“โธ่เอ๊ย! ชาแค่ถ้วยเดียวเอง ช่างเป็คนขี้เหนียวเสียจริง”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววิ่งปราดเข้ามาแล้วดึงถ้วยน้ำชาในมือของเยวี่ยเจาหรานมา นางแหงนคอแล้วกระดกน้ำชาลงไปหมดถ้วย จากนั้นก็ยิ้มดวงตาหยีโค้ง เอ่ยออกมาเช่นนั้น
ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเขินอายและโมโห ไม่ได้ทำท่าทางแสร้งเป็บุรุษอีกต่อไป ด้วยเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานนั้นอยู่ด้วยกันตลอดเวลาทุกวัน บวกกับการที่เยวี่ยเจาหรานทุ่มเทสอนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเรียนหนังสืออย่างละเอียดลึกซึ้ง ทำให้ความไว้วางใจต่อเขาของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ค่อยๆ ลึกซึ้งมากขึ้นไปด้วยอย่างน่าประหลาด อย่างเช่นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เคยชินกับการทำเื่ทุกอย่างด้วยตัวเองในอดีต ตอนนี้นับวันกลับชอบ ‘หันไปหา’ เยวี่ยเจาหรานเข้าทุกที แม้แต่การออกกำลังกายยามเช้า ก็ยังต้องลากเยวี่ยเจาหรานไปด้วยกัน
แล้วยังพูดให้ดูดีว่าอยากช่วยให้เยวี่ยเจาหรานได้มีร่างกายแข็งแรงไปด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ ทุกๆ ครั้งที่สวี่ชิวเยวี่ยได้ยินคนพูดกัน ก็โมโหจนต้องกระทืบเท้าเสมอ เหมือนจะคิดไปว่าพวกเขาทั้งสองจงใจกีดกันตน!
เมื่อเยวี่ยเจาหรานเห็นว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง แต่ในแววตานางกลับแย้มยิ้ม ตนเองจึงยิ้มขึ้นมาตามไปด้วยอย่างอธิบายไม่ถูก เพื่อที่จะกลั้นรอยยิ้มที่มองเห็นได้ชัดเจนนี้เอาไว้ เยวี่ยเจาหรานจึงควบคุมอารมณ์เก็บถ้วยชา แล้วยกหนังสือเมื่อครู่นี้ขึ้นมาปกปิดสีหน้าของตนเอาไว้
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหย่อนตัวนั่งลง นางยกมือดึงหนังสือที่เยวี่ยเจาหรานใช้ปิดหน้าออกมา “ข้ามีข่าวดีจะบอกเ้า เ้าจะปิดหน้าทำไมกัน!”
“แค่ก แค่ก...” อุปกรณ์ที่เยวี่ยเจาหรานใช้ ‘ปลอมตัว’ ถูกนางแย่งไปแล้ว ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยชิน เขายกมือขึ้นห่อเป็กำปั้นปกปิดที่ปากด้วยความร้อนรน แล้วส่งเสียงไอออกมาสองสามครั้งอย่างเก้อเขิน
กระทั่งอารมณ์สงบลง เยวี่ยเจาหรานถึงสามารถพูดตามปกติได้ “เกิดอะไรขึ้น มีข่าวดีอะไรหรือ?”
หลายต่อหลายครั้งที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมักจะเป็คนหัวดื้อทำอะไรไม่สนใจใคร จะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของเยวี่ยเจาหรานก็เป็เื่ปกติ หรือจะบอกว่านางเห็นแล้วทำเป็ไม่เห็นก็ได้ ก็แค่ไม่ได้สนใจอะไรเลยเท่านั้นเอง
ดังนั้นยามเมื่อเอ่ยตอบ นางจึงพูดไปอย่างสบายๆ และผ่อนคลายอย่างชัดเจน “อืม ก็อาจารย์จอมน่ารังเกียจนั่นน่ะสิ ในที่สุดก็ให้วันหยุดกับข้าได้เสียที!”
