บนโลกมนุษย์หากมีคนพูดว่า ‘เกิดใหม่’ จะหมายความว่าตาย ทว่าในปรโลกหากพูดถึงคำนี้ขึ้นมา คำว่าเกิดใหม่จะหมายความตามตัวอักษร คือการกลับชาติมาเกิด และมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ในอดีต ไม่ใช่ว่าเจียงเฉิงเยว่ไม่เคยเกลี้ยกล่อมนางให้นางกลับชาติมาเกิด เข้าสู่สังสารวัฏอีกครั้ง ไม่จำเป็ต้องถูกขังอยู่ในปรโลกที่มีท้องฟ้ามืดมนตลอดกาลนี้ด้วยกันกับเขา หากพูดจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว เจียงเฉิงเยว่เองก็โหยหาโลกมนุษย์ โหยหาโลกมนุษย์ที่สดใสและฝนตกเป็ครั้งคราวหรือสี่ฤดูที่เปลี่ยนผัน โหยหาป่าเขาลำเนาไพร การขึ้นและตกของพระอาทิตย์พระจันทร์ในโลกมนุษย์ เขาในฐานะที่เป็าาผีไม่ใช่ว่าจะกลับชาติมาเกิดไม่ได้ เขาได้ชำระบาปในชาติก่อนของเขาจนหมดเมื่อนานมาแล้ว เพียงแต่การกลับชาติมาเกิดหมายถึงการละทิ้งทุกสิ่งในปรโลก ละทิ้งการบ่มเพาะ ละทิ้งความทรงจำ และละทิ้ง...ความโหยหา
น่าเสียดายนักที่ความโหยหาของเขายังไม่หายไป จึงไม่เต็มใจอย่างสิ้นเชิง
แน่นอน เขาไม่เต็มใจจะให้อิ๋งเอ๋อร์อยู่กับเขาเช่นนี้ในปรโลกตลอดไป ทว่าตอนนี้ อิ๋งเอ๋อร์กลับเปลี่ยนความตั้งใจของตนเองและบอกเขาว่าต้องกลับชาติมาเกิดหลายสิบปีต่อมา เหตุใดจิตใจของเขาจึงหยุดนิ่งไปชั่วครู่? บางทีอาจเคยชินกับการได้รับความอบอุ่นจากใครบางคนหลังจากที่เคยโดดเดี่ยว เวลานี้กลับมาสู่ความโดดเดี่ยวอีกครั้งจึงทำให้เขาตื่นตระหนกเล็กน้อย ภายหลังครุ่นคิด เขารู้สึกละอายใจกับความเห็นแก่ตัวของตนเอง เมื่อคิดดูแล้วจึงยื่นมือไปหาอิ๋งเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้ม วางไว้บนศีรษะของนางอย่างเคยชิน “ตกลง...ทำตามที่เ้า้าเถิด”
่เวลานั้นเสวียนชิงเองก็เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วในวังเสวียนิ กลายเป็หัวหน้าเล็กๆ ของผู้คุมิญญา ณ ตอนนี้อิ๋งเอ๋อร์มีิญญาที่ใสสะอาดและได้รับการชำระบาปแล้ว หาก้ากลับชาติมาเกิดเป็คน เดิมทีก็ไม่จำเป็ต้องเข้าประตูหลัง[1] ถึงอย่างนั้นเจียงเฉิงเยว่กลับมาพบเสวียนชิงอย่างไม่วางใจ กำชับเป็พันเป็หมื่นครั้ง ราวกับมารดาที่ทุ่มเทส่งบุตรสาวออกเรือนก็ไม่ปาน ซึ่งทำให้เสวียนชิงต้องกลอกตา
