นางตกตะลึง
เ้าก้อนแป้งน้อยเองก็อยู่ในอาการตกตะลึงไม่ต่างกัน
เขาสวมอาภรณ์ผ้าแพรสีไข่มุกทั้งชุด บนศีรษะมวยผมเอาไว้ ใบหน้าเล็กๆ นั้นเงยขึ้น ดวงตาดำขลับราวกับขนกาทอประกายมองนางด้วยความประหลาดใจ
“พี่สาว ท่านเป็เทพเซียนที่ลงมาจากสรวงสรรค์หรือไรเมื่อสักครู่สิ่งของเ่าั้หายไปไหนหมดแล้ว” น้ำเสียงของเ้าก้อนแป้งน้อยทั้งออดอ้อนออเซาะ ได้ยินแล้วหัวใจเฟิ่งเฉี่ยนแทบจะละลาย
เมื่อสักครู่นางมัวแต่ใจจดใจจ่อกับการเก็บวัตถุดิบด้วยอารามดีใจเกินกว่าเหตุ จึงไม่ทันได้สังเกตว่าในห้องนี้มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
นางย่อกายลงมาบีบแก้มที่อุดมไปด้วยเนื้อของเ้าก้อนแป้งน้อยและถามว่า “เ้าเป็ใครกัน เหตุใดจึงวิ่งเข้ามาในห้องทรงพระอักษร”
“ข้าชื่อ เย่เอ๋อร์ ข้ามา...ข้ามา...” เ้าก้อนแป้งน้อยหน้าแดงก่ำ สายตาของเขามองไปที่วัตถุดิบสำหรับทำอาหารเ่าั้พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ ท้องของเขาก็ให้ความร่วมมือเป็อย่างดีด้วยการส่งเสียงร้องดังโครกครากขึ้นมาครั้งหนึ่ง
เฟิ่งเฉี่ยนสุขใจอย่างยิ่ง ที่แท้ก็เป็จะกละตัวน้อยนี่เอง วิ่งมาหาของกินในห้องทรงพระอักษร
“ไม่สู้พวกเรามาทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกันดีหรือไม่ เ้าช่วยพี่สาวเก็บเื่เมื่อสักครู่เป็ความลับ พี่สาวทำของอร่อยให้เ้ากิน”
“อื้อ!” ศีรษะเล็กๆ นั้นผงกลง เ้าก้อนแป้งน้อยยื่นนิ้วมือเล็กๆ ออกมาเพื่อทำพันธะสัญญา “พวกเรามาเกี่ยวก้อยกัน หากใครผิดสัญญาคนนั้นเป็ลูกสุนัข!”
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกขำแต่ก็ยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อยกับเขา
“เย่เอ๋อร์ เ้าอยากกินอะไร”
“เย่เอ๋อร์อยากกินข้าวปั้น ยิ่งเยอะยิ่งดี!” เ้าก้อนแป้งน้อยเขย่งปลายเท้า มือเล็กๆ นั้นวาดเป็วงกลมขนาดใหญ่
“เอ๊ะ มีข้อเรียกร้องเพียงเท่านี้หรือ” เฟิ่งเฉี่ยนลูบศีรษะเล็กๆ ของเขาเบาๆ ถามอย่างใจกว้างว่า “เ้าอยากกินข้าวผัดไข่หรือไม่ ข้าวผัดไข่ที่พี่สาวทำเป็ข้าวผัดที่หากินที่ไหนบนแผ่นดินนี้ไม่ได้ กินแค่คำเดียวก็ทำให้เ้ารู้สึกเอร็ดอร่อยจนน้ำตาไหล อร่อยเสียจนแทบจะเหาะได้!”
เด็กน้อยนี่นา ต้องคุยโวโอ้อวดกับเขาสักหน่อย คงไม่ใช่เื่ผิดกฎหมายกระมัง
เ้าก้อนแป้งน้อยดวงตาเปล่งประกาย “จริงหรือ”
“จริงเสียยิ่งกว่าจริง!”
เฟิ่งเฉี่ยนตัดสินใจแสดงฝีมือต่อหน้าสหายตัวน้อย จึงออกจากห้องเก็บของเพื่อเข้าไปในห้องเครื่อง ม้วนแขนเสื้อขึ้นมาเริ่มก่อไฟ
เ้าก้อนแป้งน้อยเองก็ไม่ได้อยู่ว่าง เดินตามก้นนางต้อยๆ หมุนไปหมุนมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ห่างไปเพียงกำแพงกั้น ควันไฟลอยคลุ้งออกมาจากห้องเครื่อง ทั้งยังได้กลิ่นหอมของข้าวสวยและอาหารเลิศรส ทำให้คนรู้สึกหิวขึ้นมา
ด้านหน้าเตาไฟของห้องเครื่อง เฟิ่งเฉี่ยนอยู่ในท่าหม่าปู้[1] ในมือถือจวักแปลงกายพันชั่งกำลังผัดข้าวผัดไข่ในท่วงท่าว่องไวจนทำให้คนตกตะลึง ข้าวสวยจวักหนึ่งเพิ่งจะถูกตักขึ้นมา ยังไม่ทันได้ตกลงบนกระทะ ข้าวอีกจวักหนึ่งก็ลอยขึ้นมา ทำเช่นนี้ซ้ำๆ เมื่อมองจากไกลๆ แล้วก็เห็นเหมือนข้าวสวยเ่าั้กลายเป็ก้อนขาวๆ เป็วงกลม หมุนวนอยู่ในกระทะหรูอี้ไม่หยุด ราวกับกำลังดูกายกรรมอันตระการตา!
หากจะกล่าวว่านี่เป็ฝีมือการปรุงอาหารของพ่อครัวระดับอาจารย์ก็ไม่เกินไปนัก เ้าก้อนแป้งน้อยที่ยืนดูอยู่อีกด้านหนึ่งถึงกับตกตะลึงตาค้างนานแล้ว ริมฝีปากเล็กๆ ของเขาอ้าเป็รูปตัวโอน่ารักน่าชัง ลืมกระทั่งจะปิดปาก กระทั่งตัวเฟิ่งเฉี่ยนเองก็ได้แต่ตะลึงไปเช่นกัน
วินาทีที่มือของนางััและกุมกระชับด้ามจับจวักแปลงกายพันชั่งนางพลันรู้สึกได้ว่ามือของนางประสานกับจวักเป็หนึ่งเดียว มีพลังที่มองไม่เห็นคอยประคับประคองนาง เริ่มจากการเจียวน้ำมัน ตักข้าว ผัดข้าว ตอกไข่ แล้วผัดอีกครั้ง...ท่วงท่าทั้งหมดล้วนถูกพลังอันแปลกประหลาดควบคุมเอาไว้ ทำให้นางที่ไม่แตกฉานเื่การทำครัวกลายเป็พ่อครัวใหญ่ระดับอาจารย์!
ในสมองพลันมีเสียงบทสนทนาที่เคยได้สนทนากับฟ่านฟ่านดังขึ้น “มีระบบอยู่ ต่อให้โง่งมเพียงใดก็สามารถกลายเป็เทพอาหารได้!”
นาทีนี้ นางกระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วว่าคำพูดประโยคนี้เป็ความจริง ช่างเหลือเชื่อจริงๆ!
เมื่อมีระบบนี้ นางย่อมไม่ต้องกังวลว่าจะหาอาหารเลิศรสไม่ได้ เพราะตัวนางเองก็คือผู้ผลิตอาหารดีๆ นั่นเอง!
เสียง กริ๊ง ดังขึ้นหนึ่งครั้ง วินาทีจวักแปลงกายพันชั่งนั้นคลายตัวลง สติสัมปชัญญะของเฟิ่งเฉี่ยนกลับมาอีกครั้ง นางประคองข้าวผัดไข่สีทองอร่ามน่ากินด้วยดวงตาทอประกายทั้งคู่ ลำพังเพียงแค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าข้าวผัดไข่จานนี้จะต้องเป็อาหารอันโอชะแน่นอน!
เ้าก้อนแป้งน้อยกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับโผเข้ามา “พี่สาว ฝีมือการทำอาหารของท่านร้ายกาจเหลือเกิน ดูคล้ายกำลังเล่นมายากลอย่างไรอย่างนั้น!”
“มาลองชิมด้วยกันดีหริอไม่” เฟิ่งเฉี่ยนพูด
เ้าก้อนแป้งน้อยพยักหน้าถี่ๆ ราวกับนกกระจอก คนทั้งสองจึงร่วมกันกินอาหารเลิศรส
เฟิ่งเฉี่ยนหยิบช้อนขึ้นมาตักเข้าปากก่อนคำหนึ่ง วินาทีที่ปลายลิ้นัักับไข่ที่ห่อเม็ดข้าวเอาไว้ ความรู้สึกพึงพอใจอย่างประมาณมิได้ก็ไหล่บ่าเข้าสู่ก้านสมองและะเิออก
นางกินไปพร้อมกับทอดถอนใจ “รสชาติดีเหลือเกิน! เป็รสชาติที่ดีที่สุดในโลก!”
ก้มหน้าลงเห็นเ้าก้อนแป้งน้อยฝังศีรษะเล็กๆ ของเขาลงในจานข้าว เคี้ยวข้าวดังกรุบๆ อย่างมีความสุข
ช่างเป็จะกละตัวน้อยโดยแท้!
“กินช้าหน่อยเถิด ไม่มีใครแย่งเ้าหรอก!”
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้าวผัดไข่หนึ่งจานหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ มุมปากของเ้าก้อนแป้งน้อยยังมีเม็ดข้าวติดอยู่เมื่อเขาเงยหน้าบ้องแบ๊วนั้นขึ้นมา “อร่อยเหลือเกิน ข้ายังอยากกินอีก!”
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของเขาไม่อาจต้านทานเขาได้
“ไม่มีปัญหา!” นางทำข้าวผัดไข่อีกครั้ง
หนึ่งจาน!
สองจาน!
สามจาน!
สี่จาน!
.....
นางผัดข้าวผัดไข่รวดเดียวสิบจาน!
ติ๊ง—วันนี้ท่านได้ใช้สิทธิ์ในการทำอาหารหมดแล้ว เชิญมาใหม่วันพรุ่งนี้!
ที่แท้ระบบให้ทำอาหารได้เพียงสิบจานต่อวันเท่านั้น ปริมาณในแต่ละครั้งนั้นไม่มากและไม่น้อย เมื่อทำออกมาแล้วได้เพียงหนึ่งจานพอดี
เฟิ่งเฉี่ยนและเ้าก้อนแป้งน้อย หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็ก จะกละสองคนกินข้าวผัดไข่สิบจานจนสะอาดสะอ้าน!
[1] หม่าปู้ คือท่านั่งม้า