การหาพิษงูทั้งสิบชนิดเป็เื่ยากก็จริง แต่หากหาได้สองสามชนิดแล้ว ก็จะค่อนข้างง่ายขึ้นมาหน่อย
“แม่ทัพมู่ มีพิษงูแค่เจ็ดในสิบก็สามารถใช้เป็ยาได้แล้ว โดยทั่วไปแล้วร้านขายยาใหญ่ๆ ก็คงมีขาย ส่วนอีกสามตัวที่เหลือเป็พิษงูที่หายากมาก หากยืนยันว่าผู้สั่งจ่ายยาเป็คนข้างกายแม่ทัพใหญ่ เช่นนั้นในระยะสองสามปีที่ผ่านมา ไส้ศึกคนนี้จะต้องซื้อพิษงูมาผสมกับยาพิษ และยาพิษประเภทนี้สามารถเก็บไว้ได้สูงสุดหนึ่งวันหลังจากผสมเสร็จ”
หนึ่งวัน!
ทันทีที่หานอวิ๋นซีพูดคำนี้ออกมา แม่ทัพมู่ก็ใ นี่เป็เบาะแส และเป็เบาะแสสำคัญอย่างมาก
แม่ทัพมู่ดีใจอย่างมาก “ฉินหวังเฟย โปรดเขียนชื่องูพิษทั้งสิบตัวด้วย ข้าจะรีบนำไปตรวจสอบ!”
สิ่งที่หานอวิ๋นซีพูดนั้นทำให้มู่หลิวเยวี่ยถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ทั้งยั้งทำให้แม่ทัพมู่และบุตรชายประหลาดใจไม่ต่างกัน แม้ว่าเดิมพันจะสูง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับการหาไส้ศึก
หากไม่พบผู้ทรยศ ทั้งมู่ชิงอู่และแม่ทัพมู่คงต้องตกอยู่ในอันตรายสักวัน นอกจากนี้ เื่นี้อาจเกี่ยวข้องกับสายสืบของอาณาจักรไป๋หลี่ ดังนั้นจึงไม่สามารถประมาทได้
มู่ชิงอู่ไม่ชอบมู่หลิวเยวี่ยมานานแล้ว หวังว่านางจะได้รับบทเรียนเสียที แม่ทัพมู่เองก็ไม่ได้สนใจเื่อื่นมากนักในขณะนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการค้นหาไส้ศึก ส่วนเื่อื่นไว้ค่อยคุยกันในภายหลัง
หานอวิ๋นซีเขียนชื่องูพิษเจ็ดตัวและเหลือไว้อีกสามตัว
“ฉินหวังเฟย มันมีสิบตัวไม่ใช่หรือ?” มู่ชิงอู่ถามด้วยความสงสัย
“ท่านควรตามหาเจ็ดชนิดนี้ก่อน ดูว่าร้านขายยาร้านไหนที่ขายมันและดูว่ามีใครซื้อมันบ้าง ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ส่วนที่เหลือข้าจะจัดการเอง” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
มู่ชิงอู่ที่เป็คนฉลาด ดังนั้นจึงไม่ได้ถามคำถามใดๆ อีก ในขณะเดียวกัน มู่หลิวเยวี่ยที่กำลังเฝ้ามองจากด้านหลังก็กังวลโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่ถึงจะกังวลไปก็เท่านั้น อย่างไรนี่ก็เป็เพียงการคาดเดาของหานอวิ๋นซี และยังไม่ทราบผลการสอบสวนที่ชัดเจน!
มู่หลิวเยวี่ยไม่เชื่อ ดังนั้นนางจึงรีบเขียนจดหมายถึงองค์หญิงฉางผิงทันที
วันนั้นหลังจากที่หานอวิ๋นซีออกไป มู่ชิงอู่ก็ไปสอบสวนเื่นี้เป็การส่วนตัว
เขาใช้เวลาสามวันในการตรวจสอบร้านขายยาทั้งร้านเล็กและร้านใหญ่ทั้งหมดในเมืองชั้นในและรอบนอกของเมืองหลวง ตามที่หานอวิ๋นซีพูด วัตถุดิบยาเหล่านี้มีขายในร้านขายยาหลายแห่ง เพียงแต่ผลลัพธ์การสอบสวนยังคงสร้างความประหลาดใจให้กับเขา
สามวันต่อมา มู่ชิงอู่ไปเยี่ยมเยียนของจวนฉินอ๋องอีกครั้ง
“หวังเฟย มีร้านขายยาสามสิบสองแห่งทั่วเมือง และมีทั้งหมดสิบแห่งที่ขายพิษงูเหล่านี้ แต่...”