ชะตาชีวิตจะเขียนโดยซือมิ่งซิงจวิน ยิ่งิญญาใสสะอาดมากเท่าไร ความเป็ไปได้ที่จะกลับชาติมาเกิดด้วยชะตาที่มั่งคั่งและมีสุขภาพดียิ่งมากเท่านั้น แต่โดยทั่วไปมักเป็การสุ่ม เดิมทีไม่มีผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าเมื่อกลับชาติมาเกิดเป็มนุษย์จะเป็เพศอะไร รูปลักษณ์แบบไหน มีตัวตนเช่นไร แต่หากมีเสวียนชิงอยู่ด้วย เจียงเฉิงเยว่คงไม่ถึงขั้นค้นหาการเกิดใหม่ของอิ๋งเอ๋อร์ไม่พบ
เมื่อส่งอิ๋งเอ๋อร์ไปวิหารที่สิบของยมราช เจียงเฉิงเยว่รู้สึกใจหายเล็กน้อย ดวงตามีความขมขื่น ยังคงปลอบโยนอิ๋งเอ๋อร์เป็อย่างดี “เ้าอย่ากลัวไปเลย แม้ว่าหลังจากนี้จะจำพี่ใหญ่ไม่ได้ก็ไม่เป็ไร! พี่ใหญ่จะตามหาเ้าในไม่ช้า พี่ใหญ่ไม่มีความสามารถอื่น แค่ดูแลเ้าให้ปลอดภัยแข็งแรงไปตลอดชีวิตนั้นไม่มีปัญหา”
ทันใดนั้น อิ๋งเอ๋อร์โอบกอดเขาแน่นครู่หนึ่ง บอกด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ตกลง ท่านต้องมาให้ได้นะ!”
เจียงเฉิงเยว่หายใจเข้าลึกๆ กอดตอบนางแล้วพยักหน้า “คำไหนคำนั้น”
อิ๋งเอ๋อร์ “ข้าจะรอท่าน”
หนึ่งปีต่อมา ภายในฮุยโจว บุคคลเพศหญิงที่มากับดวง ครอบครัวพ่อค้าใหญ่แซ่สวี ภรรยาหลวงได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิงผู้หนึ่งซึ่งมีชะตาปานกลาง ส่งเสียงร้องไห้ดังะเืถึงฟ้า
เจียงเฉิงเยว่กับเสวียนชิงยืนล่องหนอยู่นอกหน้าต่างแล้วมองผ่านลายฉลุบนหน้าต่างไปที่หมอตำแยและสาวใช้ที่วุ่นวายอยู่ด้านใน เจียงเฉิงเยว่ถามเสวียนชิง “เ้าไม่ได้ตรวจสอบผิดใช่หรือไม่ นี่เป็อิ๋งเอ๋อร์กลับชาติมาเกิดจริงหรือ ตั้งครรภ์สิบเดือน ตั้งครรภ์สิบเดือน...แต่ทำไมนี่ผ่านไปหนึ่งปีแล้วเล่า?!”
เสวียนชิงจ้องเขาอย่างอารมณ์เสีย “เ้ามีความรู้บ้างหรือไม่? ตั้งครรภ์สิบสองเดือนไม่ใช่ว่าไม่เคยมี”
เจียงเฉิงเยว่ไม่สนใจอีกฝ่าย ยังคงจ้องด้านในเพื่อตรวจสอบ ้าลอบมองเงาของทารกแรกเกิดคนนั้นสักครึ่งหนึ่งในช่องว่างของผู้คน ด้านในมีคนมากเกินไป แม้ว่าจะล่องหนอยู่อาจถูกใครพบเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพิ่งเกิดมาและออกจากห้องคลอดกลับเจอ ‘ผี’ เขาไม่้าให้อิ๋งเอ๋อร์เกิดมาพร้อมกับ ‘การพาดพิง’ ในชาตินี้ ขณะที่เขาเกาหูและแก้มอย่างกระวนกระวายก็เอ่ยกับเสวียนชิง “เ้าอย่าได้เข้าใจข้าผิด...”
เสวียนชิง “หากไม่เชื่อข้าก็ไม่ต้องตามข้า!”
