เหยาซื่อเฟิงรอมาทั้งคืน จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลอยโด่งก็ยังคงไม่มีผู้ใดกลับมา หัวใจเขาเริ่มจมดิ่งลงไปทีละน้อย
การเดินหมากครั้งนี้ เขาเลือกเดินผิดไปอย่างนั้นหรือ?
“นายท่าน” เงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว เขาประสานมือพร้อมกับคุกเข่าลง “คนที่เราส่งไปตายหมดแล้วขอรับ”
“ตายหมดแล้ว!”
เหยาซื่อเฟิงผุดลุกขึ้นอย่างแรง พลันรู้สึกว่าโลกหมุนคว้างจนต้องรีบคว้าโต๊ะไว้เพื่อประคองตนไม่ให้ล้มลงไปให้เสียหน้า
เป็ไปไม่ได้ที่เหยาเชียนเชียนจะสามารถปกป้องตัวเองได้เช่นนั้น ผู้ที่สามารถช่วยนางได้มีเพียงสองคนเท่านั้น คนแรกคือองค์ชายสามเป่ยเซวียนเฉิง และคนที่สองคือฉินอ๋อง [1] เป่ยเหลียนโม่
“คนพวกนั้นล้วนตายด้วยฝีมือของยอดฝีมือ และตายในทันที ส่วนที่เหลือไม่กี่คนก็ปลิดชีพตัวเอง อาจด้วยรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงตัดสินใจเช่นนั้น”
หน้าผากของเหยาซื่อเฟิงมีเหงื่อเย็นเม็ดละเอียดซึมออกมา เขาค้ำโต๊ะเดินกลับไปช้าๆ และทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีคนที่สามารถช่วยเหยาเชียนเชียนให้พ้นจากอันตรายครั้งนี้ได้
ในเมื่ออีกฝ่ายเป็ยอดฝีมือ เช่นนั้นก็ต้องเป็หนึ่งในสองคนนี้
องค์ชายสามร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยบ่อยครั้งั้แ่เยาว์วัย ทว่าข้างกายเขามีคนที่มีความสามารถไม่น้อย ส่วนชิงผิงอ๋อง เขายกทัพจับศึกในสนามรบหลายปี มีองครักษ์ที่เกรียงไกรกองหนึ่งใต้บังคับบัญชาซึ่งว่ากันว่าสามารถต่อสู้แบบหนึ่งต่อร้อยได้
เช่นนั้นเป็ผู้ใดกัน?
หากเป็องค์ชายสามเขาก็ยังสามารถอธิบายได้ว่าทำไปเพื่อไม่ให้บุตรสาวอกตัญญูผู้นั้นทำลายแผนการของพวกเขา การปลิดชีวิตนางไปก่อนก็ถือว่าเป็เื่ดี เขาจงรักภักดีต่อองค์ชายสาม ดังนั้นองค์ชายสามจะไม่กล่าวโทษเขาแน่นอน
แต่หากเป็ชิงผิงอ๋อง เช่นนั้นเื่นี้ก็ยุ่งยากแล้ว
“วันนี้จวนชิงผิงอ๋องมีเหตุการณ์ผิดปกติหรือไม่” เขาถาม
“ไม่มีจุดผิดปกติขอรับ ทว่าจวนชิงผิงอ๋องมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดมาตลอด จึงทำให้ยากต่อการสอบถามข่าวคราวขอรับ”
เหยาซื่อเฟิงขมวดคิ้วเป็ปม หากเป็ฝีมือของชิงผิงอ๋องจริง อาศัยเพียงกำลังของชายผู้นั้น หาก้าสืบสาวถึงตัวเขานั้นเป็เื่ที่ง่ายดายมาก
หากเื่นี้ทำให้เขาเดือดร้อนจริง มันจะไม่เป็การเพิ่มหายนะให้ตัวเองหรือ
“ไปพาตัวทาสสุนัขผู้นั้นมา!”
