“คุณยายคะ หนูซื้อไข่ไก่มา วางอยู่ในตะกร้าบนชั้นวางถ้วยชาม แล้วก็มีน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวด้วยนะคะ” เซี่ยโม่แจกแจงของที่เอามาจากในโกดังสินค้าให้คุณยายฟัง จะได้ไม่ถูกถามอย่างกะทันหันจนเกิดเหตุการณ์ที่น่าใแบบเมื่อครู่นี้อีก
“หลานนี่ ทำไมถึงซื้อของมาเยอะแยะ หมดเงินไปเท่าไรกันล่ะนี่” คุณยายพูดบ่นไม่จริงจังนัก
เธอยิ้ม “คุณยายคะ ไม่เท่าไรเองค่ะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ที่บ้านเราเงินแล้ว”
คุณยายขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดเตือนอย่างหวังดี “โม่โม่ ต่อให้มีเงิน แต่เราจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ไม่ได้ อีกไม่นานเราก็ต้องขึ้นชั้นมัธยมปลาย ส่วนเฉินเฟิงก็ต้องเข้าโรงเรียน ประหยัดได้ก็ประหยัดเถอะ”
เธอรู้อยู่แล้วว่าคุณยายต้องพูดแบบนี้ เลยคิดวิธีเอาไว้แล้ว “คุณยายคะ เฉินเฟิงเพิ่งจะหายดี หนูเลยอยากให้น้องได้กินของดีๆ จะได้บำรุงร่างกาย”
เื่อะไรที่เกี่ยวข้องกับหลาน คุณยายมักจะใจกว้างเสมอ
“ในเมื่อซื้อมาแล้วก็แล้วไปเถอะ หลานนี่นะ มีเหตุผลมาอ้างตลอด”
เธอนึกถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ “คุณยายคะ ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล พอว่างหนูก็สอนความรู้พื้นฐานให้น้อง น้องชอบเรียนมากแล้วก็บอกว่าอยากเข้าเรียนด้วย หนูเลยคิดว่าอีกไม่กี่วันจะพาเขาไปสมัครเรียนค่ะ”
“เฉินเฟิงเพิ่งจะห้าขวบ เข้าเรียนได้แล้วเหรอ”
“เฉินเฟิงเป็เด็กฉลาด ตอนอยู่โรงพยาบาล คุณปู่เตียงข้างๆ ยังบอกเลยว่า เด็กฉลาดเข้าเรียนเร็วหน่อยถือเป็เื่ดี”
คุณยายมีท่าทีลังเลอยู่สักครู่ถึงค่อยเอ่ย “งั้นก็เอาตามที่หลานว่า”
เธอถามต่อ “ในหมู่บ้านเรามีเด็กที่จะเข้าโรงเรียนปีนี้ไหมคะ หนูอยากหาเพื่อนให้น้องสักคน”
“เมื่อวันก่อนเหมือนยายได้ยินว่า ลูกชายคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านกำลังจะเข้าโรงเรียนปีนี้นะ”
“คุณยายคะ เื่นี้ค่อยว่ากันอีกทีเถอะค่ะ ไม่แน่เฉินเฟิงอาจจะแค่อยากเข้าเรียนแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว สองสามวันผ่านไปอาจจะไม่อยากไปโรงเรียนแล้วก็ได้”
“ก็จริง เด็กมักจะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้” คุณยายพยักหน้า
ความจริงแผนเดิมของเธอคือซื้อจักรยาน จัดการเื่เรียนของเธอให้เรียบร้อยแล้วค่อยจัดการเื่นี้ พอถึงตอนนั้นคุณตาคุณยายต้องไม่ว่าอะไรแน่
ยายหลานพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เซี่ยโม่ซอยแตงกวากับมันฝรั่งเพื่อทำยำไปด้วย หมูน้ำแดงในหม้อตุ๋นได้ที่แล้ว เธอจึงตักลงจานแล้วเริ่มทำลูกชิ้นความสุขสี่ประการ
หลังจากทำเสร็จ ยกไปวางที่โต๊ะ ทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทาน
คุณปู่จ้าวมองอาหารที่เซี่ยโม่ทำ หมูน้ำแดงมีสีน้ำตาลทองแวววาว เนื้อหมูที่ใช้ทำเป็ส่วนเนื้อและส่วนติดมันอย่างละครึ่งพอดี พอลองใช้ตะเกียบคีบเข้าปาก มีความมันแต่ไม่เลี่ยน หวานเล็กน้อยกำลังดี