หลังจากนั้น เจียงเฉิงเยว่ดึงเขาไว้อย่างทะเล้นแล้วยิ้มสู้ “ไอ้หยาๆ เซียนจวินอย่าได้โกรธเคือง อย่าได้โกรธเคือง”
เสวียนชิงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
ระหว่างนี้ จู่ๆ หญิงชราที่กำลังช่วยอาบน้ำให้ทารกแรกเกิดในห้องคลอดร้องอุทานออกมา “โอ้! ทำไมบนมือของเด็กคนนี้ถึงมีปานที่ใหญ่เช่นนี้ได้เล่า?!”
เจียงเฉิงเยว่กับเสวียนชิงสบตากันแวบหนึ่งด้วยความตกตะลึง ไม่ต้องสนใจอะไรอีก พวกเขาหมุนตัวเข้าไปในห้องคลอด ล่องหนอยู่ที่มุมหนึ่งเพื่อดู เป็ดังที่คาด บนข้อมือของทารกแรกเกิดที่ร้อง ‘อุแว้ๆ ‘ ไม่หยุดผู้นั้น มีเครื่องหมายเล็กๆ ที่คุ้นเคย ราวกับนกและสัตว์ร้าย
เสวียนชิงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เฉิงเยว่ กำไลผุพังวงนั้นของเ้าเป็ของแบบใดกัน?” ในคราแรกเขามีหน้าที่นำิญญาของเจียงเฉิงเยว่เข้าสู่ปรโลก ดังนั้น ชื่อจริงของเจียงเฉิงเยว่จึงซ่อนเร้นจากเขาไม่ได้ และการเพิ่มขึ้นด้วยมิตรภาพหลายร้อยปีของทั้งสองคน เครื่องหมายนั้นบนมือของอิ๋งเออร์ได้มาอย่างไร เสวียนชิงเองย่อมรู้เช่นกัน
เจียงเฉิงเยว่ประหลาดใจเป็อย่างมาก “ข้า...ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ทำไมกำไลเงินหยกขาวถึงไม่เคยทิ้งเครื่องหมายที่ข้อมือของเจียงเฉิงเยว่ ส่วนเครื่องหมายที่ทิ้งไว้บนมือของอิ๋งเอ๋อร์...แม้ว่าจะกลับชาติมาเกิดแล้วยังไม่หายไป?
คนทั้งสองมองห้องคลอดอย่างเงียบเชียบไม่พูดไม่จาอยู่พักหนึ่ง ั้แ่ทำงานกันขวักไขว่ไปจนเก็บข้าวของเพื่อออกไปประกาศข่าวดี สุดท้ายแล้วมารดาผู้นั้นหลับสนิทด้วยความอ่อนแรง ทารกน้อยที่วางไว้ในผ้าอ้อมบนเตียงก็หลับไปเช่นกัน พวกเขายืนอย่างนิ่งเงียบตรงหน้าทารกน้อย
เสวียนชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดหยอกล้อ “อย่างน้อย...ตอนนี้เ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าใจผิดแล้วกระมัง?”
เจียงเฉิงเยว่ “...”
