สตรีในรัชสมัยไท่เยี่ยนถูกผูกมัดด้วยกฎทั้งสาม มรรคทั้งห้าเห็นค่าความบริสุทธิ์และชื่อเสียงสำคัญยิ่งกว่าชีวิตความคิดที่ฝังรากหยั่งลึกเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางจะโค่นล้มได้ด้วยวาจาสามประโยค
อวี๋เจียวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง เอ่ยว่า “ช่างเถิดในเมื่อคุณหนูจางไม่ยินดี เช่นนั้นข้าก็ไม่ตรวจดูจุดที่มีอาการเพียงแต่หลังจากนี้หากข้าถามอะไร ทางที่ดีที่สุดให้ตอบทั้งหมดตามตรง”
ครั้นได้ยินคำกล่าวของอวี๋เจียวจางซิ่วเยว่รู้สึกรอดพ้นภัยพิบัติไปได้หนึ่งครั้ง นางหยุดส่งเสียงร้องไห้ใช้ผ้าเช็ดหน้าป้องดวงตาแล้วส่งเสียง ‘อืม’ แ่เบา
“มีอาการอย่างไร? เริ่มเป็ั้แ่เมื่อใด?” อวี๋เจียวเอ่ยถามเสียงเบา
ผ้าเช็ดหน้าที่ป้องดวงตาของจางซิ่วเยว่สั่นไหวเล็กน้อยนางบดบังดวงตาทั้งสองข้างด้วยความเขินอาย มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นผ่านไปเป็เวลานานกว่าจะเอ่ยออกเสียงว่า “ประมาณหนึ่งเดือนแล้วข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเพราะอะไร จู่ๆ วันหนึ่งก็...รู้สึกคันขึ้นมาทรมานจนไม่อาจบรรยาย”
อวี๋เจียวเอ่ยถามอย่างละเอียด “คันภายในหรือคันภายนอก? มีกลิ่นหรือไม่? เคยเกาหรือไม่? ตกขาวมีเืปน ตกขาวสีเหลืองหรือตกขาวสีเขียว?”
จางซิ่วเยว่ตอบทุกคำถามของอวี๋เจียวใบหน้าเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าเช็ดหน้าเห่อแดงดุจแสงพระอาทิตย์ตกดินฟันขบกัดริมฝีปากล่าง แทบจะเป็ลมไปทันใดเพราะรู้สึกเขินอาย
อวี๋เจียวไม่ได้ทำให้นางลำบากใจอีกต่อไปหันไปเอ่ยถามฮูหยินสกุลจางว่า “เคยให้ผู้อื่นตรวจและใช้ยามาก่อนหรือไม่?”
ฮูหยินสกุลจางไม่ได้ปิดบัง กล่าวตามตรงว่า“ก่อนหน้านี้เชิญหมอหญิงชรามาท่านหนึ่ง นางจัดเทียบยาให้เยว่เอ๋อร์แต่กินแล้วกลับไม่มีผลอะไร”
“ไม่เคยใช้ยากับจุดที่มีอาการ?” อวี๋เจียวซักไซ้ต่อไป
ฮูหยินสกุลจางส่ายหน้า “ไม่เคยใช้มาก่อน”
อวี๋เจียวหยัดกายลุกขึ้น “จัดเทียบยาได้แล้ว”นางสะพายล่วมยาเตรียมเดินออกไปนอกห้อง
ฮูหยินสกุลจางรีบเดินตามไป เอ่ยถามอวี๋เจียวว่า“แม่นางเมิ่งสามารถรักษาโรคของเยว่เอ๋อร์ของข้าหรือไม่?”
อวี๋เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “น่าจะรักษาได้”
ตอนนี้ฮูหยินสกุลจางทำได้เพียงเชื่อคำกล่าวของอวี๋เจียวท่าทีที่มีต่อนางจึงเกรงอกเกรงใจขึ้นมาหลายส่วน เอ่ยว่า“หากแม่นางจัดเทียบยาได้โปรดคิดหาวิธีทำให้บรรดาท่านหมอในร้านขายสมุนไพรดูไม่ออกว่านี่คือเทียบยารักษาโรคสตรีไม่เช่นนั้นเกรงว่าชื่อเสียงของบุตรสาวข้าคงไม่อาจรักษาเอาไว้เสียแล้ว”
อวี๋เจียวคิดใคร่ครวญ ตกปากรับคำว่า “ได้อีกประเดี๋ยวข้าจะเขียนเทียบยาสองชุด เอาสมุนไพรมาผสมรวมกัน พวกเขาก็จะดูไม่ออก”
“เช่นนี้ดียิ่งนัก”ฮูหยินสกุลจางยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบเชียบเพื่อรอให้อวี๋เจียวเขียนเทียบยามีหรือจะรู้ว่านางสะพายกระเป๋ายาแล้วผลักประตูห้องเดินออกไปข้างนอก
อวี๋เจียวหันกลับมาเห็นฮูหยินสกุลจางยืนอยู่ในห้องพลางมองตนด้วยความสงสัยนางจึงอธิบายอย่างสง่าผ่าเผยว่า “ลายมือของข้าน่าเกลียดมากจำเป็ต้องให้พี่ชายที่มากับข้าช่วยเขียนเทียบยาเ้าค่ะ”
ฮูหยินสกุลจางได้ฟังแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสมนางย่อมไม่อาจปล่อยให้บุรุษที่เป็คนนอกมาจัดการเื่เทียบยาบุตรสาวของนางพลันเอ่ยออกไปว่า “แม่นางเมิ่ง ในจวนของข้ามีหญิงรับใช้ที่มีความรู้รู้จักตัวอักษรอยู่ไม่น้อย หากจะเขียนเทียบยาย่อมไม่ใช่ปัญหามิสู้ให้หญิงรับใช้ในจวนเป็คนช่วยเ้าเขียนเทียบยาเถิด?”
อวี๋เจียวย่อมไม่ว่าอะไร นางวกกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งฮูหยินสกุลจางรีบเรียกหญิงรับใช้รู้จักตัวอักษรที่อยู่นอกห้องเข้ามาอวี๋เจียวจัดเทียบยาสองชุด ชุดหนึ่งเสริมพลังหยางบำรุงไต อีกชุดหนึ่งบำรุงเืลมล้วนนำยาสมุนไพรที่ใช้สำหรับรักษาจุดหยินของจางซิ่วเยว่ผสมไว้ในเทียบยาสองชุดนี้อย่างพอดีอีกทั้งยังมีปริมาณที่เพียงพอ
ไม่นานนัก หญิงรับใช้เขียนเทียบยาทั้งสองชุดเสร็จเรียบร้อยอวี๋เจียวอ่านหนึ่งรอบแล้วส่งให้ฮูหยินสกุลจาง “ให้คนไปซื้อสมุนไพรได้แล้วเ้าค่ะ”
ฮูหยินสกุลจางส่งเทียบยาให้หญิงชราผู้เป็แม่บ้านที่อยู่ข้างกายสั่งให้นางไปเรือนด้านหน้าเพื่อหาเด็กรับใช้ที่เชื่อใจได้ให้ไปซื้อสมุนไพร
อวี๋เจียวให้หญิงรับใช้เขียนเทียบยาอีกสองชุดแล้วเอาให้ฮูหยินสกุลจาง“เทียบยาชุดนี้จำเป็ต้องเคี่ยวให้กลายเป็ยาต้มหลังจากใช้ชำระล้างภายนอกจุดที่มีอาการติดต่อกันเป็เวลาเจ็ดวันให้เปลี่ยนเป็อาบรอกระทั่งซื้อยากลับมา ข้าจะแบ่งปริมาณให้พอดี อย่าได้ผสมมั่วซั่วเด็ดขาด”
ฮูหยินสกุลจางจดจำเอาไว้ เมื่อเห็นอวี๋เจียวจัดการอย่างเหมาะสม ภายในใจเกิดเป็ความเชื่อถือและศรัทธา