“ดี ไม่ว่าจะสีสันหรือรสชาติ อร่อยไม่แพ้ร้านอาหารของรัฐเลยทีเดียว” เหล่าจ้าวพูดชมไม่ขาดปาก
เหล่าจ้าวใช้ตะเกียบคีบลูกชิ้นความสุขสี่ประการเข้าปาก รสชาติเข้มข้น เนื้อนุ่ม มันแต่ไม่เลี่ยนเช่นกัน
ชิมเสร็จก็ยกนิ้วโป้งชมเชย “ฝีมือการทำอาหารของโม่โม่ไม่เลวเลย ต่อไปฉันต้องมีลาภปากทุกวันแน่นอน กับข้าวที่บ้านยังไงก็อร่อยกว่าที่อื่น”
ฝีมือการทำอาหารของเซี่ยโม่ได้มาจากการเรียนหลังจากประสบความสำเร็จในชีวิต ตอนนั้นสุขภาพร่างกายเธอไม่ค่อยแข็งแรง เป็เพราะอยากดูแลร่างกายให้ดี เธอเลยจ้างพ่อครัวมืออาชีพมาสอน
หากมีเวลาว่างเธอมักจะทำอาหารกินเอง หากก็รู้ดีว่าฝีมือของเธอยังเทียบชั้นกับพ่อครัวมืออาชีพไม่ได้
กลับชาติมาเกิดใหม่ ทุกคนในครอบครัวเป็ชาวบ้านธรรมดาที่แค่กินอาหารเพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น ย่อมต้องรู้สึกว่าฝีมือการทำอาหารของเธอที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อครัวมืออาชีพนั้นดีเลิศ
“อาจารย์ ชมซะฉันตัวลอยหมดแล้วค่ะ” เซี่ยโม่ตอบกลับอย่างถ่อมตัว
ทุกคนพากันหัวเราะออกมา
หันไปมองน้องชาย พบว่าน้องชายตัวน้อยของเธอกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ผมชอบกินอาหารที่พี่ทำ อร่อยมากเลยครับ”
“งั้นต่อไปพี่จะหาเวลาทำให้เรากินบ่อยๆ ดีไหม”
พอฟ้ามืดคุณปู่จ้าวก็ขอตัวกลับ
วันต่อมา ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง เซี่ยโม่ที่เคยชินกับการตื่นเช้าก็ตื่นขึ้นมา
หลังจากออกกำลังกายเสร็จ เธอก็เดินขึ้นเขาไปเก็บหญ้าแห้วหมู พอฟ้าสว่างเธอนำหญ้าแห้วหมูไปส่งแล้วถึงค่อยกลับบ้าน
คุณปู่จ้าวมาแล้ว เธอทักทายอีกฝ่ายก่อนจะไปอาบน้ำแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว “คุณยาย ทำอะไรกินคะ”
แค่มองพวกวัตถุดิบที่อยู่บนเขียงเธอก็รู้ทันที
“เมื่อเช้ายายถามเฉินเฟิงว่าอยากกินอะไร เฉินเฟิงบอกว่าอยากกินบะหมี่ราดซอสเนื้อ แต่เนื้อสดไม่มีแล้ว มีแต่เนื้อแดดเดียว ยายก็เลยจะเอามาทำบะหมี่ราดซอสเนื้อให้กิน” คุณยายพูดพลางหั่นเนื้อแดดเดียวไปด้วย
“เมื่อวันก่อนหนูพาน้องไปกินบะหมี่ราดซอสเนื้อที่ร้านอาหารของรัฐ เขาคงจะจำรสชาติได้เลยอยากกินอีก งั้นเดี๋ยวหนูไปเก็บแตงกวากับต้นหอมในสวนมาให้นะคะ”
“กินบะหมี่ราดซอสเนื้อต้องใช้แตงกวากับต้นหอมด้วย?” คุณยายถามอย่างสงสัย
“เอามาหั่นซอย กินคู่กับบะหมี่ราดซอสเนื้อก็อร่อยดีค่ะ” เซี่ยโม่อธิบาย
คุณยายพึมพำ “ถึงว่าทำไมร้านอาหารของรัฐถึงขายดี แค่บะหมี่ราดซอสเนื้อก็ยังไม่เหมือนใคร…”
เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ เปิดร้านอาหาร ถ้าอาหารไม่อร่อยจะดึงดูดลูกค้าได้ยังไงคะ”
สิบนาทีต่อมา ทุกคนนั่งลงที่โต๊ะ เริ่มกินบะหมี่ราดซอสเนื้อด้วยกัน
เซี่ยเฉินเฟิงชิมเข้าไปคำหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมา “คุณยาย บะหมี่ที่คุณยายทำอร่อยที่สุด ผมชอบมากครับ”
คุณยายยิ้มเอ็นดู “ชอบงั้นก็กินเยอะๆ”
“บะหมี่ถ้วยนี้มีรสชาติความอบอุ่นของบ้าน ไม่เหมือนร้านอาหารของรัฐที่กินแล้วมีรสชาติอึดอัดใจ“
มีเื่แบบนี้ด้วย?
“เกิดเื่อะไรขึ้น” คุณตาถามอย่างใคร่รู้
เซี่ยโม่เลยเล่าเื่อย่างคร่าวๆ ให้ฟัง
คุณยายฟังแล้วเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “กินข้าวข้างนอกหรือจะสุขใจเท่ากินที่บ้านเรา”
คุณปู่จ้าวพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ กินข้าวที่บ้านเนี่ยแหละทั้งสุขใจทั้งสบายใจ”
แม้แต่เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย เอ่ยพร้อมกับยู่ปาก “กินข้าวข้างนอกเงินก็ต้องจ่าย แถมยังต้องอารมณ์ไม่ดีอีก ต่อไปผมไม่อยากไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐแล้ว”
เซี่ยโม่คิดในใจ สามปีหลังจากนี้ หากออกไปกินข้าวที่ไหนจะไม่ต้องหงุดหงิดใจกับเื่แบบนี้อีก
ตอนนั้นทุกที่จะมีแต่ร้านอาหาร หากบริการไม่ดีใครจะอยากไปกิน หลายปีหลังจากนี้จะมีความคิดที่ว่า ‘ลูกค้าคือพระเ้า บริการด้วยรอยยิ้ม’ เกิดขึ้น การบริการแย่แบบนั้นไม่มีทางอยู่รอดแน่นอน
ทุกคนกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข
เซี่ยโม่เตรียมไข่ต้มเจ็ดแปดฟอง แตงกวา มะเขือเทศที่ล้างสะอาดแล้ว และน้ำเปล่าใส่กระบอกไม้ไผ่ให้คุณปู่คุณจ้าว
คุณปู่จ้าวเห็นลูกศิษย์เตรียมของให้ตัวเองเยอะแยะก็เอ่ยอย่างเป็ห่วง “โม่โม่ ตอนเที่ยงเราจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน อย่าลืมเอาของกินกับน้ำดื่มไปล่ะ วันนี้อากาศน่าจะร้อน”
“ทราบแล้วค่ะอาจารย์”
เธอรับปากขณะที่ในใจคิดว่า เธอมีโกดังสินค้าติดตัว จึงไม่จำเป็ต้องเตรียมอะไรไปทั้งสิ้น
“โม่โม่ อย่าเข้าไปในป่าลึกๆ นะ มันอันตราย” คุณตาเอ่ยกำชับอย่างเป็ห่วงเช่นกัน
“คุณตาคะ หนูจะอยู่แถวๆ รอบนอกของป่า ไม่เข้าไปในป่าลึกแน่นอนค่ะ” เธอรับปากเป็มั่นเป็เหมาะเพื่อให้คุณตาสบายใจ
หลังจากส่งทุกคนออกจากบ้านไปจนหมด เธอล็อกประตูบ้าน ก่อนจะสะพายตะกร้าขึ้นเขาไป
เซี่ยโม่ไปยังป่าที่เธอเคยไป ระหว่างทางเจอผักและเห็ด หากเป็เวลาปกติเธอจะก้มเก็บมัน แต่วันนี้เพื่อประหยัดเวลาเลยเดินผ่านพวกมันไป
เธอมีโกดังสินค้า เลยมั่นใจว่าหากต้องเผชิญหน้ากับอันตราย เธอก็สามารถป้องกันตัวได้
ทางเดินแคบลงเรื่อยๆ ก่อนจะหายไปในที่สุด รอบด้านมีแต่ต้นไม้หนาทึบ เธออยู่ในเขตป่าลึกแล้ว ดังนั้นต้องระวังตัวให้ดี
เธอหยิบมีดออกมาจากในโกดังสินค้า ถางหญ้าบริเวณรอบๆ เพื่อจะได้เดินได้สะดวก
ทันใดนั้นเอง พลันได้ยินเสียงซี่ๆ ดังมาจากในพุ่มไม้ เซี่ยโม่หยิบขวดยาไล่แมลงออกมาพ่น
ไม่นานเสียงซี่ ก็ค่อยๆ ห่างออกไป ก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้