บนใบหน้าของหลินเฟิงปรากฏรอยยิ้มเ็า เขาเอื้อมมือไปยกแก้วเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเอียงแก้วเล็กน้อยแล้วสาดเหล้าใส่หน้าของกู่ซง
วินาทีนั้นเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของฝูงชนก็พลันเงียบกริบ ทุกคนพากันตกตะลึงกับฉากตรงหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนคาดไม่ถึงว่า ไอ้ขยะหลินเฟิงจะกล้าทำแบบนี้ สาดเหล้าใส่หน้าของกู่ซงเนี่ยนะ?!
ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้สึกตกตะลึง แต่ก็ยังจ้องมองด้วยความสนใจ โดยเฉพาะหลินยู่ บนใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มสนุกๆ ขึ้นมา แน่ล่ะสิ ไม่เพียงแค่ได้เห็นกู่ซงโดนหักหน้า แต่อาจจะได้เห็นกู่ซงทุบตีไอ้ขยะจนตายก็ได้ ในเมื่อมีเหตุการณ์ดีๆ อยู่ตรงหน้าแล้วจะไม่ให้เขาเบิกบานใจได้อย่างไร
กระทั่งตัวกู่ซงเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเป็แบบนี้ การที่เหล้าสาดลงบนใบหน้า ทำให้เขาต้องหลับตาลง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาเช็ดเหล้าบนใบหน้าจนแห้ง
กู่ซงลืมตาที่ส่องประกายแหลมคมขึ้นมา ในดวงตาของเขาฉายแววเหี้ยมโหดดูคล้ายกับอสรพิษ
“ไอ้ขยะนี่มันโชคร้ายจริงๆ ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่ๆ” เมื่อทุกคนเห็นสายตาที่เ็าของกู่ซง ประกอบกับความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่างตระกูลหลินและตระกูลกู่ คาดว่าเื่สนุกๆ จะต้องเกิดขึ้น
“เ้ากล้าเอาเหล้ามาสาดหน้าข้า?” ดวงตาอันแหลมคมของกู่ซงทิ่มแทงไปที่ร่างของหลินเฟิง ถึงแม้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยถามจะฟังดูสงบนิ่ง แต่ทว่ายิ่งสงบเท่าไร ก็ยิ่งน่ากลัวเท่านั้น กู่ซงโมโหขึ้นมาแล้ว
“ใช่” หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความซื่อสัตย์
“ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ไอ้ขยะอย่างเ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ทำเช่นนี้ ข้าอยากจะถามนักว่า เ้าได้คิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่? หรือเ้ามันโง่ดักดานจนคิดว่า หลินยู่จะปกป้องเ้า?” น้ำเสียงของกู่ซงเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและเย้ยหยัน
หลินเฟิงไม่ได้ตอบกลับทันที แต่หยิบกาเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นก็เปิดฝาออกแล้วสาดเหล้าในกาใส่หน้าของกู่ซงอีกครั้ง
“ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเ้าถึงเอาแต่พูดคำว่า ‘ไอ้ขยะ’ บ่อยนัก ไม่รู้ว่าอยากจะให้ข้ากลัว หรืออยากจะใช้มันปกปิดฐานะที่ต่ำต้อยในใจของเ้ากันแน่ แต่ความลังเลที่เ้าแสดงออกมาก็สมกับฐานะลูกเมียน้อยดีนี่”
กู่ซงเป็ลูกที่เกิดจากผู้นำตระกูลกู่กับสาวใช้ธรรมดา ถึงแม้จะเป็นายน้อยแต่ตำแหน่งในตระกูลของเขากลับไม่สูงเท่าไรนัก ซึ่งมันเป็ปมที่อยู่ในใจของกู่ซงมาโดยตลอด และสิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือ การที่มีคนนำเื่นี้มาพูดต่อหน้าเขา และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดของหลินเฟิงได้ไปจี้ใจดำเขาเข้า
“รนหาที่ตาย...” สีหน้าของกู่ซงกลายเป็มืดมนขึ้น ฉับพลันเขาได้เผยท่าทางที่ดุร้ายออกมา
กู่ซงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ได้ปล่อยหมัดไปทางหลินเฟิงอย่างไม่ลังเล เสียงกรีดร้องในอากาศดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
ทุกคนที่อยู่รอบข้างพลันตัวแข็งทื่อ กู่ซงโมโหจริงๆ หมัดนี้จึงแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดหมายจะเอาชีวิต หากหลินเฟิงโดนหมัดนี้เข้าไปคาดว่าสภาพคงไม่เหลือเค้าเดิมแน่ๆ
คงมีแค่หลินยู่เท่านั้น ที่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังฉีกยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เขาหวังว่าหลินเฟิงจะตายอย่างทรมาน!
แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาคิดก็ไม่เกิดขึ้น หมัดของกู่ซงถูกหยุดไว้กลางทาง แน่นอนว่าไม่ใช่กู่ซงที่เป็ฝ่ายยั้งมือ แต่เป็เพราะว่าหมัดของเขาถูกจับไว้ต่างหาก ฝ่ามือใหญ่กำหมัดที่ปล่อยออกมาด้วยท่าทางสบายๆ ผิดกับสีหน้าของกู่ซงที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยเหงื่อ หมัดนี้ไม่สามารถเคลื่อนไปด้านหน้าได้
“เอ๋?” สีหน้าของทุกคนแข็งทื่อ เป็ไปได้อย่างไร หลินเฟิงสามารถหยุดหมัดของกู่ซงด้วยท่าทางสบายๆ แบบนี้ได้อย่างไร ตอนนี้สีหน้าของหลินเฟิงยังคงดูเฉยเมย ผิดกับสีหน้าของกู่ซงที่แดงขึ้นเรื่อยๆ
“ความจริงแล้วข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรหรอกนะ ด้วยสถานะลูกเมียน้อยอย่างเ้า กล้าดียังไงมายั่วยุข้า เ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงมาเรียกข้าว่าไอ้ขยะ”
“กร๊อบ!”
เสียงร้องโหยหวนดังลั่น กู่ซงรับรู้ถึงความเ็ปมหาศาลที่มาจากหมัด สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา
“ไสหัวไป!” มือของหลินเฟิงสะบัดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างของกู่ซงลอยออกนอกหน้าต่าง แม้จะมองไม่เห็นแต่ทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของกู่ซงที่หล่นลงพื้นเป็อย่างดี
ทุกคนที่อยู่รอบๆ ล้วนตกตะลึงจนตาค้าง ถ้าจำไม่ผิด กู่ซงเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 แต่ทว่ากลับถูกไอ้ขยะคนหนึ่งโยนออกไปเนี่ยนะ?
“ซืด...” ทุกคนพากันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
นี่คือไอ้ขยะของตระกูลหลินอย่างนั้นเหรอ?
หลินเฟิงกวาดสายตามองอย่างช้าๆ ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่ร่างของหลินยู่ เมื่อเห็นสายตาสงบนิ่งของหลินเฟิง ในใจของหลินยู่พลันเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาเป็คนเรียกหลินเฟิงว่าไอ้ขยะ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เกิดความกลัวขึ้นมา
หลินเฟิงได้เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนราวกับเป็คนละคนกัน! หลินยู่เพิ่งค้นพบว่าหลินเฟิงที่แสนขี้ขลาดในวันวาน ได้กลายเป็คนที่แน่วแน่และเ้าคิดเ้าแค้นในวันนี้ ทั้งยังไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น
นี่คือไอ้ขยะหลินเฟิงที่พวกเขารู้จักอย่างนั้นหรือ?
“เมื่อกี้เ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” หลินเฟิงถามหลินยู่
ริมฝีปากของหลินยู่สั่นระริก กระทั่งใบหน้าบางส่วนยังแข็งจนขยับไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับอย่างไรดี
“ไอ้ขยะ?” หลินเฟิงทวนคำพูดก่อนหน้านี้ แล้วกระตุกยิ้มเ็าออกมา
ทันใดนั้นหลินยู่ก็รู้สึกถึงลมหนาวอย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงคมชัดที่ดังขึ้นมา ไม่ช้าหลินยู่ก็รู้สึกเจ็บแสบและร้อนผ่าวที่ใบหน้า
หลินเฟิง... ตบหน้าเขา
“เ้า...” หลินยู่ยกมือจับแก้มของตัวเอง กล้ามเนื้อที่แก้มสั่นเล็กน้อย เมื่อกี้หลินเฟิงตบหน้าของเขาต่อหน้าสาธารณชน... แต่หลังจากที่หลินยู่สบสายตาสงบนิ่งของหลินเฟิง เขาก็พลันพูดอะไรไม่ออกราวกับลิ้นจุกปาก
“ต่อไปก็ระวังคำพูดของเ้าบ้าง และจำไว้ด้วยว่าข้าเป็ใคร แล้วเ้าเป็ใคร” หลินเฟิงพูดอย่างเ็า หลังจากนั้นเขาก็ไม่สนใจหลินยู่อีก แต่เดินตรงไปหาเหวินซานแทน
“เ้าจะทำอะไร?” เหวินซานมองหลินเฟิงอย่างตื่นตระหนก เพราะการที่หลินเฟิง โยนกู่ซงออกนอกอาคารได้ นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน
“เ้ากลัว?” หลินเฟิงกล่าวเยาะเย้ยขึ้นมา
“เ้า...” เหวินซานที่กำลังจะเปิดปากพูดก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นะเืที่แพร่กระจายออกมาจากร่างของหลินเฟิง ทำให้ร่างของเขาสั่นระริกขึ้นมา เหวินซานได้แต่กลืนน้ำลายลงคอและก้มหน้าลง เขาไม่อยากเป็เหมือนกู่ซงที่ถูกจับโยนออกไป ใบหน้าของเหวินซานแดงก่ำขึ้นมา ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“สวะ” หลินเฟิงสลายกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเลยสักนิด
“ฮึ่ม...” เหวินซานคำรามออกมา แก้วเหล้าในมือถูกเขาบีบจนแตก ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะไม่ได้ลงมือทำร้ายเขา แต่ทว่าความอัปยศจากการถูกเหยียดหยามก็ทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะด่าหลินเฟิงไปว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่ง แต่ในยามที่เผชิญหน้ากับหลินเฟิง เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะพูด ั้แ่ต้นจนจบหลินเฟิงไม่ได้แตะต้องตัวเขา แต่เป็เหวินซานที่แสดงความขี้ขลาดออกมา ศักดิ์ศรีของเขา ก็เหมือนแก้วเหล้าในมือที่มันถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี!
ความรู้สึกของหลินยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเหวินซานเลยสักนิด แก้มของเขายังมีรอยนิ้วมือของหลินเฟิงประทับไว้ ทำไมตอนที่หลินเฟิงมายืนอยู่ตรงหน้าเขา เขากลับสูญเสียความกล้าที่จะต่อต้าน?
ฝูงชนที่นั่งอยู่รอบๆ ต่างพากันนิ่งเงียบ พวกเขาเองก็คิดจะยั่วยุขยะจากตระกูลหลินเช่นกัน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกหลินเฟิงทำให้อับอายแทน พวกเขาทุกคนล้วนคิดว่าตัวเองเป็ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางโจว แต่สุดท้ายคนหนึ่งถูกหลินเฟิงโยนออกไปนอกหน้าต่าง อีกคนก็ถูกตบกกหู ส่วนอีกคนก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูด แล้วแบบนี้ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ?! ว่าหลินเฟิงไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งกับพวกเขา?
ดวงตาของชิวหลันเปล่งประกายระยิบระยับ ในบรรดาคนพวกนี้ระดับการบ่มเพาะของนางนับว่าสูงที่สุด นางเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตแห่งจิติญญา ดังนั้นจึงััได้อย่างชัดเจน ในตอนที่หลินเฟิงยืนอยู่ที่นั่น ราวกับว่ามีกลิ่นอายพิเศษหรือว่ารัศมีบางอย่างที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัวโดยไม่รู้ตัว
สำหรับหลินเฟิงแล้ว เขาไม่สนหรอกว่าการปรากฏตัวของเขาจะนำพาซึ่งความรู้สึกซับซ้อนมาให้ทุกคนในภัตตาคาร เขาแค่ไม่อยากถูกคนอื่นเหยียดหยามหรือด่าว่าเป็ขยะอีกต่อไป และคนพวกนั้นก็เคยชินกับการยืนอยู่เหนือมวลชน ซึ่งหลินเฟิงไม่คุ้นชินกับท่าทางที่น่ารังเกียจของคนเหล่านี้ ดังนั้นหลินเฟิงจึงจัดการสั่งสอนพวกเขานิดหน่อย
ม้าพันลี้วิ่งผ่านภัตตาคารทิงเฟิงไป สายตาของกู่ซงจ้องมองแผ่นหลังของหลินเฟิงที่จากไปอย่างชั่วร้าย อีกทั้งใบหน้าของเขาก็แสดงความเหี้ยมโหดออกมา
แค้นนี้ต้องชำระ!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้