หลิ่วจิ้งยิ้มก่อนรับน้ำอุ่นที่อวี้จิ่นยื่นส่งมาให้เมื่อดื่มลงไปให้คอที่แห้งผากได้ชุ่มชื่นแล้วจึงสั่งอวี้จิ่นไปยกของกินเข้ามาให้นาง
หั่วอี้เห็นหลิ่วจิ้งสดชื่นขึ้นมาก เมื่อคิดถึงเื่ไม่สบายใจที่เกิดขึ้นกับฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อคืนก็ไม่รู้ว่าคืนที่ผ่านมาทางฮูหยินผู้เฒ่าเกิดเื่ใดหรือไม่เขาจึงคิดจะไปดูทางเรือนฮูหยินผู้เฒ่าสักหน่อย
“ฮูหยินทานอาหารไปก่อน ข้าจะไปดูทางฮูหยินผู้เฒ่าหน่อยสักพักจะกลับมาหาท่าน”
หลิ่วจิ้งกำมือแน่นภายใต้ผ้าห่มที่คลุมเอาไว้โดยไม่ส่งเสียงหรือแสดงสีหน้าจากนั้นค่อยคลายมือ นางเปิดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นมาพูดกับหั่วอี้ว่า “ท่านแม่ทัพ เื่เมื่อคืนวานล้วนมีต้นเหตุมาจากข้าเมื่อก่อเื่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าต้องเป็กังวลทั้งคืนเดิมทีก็เป็ความผิดของข้าอยู่แล้วให้ข้าไปรับผิดกับฮูหยินผู้เฒ่าก่อนค่อยกลับมาทานอาหารเช้าดีกว่าเ้าค่ะ”
หั่วอี้รีบเข้ามากดตัวหลิ่วจิ้งให้นั่งลงบนเตียง “ฮูหยินอย่าเพิ่งขยับข้าจะไปดูก่อน มีเื่ใดก็รอให้ร่างกายท่านฟื้นคืนค่อยว่ากัน อย่าเดินไปให้ลำบากจนร่างกายที่เพิ่งแข็งแรงขึ้นมาเพียงเล็กน้อยอย่างยากเย็นนี้กลับต้องมาเจ็บป่วยใดอีกเลยยิ่งไปกว่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็กำลังโกรธ ท่านอย่าเพิ่งไปจะดีกว่า”
“เช่นนี้สมควรหรือท่านแม่ทัพ ฮูหยินผู้เฒ่าจะถือโทษเอานะเ้าคะไม่ว่าอย่างไรเื่ไปคารวะก็เป็สิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว” น้ำเสียงของหลิ่วจิ้งทั้งบางเบาและอ่อนแรงคล้ายปราณส่วนกลางไม่พอจึงไม่มีแรงพูด
“เอาล่ะ ฟังข้า มีเื่ใดก็ให้สามีช่วยท่านแบ่งเบาท่านพักรักษาตัวจนร่างกายแข็งแรงก่อนค่อยคิดเื่อื่น”
หั่วอี้ไม่ยอมให้หลิ่วจิ้งขยับตัวอีก “อวี้จิ่นคอยปรนนิบัติให้ดีอย่าให้ฮูหยินเคลื่อนไหวมากไป”
“เ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” อวี้จิ่นรีบมาที่ข้างเตียงเข้ามารับตัวหลิ่วจิ้งจากมือของหั่วอี้แล้วเอาตัวนางนั่งพิงกับหัวเตียง
“ฮูหยินก็ฟังที่ท่านแม่ทัพเตือนเถิดเ้าค่ะ อย่าลงจากเตียงประเดี๋ยวยังไม่ทันเดินไปถึงเรือนฮูหยินผู้เฒ่าก็จะเป็ลมล้มพับไปอีกนะเ้าคะ”
หลิ่วจิ้งก้มหน้าลงพยายามทำเสียงให้ยิ่งฟังดูไม่มีเรี่ยวแรงเข้าไปอีก “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ใส่ใจต้องขอให้ท่านแม่ทัพกล่าวขออภัยแก่ฮูหยินผู้เฒ่าแทนข้าด้วยรอให้ร่างกายข้าดีขึ้นสักหน่อย จะไปขอขมากับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตนเองเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งพูดอย่างมีน้ำใสใจจริง หั่วอี้ก็ฟังอย่างปลื้มใจ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมากที่เห็นว่าองค์หญิงเข้าใจและมีเหตุมีผลเขาเองก็ไม่อยากเห็นเรือนหลังของเขาต้องไม่สงบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นกัน
หั่วอี้มองหลิ่วจิ้งด้วยสายตาชมเชยแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ฮูหยินไม่ต้องคิดเื่ใดทั้งสิ้นท่านทานอาหารก่อนเถิด ข้าไปครู่เดียวก็จะกลับมา”
หั่วอี้พูดจบก็ส่งสายตาให้อวี้จิ่นมาคอยดูแลหลิ่วจิ้งทานอาหารเช้าแล้วเขาก็เร่งเดินออกไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า
หลิ่วจิ้งรอจนหั่วอี้ออกไปพ้นประตูจึงขมวดคิ้วงามของตน แม้หั่วอี้จะพูดเหมือนไม่มีเื่ใดแต่ท่าทีที่ฮูหยินผู้เฒ่าแทบจะกินนางเข้าไปเมื่อคืนนั้น นางกลับจำได้ชัดเจนนัก
นางไม่คิดว่าเพียงเวลาชั่วข้ามคืนจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าคลายโทสะลงได้และไม่เชื่อว่าคนไม่ละเอียดอ่อนเช่นหั่วอี้จะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ฮูหยินผู้เฒ่าคล้อยตามจนไม่มาหาเื่หาราวกับนางดูท่าว่าด้วยเื่ที่นางถูกลักพาตัวไปเมื่อคืนจะทำให้การต่อสู้ภายในเรือนหลังของจวนแม่ทัพเริ่มขึ้นเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียแล้ว
เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนใหญ่โตนัก นอกจากนางจ้าวที่ตั้งครรภ์ไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าจึงเข้านอนเร็วแล้ว ทุกเรือนในจวนแม่ทัพล้วนรู้เื่ที่องค์หญิงถูกลักพาตัวไปทั้งสิ้น
อาหนูอยู่รอฟังเื่ครึกครื้นจนดึกดื่นจึงเข้านอน พอหลับไปจนถึงตอนนี้จึงเพิ่งจะตื่นขึ้นมา
อาหนูเพิ่งลืมตาตื่นกลับไม่ได้ลุกจากเตียงในทันทีหากแต่นอนแอบยิ้มอยู่บนเตียง นางทนเห็นนางจ้าวตั้งครรภ์ไม่ไหวและยิ่งทนเห็นองค์หญิงเอาหั่วอี้ไปเพียงผู้เดียวไม่ได้
ั้แ่องค์หญิงมาหั่วอี้ก็เปลี่ยนไปจากเดิมทั้งที่ก่อนนี้คอยมาอยู่กับนางทุกค่ำคืน แต่นี่กี่คืนมาแล้วเขาล้วนไม่เคยมาที่ห้องนางดังนั้นเมื่อได้ยินว่าองค์หญิงถูกลักพาตัวไปและท่านแม่ทัพไปช่วยกลับมาได้ทัน ในใจนางจึงยังมีความหวังเล็กๆ
“ถูกช่วยกลับมาอย่างไรกันนะ เหตุใดจึงไม่ถูกพวกโจรสังหาร หรือทำให้นางบุบสลายบ้าง”
อาหนูขบฟันแอบโมโห
“ฮูหยิน ระวังจะมีคนมาได้ยินเข้านะเ้าคะ”จื่อเซียวยกน้ำร้อนเข้ามาได้ยินคำพูดแสนร้ายกาจของอาหนูเข้าพอดี
“กลัวสิ่งใด เช้าปานนี้จะมีผู้ใดมาที่นี่”อาหนูกลับไม่รับน้ำใจที่จื่อเซียวเตือนด้วยความหวังดี เอาแต่จมอยู่กับความคับแค้นในหัวนาง
จื่อเซียวส่ายหน้าพลางแอบนึกในใจว่ากันว่าสตรีถูกความรักทำให้ตาบอดได้ง่ายดายที่สุด ความร้อนรนจะทำให้มองสิ่งต่างๆไม่ชัดเจน ดูท่าว่าจำเป็ต้องเตือนฮูหยินสักหน่อยแล้ว
“ฮูหยินเ้าคะ บ่าวขอบังอาจพูด ฮูหยินฟังแล้วก็อย่าถือโทษบ่าวเลยเ้าค่ะ”
จื่อเซียวเดินไปตรงหน้าอีกฝ่าย นางตัดสินใจว่าไม่ว่าอาหนูจะยอมรับฟังหรือไม่ก็ต้องบอกกล่าวความคิดของตนออกไปอย่างไรเสียหากนายของนางไม่อาจมีชีวิตที่ดีได้ย่อมพลอยทำให้นางไม่มีชีวิตที่ดีไปด้วย เบื้องหน้าทำเพราะหวังดีต่ออาหนูแต่ความจริงแล้วสิ่งที่จื่อเซียวคำนึงถึงก็ยังคือการปูทางสู่อนาคตที่ดีในภายภาคหน้าของตัวนางเอง