วันหยุด? นั่นก็เป็เื่ที่แปลกใหม่จริงๆ หรือว่าด้วยการสอนสั่งของตน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผู้นี้จะเริ่มพัฒนาจากมาตรฐานคนไม่เอาไหนไปเป็เด็กหัวกะทิบ้างแล้วอย่างนั้นหรือ? ก็สมควรแล้วที่จะได้รับวันหยุดดีๆ เยวี่ยเจาหรานเอ่ยอยู่ในใจเป็ร้อยเป็พันคำ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมาจากปากเลย เขาเพียงเอ่ย “อือ”
“หืม? เ้าแค่อือคำเดียวเองหรือ? จะขอไปทีเกินไปแล้วนะ!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเบ้ปากเล็กของนางอย่างไม่พอใจยิ่ง แล้วระบายความไม่พอใจของตนต่อเยวี่ยเจาหรานโดยตรง เมื่อพูดจบครึ่งประโยคแรกยังไม่พอใจ จึงรีบเอ่ยประโยคต่อไปตามไปอีก เจตนาจะให้เยวี่ยเจาหรานรู้ ว่าตอนนี้ตนนั้นกำลังโมโหมากจริงๆ !
“ข้ามีข่าวดีเช่นนี้ก็วิ่งมาหาเ้าเป็คนแรก ระหว่างทางกลับมาก็เกือบจะสะดุดหกล้ม แต่พอมาถึงเ้ากลับไม่พูดอะไรเลย แค่ส่งเสียงอือให้ข้าคำเดียว? คุณชายใหญ่เยวี่ย ช่างหวงคำพูดดั่ง! ทอง! คำ! เสียจริง!”
เมื่อความขุ่นเคืองที่ราวกับะุปืนรัวพุ่งเข้ามาใส่หน้า ทำเอาเยวี่ยเจาหรานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่สามารถให้พูดจบคำจบประโยคได้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกลับดูเหมือนจะโมโหขึ้นมา นางตกตะลึงจนไม่ยอมพูดอะไร แค่นเสียงเฮอะอย่างเ็าแล้วสะบัดหน้าหนี
“น่าทึ่งจริงๆ ดูเหมือนว่าการสอนของข้าจะเริ่มเห็นผลแล้วสินะ วันนี้คุณหนูใหญ่เยี่ยนของเรา ใช้สำบัดสำนวนพูดจามีคารมคมคายเป็แล้ว”
เยวี่ยเจาหรานไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เมื่อเอ่ยหยอกล้อออกไปเช่นนั้น ก็กลัวว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะรู้สึกไม่พอใจอีก จึงรีบเสริมขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าผิดเอง ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรทำให้ความดีใจของคุณหนูใหญ่ต้องว่างเปล่า คุณหนูใหญ่ช่วยบอกหน่อยสิ ว่าวันหยุดนี้เ้าได้มาอย่างไร?”
หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็พวกลำไส้ตรง ดีใจเสียใจก็แสดงออกมาหมด พายุมรสุมพัดมาเร็วก็พัดออกไปเร็วเช่นกัน เมื่อถูกเยวี่ยเจาหรานล่อหลอกเช่นนั้น ก็หันหน้ากลับมาไม่รีรอ แล้วเปิดหีบเสียงคนพูดมากกับเยวี่ยเจาหรานอีกครั้งด้วยอารมณ์คึกคัก “โธ่ เื่นั้นต้องขอบคุณเ้ามากเชียวล่ะ!”
เยวี่ยเจาหรานมองแม่นางน้อยที่แต่งตัวไม่เหมือนสตรีนักตรงหน้าผู้นี้ ในดวงตานั้นฉายความเอ็นดูไม่น้อยออกมาจากใจ ปากปิดแน่นสนิท เพียงแค่ฟังนางพูดอย่างตั้งใจ
“ข้าตั้งใจท่องกลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่หนึ่งของกุ๋ยกู่จือ จนทำให้อาจารย์อวี้ตกตะลึงพรึงเพริด! ตอนแรกเขาไม่ยอมปล่อยข้าไป แล้วยังกลั่นแกล้งข้า ถามว่าบทประพันธ์นี้มีความหมายว่าอย่างไร แถมเ้าก็เพิ่งบอกความหมายนั้นกับข้าเมื่อคืนนี้! เ้าว่ามันบังเอิญหรือไม่ ข้าตอบออกไปทันที เ้าไม่รู้หรอก ตอนนั้นสายตาของอาจารย์อวี้เบิกกว้างสุดๆ ไปเลยล่ะ!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วบรรยายเื่ราวของตนอย่างตื่นเต้นดีใจยิ่ง แต่ผ่านไปครู่หนึ่งก็กลับมีความผิดหวังเล็กน้อยเพิ่มเข้ามาอย่างฉับพลัน “ดังนั้นเขาก็เลยให้ข้าหยุดเรียน แต่ว่า...”