วันเวลาผ่านไป
เพียงชั่วพริบตา อิ๋งเอ๋อร์น้อยอายุห้าขวบแล้ว แน่นอนว่าในชาตินี้ไม่ได้ชื่อว่าอิ๋งเอ๋อร์ เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ได้รับนามว่าสวีอี่ซิน เป็บุตรสาวคนสุดท้องของภรรยาหลวงในครอบครัวพ่อค้าใหญ่ทางเจียงหนาน[2] มีพี่ชายสองคนที่เกิดจากภรรยาหลวง และพี่ชายพี่สาวคนโตที่เกิดจากภรรยาน้อย เนื่องจากเป็บุตรคนสุดท้องของครอบครัวใหญ่ ทั้งยังเป็บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาหลวงจึงถูกปรนเปรออย่างไม่อยู่ในขอบเขต และบังเอิญว่าเด็กคนนี้รูปลักษณ์งามล้ำ ผิวขาวน่ารักราวกับนางฟ้าน้อยบน์ ดังนั้นจึงเป็ที่เอ็นดูอย่างยิ่ง
เจียงเฉิงเยว่ร่ายเคล็ดวิชาติดตามที่ซับซ้อนบนร่างของนาง ทุกครั้งที่นางพบกับอันตรายและหวาดผวาเป็อย่างยิ่งจะกระตุ้นผนึก แล้วผนึกจะส่งสัญญาณเตือนไปถึงจิตสำนึกของเจียงเฉิงเยว่ อีกทั้งเคล็ดวิชานี้มีผลทั้งสามโลก ไม่จำเป็ต้องกล่าวเลยว่าการร่ายเคล็ดวิชาเช่นนี้ใช้เวลาและทุ่มเทเพียงใด โชคดีที่ตัวตนคุณหนูใหญ่ในครอบครัวพ่อค้าของสวีอี่ซินทำให้นางได้รับการปรนเปรอและปกป้องเช่นเดียวกับแก้วตา และถูกเลี้ยงดูอย่างสูงศักดิ์ เพราะอย่างนั้น เจียงเฉิงเยว่ที่ร่ายเคล็ดวิชาเช่นนี้กับนางหลังจากที่นางเกิดจึงไม่มีประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ วันนี้เมื่อคำเตือนส่งมาอย่างชัดเจน คาดไม่ถึงว่าเจียงเฉิงเยว่จะไม่ได้ตอบสนองในทันที เขานิ่งค้างไปครู่หนึ่งจึงรับรู้ว่าอี่ซินน้อยตกอยู่ในอันตราย ไม่ปล่อยให้ตนเองคิดมากอีกต่อไป เขาขยับนิ้วมือข้างขวา ใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา เคลื่อนย้ายไปตามทิศทางที่ปรากฏสัญญาณเตือน
เมื่อลืมตาขึ้น เขาสำลักไอเย็นออกมาจากริมฝีปากและจมูก ทั้งร่างเปียกโชก เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึงอย่างหนัก จากนั้นจึงค้นพบว่าตนเองอยู่ในน้ำ!
ฉิงชางจวินไม่ได้เติบโตริมน้ำ ทักษะในน้ำย่ำแย่เป็อย่างยิ่ง ชั่วขณะกลับเป็ตนเองที่ตื่นตระหนกขึ้นมา สำลักน้ำหลายอึก ดิ้นรนอย่างทำอะไรไม่ถูกในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก
“ไร้ประโยชน์!” มีเสียงตวาดอย่างเ็าเสียงหนึ่งที่ข้างหู จากนั้นร่างเบาขึ้นในทันที มีเงาสีดำสายหนึ่งพยุงเขาไว้อย่างมั่นคง
เจียงเฉิงเยว่จึงจำได้ว่าเป็โม่หลง อาวุธวิเศษที่เขาเพิ่งได้รับ หากคิดดูอีกครั้งตนเองเป็าาผี เดิมทีจึงไม่มีทางจมน้ำตาย! เขารู้สึกเสียหน้า รีบปรับร่างกายตามพลังของโม่หลง พยายามต้านทานกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ขณะเดียวกันก็สั่งการให้โม่หลงกลายร่างเป็ปลาตัวใหญ่ จากนั้นแนบตนเองไปบนหลังของมัน ไปตามตำแหน่งที่ส่งสัญญาณเตือนมา
ร่างเล็กของสวีอี่ซินถูกลากและดึงในกระแสน้ำราวกับพืชน้ำที่ไม่มีราก
‘โม่หลง!’ เจียงเฉิงเยว่สั่งอาวุธวิเศษของตนเองในจิตสำนึก อีกฝ่ายรู้เจตนาของเ้านายตนเองอยู่แล้วก่อนที่เขาจะสั่งจึงกลายร่างเป็ร่างที่แท้จริง คว้าคอเสื้อของเด็กหญิงตัวน้อยแล้วลากเข้าฝั่ง
ฉิงชางจวินที่สงบลงแล้วนึกขึ้นได้ เขาใช้เคล็ดวิชาไล่น้ำ จากนั้นตามขึ้นฝั่งไป
โม่หลงกลายร่างเป็มนุษย์ด้วยชุดเรียบง่ายสีดำ เขาโยนเด็กหญิงที่เปียกม่อลอกม่อแลกไว้บนฝั่ง
เจียงเฉิงเยว่เอ่ยอย่างรีบร้อน “เ้าเบามือหน่อย!”
