เวลาเที่ยงวัน
ณ ชานเมืองแห่งหนึ่งในประเทศจีน
บนถนนธรรมดาเส้นหนึ่งซึ่งไม่ใช่พื้นที่ของพลเรือนปกติอีกต่อไปแสงอาทิตย์แผดเผาพื้นดินและผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปมา ทำให้พวกเขาโวยวายและสบถออกมาเป็ครั้งคราวจากสภาพอากาศที่ไม่ดีพื้นที่นี้ไม่ถือว่าสงบ แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตชีวาหรือรุ่งเรืองเหมือนกับศูนย์กลางของเมือง
ข้างถนนมีร่างของคนผู้หนึ่งนอนนิ่งอยู่แสงจากดวงอาทิตย์ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง แต่เขากลับพันร่างกายด้วยผ้าสีดำภายใต้แสงแดดที่ร้อนแรงเช่นนี้แค่ผ้าคลุมหน้าสีดำสนิทไม่ต้องคิดก็รู้ว่ามันร้อนสุดๆ ไม่ต้องเอ่ยถึงพื้นดินแสงแดดแผดเผาจนถึงจุดที่ใครก็ไม่กล้าัั การใส่เสื้อผ้าสีดำเฉกเช่นชายหนุ่มกับสภาพพื้นดินที่เป็อยู่ในขณะนี้แค่คิดว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรเวลาโดนความร้อนแผ่เข้าสู่ิัมันก็สามารถกระตุ้นความกลัวของเราได้แล้ว แต่เขากลับนอนอยู่ตรงนี้ทั้งวันทั้งคืน
“ทำไมเขายังนอนอยู่ตรงนี้?”
“เขาน่าจะตายแล้ว”
สายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาหยุดมองชายหนุ่มเพียงชั่วครู่ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็วผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็ชนชั้นล่างของสังคมการใช้ชีวิตของพวกเขาเร่งรีบและวุ่นวายทุกวัน ธรรมชาติของผู้คนในสังคมนี้เ็าความเมตตาเป็สิ่งที่ไร้ค่าขณะเดียวกันคนที่ล้มลงบนท้องถนนต้องไม่ได้รับการช่วยเหลือสิ่งนี้ได้กลายเป็แนวปฏิบัติอย่างเืเย็นของผู้คนในยุคสมัยนี้ไปแล้ว
“แม่ครับเร็วเข้า ดูตรงนั้นมีใครอยู่ด้วย? เขาป่วยหรือเปล่า? ” มือข้างหนึ่งของเด็กชายจับมือแม่ของเขาอีกข้างชี้ไปที่ชายคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนพื้น
“ลูกอย่าเข้าไปใกล้เขาอย่าลืมเื่ที่แม่พูดก่อนหน้านี้คนที่ล้มลงบนพื้นส่วนใหญ่เป็เพราะพวกเขาติดเชื้ออีสร็อคด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงถูกทอดทิ้ง ลูกต้องไม่เข้าไปใกล้เขา เพราะลูกอาจจะติดเชื้อมานี่เร็ว ออกมาห่างๆ เขา”
“อ่ะ!” เด็กชายส่งเสียงร้องออกมาใบหน้าแสดงท่าทางใ เด็กชายจับมือแม่ของเขาแล้วรีบวิ่งไกลออกไปกลัวว่าชายผู้นั้นจะมองเขาอีกหน
แม้เด็กชายจะมีอายุแค่6-7 ปี แต่เขาก็รู้จักความน่ากลัวของอีสร็อค
อีสร็อคเป็โรคชนิดหนึ่งที่ไม่มีหนทางรักษาอีสร็อคทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและพละกำลังของมนุษย์ค่อยๆ เสื่อมสภาพลงอีสร็อคติดต่อได้ทางเดียว โดยติดต่อจากผู้ที่เป็พาหะ ธรรมชาติของอีสร็อคจะคล้ายกับโรคเอดส์ซึ่งเคยเป็ที่รู้จักกันดีใน่ศตวรรษที่20 และ 21 แต่อีสร็อคน่ากลัวกว่าโรคเอดส์ภายหลังการติดเชื้อพบผู้ป่วยมีชีวิตรอดนานที่สุดแค่ 5 ปีเท่านั้น