เหยาซื่อเฟิงยกมือขึ้นขว้างถ้วยชาจนแตก หากไม่ใช่เพราะทาสสุนัขผู้นั้นสาบานกับเขาว่าเหยาเชียนเชียนอยู่ที่จวนอ๋องไม่เคยเป็ที่โปรดปรานมาแต่ไหนแต่ไร เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้ได้อย่างไร
แม่นมถูกโยนเข้ามาในสภาพราวกับเศษผ้าขาด นางรีบถลาไปกลางห้องและโขกศีรษะสารภาพผิด
ั้แ่นางออกมาจากจวนอ๋องก็กลับมาที่จวนตระกูลเหยา ยามนี้เมื่อดูสถานการณ์แล้ว เกรงว่านายท่านจะโกรธคุณหนูไม่น้อย นางจึงจำเป็ต้องทนทุกข์อยู่บ้าง
“วันนั้นเ้าพูดกับข้าว่าอย่างไร” เหยาซื่อเฟิงยื่นมือออกไปฉวยแส้บนกำแพง “เ้าบอกว่าเหยาเชียนเชียนอยู่ที่จวนอ๋องถูกละเลย บอกว่าชิงผิงอ๋องไม่สนใจไยดีนาง ท่าทีที่แสดงออกว่ารักกันยามที่กลับมาเยี่ยมครอบครัวเป็สิ่งที่แสร้งทำต่อหน้าผู้อื่น ใช่หรือไม่?”
แม่นมตัวสั่นระริก นางไม่มีเจตนาปิดบังแม้แต่น้อย ชิงผิงอ๋องเ็าต่อเหยาเชียนเชียนจริงๆ เขาคุมขังคุณหนูไว้หนึ่งวันหนึ่งคืน ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ นี่เป็สิ่งที่คนทั้งจวนอ๋องต่างก็รู้กัน
“นายท่าน เื่นี้เป็เื่จริงแท้แน่นอน บ่าวไม่กล้าโกหกนายท่านแน่ๆ เ้าค่ะ!”
เหยาซื่อเฟิงสะบัดแส้ในมือ ตัวแส้เต็มไปด้วยหนามแหลมคม หากหวดลงไปเต็มแรงต้องทำให้ิัฉีกขาดเป็แน่
“เช่นนั้นเ้าหมายความว่าชิงผิงอ๋องยอมส่งองครักษ์เงาไปคุ้มกันนางที่ไม่มีความสำคัญต่อตน ถึงกระทั่งที่เขาเอือมระอาหรือ เ้าคิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร?”
แส้สีดำฟาดลงมาพร้อมกับเสียงเสียดสีกับลมดังหวีดหวิวและกระทบลงบนร่างกายของแม่นมอย่างแรง รอยเืสีสดทางหนึ่งซึมผ่านเนื้อผ้าออกมา แม่นมส่งเสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งและฟุบลงบนพื้นพลางหายใจหอบ
“นายท่าน ไว้...ไว้ชีวิตด้วย บ่าวไม่กล้าหลอกลวงท่าน ที่บ่าวพูดล้วนเป็ความจริงทั้งหมดเ้าค่ะ...”
บางทีแววมืดครึ้มในดวงตาของเหยาซื่อเฟิงก็ราวกับจะจับนางถลกหนังและกลืนลงไปทั้งเป็
เดิมทีเขาก็คิดเช่นนั้น ไม่เคยได้ยินว่าชิงผิงอ๋องสนใจในตัวสตรีผู้นี้ั้แ่ไหนแต่ไร แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะไปวิงวอนขอสมรสพระราชทานต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ อีกทั้งยังกล่าววิงวอนด้วยน้ำใสใจจริงเช่นนั้น
การอภิเษกสมรสครั้งนี้จึงถูกจัดขึ้นอย่างฉับพลันจริงๆ เขาทำได้เพียงปรึกษากับองค์ชายสาม ในเมื่อต้องแต่งแน่นอนแล้ว เช่นนั้นก็ถือโอกาสแต่งแต้มสีสันให้ชิงผิงอ๋องดูสักหน่อย
ทว่าเื่ต่างๆ ก็เริ่มต้นหลังจากเหยาเชียนเชียนล้มเหลวในคืนพิธีอภิเษกสมรส ั้แ่นั้นมาทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็ยุ่งเหยิง
อย่างแรกคือสตรีผู้นี้เปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน นางไม่เชื่อฟังผู้ใดทั้งนั้น กระทั่งเมื่อได้พบองค์ชายสามก็ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาราวกับคนสติฟั่นเฟือน
หลังจากนั้นก็คือชิงผิงอ๋อง เห็นได้ชัดว่าเื่ความรู้สึกที่มีต่อเหยาเชียนเชียนนั้นเป็สิ่งที่ปั้นแต่งขึ้นมาเอง แต่เขาก็ยังทำการอย่างรอบคอบ โดยการกลับมาเยี่ยมครอบครัวกับนาง และแสดงความรักต่อสายตาผู้อื่น
แม้กระทั่งแผนลอบสังหารครั้งนี้ เขาก็ยื่นมือออกมาช่วยเหลือนาง
“กรี๊ด!”
