วันที่5 กรกฎาคม ค.ศ. 3100
ณ เมืองหลวงของประเทศจีน
เวลาเที่ยงวัน แสงจากดวงอาทิตย์ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง
หยุนเฟิงส่ายศีรษะที่ชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อแล้วจ้องมองไปยังดวงอาทิตย์อันแรงกล้าเหนือศีรษะพร้อมกับครวญครางออกมาจนถึงตอนนี้เขาได้ยืนอยู่ใต้ดวงอาทิตย์อันโหดร้ายมานานถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มแล้วเขายืนคอยอยู่ใกล้ๆ เคาน์เตอร์ ปลอบใจตัวเองพร้อมกับถอนหายใจ และบ่นด้วยเสียงต่ำ“โธ่โว้ย ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวที่แสนดื้อรั้นเราก็ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานกับเื่แบบนี้ พี่ชายที่มีน้องสาวจะาเ็ไม่ได้จริงๆ”
วันนี้นับเป็วันที่ 30 ของการปล่อยอุปกรณ์สำหรับเล่นเกม “เสินเยว่” เป็เื่ธรรมดาที่ปริมาณฝูงชนที่มารับอุปกรณ์เล่นเกมจะเทียบไม่ได้กับ่ครึ่งแรกของเดือนถึงอย่างนั้นแถวที่เต็มไปด้วยคนจำนวนมากก็ยังทำให้หยุนเฟิงที่เพิ่งมาถึงหวาดกลัวจนเกือบทำให้เขาหันหลังกลับและจากไปแต่ท้ายที่สุดเขากัดฟันสู้ไปยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังสุด ซึ่งค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าทีละก้าวด้วยความเ็ป
ภายหลังการลงนาม “อนุสัญญาว่าด้วยการสงบศึก 100 ปี”ความขัดแย้งระหว่างประเทศจะได้รับการแก้ไขด้วยการต่อสู้ในโลกของเกมเสมือนจริงแต่เพราะมีเกมเสมือนจริงมากมายนับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้ เพื่อความยุติธรรม อนุสัญญาฯจะได้รับการปรับปรุงทุก 10 ปีเนื้อหาของการปรับปรุงจะเป็เพียงแค่การกำหนดโลกเกมเสมือนจริง ซึ่งหมายความว่าใน10 ปีข้างหน้า หากมีปัญหาใดที่ต้องใช้การต่อสู้เพื่อยุติปัญหา และสร้างความปรองดองสามารถตัดสินได้ภายในโลกเกมเสมือนจริงที่กำหนดไว้เท่านั้นเห็นได้ชัดเจนว่าเื่นี้ทำให้เกมที่กำหนดขึ้นโดยอนุสัญญาฯกระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนทำให้ประเทศต่างๆเกิดการส่งเสริมอย่างมากให้พลเมืองเข้าสู่เกม รวมถึงการใช้จ่ายทางด้านทรัพยากรการเงินและความพยายามปริมาณมหาศาลเพื่อสร้างระดับของผู้เล่นโดยรวมไปพร้อมกับผู้เล่นระดับสูงซึ่งเป็สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากประเทศเล็กๆ ที่รักความสงบสองถึงสามประเทศประเทศส่วนใหญ่จะเป็ในลักษณะนี้กันทั้งหมด เมื่อเวลาผ่านไปเกมเสมือนจริงขนาดเล็กค่อยๆขาดการสนับสนุน ท้ายที่สุดนอกเหนือจากเกมเสมือนจริงที่กำหนดไว้ เกมเสมือนจริงที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็ค่อยๆหายไปอย่างเงียบๆด้วยเหตุผลที่ว่ามนุษยชาติ้าโลกที่สองเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
สำหรับการปรับปรุงอนุสัญญาฯ ครั้งล่าสุด เกมใหม่ที่กำหนดไว้คือ“เสินเยว่” ซึ่งยังคงเหลือเวลาอีก 2 วัน ก่อนที่จะเปิดให้เข้าเล่นดังนั้นรายการส่งเสริมการขายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกมเสินเยว่จึงครอบคลุมไปทั่วทุกมุมโลกสำหรับรัฐบาลจีนก็สนับสนุนเกมนี้อย่างเต็มที่และในทางเดียวกันกับเกมเสมือนจริงที่เคยได้รับเลือกครั้งก่อน อุปกรณ์สำหรับเล่นเกมเสินเยว่จะแจกฟรีทั้งหมดการรับอุปกรณ์เล่นเกมใช้แค่ตัวอย่างดีเอ็นเอจาก เล็บ ผม ฯลฯหลังจากได้อุปกรณ์มาแล้ว มันจะผูกเข้ากับดีเอ็นเอของเราฉะนั้นแล้วจะมีแค่เราเท่านั้นที่สามารถใช้งานมันได้
เหตุผลที่เกมนี้ชื่อ “เสินเยว่” ตามคำอธิบายอย่างเป็ทางการคือ“แผนที่ของเกมเสินเยว่มีรูปร่างเกือบเป็พระจันทร์เสี้ยวที่สมบูรณ์ผู้เล่นฝั่งตะวันออกจะเริ่มต้นเกมที่พระจันทร์เสี้ยวฝั่งตะวันออกเช่นเดียวกันกับผู้เล่นฝั่งตะวันตกจะเริ่มต้นเกมทางฝั่งตะวันตกของพระจันทร์เสี้ยวด้วยเหตุนี้ มันจึงได้รับการตั้งชื่อว่า “เสินเยว่” ตามรูปร่างของแผนที่ที่งดงาม”
แสงแดดแผดจ้าทดสอบความอดทนของหยุนเฟิงที่ใกล้หมดลงมือของเขากำเส้นผมของน้องสาว หน้าตาบูดบึ้งแสดงถึงความเ็ปขณะค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าตามแถวบางคราวเขาก็หันไปมองแถวยาวด้านหลังเพื่อหาบางสิ่งปลอบประโลมจิตใจ ในฐานะที่เป็ลูกชายคนโตของประธานกลุ่มธุรกิจทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดเป็อันดับ2 ของประเทศจีน ั้แ่เด็กไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขา้าขอเพียงแค่อ้าปากสั่งนี่เป็ครั้งแรกจริงๆสำหรับเขาที่ต้องมายืนอยู่ใต้ดวงอาทิตย์อันร้อนแรงเป็เวลานาน
5... 4... 3...
ในที่สุดแถวด้านหน้าก็เหลือแค่ 3 คนหยุนเฟิงถอนหายใจเล็กน้อยอีกหน เหลือบมองไปที่พนักงานต้อนรับแม้เธอจะเหงื่อไหลซิกแต่ก็ยังคงยิ้มอย่างเป็มืออาชีพ เขาพึมพำเงียบๆ“เธอน่ารักมาก แต่ถ้าเทียบกับน้องสาวของเรา เธอแทบจะไม่มีอะไรสู้ได้เลย”
หลังจากเหลือบมองครั้งหนึ่ง เขาก็ไม่สนใจที่จะมองต่อไปอีกเขาส่ายหัวไปมาทันใดนั้นสายตาของเขาจดจ้องไปที่หญิงสาวคนหนึ่งพร้อมกับอ้าปากค้างเล็กน้อยและพ่นเสียงร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้“ช่างเป็หญิงสาวที่น่ารักอะไรเช่นนี้”
สิ่งที่เขาเห็นเป็ใบหน้าอันบริสุทธิ์งดงามเหมือนดั่งนางฟ้า เขาเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นเธอพวกเขาทั้งหมดจะต้องตกตะลึงและหลงใหลไปกับใบหน้าที่ประณีตงดงามเหมือนฝันไปเธอน่าจะมีอายุราว 15-16 ปี เธอถือไอศกรีมแท่งหนึ่งซึ่งมีสีขาวเหมือนกับผิวของเธอและกินมันอย่างสบายใจ มุมปากของเธอก่อเป็รอยยิ้มเล็กๆ ที่สามารถละลายหัวใจคนได้ดวงตาของเธอซึ่งกระพริบครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนกับคริสตัลที่กำลังเปล่งประกายเขามั่นใจว่าั้แ่เกิดมายังไม่เคยเห็นดวงตาที่แสนบริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อน
ภาพในวิสัยทัศน์ของเขาสวยงามมากเหมือนไม่ใช่ความจริงสายตาของหยุนเฟิงเฉื่อยชาไปชั่วขณะ... เธอเหมือนกับนางฟ้าที่เดินออกมาจากภาพวาดความงามและความบริสุทธิ์ของเธอไม่คู่ควรกับโลกใบนี้เพราะอากาศที่เป็มลพิษของโลกแห่งนี้จะทำให้เธอแปดเปื้อน
เกิดการดันเบาๆ จากทางด้านหลังและเป็เวลาเดียวกันที่หยุนเฟิงตื่นจากอาการสะลึมสะลือเขารีบก้าวเท้าเคลื่อนไปข้างหน้าเล็กน้อยเขายืนอยู่ท้ายแถวพร้อมกับคนอีกสองคนด้านหน้าหยุนเฟิงส่ายหัวแล้วมองไปที่หญิงสาวอีกครั้ง เขาเพิ่งสังเกตเห็นและไม่คาดคิดมาก่อนว่าเด็กสาวคนนั้นจะนั่งอยู่บนรถเข็น
ช่างเป็เด็กสาวที่งดงามอะไรเช่นนี้เมื่อเธอโตขึ้นจะต้องเหนือกว่าเมิ่งซิงแน่นอน อ่าฮะ... รถเข็น?เธออาจจะป่วยหรือพิการ?
เดี๋ยวก่อน...
ใบหน้าที่ซีดเซียวผิดปกติเช่นนั้น
อีสร็อค!!
รูม่านของหยุนเฟิงหดเล็กน้อย...เขาแน่ใจว่าเด็กสาวคนนั้นติดเชื้อที่น่ากลัวที่สุดในโลก... อีสร็อค
“เฮ้อพระเ้าช่างโหดร้าย... พระองค์ทรงประทานใบหน้าที่งดงามชวนให้ตกตะลึง แต่กลับเอาชีวิตของเธอไปั้แ่ยังเยาว์วัย”หยุนเฟิงแอบถอนหายใจ หันกลับมาด้วยความสงสารเขาทนไม่ได้เล็กน้อยเมื่อต้องมองหญิงสาวอีกครั้งเธอเป็ผู้เคราะห์ร้ายที่ชีวิตกำลังจะจบลงในไม่ช้า ต่อมาเขาก็มองไปยังคนที่ผลักเธอให้เคลื่อนไปข้างหน้า
จังหวะที่หยุนเฟิงเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นเขาเหมือนกับถูกฟ้าผ่า ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นโดยสมบูรณ์
ชายหนุ่มคนนั้นมีอายุราวยี่สิบปีต้นๆร่างกายสูง รูปหน้าคมและชัดเจน ปล่อยรัศมีกดดันออกมาแ่เบาเขาผลักรถเข็นให้เคลื่อนไปข้างหน้าฝีเท้าของเขาช้าและสม่ำเสมอเพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะทำให้เด็กหญิงด้านหน้าใเหมือนเขาจะรับรู้ได้ถึงการจ้องมองของหยุนเฟิง ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หันหน้ามาหยุนเฟิงเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เยือกเย็นดั่งดาวดับแสงจังหวะที่สายตาของชายหนุ่มเพ่งไปที่หยุนเฟิงเขารู้สึกราวกับถูกดาบอันแหลมคมทิ่มแทง
ชายหนุ่มจ้องมองเขาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะละสายตาไปกลับไปจ้องมองที่เด็กสาวด้านหน้าอีกครั้ง ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็อ่อนโยนมากๆ มันเป็สายตาที่ใช้มองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ชายคนนี้...ท่าทางแบบนี้... เขา... เขาคือ...
“พี่ชายคะไอศกรีม” เด็กหญิงหันกลับไป ยื่นไอศกรีมที่กินไปแล้วบางส่วนตรงริมฝีปากของชายหนุ่มชายหนุ่มยิ้มแล้วก้มหัวลงเล็กน้อยกัดไอศกรีมนิดหน่อยตรงบริเวณที่เด็กหญิงทิ้งรอยฝีปากไว้ เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสาก่อนนำไอศกรีมกลับมากินต่อโดยกัดไปตรงบริเวณที่ชายหนุ่มกัดกินไปก่อนหน้านี้
หยุนเฟิงหวาดกลัวเกือบพุ่งเข้าไปหาพวกเขาเพราะทนไม่ได้ แม้จำนวนคนติดเชื้ออีสร็อคจะลดลงเรื่อยๆภายหลังการพัฒนาวัคซีน รวมถึงการกระจายของไวรัสที่สามารถควบคุมได้เป็อย่างดีมากแต่ทว่าการได้รับวัคซีนไม่ได้หมายความว่าเราปลอดภัย 100%เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงคนนั้นติดเชื้ออีสร็อค แต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับไม่กลัวติดเชื้อ...อีสร็อคแพร่กระจายผ่านทางสารคัดหลั่งทุกชนิดในร่างกาย แม้กระทั่งน้ำลาย สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็ความรู้พื้นฐานที่แม้กระทั่งเด็กยังทราบ
“พี่ชายคะวันนี้เรากลับเร็วขึ้นนะ ข้างนอกมันร้อนและหนูกังวลว่าเหงื่อจะทำให้เสื้อที่พี่เพิ่งซักให้สกปรก”
“อือได้เลย”
ภาพและเสียงของคนคู่หนึ่งค่อยๆจากหยุนเฟิงออกไปไกล สายตาของหยุนเฟิงมองตามทิศทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปเขาไม่ได้มองไปที่เด็กหญิงผู้แสนบริสุทธิ์ เขามองไปที่ชายหนุ่ม
พวกเขาเป็พี่น้องกัน?
เดี๋ยวก่อน!เรากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!
หยุนเฟิงโขกหัวตัวเองเมื่อเขากลับมาจากห้วงความคิด ชายหนุ่มได้จากเขาไปไกลแล้วหายไปตรงมุมของถนนขณะผลักรถเข็น
โอ้...
ด้านหน้าเขาเหลือคนสุดท้ายแล้วเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานกำลังจะเป็ผล เขาสลัดหยดเหงื่ออุ่นบนศีรษะหยุนเฟิงกังวลเป็อย่างมาก ปากของเขาเริ่มกระตุก สุดท้ายเขากัดฟันวิ่งออกจากแถวไปด้วยความรวดเร็ว มุ่งตรงไปในทิศทางที่ชายหนุ่มหายตัวไป
“ผู้ชายคนนั้นโง่หรือเปล่า?”คนอ้วนที่เข้าแถวอยู่ด้านหลังหยุนเฟิงั้แ่แรกจ้องตามหลังเขา ก่อนพึมพำเล็กน้อยเมื่อเกือบถึงคิวของเขาหลังจากทนรอมานานด้วยความทรมาน เขาก็จากไปเช่นนี้จริงๆงั้นเหรอ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา แล้วมันจะเป็เพราะอะไร?
หยุนเฟิงวิ่งไปตรงมุมถนนเป็อีกครั้งที่เขาเห็นเงาของชายหนุ่ม เขาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เมื่อครุ่นคิดเกี่ยวกับความไม่ปกติของชายหนุ่มครั้งล่าสุดที่จ้องมองเขาด้วยสายตาอันคมกริบเขาก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มมากกว่านี้ เขาได้แต่ตามอยู่ห่างๆ จากทางด้านหลังมองดูภาพพวกเขารุดไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้น10 นาที ชายหนุ่มผลักเด็กสาวเข้าไปในเขตบ้านพักตากอากาศสำหรับคนฐานะดีหยุนเฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่จากนั้นเขาหัวเราะเบาๆ ด้วยความเข้าใจ...คนระดับเขาจะขาดแคลนเงินได้อย่างไร
หยุนเฟิงยังคงไม่กล้าตามไปใกล้มากกว่านี้เขายังไม่เข้าไปในเขตบ้านพัก รอจนกระทั่งภาพของคนทั้งสองหายลับไปจากสายตา หลังจากนั้นเขาก็มุ่งตรงเข้าไปที่ห้องรักษาความปลอดภัยของชุมชนแล้วถามอย่างสุภาพว่า “คุณลุงครับพี่น้องสองคนเมื่อครู่นี้เขาพักอยู่บ้านพักเลขที่อะไร? มันแบบว่าคือผม้ารู้ว่าเด็กหญิงคนนั้น ฮ่าฮ่า...”หยุนเฟิงแสร้งทำเป็หัวเราะด้วยความอายหลังจากพูดเสร็จ
ชายชราจ้องมองเขาทันใดนั้นก็แสดงท่าทางเข้าใจ เขาหันหน้ามา ส่ายศีรษะ แล้วกล่าวว่า“พวกเขาพักอยู่บ้านเลขที่ 12 แต่ลุงแนะนำว่าอย่าไปคิดอะไรกับเด็กสาวคนนั้น เฮ้อ!เด็กสาวคนนั้นเธอน่ารักจริงๆ แต่ชีวิตของเธอกลับไม่น่าดูเลย พ่อของเธอเป็หมอเขาต้องเจอกับคนไข้มากมายโดยเฉพาะผู้ป่วยอีสร็อค หากเราเดินเลียบแม่น้ำบ่อยๆรองเท้าของเราจะไม่เปียกน้ำได้อย่างไร ดังนั้นแล้ว เมื่อสองถึงสามปีก่อนในที่สุดพ่อของเธอก็กลายเป็ผู้ติดเชื้อ ครอบครัวของพวกเขาไม่รู้วันที่พวกเขาทราบว่าติดเชื้อ แม่ของเด็กสาวรวมทั้งเธอก็ได้ติดเชื้อแล้วทั้งหมด...เมื่อสองปีก่อนพ่อและแม่ของเธอได้ตายจากไปต่อเนื่องกัน เหลือเพียงแค่สองพี่น้องพวกเขาย้ายมาอยู่ที่นี่หลังจากพ่อแม่พวกเขาเสียชีวิตอาจเป็เพราะพ่อของพวกเขาทิ้งมรดกจำนวนมหาศาลไว้ให้ก่อนจากไป เฮ้อ! อย่างไรก็ตาม ถ้านายอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีก 2 ปี อย่าได้คิดเกี่ยวกับเด็กสาวคนนั้นเลยไม่มีใครยินดีเข้าใกล้บ้านเลขที่ 12 ที่เธออาศัยอยู่ แม้แต่คนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆบ้านพวกเขายังย้ายออกไปเพราะกลัวจะติดเชื้อ เมื่อนายติดเชื้ออีสร็อค ความก็กลายตายเป็สิ่งแน่นอนมันน่าศรัทธามากจริงๆ สำหรับพี่ชายของเด็กสาว เขายังคงดูแลเธอที่ป่วยด้วยโรคอีสร็อคและไม่ทิ้งเธอไปและมันน่าแปลกใจมากที่เขาไม่ติดเชื้ออีสร็อคไปด้วย”
ชายชราถอนหายใจหลายครั้งเขารู้สึกเสียใจอย่างเห็นได้ชัดต่อโชคชะตาของเด็กสาว
มันคืออีสร็อคนั่นเอง...หยุนเฟิงผงกศีรษะ ะโ “ขอบคุณครับ คุณลุง” แล้ววิ่งหนีไป เขาไม่อาจทนอยู่ภายใต้การจ้องมองอันประหลาดของชายชราได้