ูเี่อันนั่งดื่มน้ำไปกินผลไม้ไปอย่างตั้งอกตั้งใจ กินหมดเมื่อไรเธอจะต้องลากลั่วเสี่ยวซีออกไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นเสี่ยวซีกับผู้ชายคนนั้นคงได้ “พร้อมทาน” เข้าให้จริงๆ
ขณะที่เธอกำลังหยิบสตรอว์เบอร์รีเข้าปากอยู่นั้น ก็มีคนมาเคาะไหล่เธอ เธอเงยหน้าขึ้นมอง ที่แท้ยัยเสี่ยวซีนี่เอง
ลั่วเสี่ยวซียิ้มกว้าง ชี้ไปทางผู้ชายที่เลี้ยงลองไอส์แลนด์ตนเมื่อครู่ “นี่คือฉินเว่ย” และชี้ไปที่ผู้ชายอีกคน “ส่วนนี่คือเพื่อนของฉินเว่ย ชื่อเ้าหรัน”
เ้าหรันหันมาทางูเี่อันพร้อมยื่นมือ “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ูเี่อันกลืนสตรอว์เบอร์รีลงคอ เช็ดมือขวาที่เปียกจากการกินผลไม้กับกางเกงตัวเอง แล้วจึงจับมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่างใจเย็น “สวัสดีค่ะ”
ภาพตอนูเี่อันเช็ดมือเมื่อสักครู่ ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ เ้าหรันใจเต้นขึ้นมา
คิดได้ดังนั้น เขาจึงย้ายที่มานั่งข้างๆ ูเี่อัน “ผมสังเกตเห็นคุณั้แ่เดินเข้ามา น่าเสียดายที่เมื่อสักครู่ไม่มีโอกาสได้ทักทายทำความรู้จักกับคุณ”
ชายผู้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคนนี้ ดูเป็คนสะอาดสะอ้านและมีเสน่ห์ คนทั่วไปอาจจะยอมสยบแทบเท้าเขาได้ง่ายๆ แต่สำหรับูเี่อัน เธอแค่ตอบกลับไปตามมารยาทว่า “ดิฉันชื่อูเี่อันค่ะ”
“เป็ชื่อที่ไพเราะมากครับ” เขายิ้มพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ ไม่เจือปนการยกยอหรือเสแสร้งใดๆ
ูเี่อันรู้สึกสบายใจขึ้น “ขอบคุณค่ะ”
ในขณะนั้นเอง ลู่เป๋าเหยียนและซูอี้เฉิงได้เดินเข้ามาในร้าน พวกเขาไม่คิดสักนิดว่าจะมาเจอคนรู้จักที่นี่ ฝีเท้าของทั้งคู่หยุดลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
สายตาของซูอี้เฉิงหยุดอยู่ที่ลั่วเสี่ยวซี เธอกำลังนั่งอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าอย่างสนิทสนม ั์ตาของเขาหรี่ลงฉายแววอันตราย ทว่าเพียงชั่วครู่ก็แปรกลับกลายหลงเหลือเพียงความเกลียดชัง
ส่วนคนที่เดินตามหลังอย่างเสิ่นเยว่ชวน เมื่อเห็นลู่เป๋าเหยียนหยุดเดินอย่างกะทันหัน จึงถามด้วยความสงสัยว่า “จะนั่งห้องส่วนตัวหรือโต๊ะข้างนอกครับ?”
“โต๊ะข้างนอก” ลู่เป๋าเหยียนพูดจบก็เดินตรงไปอีกทาง
เสิ่นเยว่ชวนเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ เขาทำงานเป็ผู้ช่วยของลู่เป๋าเหยียน เป็คนที่รู้ดีที่สุดว่าลู่เป๋าเหยียนไม่ชอบสถานที่แบบนี้ เวลามาทีไรมักจะนั่งในห้องส่วนตัว แต่ทว่าวันนี้...แถมซูอี้เฉิงก็ดูแปลกไปอีก ว่าแล้วเขาจึงมองไปยังทางที่พวกเขาเดินมุ่งหน้าไป จึงเห็นูเี่อันกับลั่วเสี่ยวซีกำลังคุยกับชายแปลกหน้าสองคน
จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีของเสิ่นเยว่ชวน ชายสองคนนั้นคงเพิ่งรู้จักกับพวกเธอ และจากสัญชาตญาณของผู้ชายด้วยกัน ชายคนที่กำลังคุยอยู่กับูเี่อันนั้นรู้สึกสนใจในตัวเธออย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนชายคนที่อยู่กับลั่วเสี่ยวซี อืม...เขาคงอยากพาเธอออกไปเปิดห้องคืนนี้แน่ๆ
สนุกล่ะงานนี้! เสิ่นเยว่ชวนยิ้มพลางเดินตามลู่เป๋าเหยียนไปนั่งที่โต๊ะด้านหลังูเี่อัน จากจุดนี้พวกเขาสามารถได้ยินเสียงเธอ แต่เธอจะไม่เห็นพวกเขา
ในตอนนั้นเอง ลั่วเสี่ยวซีกำลังคิดหาวิธีใหู้เี่อันกับเ้าหรันได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง เพื่อนเธอจะได้เรียนรู้วิธีการสนิทสนมกับผู้ชายให้มากๆ เธอจึงถามฉินเว่ยว่า “ออกไปเต้นด้วยกันไหมคะ”
ฉินเว่ยเข้าใจสิ่งที่ลั่วเสี่ยวซี้า ตัวเขาเองก็อยากจะอยู่กับเธอตามลำพังเหมือนกัน จึงพยักหน้ายิ้มตอบรับแล้วพาเธอเดินออกไป
ที่โต๊ะข้างๆ ซูอี้เฉิงลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เคาน์เตอร์บาร์คือจุดที่สามารถมองเห็นฟลอร์เต้นรำได้ทั้งหมด
ส่วนโต๊ะด้านนี้ ตอนนี้เหลือเพียงแค่เ้าหรันกับูเี่อัน
เ้าหรันไม่ได้เจอหญิงสาวที่ทำให้เขาใจเต้นแรงมานานแล้ว เขาจึงอยากรู้จักกับเธอมากกว่านี้ สีหน้าของเขาจึงดูเกร็งไปบ้าง แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ ท่าทีและสีหน้าของูเี่อันดูสบายๆ และเป็ธรรมชาติ แถมเธอยังพูดขึ้นมาเองอีกว่า
“คุณเ้าทำงานอะไรเหรอคะ”
“ผมทำด้านการเงินครับ แล้วคุณล่ะ ผมว่าอย่างคุณคงจะทำงานที่เรียบง่ายและสวยงามแน่เลยใช่ไหมครับ” เ้าหรันตอบอย่างดีใจ
“ฉันเป็แพทย์นิติเวชค่ะ” ูเี่อันยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม แล้วอธิบายกับเ้าหรันอย่างตั้งอกตั้งใจว่า
“ส่วนใหญ่ทุกวันฉันก็อยู่กับศพ ผ่าศพบ้าง ชันสูตรศพบ้าง ไปชันสูตรศพ ณ สถานที่เกิดเหตุก็มีนะคะ งานทำนองนี้ล่ะค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเ้าหรันเริ่มซีด ูเี่อันยิ่งพูดยิ่งรู้สึกสนุก
“อ้อใช่ คุณได้ยินข่าวคดีฆาตกรรมเมื่อไม่กี่วันก่อนที่สวนดอกไม้ซื่อจี้หรือเปล่าคะ ตอนที่พวกเราไปถึงที่เกิดเหตุ เจอศพเน่าเปื่อยแมลงวันบินตอมเต็มไปหมด กลิ่นศพอบอวลเต็มบ้านเลยล่ะค่ะ...”
เ้าหรันทำท่าเหมือนจะเป็ลมตกจากโซฟา เขาไม่เคยคิดเลยว่าสาวหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์อย่างูเี่อัน จะมีอาชีพเป็แพทย์นิติเวช!
“ขอโทษนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่” เขา้าเวลาตั้งสติสักนิด
ลั่วเสี่ยวซีแยกกับฉินเว่ยชั่วคราวเพื่อเดินกลับมา เธอเห็นูเี่อันนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะจึงถลึงตาใส่ “แล้วเ้าหรันของเธอล่ะ?”
ูเี่อันกัดแคนตาลูปแล้วพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “ฉันทำเขาช็อกจนหนีไปเข้าห้องน้ำแล้ว ดูท่า...คงไม่กลับมาแล้วล่ะ”
ลั่วเสี่ยวซีเข้าใจเื่ทั้งหมดในทันที “คราวนี้เธอใช้มุกไหนอีกล่ะเนี่ย!”
ูเี่อันแบมือพร้อมทำหน้าเหมือนตนไม่ได้ทำอะไรผิด “ฉันก็แค่อธิบายให้ฟังว่างานฉันต้องทำอะไรบ้าง นี่เพิ่งอธิบายถึงแค่ตอนศพขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นเองนะ...”
“ให้ตายเถอะ!” ลั่วเสี่ยวซีนั่งลง จับไหลู่เี่อันเขย่าไปมา “ทำไมเธอไม่พูดกับเขาเื่ผีดิบไปด้วยเลยล่ะ!”
ูเี่อันพยักหน้า “ไว้คราวหน้าละกัน”
ลั่วเสี่ยวซีใ “ูเี่อัน เธอคือนางมารกลายร่างมาหรือเปล่าเนี่ย!”
“เธอเป็คนพูดเองนะ ว่าฉันแต่งงานแล้ว” ูเี่อันหยิบผลไม้ขึ้นมากินพลางพูดอย่างจริงจังว่า “เพราะฉะนั้นฉันก็ควรจะทำตัวเป็ศรีภรรยาที่ดี รักเดียวใจเดียว ไม่ทำเื่ผิดต่อสามีสิ”
ลั่วเสี่ยวซีโวย “เหอะ! แค่ทำความรู้จักกับผู้ชายคนอื่นมันไม่ทำให้เธอท้องหรอกนะ หรือเธอกะจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้ให้กับตาคนที่เธอชอบคนนั้น? แต่จะว่าไปเธอก็แต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนแล้วนี่หน่า!”
มือที่กำลังหยิบองุ่นของูเี่อันหยุดชะงัก เธอเริ่มรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา
รู้อย่างนี้ ตอนที่เจียงเส้าข่ายกับลั่วเสี่ยวซี่ตื๊อถามเหตุผลที่เธอไม่ยอมมีแฟนสักที เธอไม่น่าบอกไปเลยว่า เพราะเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว นี่ยังดีที่เธอไม่ได้บอกไปว่าเขาคนนั้นคือใคร ไม่งั้น...การแต่งงานของเธอกับลู่เป๋าเหยียนในครั้งนี้ ด้วยนิสัยของลั่วเสี่ยวซีแล้วเธอไม่อยากคิดเลยว่าจะก่อเื่อะไรขึ้นมา
“ูเี่อัน” เสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เธอรู้สึกว่าเสียงดูคุ้นๆ พอนึกออกว่าเป็เสียงใคร สมองเธอถึงกับขาวโพลนช็อกไปชั่วขณะ เธอรีบหันกลับไปมอง
ลู่เป๋าเหยียนจริงๆ ด้วย!
“เพล้ง” แก้วน้ำที่เคยอยู่ในมือของเธอ ในตอนนี้ได้แตกกระจายอยู่เต็มพื้น
ลู่เป๋าเหยียนได้ยินอะไรไปบ้างเนี่ย!!!
ลั่วเสี่ยวซีอ้าปากค้าง ชี้นิ้วไปทางลู่เป๋าเหยียน “เจี่ยนอัน นั้น...สามีเธอไม่ใช่เหรอ”