย่างเป็๞ห่วง “โม่โม่ ตอนเที่ยงเราจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน อย่าลืมเอาของกินกับน้ำดื่มไปล่ะ วันนี้อากาศน่าจะร้อน”

        “ทราบแล้วค่ะอาจารย์”

        เธอรับปากขณะที่ในใจคิดว่า เธอมีโกดังสินค้าติดตัว จึงไม่จำเป็๞ต้องเตรียมอะไรไปทั้งสิ้น

        “โม่โม่ อย่าเข้าไปในป่าลึกๆ นะ มันอันตราย” คุณตาเอ่ยกำชับอย่างเป็๲ห่วงเช่นกัน

        “คุณตาคะ หนูจะอยู่แถวๆ รอบนอกของป่า ไม่เข้าไปในป่าลึกแน่นอนค่ะ” เธอรับปากเป็๞มั่นเป็๞เหมาะเพื่อให้คุณตาสบายใจ

        หลังจากส่งทุกคนออกจากบ้านไปจนหมด เธอล็อกประตูบ้าน ก่อนจะสะพายตะกร้าขึ้นเขาไป

        เซี่ยโม่ไปยังป่าที่เธอเคยไป ระหว่างทางเจอผักและเห็ด หากเป็๞เวลาปกติเธอจะก้มเก็บมัน แต่วันนี้เพื่อประหยัดเวลาเลยเดินผ่านพวกมันไป

        เธอมีโกดังสินค้า เลยมั่นใจว่าหากต้องเผชิญหน้ากับอันตราย เธอก็สามารถป้องกันตัวได้

        ทางเดินแคบลงเรื่อยๆ ก่อนจะหายไปในที่สุด รอบด้านมีแต่ต้นไม้หนาทึบ เธออยู่ในเขตป่าลึกแล้ว ดังนั้นต้องระวังตัวให้ดี

        เธอหยิบมีดออกมาจากในโกดังสินค้า ถางหญ้าบริเวณรอบๆ เพื่อจะได้เดินได้สะดวก

        ทันใดนั้นเอง พลันได้ยินเสียงซี่ๆ ดังมาจากในพุ่มไม้ เซี่ยโม่หยิบขวดยาไล่แมลงออกมาพ่น

        ไม่นานเสียงซี่ ก็ค่อยๆ ห่างออกไป ก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้