ผ่านไปอีกสองวันและเช้านี้ที่บริเวณหน้าจวน มีฮูหยินเอกและบ่าวไพร่บางส่วน ไปยืนรอต้อนรับนายท่านเสิ่นอย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานก็มีรถม้าฅขนาดกลางมาหยุดที่หน้าจวน ซึ่งมีร่างบุรุษที่สตรีในเรือนเฝ้ารอคอยมาหลายเดือน ได้ก้าวลงมาด้วยท่าทางสง่างามสมกับเป็ขุนนางในราชสำนัก
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว ยินดีต้อนกลับจวนเ้าค่ะ” ฮูหยินเอกเอ่ยเรียกสามีด้วยความดีใจ
“ฮูหยินเ้าสบายดีหรือไม่ หลายปีมานี้ลำบากเ้าแล้ว คนอื่น ๆ เล่าทำไมถึงมีเ้าคนเดียวที่มารอข้า” นายท่านเสิ่นหันไปมองก็เจอแค่บ่าวไพร่ แล้วบุตรชายกับอนุทั้งสองของเขาหายไปไหนกันหมด
“ท่านพี่เดินทางไกลคงเหนื่อยล้าอยู่บ้าง ข้าว่าท่านเข้าไปพักผ่อนในเรือนก่อนดีกว่าเ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ท่านฟังทีหลัง” นางจะพูดตอนนี้ได้อย่างไร หน้าจวนมีผู้คนผ่านไปมามากมาย หากใครได้ยินเข้าต้องกลายเป็เื่เล่าในวงน้ำชาทั่วเมืองหลวงเป็แน่
“อืม ก็ดีเหมือนกัน” นายท่านเสิ่นเดินเข้าไปนั่งพักผ่อนในห้องโถงที่เป็เรือนรับรอง
“น้ำชาเ้าค่ะท่านพี่” ฮูหยินเอกพูดด้วยท่าทางเอาใจใส่สามี
“ท่านพี่เ้าคะ ตอนนี้ห่าวเอ๋อร์ได้รับาเ็จากอุบัติเหตุนอนรักษาตัวอยู่ที่เรือน ส่วนอนุทั้งสองพวกนางทำความผิด ข้าจึงลงโทษตามกฎของบ้านและกักตัวให้อยู่แต่ในเรือน วันนี้จึงมีเพียงข้าที่ออกไปรอต้อนรับท่านพี่เ้าค่ะ ท่านพี่เพิ่งกลับมาถึง ข้าจะให้คนไปเตรียมน้ำร้อนให้ท่านได้ชำระล้างร่างกาย เพื่อที่ท่านจะได้พักผ่อนให้หายเหนื่อย อย่าให้เื่เหล่านี้กวนใจท่านเลยพรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถิดเ้าค่ะ” นางบอกเล่าเื่ราวออกไปเพียงบางส่วน เพราะยังไม่อยากทำให้สามีอารมณ์เสีย ั้แ่วันแรกที่กลับมาถึง
“ขอบใจมากฮูหยิน ข้าจะไปที่ห้องหนังสือเพื่อจัดการงานสักเล็กน้อย คืนนี้ข้าจะไปค้างที่เรือนของเ้าก็แล้วกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วเ้าก็กลับไปพักเถิด” นายท่านเสิ่นกล่าวกับฮูหยินและจ้องมองนางด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“เ้าค่ะท่านพี่” นางรับคำก้มหน้าเขินอาย แต่ในใจนั้นแทบจะทนรอให้ถึงเวลานั้นไม่ไหว
ทางด้านเสิ่นซีห่าวก็รับรู้ว่าบิดากลับมาถึงจวน แต่เขาไม่มีความรู้สึกยินดีเหมือนที่เคยผ่านมาสักนิด ไหนเขาเคยบอกว่าจะไม่รับสตรีอื่นเข้าจวนให้มารดาต้องเจ็บช้ำน้ำใจ แล้วการที่เขาแอบเลี้ยงสตรีไว้ จนมีบุตรชายด้วยกันอีกมันหมายความว่าอย่างไร
ทั้งยังปกปิดได้แเีมานานหลายปีโดยไม่มีใครระแคะระคาย ในใจซีห่าวก็อยากจะสืบความจริงแต่ก็กลัวว่า ถ้าหากเป็ความจริงแล้วมารดาได้รับรู้นางจะเสียใจมากแค่ไหน แต่เขารู้สึกว่ามันจะต้องเป็เื่ราวใหญ่โตมากแน่นอน ซึ่งมันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงในวันหน้าของตนด้วยเช่นกัน
ทางด้านอนุทั้งสองก็ร้อนรนนั่งไม่ติดเช่นกัน ไม่รู้ว่าฮูหยินจะใส่ร้ายพวกนางอย่างไรบ้าง นายท่านกลับมาทั้งทีจะออกไปรับก็ไม่ได้ จะรอให้เขามาหาก็ไม่รู้จะได้มาเมื่อไหร่ การกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ นายท่านจะรั้งอยู่กี่วันกี่เดือนก็ไม่อาจทราบได้ พวกนางอึดอัดจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้การ!! พวกนางต้องรีบวางแผนสร้างสถานการณ์ เพื่อให้นายท่านมาหาที่เรือนให้ได้
ข้างในห้องนอนเรือนฮูหยินเอกก็มีเสียงพูดคุยของสามีภรรยา ก่อนที่ฮูหยินจะรู้สึกน้อยใจกับเื่ที่ได้ยินจากปากของสามี
“ข้ากลับมาเมืองหลวงครั้งนี้คงได้พักผ่อนสักครึ่งปีกระมัง เพราะต้องจัดการสะสางงานที่ต้องเขียนรายงานที่ค้างอยู่ หลังจากนั้นยังต้องออกเดินทางไปตรวจสอบขุนนาง ที่อยู่ด้านทิศประจิมอีกครั้ง” นายท่านเสิ่นเอ่ยบอกกับฮูหยินเอกแต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นมิใช่ความจริงทั้งหมด
“อะไรนะเ้าคะ!! มิใช่ว่าเสร็จภารกิจจากแดนใต้ ท่านพี่จะรั้งอยู่ที่นี่จนถึงปลายฤดูใบไม้ผลิหรอกหรือ” นางพูดออกไปด้วยความรู้สึกน้อยใจสามี
“แม้ข้ามีใจอยากจะอยู่เมืองหลวงให้นานกว่านี้ แต่การหมุนวนตรวจสอบขุนนางกังฉินไม่อาจปล่อยให้ร้างลานานเกินไป หากเป็เช่นนั้นย่อมเกิดการทุจริตอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายต่อราชสำนักเอาได้น่ะสิ” นายท่านเสิ่นอธิบายด้วยท่าทางใจเย็น
“เหตุใดต้องเป็ท่านพี่ของข้า ที่ต้องรับภารกิจนี้เพียงผู้เดียวด้วยเ้าคะ ท่านพี่ไม่คิดถึงข้ากับบุตรชายของเราหรือเ้าคะ” ฮูหยินสวมกอดสามีพร้อมกล่าวด้วยความออดอ้อนสามี
“เื่นี้ข้าคงตอบเ้าไม่ได้เพราะนี่เป็รับสั่งของฝ่าา ไว้ข้าจะพยายามทำงานให้เสร็จโดยเร็ว แล้วรีบกลับมาหาเ้ากับห่าวเอ๋อร์ดีหรือไม่”
หลังจบบทสนทนาไม่นาน ก็มีเสียงครวญครางดังออกมาจากห้องของฮูหยินเอก เหล่าสาวใช้ต่างเขินอายพากันแยกย้ายไปให้ห่างจากตัวเรือน
‘แหมมมม กลับมายังไม่ถึงหนึ่งวันก็มีความสุขกันซะจริง รีบกอบโกยความสุขเอาไว้ให้มากเข้าล่ะ ท่านยังไม่ได้รับของขวัญจากข้าเลยนะนายท่านเสิ่น หึ ๆ’ เงาดำรูปร่างเล็กบนต้นไม้ข้างเรือนเอ่ยขึ้นในใจ สักพักก็หายไปจากบริเวณนั้นทันที
