เ้าก้อนแป้งน้อยลูบท้องกลมดิกของตนเอง และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ “พี่สาว ข้ารู้สึกว่าตัวข้าร้อนมากเลย!”
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่รู้สึกเช่นนี้ เฟิ่งเฉี่ยนเองก็ได้แต่ใช้แขนเสื้อพัดตนเองด้วยรู้สึกราวกับมีพลังลมปราณสายหนึ่งกำลังไหลวนเวียนไปทั่วร่างกาย เพียงไม่นานแขนขาทั้งสี่เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา คนทั้งคนปลอดโปร่งกว่าตอนแรกเป็ร้อยเท่า!
ติ๊ง—ข้าวผัดไข่ห้าจาน พลัง+10, พลังการสู้รบ+10!
ในสมองพลันมีตัวอักษร้าปรากฏขึ้น เฟิ่งเฉี่ยนยินดี ฮ่าๆ สะใจเหลือเกิน!
นี่แค่กินก็ยังพัฒนาขั้นของตนเองได้!
นางรักระบบของเทพอาหารจะแย่อยู่แล้ว ช่างเป็ระบบที่สร้างขึ้นสำหรับจะกละอย่างนางโดยแท้เชียว!
ประจวบเหมาะกับก่อนหน้านี้นางได้กินบะหมี่ของเซวียนหยวนเช่อลงไป จึงได้พลัง+3 พลังการสู้รบ+3 เวลานี้พลังและพลังการสู้รบของนางจึงอยู่ที่ +13, +13 ยังห่างจากการก้าวเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ 1 อีก 87 คะแนน
“เอ๊ะ ตอนนี้ข้าไม่ใช่เทพอาหาร ระดับที่ 1 หรอกหรือ ว่ากันตามเหตุผลแล้วอาหารจานหนึ่งเพิ่มคะแนนได้ 1 คะแนน ไฉนตอนนี้เพิ่มมา 2 คะแนนเล่า”
[ระดับขั้นของอาหารนั้นถูกกำหนดด้วยหลายๆ ปัจจัย อย่างเช่น วัตถุดิบเทพและอุปกรณ์เครื่องมือของเทพอาหาร เชื้อไฟและการปรุงอาหาร รวมไปถึงตัวของเทพอาหารเองและความสามารถในการปรุงอาหารของเทพอาหาร ล้วนส่งผลกระทบต่อระดับขั้นในท้ายที่สุดของอาหารจานนี้ทั้งสิ้น! โดยปกติแล้ว เทพอาหารขั้นที่ 1 บนโลกนี้ล้วนทำอาหารออกมาเป็ขั้นที่ 1 ไม่อาจข้ามขั้นได้ แต่เทพอาหารขั้นที่ 1 ที่ระบบได้พัฒนาอยู่นั้น ยังได้รวมความโดดเด่นในด้านต่างๆ เอาไว้ด้วย จึงสามารถใช้ทักษะขั้นสูงในการทำอาหารได้ ด้วยเหตุนี้หากทำอาหารออกมาข้ามขั้นจึงไม่ใช่เื่แปลกอะไร ยิ่งไปกว่านั้นหากหาเชื้อไฟชั้นเยี่ยมได้ อาหารที่ทำโดยเทพอาหารขั้น 1 มีความเป็ไปได้ว่าจะข้ามขั้นไปเป็อาหารเทพขั้นที่ 3!]
“เป็เช่นนี้นี่เอง!”
[เ้านาย คะแนนสะสมของท่านถึง 10 คะแนนแล้ว ท่านได้รับสิทธิ์จับรางวัลหนึ่งครั้ง! ท่าน้าใช้สิทธิ์ตอนนี้หรือไม่]
“้า!”
[การจับรางวัลเริ่มขึ้น]
เบื้องหน้าเฟิ่งเฉี่ยนปรากฎให้เห็นจานทรงกลมสีรุ้งทันที มันหมุนเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว...
เฟิ่งเฉี่ยนจับจ้องจานทรงกลมนั้นเขม็ง ไม่รู้ว่าจะจับได้รางวัลอะไร ฝ่ามือของนางชื้นไปด้วยเหงื่อ
ติ๊ง—ได้รับยาสมุนไพรร้อยชนิดจำนวน 2 หยด! (คำอธิบาย : รักษาโรคได้ร้อยประเภท)
ขวดกระเบื้องเล็กๆ สีขาวสองขวดเลื่อนเข้ามาและเก็บเข้าไปในลิ้นชักด้วยตนเอง เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน ยาสมุนไพรร้อยชนิด? รักษาโรคได้ร้อยประเภท? มหัศจรรย์ได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
ขณะที่กำลังคิดจะวิเคราะห์ให้ละเอียด ชายแขนเสื้อพลันถูกกระตุก เมื่อก้มหน้าลงมองไปเห็นเพียงใบหน้าเล็กๆ ของเ้าก้อนแป้งน้อย ดวงตากลมโตสีดำขลับที่มองนางด้วยความคาดหวัง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออเซาะ “พี่สาว ข้าอยากกินอีก!”
เฟิ่งเฉี่ยนเหลือบมองไปที่หน้าท้องกลมดิกของเขาแล้วส่ายหน้า “เ้ากินอีกไม่ได้ ขืนกินลงไปอีกต้องกลายเป็ก้อนแป้งน้อยอย่างแน่นอน”
เ้าก้อนแป้งน้อยแบะปาก ในดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา “ได้ยินซิงกู่และลั่วเฟิงบอกว่า พวกเขาได้ฉลองวันเกิดทุกปี มารดาของพวกเขาล้วนเข้าครัวลงมือทำอาหารที่พวกเขาชื่นชอบด้วยตนเอง วันนี้เป็วันเกิดของเย่เอ๋อร์ แต่มารดาของเย่เอ๋อร์ไม่เคยทำอาหารอร่อยๆ ให้เย่เอ๋อร์กินเลย พวกเขาพูดถูก เย่เอ๋อร์เป็หนอนน่าสงสารที่ไม่มีมารดาคอยรักและเอ็นดู...”
เฟิ่งเฉี่ยนสะดุ้งโหยงจนวางมือไม้ไม่ถูก “ไฉนเ้าร้องไห้เล่า เ้าอย่าร้องไห้! เ้าบอกพี่สาวมา มารดาของเ้าเป็ใคร พี่สาวจะอบรมสั่งสอนนางสักยก!”
“ท่านพ่อไม่ให้ข้าพบมารดา มารดาเองแต่ไรมาก็ไม่เคยมาดูข้า! เย่เอ๋อร์จำไม่ได้กระทั่งว่ามารดามีหน้าตาเยี่ยงไร! ฮือๆ...” น้ำตาของเ้าก้อนแป้งน้อยหยดแหมะ เขาร้องไห้ด้วยความเ็ป
“เด็กน้อยที่น่าสงสาร! เ้าร้องไห้เสียจนพี่สาวปวดใจไปหมดแล้ว!” เฟิ่งเฉี่ยนโอบเ้าก้อนแป้งน้อยเข้ามาในอ้อมกอด แล้วตบร่างของเขาเบาๆ เป็การปลอบใจ “หากให้ข้าพบมารดาของเ้า ข้าจะต้องสั่งสอนนางแทนเ้าให้เข็ดหลาบสักยก ไม่เคยเห็นมารดาที่จิตใจโเี้เช่นนางมาก่อน!”
เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยดังขึ้นมาในเวลานี้เอง “ไฉนประตูห้องทรงพระอักษรจึงเปิดเอาไว้ รีบเข้าไปดู!”
ได้ยินเสียงนี้ เฟิ่งเฉี่ยนและเ้าก้อนแป้งน้อยมองตากัน
“แย่แล้ว!”
“แย่แล้ว!”
หยิบกระทะและจวัก อุ้มเ้าก้อนแป้งน้อยขึ้นมา เฟิ่งเฉี่ยนรีบหลบออกไปทันที
เมื่อเข้ามาในห้องทรงพระอักษร เฟิ่งเฉี่ยนได้สำรวจดูทางหนีทีไล่ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงหลบเลี่ยงคนที่กำลังเข้ามาได้อย่างว่องไว
ผ่านถนนสายเล็กๆ ในวังก็เป็อุทยานหลวง ในอุทยานหลวงมีูเาจำลองและต้นไม้มากมาย เหมาะสมสำหรับการอำพรางตัว เฟิ่งเฉี่ยนจึงหยุดพัก
เพิ่งจะวางเ้าก้อนแป้งน้อยลง พลันมีเสียงคมปลาบตวาดดังลั่นมาจากด้านหลัง ทำให้นางถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่
“ช่างบังอาจนัก กลางวันแสกๆ ถึงกับกล้าลักพาตัวไท่จื่อ[1]ของเจิ้น” เป็เสียงของเซวียนหยวนเช่อ!
เฟิ่งเฉี่ยนเบิกตาโตด้วยไม่อยากเชื่อ “ไท่จื่อหรือ”
หรือเ้าก้อนแป้งน้อยที่อุ้มอยู่ในอ้อมกอดของนาง ถึงกับเป็ไท่จื่อของวังหลวง นั่นก็คือ...นั่นก็คือบุตรชายของนางและเซวียนหยวนเช่อ
นางลืมเสียสนิทว่าเฟิ่งเฉี่ยนยังมีบุตรชายคนหนึ่ง...เหงื่อเย็นหยดหนึ่งไหลลงมาจากหน้าผาก!
นางเพิ่งจะก่นด่ามารดาใจคอเหี้ยมโหดของเ้าก้อนแป้งน้อย ไม่เคยเห็นมารดาที่ไม่เอาไหนเช่นนี้มาก่อน ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าคนที่นางด่าว่านั้น ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็ตัวนางเอง!
นี่เป็เื่โหดร้ายเกินไปแล้วกระมัง
นางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
[1] ไท่จื่อ หมายถึง องค์รัชทายาท