โม่หลงกลอกตา จากนั้นหดกลับไปที่เอวของเจียงเฉิงเยว่ กลายเป็ดาบเหล็กสีนิลที่มักจะห้อยอยู่ที่เอวของเขาเล่มนั้น
่เวลานั้น การบ่มเพาะพลังิญญาของเจียงเฉิงเยว่ใกล้จะถึง่เวลาสูงสุด ดังนั้นอาวุธวิเศษที่ติดตามตนเองจึงเต็มใจที่จะกลายร่าง และเต็มใจที่จะสิ้นเปลืองพลัง เมื่อเห็นว่ามันหดกลับมาที่เอวจึงรู้ว่ามันไม่มีความสุข เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบบนดาบแล้วพูดเกลี้ยกล่อม “พอได้แล้วน่า”
หลังจากพูดได้สองประโยคเขารีบไปดูอี่ซินน้อย แต่กลับเห็นว่านางไม่หายใจแล้ว “เป็เช่นนี้ได้อย่างไร!” ขณะที่พูดเขายื่นมือไปกดระหว่างหน้าผากเพื่อผนึกิญญาของนาง และเสียงที่คุ้นเคยของโม่หลงในจิตสำนึกก็เอ่ยออกมา “นางยังไม่ตาย! เ้าจะวุ่นวายไปทำไม?”
“หืม?”เจียงเฉิงเยว่ทำอะไรไม่ถูก
โม่หลง “นางสำลักน้ำ คว่ำนางให้พ่นน้ำออกมาก็ได้แล้ว!”
“โอ้ๆๆ “
เจียงเฉิงเยว่สะบัดปลายนิ้ว เด็กหญิงพลันลอยแล้วคว่ำลง ฉิงชางจวินรออย่างเงียบงันสักครู่ เด็กหญิงถึงไอออกมาอย่างรุนแรงทันที นางพ่นน้ำที่สะสมอยู่ในปอดออกมา เจียงเฉิงเยว่ดีใจจึงรีบวางนางลงมา จากนั้นก้าวมาข้างหน้าเพื่ออุ้มแล้วลูบหลังของนางพลางเอ่ยเรียก “อิ๋งเอ๋อร์! อิ๋งเอ๋อร์! เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?”
เด็กหญิงที่ดิ้นรนอยู่ในน้ำเกือบจะได้ก้าวเข้าสู่ประตูผี ณ ตอนนี้ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเหม่อลอยไร้จิติญญา ใบหน้าหมอง ริมฝีปากคล้ำ ไม่มีการตอบสนอง เจียงเฉิงเยว่วางมือบนหลังของนาง โคจรเคล็ดวิชาเข้าไปในร่างกายของนางเพื่อทำให้โล่ง อี่ซินน้อยจึงมีการตอบสนอง แต่นางกลับร้องไห้ขึ้นมา คิดว่าเมื่อครู่นี้คงทำให้ใมากเกินไป
“ไม่เป็ไรแล้ว ไม่เป็ไรแล้ว ไม่เป็ไรแล้ว”
ฉิงชางจวินกอดนางไว้แน่นแล้วลูบหลังอย่างปลอบโยน
เด็กหญิงร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยๆ สงบลง นางเช็ดน้ำตาอย่างสะอึกสะอื้น จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายผู้หล่อเหลาตรงหน้าก่อนถาม “ท่าน...ท่านเป็ใคร?”
