เขาพยายามทำตัวเองให้ดูเหมือนคนไม่เป็อะไร ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้ม “ข้าจะเข้าวังก่อน มู่เฟิงเ้ารีบไปรายงานเสด็จแม่”
สถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่มีวิธีอื่นแล้ว
จวนองค์ชายสาม จี๋โม่หานฟังรายงานจากหลิงชวนเงียบๆ สถานการณ์เป็ไปตามอย่างที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้
พวกจิ่งฉือต่างตื่นเต้นกันมาก แผนยืมมือคนจัดการนั้นยอดเยี่ยมมาก ทำให้องค์ชายห้ากับองค์รัชทายาททะเลาะกัน ทั้งยังล้างข้อสงสัยของจี๋โม่หานออกไปได้อีก แล้วก็ทำให้องค์ชายห้าถูกสั่งสอนอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว
จี๋โม่หานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบออกมา “หลิงชวน พวกเราเข้าวังกัน”
สถานการณ์ตอนนี้มีผลสรุปออกมาแล้ว
เื่นี้ได้แพร่ไปทั่วทั้งเมืองจนเกิดความวุ่นวายเป็ระลอก ข้าหลวงในราชสำนักต่างก็รู้ เพียงแต่ใครเป็คนใส่ร้ายนั้นยังไม่มีข่าวอะไรออกมาจากในวัง
ภายในห้องตำรา ฮ่องเต้นั่งหน้าเคร่งขรึมอยู่ในตำแหน่งประธาน องค์ชายห้านั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ด้านข้างก็เป็ซูโม่ที่ถูกเขาเรียกมา แล้วก็องค์ชายสามผู้เป็องค์รัชทายาทก็อยู่ด้วย
บรรยากาศตึงเครียด
“ฝ่าา” หยวนเฉียวกงกงเดินเข้ามาโน้มตัวพูดเสียงเบาข้างหูฮ่องเต้ “ซูเฟยเหนียงเหนียงมาพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเองก็ไม่ได้จงใจกดเสียงให้เบาลง องค์ชายห้าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นจึงได้ยิน
ซูเฟยก็คือซ่งซินเวย เสด็จแม่ขององค์ชายห้า เป้าหมายในการมาครั้งนี้นั้นไม่ต้องบอกก็รู้กันดี
ในใจฮ่องเต้กำลังหงุดหงิดอยู่ พอได้ยินคำพูดของกงกงก็เผยความรำคาญออกมา “นางได้ยินข่าวไวจริง ข้าไม่อยากพบนาง”
เขาพูดพร้อมสังเกตองค์ชายห้าที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ตอนนี้เขาได้ปิดข่าวเื่นี้เอาไว้แล้ว เหตุใดซ่งซินเวยถึงได้รู้เื่นี้ได้
มือที่อยู่ข้างตัวขององค์ชายห้ากำเข้าหากันอย่างแรงพร้อมกับกัดฟันแน่น
“พ่ะย่ะค่ะ” หยวนเฉียวถอยไปรายงานคำสั่งของฮ่องเต้
เพียงครู่เดียวด้านนอกก็มีเสียงร้องไห้ของสตรีดังมาจากด้านนอกห้องตำรา “ฝ่าา ให้หม่อมฉันได้เข้าเฝ้าเถิดเพคะ”
สีหน้าของฮ่องเต้คล้ำลง ขมวดคิ้วอย่างรำคาญ ก่อนจะรับสั่งเสียงเข้ม “ส่งซูเฟยกลับไป ขังนางอยู่ในวังชั่วคราว”
องครักษ์ได้รับคำสั่งก็รีบออกไปทันที เสียงร้องไห้ด้านนอกห้องตำราก็ยิ่งดังขึ้น แต่ว่าก็ค่อยๆ เบาลง
ฮ่องเต้มองคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าเ็า “องค์ชายห้า เ้ารู้ความผิดของเ้าใช่หรือไม่?”
องค์ชายห้าตัวสั่น ก้มหน้าลง เขาไม่พอใจเป็อย่างมาก แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้
เขาคลายมือออกแล้วเงยหน้าขึ้นมองตำแหน่งที่อยู่สูงกว่า สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พ่ะย่ะค่ะ ลูกยอมรับผิด”
ฮ่องเต้คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับผิดง่ายขนาดนี้ ฝ่ามือตบลงไปที่เท้าแขนก่อนจะตวาดออกมาเสียงดังลั่น “สารเลว”
“ลูกเห็นผิดเป็ชอบไปชั่วขณะ เสด็จพ่อโปรดลงโทษลูก”
องค์ชายห้ารู้ว่าในสถานการณ์ที่มีหลักฐาน เขาทำได้แค่ยอมรับผิด
หน้าอกของฮ่องเต้กระเพื่อมอย่างแรง ทั้งยังหายใจแรงจนหนวดกระเพื่อม ตาจ้องไปยังองค์ชายห้าอยู่นาน สุดท้ายก็หันไปมององค์รัชทายาทที่ไม่พูดอะไรมาตลอด แววตาก็ปรากฏแววพิจารณา “เฉินเย่ เ้าพบที่นั่นได้อย่างไร?”
แน่นอนว่าองค์รัชทายาทไม่อาจบอกความจริงกับฮ่องเต้ได้ เมื่อวานตอนที่เขาได้รับจดหมายจากคนแปลกหน้า แรกเริ่มเขาเองก็ไม่เชื่อ กลัวว่าจะเป็การหลอกลวง แต่พอเผชิญหน้ากับการยั่วยวนอันยิ่งใหญ่ เขาก็อยากจะเดิมพันสักที โชคดีที่โชคเข้าข้างเขา เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายอยากยืมมือเขาจัดการองค์ชายห้า แต่เื่นี้จะเกี่ยวอะไรก็ช่าง ขอแค่ตอนนี้ตัดอำนาจขององค์ชายห้าได้ เขาก็ยินดี
องค์รัชทายาทครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสร้างความเท็จออกมา “เื่เป็เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ เมื่อหลายวันก่อนโจวถังเซิงหัวหน้าหน่วยคุ้มกันเมืองหลวงได้มารายงานกับลูกว่ามีคนน่าสงสัยในเมืองหลวง จึงได้ออกคำสั่งให้ตรวจสอบอย่างลับๆ และพบว่าสองที่นี้มีความเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเมื่อคืนวานลูกถึงได้ส่งคนไปตรวจสอบกะทันหันพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทพูดออกมาได้จริงจังและสมจริงมาก จนทุกคนมองไม่ออกว่าเป็เื่ที่โกหกขึ้นมา
ฮ่องเต้เก็บสายตากลับมาก่อนจะพยักหน้าด้วยท่าทางครุ่นคิด
ในตอนนี้เอง องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็มารายงานว่าองค์ชายสามจี๋โม่หานมาขอเข้าเฝ้า
คิ้วของฮ่องเต้ขมวดเข้าหากัน ที่จี๋โม่หานมาตอนนี้เป็เพราะได้ยินข่าวจากนอกวังแน่นอน องค์ชายห้าตอนได้ยินชื่อของจี๋โม่หานก็กำหมัดแน่น
“ให้เขาเข้ามา” ฮ่องเต้โบกมือ เดิมทีคิดว่าจะจัดการจี๋โม่หานได้จากเื่นี้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
ประตูห้องตำราเปิดออก จี๋โม่หานนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีหลิงชวนเป็คนเข็นเข้ามา
วันนี้เขาสวมชุดสีดำทั้งตัวทำให้ใบหน้าของเขาขาวซีดยิ่งขึ้น แต่ก็ดีกว่าท่าทางป่วยใกล้ตายเมื่อวานมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นมากแล้ว
องค์ชายห้าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นจ้องจี๋โม่หานั้แ่เข้ามาโดยไม่ละสายตาไปไหน
“ถวายบังคมฝ่าา” จี๋โม่หานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นทำความเคารพอย่างง่ายๆ
ฮ่องเต้ยกยิ้มมุมปากแบบที่ไปไม่ถึงตา “ร่างกายของเ้ายังไม่หายดี ไม่ต้องสนใจพิธีการพวกนี้หรอก”
“ที่กระหม่อมมาในวันนี้ก็เพราะมีเื่อยากให้ฝ่าาทำเื่ให้กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ” จี๋โม่หานบอกเจตนาของตัวเองออกมาตามตรง
สายตาของฮ่องเต้มองใบหน้าของจี๋โม่หานก่อนจะหัวเราะแห้งๆ สองที “เจิ้นรู้ จงเฉิงทำผิดร้ายแรงมากขนาดนี้ก็ควรจะบอกเ้า”
แต่จี๋โม่หานกลับพูด “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมมาในวันนี้ก็เพราะกระหม่อมได้ทำความผิดในการหลอกลวงฝ่าา ดังนั้นจึงมาขอให้ฝ่าาลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อคำพูดนี้ของจี๋โม่หานเอ่ยออกมา ภายในห้องตำราก็เงียบลงไป คิ้วของฮ่องเต้ขมวดเข้าหากัน ไม่เข้าใจที่เขาพูดออกมา
แม้แต่องค์ชายห้าเองก็มองจี๋โม่หานอย่างไม่เข้าใจ คนอื่นๆ ก็ยิ่งทำหน้าตะลึงมองไปทางคนที่นั่งบนรถเข็นด้วยท่าทางสบายๆ
จี๋โม่หานไม่ได้มาตามเื่ที่ถูกเขาใส่ร้ายหรือ อย่างไรเื่ในตอนนี้ก็กระจายออกไปทั่วแล้ว เหตุใดจู่ๆ ถึงได้มีเื่หลอกลวงฝ่าาออกมาได้
ทุกคนต่างมึนกันไปหมด
ฮ่องเต้ถามเสียงเข้ม “ที่เ้าพูดมานี้มีเจตนาอะไร?”
จี๋โม่หานกล่าว “เมื่อวานกระหม่อมได้หลอกลวงฝ่าา เื่ที่กระหม่อมป่วยรักษาไม่ได้นั้นเป็เื่เท็จพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งห้องตำราเงียบไปอีกครั้ง
ข่าวที่ลือกันออกไปว่าองค์ชายสามจี๋โม่หานป่วยหนักจนไม่สามารถรักษาได้ ตอนนี้ก็ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว แทบทุกคนรู้กันหมดแล้ว แต่ตอนนี้จี๋โม่หานกลับบอกเองว่าเื่นี้เป็เื่เท็จ นี่ก็เหมือนการเอาไม้มาฟาดหัวคน ตอนนั้นทุกคนต่างชะงักจนถึงขั้นสติหลุด
ฮ่องเต้มองจี๋โม่หานด้วยแววตาตกตะลึงยากที่จะเชื่อ ทั้งๆ ที่เมื่อวานหมอที่ดีที่สุดในวังได้ไปตรวจแล้วแท้ๆ
ส่วนองค์ชายห้าที่พอฟังจบก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ต่อมาทั้งตัวก็สั่นขึ้นมา สายตาเฉียบคมจ้องไปยังจี๋โม่หานที่นั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เป็เช่นนั้นได้อย่างไร?
เขาคิดว่าถึงแม้วันนี้จะถูกลงโทษที่นี่ แต่อีกไม่นานจี๋โม่หานก็จะตายแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ชนะ แต่ผลสรุปตอนนี้กลับบอกเขาว่า จี๋โม่หานไม่ได้ป่วยใกล้ตาย
ใบหน้าของจี๋โม่หานใสซื่อแล้วพูดต่อ “จู่ๆ กระหม่อมก็ถูกใส่ร้าย กระหม่อมจึง้าจะหยุดข่าวลือนั้นลง ตอนนั้นไม่มีวิธีอื่นแล้ว ถึงได้วางแผนนี้ออกมา โดยจงใจโกหกว่าป่วยหนักใกล้ตาย”
ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่ง มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำเข้าหากันแน่น ดวงตาทั้งสองข้างประกายจิตสังหารวาววาบเพียงครู่เท่านั้นจึงไม่มีใครทันสังเกตเห็น