“พูดเหนื่อยแล้วหรือ? ดื่มชาสักหน่อยสิ” เยวี่ยเจาหรานรินชาถ้วยหนึ่งให้เ้าตัวอีกครั้ง เขามองเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยต่อไปด้วยความสนอกสนใจ “แต่ว่า เขาก็ให้การบ้านใหม่มาด้วย บอกว่าให้ข้าตั้งใจท่องกลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่สองใน่วันหยุด ช่างเป็จอมปลิ้นปล้อนเสียจริง! เปลี่ยนวิธีการลงโทษข้าล่ะสิไม่ว่า!”
เมื่อเยวี่ยเจาหรานเห็นว่านางดูหงอยๆ จึงเอ่ยปลอบใจขึ้นมา “จะกลัวอะไร มีข้าอยู่นี่”
ภายในห้อง เกิดความเงียบสงบขึ้นมาชั่วขณะ มือที่ประคองถ้วยชาของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันหยุดชะงัก เงยขึ้นมองเยวี่ยเจาหรานอย่างตกตะลึง ไม่กล้าขยับอยู่ครู่หนึ่ง เยวี่ยเจาหรานเองก็รู้สึกเหมือนว่าที่ตนพูดนั้นจะเกินเลยไป... จึงรีบเปลี่ยนคำพูด เพื่อไม่ให้ทุกคนอึดอัด “ไม่ใช่นะ ข้าหมายถึง ข้าจะช่วยกระตุ้นเ้าไง เ้าจะกลัวอะไรกัน!”
เมื่อนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงละสายตากลับมา ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เยวี่ยเจาหรานกลัวนางจะคิดมาก จึงพยายามใช้น้ำเสียงขบขันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เ้าอย่าไปคิดมากเลยน่า ข้าไม่ชอบผู้หญิงวุ่นวายไม่สนใจอะไรเช่นเ้าเสียหน่อย”
“อ๋อ!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเบ้ปากเล็กของนาง แล้วเอ่ยอีกครั้ง “แล้วใครหวังให้เ้ามาชอบกันล่ะ! เฮอะ!”
ทั้งสองคนต่างเงียบลง ไม่ได้เอ่ยอะไรกันอีก ผ่านไปพักใหญ่ สุดท้ายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็พูดขึ้นมาก่อน ทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดที่เจือจางอยู่ในอากาศ “วันนี้ข้ากลับมาเร็ว เราไปเอาเหล้าดอกกุ้ยฮวาไหนั้นมาดื่มกันเถอะ”
แม้เป็การเสนอ แต่กลับไม่มีน้ำเสียงของการถามไถ่อยู่ในนั้นเลย เยวี่ยเจาหรานพยักหน้า สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยืนขึ้นแล้วเอ่ยอีกครั้ง “เขาว่ากันว่า หากรู้สึกลึกซึ้งก็ยกหมดจอก! วันนี้ข้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็หนี้น้ำใจเ้า ข้าคงต้องดื่มมากขึ้นเป็สองจอก จึงจะขอบคุณเ้าได้ล่ะนะ!”
เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ในใจของเยวี่ยเจาหรานพลันเกิดความคิดน่ากลัวหนึ่งขึ้นมา นั่นคือเขาหวังว่าชีวิตต่อจากนี้ เยี่ยนอวิ๋นเฟยกับเยวี่ยเยียนหรานตัวจริงจะไม่ต้องกลับมา หากเป็เช่นนั้น ต่อให้ตนจะต้องสวมชุดสตรีไปชั่วชีวิต… ก็ไม่เป็ไร
ขอเพียงสามารถได้อยู่ข้างกายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เช่นนั้นแล้วไม่ว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ทั้งสองเดินตามกันออกจากเรือน ในอ้อมแขนของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกอดไหเหล้าเอาไว้ ยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะหินของสวนหย่อมแล้วกวักมือไปทางเยวี่ยเจาหราน แสงจันทร์สาดส่องลงมาดังสายวารี วาดโครงร่างภาพวาดภาพหนึ่งอันแสนงดงาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้