อาหนูขมวดคิ้วมองจื่อเซียวที่เดินมาตรงหน้านาง แต่สุดท้ายก็ยังอนุญาตจื่อเซียว“พูดมา เ้าอยากจะพูดสิ่งใดอีก”
“ฮูหยินเ้าคะ เื่ที่บ่าวอยากพูดความจริงบ่าวเคยพูดเอาไว้นานแล้ว คนโบราณว่าไว้ดีนัก ศัตรูของศัตรูบางครากลับกลายมาเป็สหาย เื่สำคัญที่สุดในจวนแม่ทัพยามนี้ก็ยังคือลูกในท้องของฮูหยินใหญ่
บ่าวได้ยินข่าวลือมาว่าท่านแม่ทัพให้คำสัญญากับฮูหยินใหญ่ว่าหากท้องนี้ฮูหยินใหญ่คลอดเป็บุตรชายท่านแม่ทัพก็จะยกฮูหยินใหญ่ให้เป็เอกให้นางมาเป็ฮูหยินแม่ทัพอย่างเป็ทางการเ้าค่ะ”
“อะไรนะ เ้าไปได้ยินมาจากที่ใด นี่เื่จริงหรือ” ทีแรกอาหนูเพียงฟังไปผ่านๆด้วยท่าทีรำคาญ แต่พอได้ยินว่าฮูหยินใหญ่อาจถูกยกขึ้นเป็เอก นางก็พลันตื่นตระหนก
“เ้าค่ะฮูหยินเื่นี้เป็สาวใช้รุ่นเล็กคนหนึ่งในจวนฮูหยินใหญ่เล่ามา แม้สาวใช้ผู้นั้นจะได้ยินไม่ชัดเจนนักจึงไม่รู้ว่าข่าวนี้จริงเท็จอย่างไรแต่เมื่อดูจากเช้าวันนั้นที่ฮูหยินใหญ่ไปขอร้องฮูหยินผู้เฒ่าให้ปล่อยตัวองค์หญิงต้าเว่ยออกมาเห็นทีว่าเื่นี้ก็มิใช่ไม่มีมูลนะเ้าคะ ขอฮูหยินรีบตัดสินใจแต่เนิ่นๆเป็ดีเ้าค่ะ”
เดิมทีจื่อเซียวไม่อยากจะเล่าให้ละเอียดนัก เพราะความจริงแล้วคนที่นำข่าวนี้มาแจ้งคือเด็กรับใช้คนหนึ่งที่อยากใกล้ชิดกับนางซึ่งนางก็ยังไม่อยากให้คนอื่นรู้เื่นี้แต่หากไม่บอกข้อมูลน่าตื่นใแก่อาหนูสักหน่อย ก็เกรงว่าอาหนูจะไม่ยอมรับฟัง
อาหนูไม่มีท่าทีไม่ไยดีอย่างเมื่อครู่แล้ว นางลงมาจากเตียง เอาแต่เดินวนไปมาอยู่ในห้องใคร่ครวญหาวิธีรับมือ
“ฮูหยินเ้าคะ ตามความเห็นของบ่าวอย่างไรเสียตอนนี้เราก็ควรผูกไมตรีกับองค์หญิงต้าเว่ยเอาไว้ก่อนเป็ดีเ้าค่ะบ่าวคิดว่าองค์หญิงต้าเว่ยนั่นจะต้องไม่เอาแต่นั่งอยู่เฉยๆทนเห็นฮูหยินใหญ่ถูกยกเป็เอก ยอมตกเป็เบื้องล่างของฮูหยินใหญ่หรอกเ้าค่ะ”
จื่อเซียวเห็นอาหนูไม่ตัดสินใจเสียทีก็ร้อนใจขึ้นมาตอนนี้ตะวันก็เจียนจะขึ้นสามข้อไผ่แล้ว องค์หญิงต้าเว่ยเกิดเื่มาเมื่อคืนอาหนูก็ควรต้องรีบไปเยี่ยมแต่เช้ามิเช่นนั้นจะแสดงความเป็ห่วงเป็ใยต่อองค์หญิงต้าเว่ยได้อย่างไร
อาหนูได้ยินคำของจื่อเซียวยิ่งรู้สึกเกลียดชังนางจ้าวจนเข้ากระดูกนึกไม่ถึงว่าคนที่ในยามปกติคล้ายว่าไม่เรียกร้องสิ่งใดเช่นนางจ้าว กลับซ่อนมีดคมไว้ข้างหลังคนประเภทนี้นี่เองที่ว่ากันว่าป้องกันได้ยากนัก
คิดได้ดังนี้ อาหนูจึงตัดสินใจว่าจะทำตามวิธีของจื่อเซียว หาทางกดนางจ้าวลงเสียก่อนค่อยคิดเื่อื่น
ทว่า อาหนูเองก็รู้ว่าตอนนี้ลำพังอาศัยเรี่ยวแรงของนางผู้เดียวก็ยังไม่อาจไปแตะต้องนางจ้าวที่กำลังตั้งท้องได้ เห็นทีว่านี่คงเป็เวลาที่ต้องร่วมมือกับองค์หญิงต้าเว่ยเสียแล้ว
ส่วนเื่ที่นางไม่พอใจองค์หญิงต้าเว่ยที่กำลังเป็ที่รักหลงของท่านแม่ทัพก็ทำได้เพียงเก็บเอาไว้หลังจัดการนางจ้าวได้เสียก่อน ค่อยมาหาวิธีอีกที
_____________________________