แม่นมกรีดร้อง เหยาซื่อเฟิงฟาดแส้ลงไปอีกครั้งหนึ่ง เขามีสีหน้าดุดัน ดวงตามืดครึ้ม
“ในเมื่อเ้าพูดได้อย่างจริงใจถึงเพียงนั้น เช่นนั้นลองอธิบายให้ข้าฟังสักหน่อย เหตุใดชิงผิงอ๋องถึงต้องยื่นมือช่วยเหลือ เหตุใดจึงไม่ปล่อยให้คนของข้าฆ่านางไปเสีย กลับกันเขายังเลี้ยงดูนางอยู่ในจวนเป็อย่างดี”
เหยาซื่อเฟิงคิดว่าเขาถูกทั้งคู่ปั่นประสาทเสียจนหัวหมุน ความอับอายและความโกรธประกอบกับความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ทำให้เหยาซื่อเฟิงสะบัดมือหวดแส้อย่างรุนแรง เืสีสดที่เปื้อนอยู่บนแส้สีดำสนิทมีแต่จะทำให้มันยิ่งดูสดใสมากขึ้นเท่านั้น
แม่นมในคราแรกยังส่งเสียงกรีดร้องอยู่บ้าง จนเสียงค่อยๆ อ่อนแรงลง และในที่สุดเหยาซื่อเฟิงก็ยอมหยุดมือ กว่าเขาจะคลายไอขุ่นในใจลงได้ คนที่อยู่บนพื้นก็เนื้อปริแตกไปเสียแล้ว เืสีแดงสดกลืนไปกับกระดูกสีขาว เพียงมองแวบแรกก็ราวกับได้เห็นนรกบนดิน
“โยนออกไป” เหยาซื่อเฟิงสั่ง
คนไร้ประโยชน์เช่นนางสมควรถูกจัดการไปตั้งนานแล้ว นางทำให้เขาวางหมากผิดไปโดยเสียเปล่า อีกทั้งยังอาจทำให้ชิงผิงอ๋องตื่นตัวและสงสัย เพียงลงแส้ไม่กี่ทียังถือว่าน้อยเกินไปสำหรับนางเสียด้วยซ้ำ
เื่มาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงกำชับให้คนใต้บัญชาคอยเฝ้าระวังจวนชิงผิงอ๋องให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เป่ยเหลียนโม่หาจังหวะแก้แค้นได้
“ลูกรัก ครั้งนี้ถือว่าดวงเ้าแข็ง แต่เ้าควรอยู่ใกล้ๆ ชิงผิงอ๋องไปตลอดชีวิตจะดีที่สุด มิเช่นนั้นจุดจบของผู้ที่ทรยศต่อองค์ชายสาม พ่อจะให้เ้าได้ลิ้มรสมันอย่างแน่นอน”
สายลมแ่พัดพาใบไม้ร่วงใบหนึ่งให้ลอยล่องและตกลงบนศีรษะของเหยาเชียนเชียน
นางปัดมันออกด้วยความรำคาญ ั้แ่เป่ยเหลียนโม่บอกเื่นั้น นางก็นั่งอยู่ในสวนแห่งนี้ตลอดทั้งบ่าย
เหยาซื่อเฟิง เขาเป็บิดาของเ้าของร่างเดิมแท้ๆ แต่ก็ยังสามารถวางแผนสังหารโเี้ได้ ช่างสติฟั่นเฟือนและไร้มนุษยธรรมโดยแท้!
“เหตุใดจึงมีคนจ้องจะฆ่าข้าเยอะขนาดนี้” นางพึมพำ “หากเทียบกันแล้ว ชิงผิงอ๋องก็ยังดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ยังถือว่าพูดกันด้วยเหตุผล เขาทำเพื่ออาเหยียนน้อยและยอมให้โอกาสคนไม่ดีอย่างข้าได้กลับตัวกลับใจ”
ยามนี้นางไม่มีเครื่องรางใดๆ เลย ตรงกันข้ามยังมีคนจำนวนหนึ่ง้าชีวิตของนางทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
ยิ่งไปกว่านั้น หากต้องเปรียบเทียบกัน นางเลือกชิงผิงอ๋องย่อมดีกว่า เขาไม่ใช่คนที่จะคิดบัญชีผู้ใดลับหลัง แม้บางครั้งเขาจะโกรธนาง แต่ก็มักจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา และจะไม่ใช้วิธีการที่สกปรกต่ำตมเช่นนั้น
“นี่ข้ากำลังเปรียบเทียบคนที่จ้องจะฆ่าตัวเองว่าผู้ใดจิตใจดีกว่ากันอยู่หรือ” เหยาเชียนเชียนยิ้มขมขื่น “มีคนที่ย้อนเวลากลับมาคนไหนโชคร้ายกว่าข้าอีกหรือไม่?”
นางสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน พลางปัดเศษดินบนตัวเล็กน้อย และมองไปทางสวนซึ่งห่างกับนางเพียงกำแพงกั้น ที่นั่นคือสถานที่พำนักของเป่ยเหลียนโม่
“ยามนี้ข้าทำได้แค่เกาะแข้งเกาะขาเขาไปก่อน” เหยาเชียนเชียนกำหมัดอย่างเงียบเชียบ “แต่มีปัญหาหนึ่งที่ต้องแก้ไขเสียก่อน”
นางไปชิงอาหารเล็กๆ น้อยๆ จากในห้องเครื่องโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของสาวใช้ข้างหลัง นั่นคือของว่างของหลิ่วอี๋เหนียง นางยกอาหารไปหาเป่ยเหลียนโม่ด้วยรอยยิ้มงดงามดุจดอกไม้
“วันนี้หวังเฟยคิดถึงเปิ่นหวังขึ้นมาบ้างแล้วหรือ” เป่ยเหลียนโม่เหลือบมองของว่างในมือนางเล็กน้อย มีเถาฮวาซู [2] ลูกชิ้นปี้ซุ่ย [3] และขนมฝูหรงอวี้ [4]
แย่งชิงสิ่งของของผู้อื่นมาประจบเขา นับวันนางก็ยิ่งเก่งกล้า
“ท่านอ๋องล้อเล่นแล้ว หม่อมฉันคิดถึงท่านอ๋องทุกเวลาอยู่แล้วเพคะ” เหยาเชียนเชียนวางของว่างลงบนโต๊ะ และบิขนมเป็ชิ้นอย่างกระตือรือร้น “ท่านอ๋องอยากลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่ดันออกอย่างไร้เยื่อใย เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมองนางแวบหนึ่ง
“มีเื่อันใด”
แม้ว่าจะเ็าไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ไม่เหลือช่องทางให้ปรึกษาอย่างสิ้นเชิง
เหยาเชียนเชียนวางของว่างลง คอยสังเกตสีหน้าของเขาพร้อมกับกล่าวอย่างละมุนละม่อมว่า “ท่านอ๋องทรงสืบพบแล้วใช่หรือไม่เพคะว่าผู้ใดลอบทำร้ายหม่อมฉัน ต่อไปก็จะนำตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายใช่หรือไม่เพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่หัวเราะเบาๆ “แต่นั่นคือท่านพ่อของเ้า”
เื่มาถึงจุดนี้แล้ว ยังหยิบยกความสัมพันธ์บิดาและบุตรสาวมาพูดราวกับจงใจฉีกหน้านาง เหยาเชียนเชียนบีบน้ำตาสองหยดแสร้งทำเป็ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก
“นับั้แ่ที่ท่านพ่อวางแผนฆ่าหม่อมฉันอย่างโเี้ ความสัมพันธ์ของหม่อมฉันกับเขาก็ได้สิ้นสุดลงแล้วเพคะ โดยมีเขาเป็ผู้ตัดสายสัมพันธ์นั้นด้วยตัวเอง จงใจสังหารหวังเฟยโดยไร้มูลเหตุ แม้ใจของหม่อมฉันจะเ็ป แต่ก็มิอาจปล่อยให้เขาหลงผิดไปมากกว่านี้ได้แล้วเพคะ”
เหยาเชียนเชียนปิดหน้าร่ำไห้พลางลอบมองเป่ยเหลียนโม่ เมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่สะทกสะท้าน จึงทำได้เพียงถลาเข้าไปปัดกระดาษและพู่กันจนตก และทรุดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านอ๋องได้โปรดสนองความกตัญญูของหม่อมฉันด้วยเถิด ให้หม่อมฉันได้ยุติความผิดของท่านพ่อ หม่อมฉันคิดว่าในอนาคตเขาจะเข้าใจแล้วจะไม่กล่าวโทษหม่อมฉันแน่นอนเพคะ”
จุดสีดำกระเด็นเปื้อนทั้งร่างของเป่ยเหลียนโม่ เมื่อได้ฟังถ้อยคำอันมีพลังเกี่ยวกับการลงโทษญาติมิตรเพื่อผดุงความยุติธรรมเช่นนี้ของนาง เขาจึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาคลุมเครือ พลางบีบคางของนางเบาๆ บังคับให้เงยหน้าขึ้นมองเขา
