มีบ้านเล็กมากกว่าสิบหลังอยู่ในเรือนพักร้อน บ้านสีขาวเ่าั้ปูด้วยกระเบื้องสีดำ แบ่งสัดส่วนอย่างไร้ที่ติ แม้กระทั่งกำแพงด้านนอกก็ยังสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน มีต้นไม้อายุหลายร้อยปีให้ร่มเงา เมื่อก้าวเข้าไปในสวน ก็ยิ่งััได้ถึงความเย็นสบายสมกับเป็เรือนพักร้อน
เว่ยอี๋เหนียงใช้เวลาชื่นชมสถานที่แห่งนี้อย่างเต็มที่
ทั้งยังเป็ครั้งแรกที่มารดาของโจวชิงหวามาเยือนเรือนแห่งนี้ พอเห็นบุตรชายสามารถสร้างสถานที่พักร้อนได้อย่างโอ่อ่า จึงอดชื่นชมในใจมิได้ หลังจากพักผ่อนครู่หนึ่ง แม่นมโจวก็เชิญเว่ยอี๋เหนียงออกไปเดินเล่นด้วยความตื่นเต้น
โจวชิงหวาเรียกสาวใช้มานำทางมารดา และสั่งให้เตรียมของว่างมารับรอง
คล้อยหลังมารดากับเว่ยอี๋เหนียง โจวชิงหวาก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้หนีเจียเอ๋อร์ นิ้วเรียวยาวของเขาพันเกี่ยวเส้นผมของนางอย่างหยอกเอิน
“ข้าจะพาไปยังที่ดีๆ แห่งหนึ่ง ตามมาสิ!”
หญิงสาวแบมือออก นอนลงกับเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน พลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ “จะมีอะไรดีไปกว่าการนอนพักผ่อนอีก!”
โจวชิงหวาขยับเข้าไปใกล้ ขยิบตา และกล่าวว่า “ข้ารู้จักน้ำตกที่อยู่ด้านหลังูเา น้ำใสไหลเย็น หากเ้าไปอาบน้ำที่นั่น คงจะสดชื่นขึ้นมาก”
ทันทีที่หนีเจียเอ๋อร์ได้ยินคำว่า ‘น้ำตก’ ดวงตาของนางพลันสว่างวาบ รีบผุดลุกขึ้นแทบจะทันที “ไปกันเถอะ!”
นางเดินตามชายหนุ่มไปยังูเาที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นจึงพบกับภาพของน้ำตกสูงหลายจั้ง สายน้ำถูกแสงตะวันสาดส่องจนทอประกายสีฟ้า หยดน้ำที่กระเซ็นใส่หน้า ช่างเย็นสบายยิ่งนัก
โจวชิงหวาหยุดเดิน และเอ่ยว่า “เอาละ เ้าอยู่ที่นี่ตามสบายเถอะ ข้ายังมีบางอย่างต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน”
“ไปเถอะ!” หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า ก่อนรั้งกระโปรงขึ้น และเดินไปข้างหน้าต่อ
หลังเดินไปได้สองเก้า โจวชิงหวาก็หันกลับมาบอก “ไม่มีใครมาที่นี่หรอก หากเ้าอยากอาบน้ำ ก็เชิญตามสบาย แต่อย่าแช่น้ำนานเกินไป ระวังจะเป็หวัดได้”
พูดจบ ชายหนุ่มก็หันหลัง ทะยานร่างขึ้นจากก้อนหินประหนึ่งัเหิน
หนีเจียเอ๋อร์เหลียวไปมอง เห็นเพียงจุดสีฟ้าลอยไปไกลลับตา ก่อนหายวับเข้าไปในหุบเขา นางจึงหันมาจัดการธุระของตัวเอง ลงมือถอดรองเท้าถุงเท้าออก ปล่อยให้ปลายเท้าอันเปลือยเปล่าได้ัักับพื้นหินหยาบ แล้วนั่งแช่เท้าลงไปในน้ำด้วยความสบายใจ
พอนั่งได้สักพัก ก็กวาดตามองไปทั่ว นอกจากนกซึ่งร้องเจื้อยแจ้วบนกิ่งไม้และโบยบินไปมา ก็ไม่มีใครอื่นอีก หญิงสาวจึงถอดเสื้อผ้าเอาไว้บนบก ก่อนเดินลงไปที่กลางน้ำตก
ได้แช่ตัวในน้ำใสไหลเย็น ล้างหน้าท่ามกลางธรรมชาติ แม้จะมีแดดจ้าแต่ก็ไม่ร้อนอบอ้าว... ความรู้สึกเช่นนี้ ช่างสดชื่นจนหาที่เปรียบมิได้ ทว่าน้ำบนูเาค่อนข้างเย็น ยังไม่ทันไรก็รู้สึกหนาวเล็กน้อย หนีเจียเอ๋อร์จึงลุกขึ้นจากน้ำ เดินไปยังจุดที่ตนถอดเสื้อผ้าเอาไว้อย่างระมัดระวัง
แต่แล้วก็เบิกตากว้าง... เสื้อผ้านางอยู่ไหน?
ทำไมเหลือแค่รองเท้ากับถุงเท้าเล่า!
หญิงสาวยังคงนั่งอยู่ในน้ำ พลางหันไปมองรอบกายที่ไร้วี่แววผู้คน หากไม่บังเอิญเห็นเสื้อผ้าลอยไปตามสายน้ำ นางคงจะคิดว่าโจวชิงหวาเล่นพิเรนทร์ เอาเสื้อผ้าของตนไปซ่อนเสียแล้ว เพราะไร้ซึ่งเสื้อผ้า หนีเจียเอ๋อร์จึงต้องแช่ตัวอยู่ในน้ำอย่างไม่มีทางเลือก ได้แต่รอให้เวลาผ่านไปตามยถากรรมเท่านั้น
เกือบเที่ยงแล้ว แต่หญิงสาวยังไม่กลับมาเสียที ด้วยความกังวลว่านางอาจจะเกิดอุบัติเหตุหรือหลงทาง โจวชิงหวาจึงทิ้งธุระกลางคันและไปที่น้ำตกเพื่อตามหาอีกฝ่าย
เขารีบไปยังจุดหมาย และสำรวจไปถึงด้านล่างของน้ำตก พลางะโเรียก “เสี่ยวเอ๋อร์... เสี่ยวเอ๋อร์ เ้ายังอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หนีเจียเอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ขณะเดียวกันก็รู้ว่าปัญหาของตัวเองยังไม่จบ “อย่าเพิ่งลงมา เสื้อผ้าของข้าถูกน้ำพัดไป!”
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า จากนั้นก็ส่ายหน้าและพูดกลั้วหัวเราะ “ฉากผู้กล้าช่วยหญิงงามเช่นนี้ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ นะ จริงหรือไม่ เสี่ยวเอ๋อร์?”
“ฮะแฮ่ม...” หนีเจียเอ๋อร์เตรียมจะโต้กลับ แต่ก็ทำอะไรมิได้
“นี่เ้ากำลังวางบทให้ข้าเป็ผู้กล้าหรือ?” โจวชิงหวาถาม
หญิงสาวเกือบสำลัก พลางกัดฟันขู่ “หากพูดจาไร้สาระอีกรอบ ข้าจะทำให้เ้าเป็ใบ้”
“โอ้! จริงหรือ?” โจวชิงหวาใช้วิชาตัวเบาเหินไปหานาง “ข้าไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆ เช่นนั้นต้องขอลองสักหน่อย เผื่อจะมั่นใจขึ้น”
“ว๊าย... อย่าเข้ามานะ!” หนีเจียเอ๋อร์กดตัวลงในน้ำด้วยความอับอาย จนเส้นผมยาวสยายมาบดบังใบหน้า
ด้านโจวชิงหวาก็แยกแยะทิศทางจากต้นเสียง แล้วร่อนลงข้างๆ ตัวนางอย่างแม่นยำ “หากไม่ให้ข้ามา เช่นนั้นเ้าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตหรืออย่างไร?”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีผ้าเช็ดหน้าผูกปิดตาอยู่ หนีเจียเอ๋อร์ก็ยืดตัวขึ้นจากน้ำอย่างสบายใจ พลางนึกชื่นชมว่าอีกฝ่ายก็มีด้านที่เป็สุภาพบุรุษเช่นนี้ด้วย
โจวชิงหวาปลดเข็มขัด ถอดเสื้อคลุมออกมายื่นให้ “สวมเสียสิ!”
ด้วยรู้ว่าหนีเจียเอ๋อร์ไม่กล้าขึ้นฝั่ง เขาจึงยื่นเสื้อมาให้ขณะที่อยู่ในน้ำ เสื้อคลุมซึ่งปกปิดร่างนางอย่างมิดชิด มีกลิ่นอำพันทะเลจางๆ ติดปลายจมูก จนหญิงสาวอดหน้าแดงอย่างช่วยมิได้ หลังจากดึงดันอยู่พักใหญ่ นางจึงกระซิบว่า “ฮะแฮ่ม... พร้อมแล้ว!”
โจวชิงหวาแก้ผ้าเช็ดหน้าออก ในสายตาเขา สตรีตรงหน้าไม่ต่างจากดอกบัวโผล่พ้นน้ำ หญิงสาวกำลังชำเลืองมองมาอย่างสำรวจตรวจตรา ปรางแก้มสีชมพูระเรื่อชวนให้มึนเมา โดยเฉพาะริมฝีปากแดงก่ำน่าปรารถนา ถัดลงมาเป็ลำคอขาวราวกับหิมะ เสื้อผ้าอันเปียกชื้นที่พันอยู่รอบกายนั้นแนบสนิทไปกับผิวเนื้อ จนชายหนุ่มต้องบังคับตัวเองให้มองไปที่อื่น จากนั้นจึงอุ้มนางขึ้นมาแนบอก
หนีเจียเอ๋อร์อยากจะสวมรองเท้า แต่เมื่อเห็นว่าเสื้อคลุมยาวลากพื้นจนเดินเหินไม่สะดวก จึงมิได้หยิบมันมาสวมใส่ ซึ่งโจวชิงหวาเองก็ไม่อยากรั้งรอแล้วเช่นกัน ด้วยคิดว่าหากล่าช้าไปกว่านี้ สตรีในอ้อมแขนคงจะเป็หวัดแน่ จึงรีบอุ้มนางลงมาจากูเา
พอกลับถึงเรือน โจวชิงหวาก็เกรงว่าจะมีคนมาพบเห็น จึงแอบเข้าไปอย่างเงียบๆ แต่บังเอิญว่าตอนนั้น เว่ยอี๋เหนียงกับแม่นมโจวมาเดินเล่นที่สวนด้านหลังพอดี... สายเกินไปที่จะหลบซ่อน!
หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกได้ว่าท่าทีของชายหนุ่มต่างไปจากปกติ จึงลืมตาขึ้นมามอง พบว่ามารดาและแม่นมโจวกำลังยิ้มแย้มด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา ใบหน้านางพลันร้อนผ่าวจนขึ้นสีอย่างรวดเร็ว
“เว่ยอี๋เหนียง แม่นม ไม่ใช่อย่างที่พวกท่านคิดนะเ้าคะ”
พูดจบ ก็สะกิดให้โจวชิงหวาช่วยอธิบาย ซึ่งเขาก็ร่วมมือแต่โดยดี ทว่าเว่ยอี๋เหนียงกับแม่นมโจวสบตากันและคลี่ยิ้ม จากนั้นก็จับมือกันเดินหนีไปโดยไม่พูดไม่จา
...
อีกด้านของกำแพง แม่นมโจวหยุดเดิน พลางพูดขึ้นว่า “เว่ยอี๋เหนียง หากพวกเขาเป็เช่นนั้นจริงๆ ท่านคงไม่ยินยอมให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ชิงหวาของข้าเกิดในครอบครัวต่ำต้อย ข้าเป็เพียงบ่าวรับใช้ในจวนสกุลหนี ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“ดูเ้าพูดเข้าสิ! ข้าจะรังเกียจภูมิหลังของชิงหวาได้อย่างไร เขาทำงานหนัก เป็คนหนุ่มที่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ สร้างกิจการจนใหญ่โตได้ั้แ่อายุยังน้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็คนซื่อตรง กตัญญู และถ่อมตนอย่างหาได้ยาก หากเป็เขา ข้าคงไม่มีอะไรต้องพูดกับเสี่ยวเอ๋อร์แล้ว ถ้าทั้งสองรักกันจริงๆ ข้าย่อมยินดี”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้