มู่ชิงอู่ขมวดคิ้วอย่างจริงจัง “แต่เ้าของร้านขายยาต่างพูดว่าพิษงูเหล่านี้ไม่ได้ใช้กันทั่วไป ถ้าไม่ใช่ใบสั่งยาพิเศษ แทบไม่มีหมอคนไหนกล้าจ่ายยาพิษงูชนิดนี้ ร้านขายยาแปดในสิบแห่งไม่เคยขายพิษงูตัวใดตัวหนึ่งจากเจ็ดตัวเลย ส่วนอีกสองร้านขายไปเพียงครั้งเดียว เมื่อห้าหกปีที่แล้ว”
พิษงูหมื่นตัวสะสมอยู่ในร่างกายของมู่ชิงอู่เป็เวลาเกือบสามปี หากพูดเช่นนี้ ไส้ศึกคงไม่ได้ซื้อพิษงูที่ร้านขายยา
“หวังเฟย เป็ไปได้หรือไม่ว่าพิษงูในมือของไส้ศึกนั้นมาจากที่อื่น และมีการผสมพิษงูหมื่นตัวในจวน?” มู่ชิงอู่คาดเดา
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “ถ้ามันถูกพามาที่นี่ ก็ต้องใช้มันไม่น้อยถึงจะพอ อีกอย่างนี่คือยาพิษ การนำยาพิษจำนวนมากติดตัวไว้ ไม่ใช่สิ่งที่ไส้ศึกจะทำอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้น มีคนส่งมาหรือไม่ก็ผสมมันเรียบร้อยแล้วค่อยส่งไปที่จวนแม่ทัพ” มู่ชิงอู่คาดเดาต่อไป
พิษเรื้อรังชนิดนี้ปกติแล้วสองสามวันจึงจะใช้ครั้งหนึ่ง ยาพิษที่เตรียมไว้ก็สามารถเก็บไว้ได้เพียงวันเดียว มิฉะนั้นมันจะมีรสชาติและสี
“ในระยะเวลาสามปี ก็คงมีของส่งมาที่จวนแม่ทัพใหญ่บ่อยๆ สินะ...” หานอวิ๋นซีครุ่นคิด
จวนแม่ทัพแตกต่างจากจวนอื่นๆ แม่ทัพมู่และแม่ทัพใหญ่อาศัยอยู่ที่นี่ และที่นี่เป็เขตทหารในยุคปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็สำนักงานทางการทหารที่สำคัญ ครึ่งหนึ่งของคนรับใช้ที่นี่เป็ทหารและอีกครึ่งหนึ่งเป็สามัญชน คนรับใช้ที่ไม่ว่าจะเป็ทหารหรือสามัญชน ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกบ่อยๆ
ทันใดนั้น ดวงตาของมู่ชิงอู่ก็เป็ประกายขึ้นมา พร้อมกับอุทานด้วยความใว่า “เหล่าหลี่ที่เก็บน้ำหมัก กับเหล่าหวังที่เทกลิ่นราตรี!”
สองคนนี้ไม่ได้มาสามวันครั้ง แต่มาทุกวัน
อย่างไรนี่ก็เป็เพียงการคาดเดา แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีทิศทางเลย
“แม่ทัพใหญ่ ตามเบาะแสนี้แล้วข้าจะสืบหาต้นตอของพิษงูอีกสามตัว” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
“ตกลง หากมีเหตุอะไร ข้าจะไปรายงานทุกเมื่อ!”
มู่ชิงอู่ลุกขึ้นยืนในท่าทางทหาร กำหมัด คำนับและสั่งการเคลื่อนไหวเป็ชุดอย่างเรียบร้อย ดูแล้วเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่ม
แม้ว่าชายผู้นี้จะอายุน้อยและประสบการณ์ไม่มากนัก ทว่ามีเพียงไม่กี่คนในราชสำนักเท่านั้นที่จะมีท่าทางที่มีพิธีรีตองเช่นนี้ได้
ขณะที่มู่ชิงอู่กำลังจะออกไป หานอวิ๋นซีก็เรียกเขากลับมาอีกครั้ง “แม่ทัพใหญ่ ต่อไปเวลาไม่มีใครอยู่ ไม่ต้องทำตัวสุภาพมากขนาดนั้นก็ได้ ไม่ต้องเรียกข้าว่าหวังเฟย เรียกข้าด้วยชื่อจริงก็พอ”
สีหน้าเด็ดเดี่ยวของมู่ชิงอู่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มสงสัยขึ้นมา ยกมือขึ้นมาเกาศีรษะ ท่าทางของเด็กน้อยร่างใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง “หวังเฟย ท่าน...ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
หานอวิ๋นซีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ช่างเถอะๆ เขาเป็คนที่เคร่งครัดในระเบียบวินัยมากขนาดนั้น นางไม่ควรทำให้เขาลำบากเสียดีกว่า
“ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะ” หานอวิ๋นซีทำได้เพียงยอมแพ้
หลังจากมู่ชิงอู่ออกไป นางก็รีบสั่งให้เสี่ยวเฉินเซียงไปที่จวนกู้ เพื่อนัดพบกับกู้เป่ยเยวี่ย
นางมีเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ดังนั้นวิธีที่เร็วและแม่นยำที่สุดในการไขคดีคือวิธีการกำจัด แม้ว่าจะซื้อพิษงูทั้งเจ็ดชนิดที่หาได้ง่ายในเมืองหลวง แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะมาจากที่อื่น ซึ่งตามสืบไปก็เท่านั้น อย่างไรเบาะแสนี้ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม พิษงูอีกสามชนิดนั้นไม่ใช่เื่ง่ายที่จะได้มา นอกจากนี้ใน่สามปีที่ผ่านมามีการวางพิษไม่น้อย และปริมาณที่ใช้ก็ไม่น้อย หานอวิ๋นซีเชื่อว่าตราบใดที่รู้แหล่งที่มาของพิษงูทั้งสามนี้ ความจริงก็คงอยู่ไม่ไกล
พิษงูทั้งสามชนิดนี้คือมี๋เตี๋ย จู๋ชิง และเซียวเซียง พวกมันล้วนเป็งูขนาดเล็กมาก ยาวเพียงสามหรือสี่ชุ่นเท่านั้น ทว่าพิษของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่างูเหลือมั์พิษที่หานอวิ๋นซีเคยเจอมา
ไม่ถึงขนาดงูเหลือมั์พิษ แต่มี๋เตี๋ย จู๋ชิง และเซียวเซียง พิษงูสามชนิดก็ไม่เบาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญคือการจับพวกมัน มีคนไม่มากนักที่สามารถสกัดพิษงูได้สำเร็จโดยการจับพวกมัน อ้างอิงจากการคาดคะเนของหานอวิ๋นซี ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่หยุนคงที่มีสิ่งนี้คงไม่ต่ำกว่าสิบ!
แน่นอนว่านี่เป็เพียงการคาดคะเนของหานอวิ๋นซี นางไม่มีเส้นสายที่สามารถสืบได้ แต่กู้เป่ยเยวี่ยผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยาคงจะมีเส้นสายอยู่บ้าง
กู้เป่ยเยวี่ยที่ยุ่งมาก ไม่เหมือนครั้งก่อนที่บอกว่าอยากพบก็ได้พบเลย ครานี้ฮ่องเต้ทรงประชวร ดังนั้นเขาจึงอยู่ในวัง ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ และไม่รู้ว่าจะออกจากวังได้เมื่อไร ดังนั้นหานอวิ๋นซีจึงทำได้แต่รอ
“นายหญิง ท่านกับคุณหนูมู่กำหนดเวลาไว้หนึ่งเดือน มันจะทันหรือเพคะ?” เสี่ยวเฉินเซียงกังวลมาก
“ก็แค่หวัดธรรมดา อย่างมากห้าหกวันก็หายแล้ว แม่ทัพใหญ่เองยังต้องใช้เวลารักษาเลย” หานอวิ๋นซีพูดอย่างใจเย็น ในใจก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี โชคดีที่ฮ่องเต้เทียนฮุยไม่ได้ป่วยด้วยโรคร้ายแรงใดๆ มิฉะนั้นกู้เป่ยเยวี่ยอาจจะไม่ได้ออกจากวังแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ
เสี่ยวเฉินเซียงทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกไม่มีความสุข “นายหญิง ทำไมท่านไม่ขอความช่วยเหลือฉินอ๋องล่ะเพคะ?”
เห็นได้ชัดว่าหานอวิ๋นซีได้ยิน แต่กลับแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินและลุกขึ้นเดินออกไป
เสี่ยวเฉินเซียงยังคงพูดพึมพำต่อว่า “ฉินอ๋องมีเส้นสายที่กว้างขวางกว่าหมอกู้เสียอีก นายหญิง ท่านช่างสิ้นเปลืองโดยพลการจริงๆ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดแล้วหันกลับมามองด้วยรอยยิ้ม “ชิ สิ้นเปลืองโดยพลการก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียหน่อย”
แน่นอนว่านางรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยมีเส้นสายที่กว้างขวางและมากกว่ากู้เป่ยเยวี่ย แต่นางไม่เชื่อว่าชายผู้นั้นจะช่วยนางเปล่าๆ โดยที่ไม่ได้อะไรตอบแทน
“นายหญิง แม้ว่าท่านจะอายที่จะขอความช่วยเหลือจากฉินอ๋อง ท่านก็ขอให้แม่ทัพใหญ่ช่วยหาก็ได้นี่เพคะ อย่างไรนี่ก็เป็เื่ของที่จวนแม่ทัพอยู่แล้ว” เสี่ยวเฉินเซียงพูดเตือนอีกครั้ง
ตอนนี้หานอวิ๋นซีหรี่ตาลงและมองไป “ข้าอายที่ไหนกัน?”
เมื่อเห็นท่าทางที่เป็อันตรายบนใบหน้าของเ้านาย เสี่ยวเฉินเซียงก็ปิดปาก พลางคิดในใจว่า “ท่านร้อนตัว...”
ปิดปากของเสี่ยวเฉินเซียงได้แล้ว หานอวิ๋นซีก็เดินออกไปอย่างไม่สนสิ่งใดๆ การที่นางถูกผู้คนกลั่นแกล้งต่างๆ นานาไม่ใช่เพราะไม่ได้รับการยอมรับที่แท้จริงจากหลงเฟยเยี่ยหรือไร หากผู้ชายคนนั้นยอมรับนางจริงๆ นางก็คงจะอยู่ในตำแหน่งฉินหวังเฟยได้อย่างมั่นคง เมื่อมองไปที่ราชสำนักและผู้คนในเทียนหนิงแล้ว จะมีใครกล้ามายั่วยุนางง่ายๆ และทำให้นางขุ่นเคืองล่ะ!
ในยุคนี้ มารดาย่อมให้คุณค่าแก่บุตรของตน ภรรยาย่อมให้คุณค่าแก่สามีของตน และนางที่ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น และคิดที่จะพึ่งตนเอง
ระหว่างรอข่าวคราว หานอวิ๋นซีก็พลิกอ่านตำราหยุนคง ซึ่งเป็หนังสือทั่วไปที่แนะนำประเทศและกองกำลังต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่หยุนคง ใจกลางแผ่นดินใหญ่หยุนคงมีอาณาจักรเทียนหนิง อาณาจักรเป่ยหลี่และอาณาจักรซีโจว ในบรรดาสามอาณาจักรนี้ยังมีเมืองที่มีอำนาจที่มีชื่อเสียงที่สุดอีก นั่นคือเมืองเซียวเหยา เมืองหนี่เอ๋อร์ และเมืองอี
สำนักแพทย์ที่กู้เป่ยเยวี่ยพูดถึงบ่อยๆ เป็สำนักแพทย์ขนาดใหญ่ในเมืองอี อาจกล่าวได้ว่าเป็สถาบันที่มีอำนาจในด้านการแพทย์ของแผ่นดินใหญ่หยุนคงเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ตำราหยุนคงเป็เพียงบทสรุปธรรมดา มีบันทึกข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับตระกูลแพทย์ หานอวิ๋นซีเองก็ไม่พบในสิ่งที่นาง้าในนั้น
“นายหญิง ตระกูลหานเป็หนึ่งในตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเทียนหนิง ว่ากันว่ามียาทิเบตมากมาย”
เสี่ยวเฉินเซียงพูดออกมาเล่นๆ แต่คำพูดเหล่านี้กลับเตือนหานอวิ๋นซีขึ้นมาได้!
ใช่แล้ว ตระกูลหาน!
ในเมืองหลวงเทียนหนิง หรือแม้แต่อาณาจักรเทียนหนิง นอกจากราชวงศ์แล้ว เดาว่าคงไม่มียาทิเบตของตระกูลไหนเทียบกับตระกูลหานได้แน่นอน นางมองข้ามตระกูลหานไปได้อย่างไรกัน?
“ไปกันเถอะ ไปเที่ยวที่ตระกูลหานกัน!” หานอวิ๋นซีตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ในตอนเที่ยงวัน หานอวิ๋นซีพาเสี่ยวเฉินเซียงมาเคาะประตูบ้านของตระกูลหาน
ในตอนที่หานอวิ๋นซีข้ามเวลามา นางก็นั่งอยู่บนเกี้ยวเ้าสาวและออกจากบ้านตระกูลหานแล้ว ความทรงจำที่มีต่อตระกูลหานล้วนมาจากความทรงจำของเ้าของร่างเดิม
“แอ๊ด...”
ทันทีที่ประตูเปิดออก คนเฝ้าประตูที่อยู่ข้างในก็พูดอย่างโกรธเคือง “ใครกันที่ทำให้ข้าไม่ได้นอนกลางวัน?”
“ฉินหวังเฟยเสด็จแล้ว!” เสี่ยวเฉินเซียงะโ
“ฉินหวังเฟยจะมาทำไมที่นี่?”
คนรับใช้ที่ไม่คิดว่าจะจริง ทว่าในไม่ช้าก็สงบสติอารมณ์ลงและเปิดประตูออกกว้างด้วยความใ ทันทีที่เห็นหานอวิ๋นซีก็คุกเข่าลงและคำนับ “นายหญิง! ข้าไม่รู้ว่าหวังเฟยจะมาที่นี่ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!”
คนรับใช้ตัวน้อยค่อนข้างหวาดกลัว ไม่ต้องพูดถึงเขาหรอก ไม่มีใครในตระกูลหานเชื่อว่าหานอวิ๋นซีจะสามารถอภิเษกเข้าจวนฉินอ๋องได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานั้นหลายคนต่างคาดเดาว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้อาจจะตายได้!
ฮ่องเต้สั่งให้อภิเษก แต่ฉินอ๋องปฏิเสธที่จะอภิเษก หาก้าแก้ไขความขัดแย้งนี้ หานอวิ๋นซีต้องตายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่เพียงเข้าประตูได้อย่างราบรื่น ทว่านิสัยของนางยังเปลี่ยนไป ทักษะทางการแพทย์ของนางพัฒนาขึ้นอย่างก้าวะโ และรักษาแม่ทัพใหญ่จนมีชื่อเสียงอยู่พักหนึ่ง
นอกจากนี้ ไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวลือว่าคุณหนูใหญ่มีส่วนร่วมในการรักษาโรคแปลกประหลาดของไท่จื่อ ท่านผู้าุโถูกตัดสินให้ถูกลงโทษ แต่คุณหนูใหญ่กลับปลอดภัยดี นี่เป็เื่ที่ชาวบ้านพูดกันโดยทั่วไป
“ลุกขึ้นเถอะ” หานอวิ๋นซีพูดอย่างเ็า
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและเห็นความงามของหานอวิ๋นซีก็ประหลาดใจอย่างมาก แต่เมื่อเผชิญกับสายตาที่แหลมคมของหานอวิ๋นซี เขาก็ไม่กล้าที่จะมองอีกต่อไป ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าข่าวลือเ่าั้เป็ความจริง เขารีบลุกขึ้น แต่ก็กลับไม่กล้าที่จะยืดตัวตรง
หานอวิ๋นซีนั่งลงบนธรณีประตูอย่างสงบและถามว่า “มีฮูหยินอีกกี่คนในบ้านนี้?”
ชายหนุ่มที่ไม่กล้าปิดบัง เขาจึงรีบตอบตามความจริงไป