“โทษของความผิดฐานลอบสังหารหวังเฟยคือปะาชีวิตทั้งตระกูล ใต้เท้าเหยาจะมีอนาคตได้อย่างไร”
ก้านนิ้วเรียวยาวลูบไล้กรอบหน้าของนางแ่เบา ราวกับส่งผ่านความอ่อนโยนทางปลายนิ้ว ทว่าความอ่อนโยนนั้นกลับทำให้เหยาเชียนเชียนตัวแข็งทื่อขึ้นมาทีละน้อย นางมองไม่เห็นความอ่อนโยนในแววตาของเป่ยเหลียนโม่แม้แต่นิดเดียว
“หม่อมฉันยึดมั่นในกฎหมายของเป่ยจิ้ง หม่อมฉันมีความอาวรณ์ แต่ไม่อาจปล่อยให้ท่านพ่อหลีกเลี่ยงความผิดอย่างเปิดเผยได้อีก ท่านอ๋องคิดว่าถูกต้อง...หรือไม่เพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่พยักหน้า เขากดรอยบุ๋มที่มุมปากลึกลงไปอีก ใบหน้าหล่อเหลาแนบชิดนาง กระทั่งลมหายใจก็พัวพันเข้าด้วยกัน
“เ้าเป็คนแรกที่ใช้เปิ่นหวังเป็หมาก”
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา
เป่ยเหลียนโม่ใช้มือข้างเดียวบีบคอเหยาเชียนเชียน สีหน้าของเขายังคงเดิม เห็นเพียงรอยยิ้มบางเบาตรงมุมปาก กระทั่งอาจเข้าใจผิดได้ว่าเขากำลังวาดคิ้วให้สตรีอันเป็ที่รัก สีหน้าจึงจดจ่อและอ่อนโยน
เสมือนสิ่งที่อยู่ในกำมือเขานั้นไม่ใช่ชีวิตของนาง แต่เป็ดินสอเขียนคิ้วอันเล็กเล่มหนึ่ง
“ท่านอ๋อง แค่ก! หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเพคะ แค่...แค่ไม่อยากให้ท่านพ่อทำผิดซ้ำและเดือดร้อนถึงคนอื่นในตระกูล...”
“เ้าวางแผนสังหารอาเหยียนล้มเหลว เ้าจึงวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเขาโดยใช้คำพูดอันไพเราะกล่าวประจบประแจง วันที่กลับไปเยี่ยมครอบครัวก็ตั้งใจทำเป็ขัดแย้งกับเหยาซื่อเฟิงให้เปิ่นหวังเห็น กระทั่งวางแผนการลอบสังหารนี้ขึ้นมา และวิ่งแจ้นมากล่าวคำเหล่านี้ต่อหน้าเปิ่นหวัง”
เป่ยเหลียนโม่เพิ่มแรงมากขึ้นทีละน้อย เห็นสีหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็สีแดง มือบอบบางพยายามโบกอย่างสุดชีวิต พยายามช่วยชีวิตตัวเองออกจากฝ่ามือของเขา
“แผนต่อเนื่องนี้ช่างสมบูรณ์แบบ ทั้งกล้าบ้าบิ่นและละเอียดรอบคอบ สมกับเป็คุณหนูสามแห่งตระกูลเหยา โชคดีที่เปิ่นหวังไม่ได้ประเมินเ้าต่ำไป มิเช่นนั้นในวันนี้ก็คงเชื่อคำพูดของเ้า และตั้งข้อหาว่าร้ายขุนนางคนสำคัญไปเสียแล้ว”
คนบ้า!
เหตุใดเขาจึงมีบทละครเยอะขนาดนี้นะ!
เหยาเชียนเชียนวิงเวียนศีรษะและดวงตาพร่าเลือน การขาดอากาศทำให้นางเริ่มอ่อนแรง ใบหน้างดงามของเป่ยเหลียนโม่อยู่ตรงหน้า แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็คว้าไว้ไม่ได้
“อาเหยียน ช่วยด้วย...”
เชิงอรรถ
[1] ฉินอ๋อง หมายถึง องค์ชายลำดับที่สี่
[2] เถาฮวาซู หมายถึง ขนมปั้นเป็รูปทรงดอกท้อ ใช้น้ำมันหมูเป็ส่วนผสมหลักเพื่อให้มีความกรอบนาน มีทั้งไส้ถั่วและไส้มัน
[3] ลูกชิ้นปี้ซุ่ย หมายถึง ของว่างชนิดหนึ่ง มีส่วนผสมหลักเป็ผักโขมและผักชี
[4] ขนมฝูหรงอวี้ หมายถึง ขนมชนิดหนึ่งที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมสีเหลืองทอง