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่30 มนุษย์ได้รับความเดือดร้อนจากการลงทัณฑ์ของพระแม่ธรณีเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมากขึ้น การต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหมอกควันแห่งาผุดขึ้นทั่วทุกมุมโลก หลังาสิ้นสุด มลพิษจากแม่เหล็กและนิวเคลียร์ที่เหลือทิ้งไว้ทำให้โรคอีสร็อคอุบัติขึ้นมนุษย์ซึ่งมีระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่อ่อนแอและอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็พิษเป็เวลานานๆจึงง่ายมากที่ร่างกายของพวกเขาจะพัฒนาให้เชื้อไวรัสอีสร็อคยิ่งไปกว่านั้นการปรากฏตัวของเชื้อไวรัสอีสร็อคยังหมายถึงชีวิตที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับเชื้อไวรัสอีสร็อคคือวิธีการติดต่อของเชื้อกล่าวคือมันสามารถแพร่กระจายผ่านทางสารคัดหลั่งทุกชนิดภายในร่างกายไม่ว่าจะเป็เื น้ำลาย หรือแม้กระทั่งเหงื่อ ดังนั้นหากติดเชื้อไวรัสอีสร็อคคนในครอบครัวมีทางเลือกเดียวเท่านั้นคือต้องทอดทิ้งผู้ที่ติดเชื้อไปอย่างไร้ความปราณีเพราะไม่มีเงินหรือความพยายามใดเพียงพอที่จะรักษาชีวิตของพวกเขาไว้ได้การช่วยชีวิตพวกเขายิ่งจะทำให้มีคนติดเชื้อมากขึ้น
อีสร็อคเป็เหมือนปีศาจน่ากลัวทำให้ผู้คนต้องหลีกเลี่ยงเพียงแค่กลัวว่าพวกเขาจะรู้ตัวช้าเกินไปอีสร็อคถือได้ว่าเป็บทลงโทษของ์ต่อการต่อสู้อันโหดร้ายของมนุษยชาติถ้าไม่มีมลพิษจากแม่เหล็กและนิวเคลียร์เหลือทิ้งไว้หลังจากการต่อสู้ไวรัสอีสร็อคก็ไม่มีทางอุบัติขึ้นมาดังนั้นภายใต้เสียงเรียกร้องและคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนทั่วโลกอนุสัญญาว่าด้วยการสงบศึก 100 ปี ซึ่งเป็ที่รู้จักกันทั่วโลกได้รับการลงนามโดยแต่ละประเทศ ภายใต้เงื่อนไขของอนุสัญญา ข้อพิพาทระหว่างประเทศจะได้รับการแก้ไขด้วยการต่อสู้ในสมรภูมิรบบนโลกแห่งที่สองหรือโลกของเกมเสมือนจริงโลกที่ได้กลายเป็สถานที่ที่มนุษย์ต้องพึ่งพามันอย่างลึกซึ้ง
วิธีการจัดการกับปัญหาโดยใช้ผลแพ้หรือชนะในการต่อสู้บนสนามรบในโลกเกมได้รับการพิสูจน์และยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่ทั่วโลกภายหลังการลงนามอนุสัญญาว่าด้วยการสงบศึก 100 ปี ความเจริญก้าวหน้าในโลกเกมเสมือนจริงได้ไปถึงยังจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อนแต่ละประเทศได้ทุ่มเทความพยายามและเงินทุนจำนวนมหาศาลในเื่การฝึกฝนผู้เล่นเกมระดับสุดยอดของโลก
ภายหลังการลงนามอนุสัญญาว่าด้วยการสงบศึก100 ปี มลพิษจากแม่เหล็กและนิวเคลียร์ รวมทั้งพาหะของอีสร็อคได้ลดน้อยลงแต่เงาอันน่ากลัวของมันที่ทิ้งไว้ให้มนุษยชาติยังไม่เคยจางหายไป
สำหรับชายชุดดำที่น่าสงสารซึ่งนอนอยู่ข้างถนนนี้ผู้คนต่างก็สันนิษฐานว่าเขาเป็คนที่ถูกทอดทิ้งเพราะติดเชื้อไวรัสอีสร็อคจึงไม่มีใครสักคนกล้าเข้าไปใกล้เขา
จนกระทั่ง...
“พี่ชายคะ! พี่ชาย รีบตื่นได้แล้ว ถ้าพี่ยังนอนบนพื้นแบบนี้ต่อไปพี่จะโดนแดดเผาตายอย่างสยดสยองนะคะ พี่ชายคะ ...”
เบื้องหน้าชายหนุ่มเป็เด็กผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีเหลืองอ่อนเธอน่าจะมีอายุประมาณ 10 ปีเท่านั้น ด้วยใบหน้าที่ประณีตราวกับตุ๊กตาดินปั้นและดวงตาที่งดงามดั่งดวงดารา ใครก็ตามที่ได้เห็นเธออาจตกอยู่ในภวังค์ได้ จนเกิดความสงสัยแกมประหลาดใจว่าพวกเขากำลังมองนางฟ้าซึ่งมาปรากฏกายบนพื้นพิภพโดยบังเอิญหรืออย่างไร
มือข้างหนึ่งของเด็กหญิงถือเครื่องดื่มเย็นซึ่งส่วนหนึ่งถูกดื่มไปแล้วส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเธอโยนร่มกันแดดออกไป แล้วเขย่าชายหนุ่มที่แน่นิ่งเบาๆดวงตาที่คล้ายกับดวงดาราของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความเป็ห่วงเธอเรียกชายหนุ่มเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
อาจไปได้ว่าชายหนุ่มแค่ล้มลงหรือไม่ได้หมดสติั้แ่แรกภายใต้การเรียกของเด็กหญิงที่ไม่ดังมากนัก ร่างของชายหนุ่มขยับเล็กน้อย เขาค่อยๆยกหัวขึ้นมาด้วยความยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ จนเผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูซีดเซียวเขาเป็วัยรุ่นอายุราว 16-17 ปี ผมเผ้ายุ่งเหยิง ริมฝีปากแห้งแตกยิ่งกว่านั้นทุกส่วนบนใบหน้าของเขาซีดน่ากลัวมาก เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นดวงตาที่พร่ามัวของเขาสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่แสนบริสุทธิ์ดุจดั่งคริสตัล
ช่างเป็ดวงตาที่งดงาม
“ขอบคุณพระเ้าในที่สุดพี่ก็ตื่น!” เด็กหญิงแสดงท่าทางผ่อนคลายแล้วหัวเราะอย่างมีความสุขชายหนุ่มสะดุ้งใไปชั่วขณะเมื่อมองไปยังรอยยิ้มอันไร้ที่ติและแสนบริสุทธิ์ของเธอผ่านสายตาอันพร่ามัวของเขามันเป็เื่ที่เชื่อได้ยากสักหน่อยว่าในโลกใบนี้ยังมีดวงตาอันบริสุทธิ์และไร้มลทินเช่นนี้เหลืออยู่เพราะ่เวลาที่ผ่านมาเขาต้องเจอกับผู้คนมากมายจ้องมองด้วยสายตาเ็าและไม่สนใจซึ่งเป็เื่ที่เกิดขึ้นมานานจนกลายเป็ความเคยชิน
“พี่ชายพี่ป่วยหรือเปล่า? พี่ลุกขึ้นยืนได้ไหม? นอนบนพื้นมันร้อนนะคะ อา! ไม่มีปัญหาพ่อกับแม่ของหนูกำลังมาที่นี่ พวกเขาจะช่วยพี่ชายเองค่ะ เอ๊ะ! ใช่แล้ว พ่อของหนูเป็หมออยู่ที่นี่เขาจะช่วยให้อาการของพี่ชายดีขึ้นอีกครั้งได้อย่างแน่นอน”เด็กหญิงถือร่มกันแดดขึ้นมากางบดบังส่วนบนของร่างกายเธอใช้น้ำเสียงที่นิ่มนวลและร่าเริงถาม และปลอบโยนชายหนุ่ม
ชายหนุ่มขยับริมฝีปากที่แตกระแหงลำคอของเขาราวกับถูกเปลวไฟแผดเผา เขาพยายามอยู่พักใหญ่ แต่ก็พูดได้เพียงคำเดียว
“...น้ำ...”
“น้ำ...”เด็กหญิงกะพริบตาและวางเครื่องดื่มเย็นซึ่งดื่มไปแล้วบางส่วนไว้ที่ปากของชายหนุ่ม“หนูไม่มีน้ำ อันนี้ได้ไหม? มันเย็นและหวานมากนะคะ”
เด็กหญิงเสียบหลอดดูดเข้าไปในปากของชายหนุ่มอย่างระมัดระวังชายหนุ่มใช้พลังทั้งหมดที่มีดูดน้ำเป็เวลานานทันใดนั้นมวลของของเหลวเย็นเหมือนกับน้ำพุใสสะอาดไหลเข้าเต็มปากของเขา มันค่อยๆไหลลงไปในลำคอของเขาเข้าไปในร่างกายที่เหมือนดั่งซากศพชั่วขณะนั้นในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงการมีอยู่ของร่างกาย การมองเห็นของเขาค่อยๆชัดเจนขึ้น ชายหนุ่มกัดหลอดดูดแน่นมันเป็สิ่งที่พาชายหนุ่มกลับมาจากเส้นแห่งความตาย ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่เด็กหญิงในเวลาเดียวกันเด็กหญิงก็จ้องมองไปที่เขาเช่นเดียวกัน เขาไม่เต็มใจให้เธอจากไป
“อร่อยไหมคะ?ถ้าอร่อยก็ดื่มส่วนที่เหลือให้หมดเลยค่ะ ถ้าพี่ชายอยากดื่มอีกหนูจะให้พ่อกับแม่ไปซื้อมันให้พี่อีกนะคะ” เด็กหญิงมองดูชายหนุ่มที่กำลังพยายามอย่างหนักในการดูดน้ำคิ้วบางของเธอโค้งงอเป็เสี้ยวพระจันทร์สองอัน เผยความน่ารักด้วยรอยยิ้มกว้างรอยยิ้มนี้ฝังเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่มอย่างรุนแรงชายหนุ่มรู้ว่าชั่วชีวิตนี้ของเขาจะไม่มีวันลืม่เวลานี้ไปโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กผู้หญิงคนนี้
ฝีเท้าของคนในชุดเครื่องแบบเดินมาทางด้านหลังของเด็กหญิงเธอหันไปในทันทีและกวักมือพร้อมกับเริ่มะโเรียก “พ่อคะ แม่คะ หนูอยู่ตรงนี้มีพี่ชายอยู่ตรงนี้ด้วย พี่เขาล้มหมดสติค่ะ”
ผู้ที่กำลังเดินมาเป็สามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งอยู่ในวัยกลางคนพวกเขาแต่งกายด้วยชุดธรรมดาช่วยบ่งบอกว่าครอบครัวของพวกเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไรเมื่อพวกเขาเห็นเด็กหญิงและชายหนุ่มซึ่งนอนอยู่บนพื้นข้างๆ พวกเขาทั้งสองแสดงท่าทางใออกมา
“รั่วรั่ว ออกห่างจากเขาเร็วเข้า!”แม่ของเด็กหญิงวิ่งไปหาเธอด้วยความหวาดกลัว รีบพาเด็กหญิงไปอีกทางหนึ่ง เกิดเสียงร้องเบาๆจากเครื่องดื่มเย็นในมือของเด็กหญิงที่ลื่นหลุดมือ น้ำสาดกระจายทั่วพื้น
“แม่คะพาหนูมาทางนี้ทำไม พี่ชายเขากระหายน้ำมาก เขา้าดื่มน้ำจริงๆ พ่อคะ แม่คะได้โปรดช่วยพี่ชายคนนี้ด้วย? พ่อเป็หมอที่เก่งมากๆ พ่อต้องช่วยพี่ชายคนนี้ได้อย่างแน่นอนเลยใช่ไหมคะ?”เด็กหญิงดิ้นรนเล็กน้อยในอ้อมกอดแม่ ดวงตาเผยความกังวลขณะมองไปที่ชายหนุ่ม
“ลูกไม่ต้องกังวลเขาไม่ได้ติดเชื้ออีสร็อค”
พ่อของเด็กหญิงเป็หมอเขาเจอผู้ป่วยอีสร็อคมากมายเป็ประจำ หลังจากมองชายหนุ่มสองสามครั้งเขาก็รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้ติดเชื้ออีสร็อค หลังจากได้ยินคำพูดของผู้เป็สามีแม่ของเด็กหญิงจึงรู้สึกผ่อนคลาย เธอย่อตัวลงแสดงรอยยิ้มขอโทษชายหนุ่ม “หนุ่มน้อยน้าขอโทษนะ ตอนที่น้าเห็นเธอ น้าแค่เป็ห่วงรั่วรั่วมากเกินไป ทำให้...หนุ่มน้อยเธอชื่ออะไร? ทำไมถึงมานอนตรงนี้?
ริมฝีปากของชายหนุ่มขยับเล็กน้อยหลังจากนั้นชั่วครู่ เขาพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “ผม... ชื่อ...”
ชื่อของผมตอนนี้คือ... ผมไม่รู้
เพราะผมได้ตัดสินใจลืมชื่อในอดีตไปแล้ว...ผมหวังจริงๆ ว่าจะสามารถลืมมันได้ตลอดชีวิต