“เอ่อ...” เจียงเฉิงเยว่รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เขาครุ่นคิดแล้วบอกด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ...นั่นน่ะ เมื่อครู่ข้ามาตกปลาอยู่ที่ริมฝั่ง เห็นเ้าตกลงไปในแม่น้ำ จึงใจดีะโลงไปช่วยเ้าขึ้นมา สาวน้อย...ตอนนี้เ้าไม่เป็ไรแล้วใช่ไหม?”
อี่ซินตัวน้อยไม่สนใจแยกแยะคำโกหกของเขา เพียงร้องไห้บอก “ข้า้าพ่อแม่ของข้า! ข้า้าพ่อแม่ของข้า!”
“ตกลงๆๆ “ เจียงเฉิงเยว่รู้สึกวิงเวียน พูดอย่างทำอะไรไม่ถูก “เ้าอย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้เลย! ข้าจะพาเ้าไปหาพ่อแม่ของเ้าดีหรือไม่? ข้าจะพาเ้าไปหาพ่อแม่ของเ้าเอง!”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกันกลับได้ยินเสียงของมนุษย์แว่วมาอยู่ไม่ไกล มีเสียงสตรีร้องไห้ะโ “ลูกของข้า!”
อี่ซินน้อยมองไปตามเสียง หลังจากลุกขึ้นจากพื้นอย่างนางโซซัดโซเซนางวิ่งออกไป ปากก็ร้องไห้ะโ “ท่านแม่!”
เมื่อเห็นว่าร่างของนางกำลังจะล้มลง เจียงเฉิงเยว่รีบยื่นมือไปประคอง “ระวัง!”
เพียงครู่หนึ่ง คนกลุ่มนั้นวิ่งมาถึงตรงหน้า หญิงวัยกลางคนกอดเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขน กระชับแน่นราวกับ้าจะพานางกลับเข้าไปในครรภ์มารดาอีกครั้ง ร้องไห้พลางเรียก “ซินเอ๋อร์ ซินเอ๋อร์ ลูกของข้า ลูกของข้า!”
เื้ันางคือชายวัยกลางคนในชุดหรูหรากับกลุ่มผู้ติดตาม ทุกคนร้องไห้ด้วยความดีใจ ชายวัยกลางคนตั้งสติแล้วจึงนึกได้ว่าที่แห่งนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง จากนั้นรีบเช็ดน้ำตาแล้วก้าวสองก้าวมาตรงหน้าเจียงเฉิงเยว่ เขาโค้งคำนับเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง “ท่านผู้มีพระคุณ! ขอบคุณผู้มีพระคุณท่านนี้ที่ช่วยชีวิตลูกสาวตัวน้อยเอาไว้! สวีและภรรยารู้สึกซาบซึ้งจนหาที่สุดไม่ได้!”
เจียงเฉิงเยว่รีบโบกมือตอบ “อา...ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร แค่เื่เล็กน้อย ท่านสวีไม่จำเป็ต้องสุภาพเช่นนี้ ฮ่าๆๆๆ”
บิดาของอี่ซินรีบเอ่ย “ผู้มีพระคุณมีบุญคุณยิ่งใหญ่จนไม่อาจตอบแทนได้ เพียงแต่...” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้หลังจากลูกสาวตัวน้อยตกจากสะพานหัก สวีได้นำคนไล่ตามมา ไม่เห็นผู้ใดตลอดทาง ไม่ทราบว่าท่านผู้มีพระคุณลงน้ำไปเมื่อใด แล้ว...ช่วยลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาได้อย่างไรกัน?”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึง ไม่เสียทีเป็พ่อค้ารายใหญ่จริงเชียว ทำการค้ามากมายจนรู้ทันคน เพียงมองครั้งหนึ่งก็มองออกถึงจุดที่ผิดปกติได้ทันที
เจียงเฉิงเยว่ไม่มีข้อแก้ตัวอื่น จึงทำได้เพียงกัดฟันโกหกต่อไป บอกด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ตกปลาอยู่ที่ริมแม่น้ำ ข้าได้ยินเสียงเด็กร้องให้ช่วยเหลือ...จึงะโลงไป บางทีท่านสวีอาจ...ไม่ได้สนใจกระมัง?”
บิดาของอี่ซินตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนมองกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่เชื่อถือนัก “ตกปลา?”
เจียงเฉิงเยว่เหลือบมองแม่น้ำก่อนก่นด่าตนเองอย่างลับๆ ทว่าถ้อยคำโกหกถูกกล่าวออกไปแล้ว จึงทำได้เพียงเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางที่อาจยากจะคาดเดา “อืม”
พ่อค้าผู้มั่งคั่งแซ่สวีคนนี้เป็คนเฉลียวฉลาด แม้ว่าอีกฝ่ายจะน่าสงสัย แต่เขาได้ช่วยบุตรสาวตัวน้อยของตนเองไว้ เมื่อคิดดูไม่พบเจตนาร้ายจึงไม่คิดมากอีกต่อไป เพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอท่านผู้มีพระคุณโปรดบอกนามอันยิ่งใหญ่ ท่านมาจากที่แห่งใดกัน”
“เอ่อ...” เจียงเฉิงเยว่ลังเล เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอสถานการณ์เช่นนี้ แต่งเื่โกหกช่างยากนัก หลังลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาส่งยิ้มน้อยๆ อย่างลำบากใจให้อีกฝ่ายแล้วส่งกระแสเสียงไปถึงปรโลก ะโใส่ลูกน้องนับหมื่นของตนเองอย่างรีบร้อน ‘ผู้ใดเป็ชาวฮุยโจวจิวฉือเมื่อยามมีชีวิต!’
เพียงชั่วครู่ก็ได้รับคำตอบมากมาย ฉิงชางจวินกำลังเลือกตัวตนที่เหมาะสมจนหัวหมุน ทางด้านบิดาของอี่ซินนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองถามนั้นล่วงเกินจึงรีบประสานมือเอ่ย “หากท่านผู้มีพระคุณไม่สะดวกเปิดเผย...ก็ไม่เป็ไร”
หลังจากเจียงเฉิงเยว่สิ้นสุดการสื่อสารทางจิต ทันใดนั้นเขามีสติกลับคืน ระบายยิ้มให้บิดาของอี่ซินแล้วกล่าว “ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ข้าน้อยแซ่ฉิน นามว่าจินฮุย เป็ชาวจิวฉือกู่ชุน ่แรกย้ายไปที่โหย่วโจวกับพ่อและพี่ชาย ต่อมาได้พบภัยพิบัติ ครอบครัวตกอับ ทั้งพ่อและพี่ชายล้วนโชคไม่ดีเสียชีวิต ฉินคิดว่าที่บ้านเกิดยังมีทรัพย์สินของบรรพบุรุษอยู่บ้างจึงกลับมาตามลำพังเพื่อขออาหารและเครื่องนุ่งห่มเท่านั้น”
เมื่อบิดาของอี่ซินได้ฟัง ถ้อยคำนั้นมีทั้งชื่อแซ่และข้อมูลอย่างชัดเจน พลันคิดว่าไม่มีความเท็จ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะลังเลและปิดบัง ต้องเป็เพราะนึกถึงประสบการณ์ที่น่าสังเวชในอดีตจึงรู้สึกลำบากใจที่จะตอบ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที “ที่แท้เป็เช่นนี้”
เจียงเฉิงเยว่เข้าสู่บทบาทอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มน้อยๆ ที่ริมฝีปากของเขาเจือไปด้วยความขมขื่นเล็กน้อย
------------------------
[1] เข้าประตูหลัง หมายถึง ใช้เส้นสาย
[2] เจียงหนาน หมายถึง ทางใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง
