คนเราเลือกฐานะครอบครัวของตนได้หรือ?
ไม่ได้
เกิดในครอบครัวแบบไหน เป็สิ่งที่เ้าตัวไม่มีทางกำหนดได้
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีถึงจุดนี้เช่นกัน เธอคิดว่าตัวเธอไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย โจวเฉิงช่างโดดเด่นเหลือเกิน เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้อย่างไม่ต้องสงสัย ในที่นี้ย่อมมีความมุมานะ มีโอกาสอันดีของโจวเฉิง แต่การที่โจวเฉิงสามารถไขว่คว้าโอกาสเลื่อนตำแหน่งไว้ มิอาจบอกได้ว่าไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูของครอบครัวเขา
สติปัญญาของมนุษย์มีการส่งต่อทางกรรมพันธุ์ ความสามารถและสติปัญญาจะเท่าเทียมกันได้หรือไม่ ก็เกี่ยวข้องกับการปลูกฝังในภายหลัง
ตระกูลโจวต้องอบรมบ่มเพาะโจวเฉิงอย่างใส่ใจเป็ที่สุดแน่นอน
จุดเริ่มต้นของโจวเฉิงแตกต่างออกไป ทั้งที่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ถือว่าโง่ ทำไมชาติก่อนเธอเสียเวลา 20 ปีกว่าถึงจะได้ลิ้มรสชาติของความสำเร็จ? นั่นก็เพราะจุดเริ่มต้นของเธอย่ำแย่!
เซี่ยเสี่ยวหลานอึ้งเพราะสิ่งที่โจวเฉิงพูด
ฐานะครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่โจวเฉิงเลือกได้ โจวเฉิงที่เธอชอบ ตัดไม่ขาดจากการปลูกฝังและอิทธิพลของปูมหลังครอบครัวที่มีต่อตัวเขาจริงๆ บ้านโจวอุตส่าห์เลี้ยงดูโจวเฉิงมาจนยอดเยี่ยมขนาดนี้ เธอจะ้าเพียงตัวเขา แต่ไม่ยอมรับบ้านโจวหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานเองรู้สึกว่าเธอนั้นไร้เหตุผล
ก็เป็เพราะไม่มีทางจะละเลยครอบครัวของโจวเฉิงได้ นี่จึงกลายเป็เหตุผลที่เสี่ยวหลานต้องพิจารณาความสัมพันธ์ของทั้งสองใหม่อีกครั้งมิใช่หรือ เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งจัดการระบบความคิดของตัวเองเป็ระเบียบ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร โจวเฉิงก็กล่าวต่อทันที
“ฉันชอบเธอ เธอชอบฉัน ฉันคิดว่าเธอสุดยอดมากเหลือเกิน ครอบครัวเธอก็เป็มิตรยิ่งนัก ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเราสองคนไม่เหมาะสมกันตรงไหน”
ด้านตระกูลเซี่ยยิ่งไม่ต้องพูดถึง เซี่ยเสี่ยวหลานได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับทางนั้นแล้ว โจวเฉิงไม่มีความคิดจะไปใส่ใจสักนิด
ส่วนคนในครอบครัวที่เซี่ยเสี่ยวหลานห่วงใย ลุงอย่างหลิวหย่งคัดค้านที่ทั้งสองคบหากัน นั่นก็เพราะเป็ห่วงเสี่ยวหลาน โจวเฉิงเองก็ไม่คิดแค้นแม้แต่น้อย
ท่าทีของหลิวหย่งอ่อนลงแล้ว หลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยก็โปรดโจวเฉิงมากทีเดียว เวลาโจวเฉิงอยู่กับครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกสบายใจมาก แวดวงสังคมของคนชนบทและโจวเฉิงย่อมมีความแตกต่าง ทว่าผู้ใหญ่ทั้งสามคนในครอบครัวเซี่ยเสี่ยวหลานล้วนไม่ใช่คนเ้าเล่ห์เพทุบายประเภทนั้น โจวเฉิงถือตนว่าเขายังพอมีวิจารณญาณในการแยกแยะคนอยู่
เช่นเซี่ยเสี่ยวหลาน รูปลักษณ์ชวนหลงใหล แววตาดุจเกลียวคลื่นยามเคลื่อนไหวช่างดึงดูดยิ่งนัก แต่แววตาของเธอนั้นก็ซื่อตรงและสุขุม
ต่อให้คนในครอบครัวเซี่ยเสี่ยวหลานทุกคนต่างร้ายกาจ แต่เมื่อโจวเฉิงชอบเซี่ยเสี่ยวหลาน ก็จะปล่อยมือเพียงเพราะเหตุผลครอบครัวไม่ได้เหมือนกัน อย่างมากที่สุดอาจต้องเปลืองสมองคอยจัดการปัญหาครอบครัวเธอในอนาคต จะปฏิเสธตัวเซี่ยเสี่ยวหลานแค่เพราะเื่นี้ได้หรือ?
ชอบก็คือชอบ
โจวเฉิงถูกใจเซี่ยเสี่ยวหลาน พอค้นพบว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอล้วนคือจุดเด่น เขาย่อมชอบมากขึ้นไปอีก
ความชอบของหนุ่มสาวให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึก โจวเฉิงไม่เข้าใจแรงดึงดูดซึ่งกันและกันของฮอร์โมนอะไรพวกนั้น เขาเพียงแต่คิดว่า แม้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีคุณสมบัติที่ดีเลยสักอย่าง เป็เหมือนในคำติฉินนินทา เธอคือผู้หญิงที่หยิบหย่งเหลวไหล เชิดชูเปลือกนอก ตะกละและี้เี... เขาจะทำอย่างไรได้?
คงไม่พ้นต้องกล้ำกลืนฝืนทนยอมรับแล้ว
เขามีเงิน หน้าตาหล่อเหลา ชาติตระกูลสูง หากเซี่ยเสี่ยวหลานเชิดชูเกียรติยศเปลือกนอกก็ยิ่งดี โจวเฉิงจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าอยู่กับเขา
ณ เวลานี้ โจวเฉิงหวังให้เซี่ยเสี่ยวหลานมีนิสัยเชิดชูเปลือกนอกมากกว่าเดิมอีกหน่อยจริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกโจวเฉิงว่าใส่จนพูดไม่ออก
เธอวาจาเฉียบคมเสมอมา ทว่าหนนี้ได้พบกับคู่แข่งเสียแล้ว คำพูดของโจวเฉิงมีระเบียบแจ่มแจ้ง แถมน้ำเสียงยังจริงใจ เขาชอบเซี่ยเสี่ยวหลาน อยากคบหากับเซี่ยเสี่ยวหลาน ้าให้ทั้งสองอยู่เคียงข้างกัน สิ่งอื่นใดล้วนไม่เกี่ยวข้อง!
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกละอายใจ
เธอรำคาญความวุ่นวาย จึงเกิดความหวั่นไหวว่าจะคบกับโจวเฉิงต่อดีหรือไม่แล้ว... เมื่อเผชิญกับความอบอุ่นและจริงใจของโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าความชอบของเธอยังหนักแน่นสู้โจวเฉิงไม่ได้
โจวเฉิงแน่วแน่มาก เธอเหมือนจะตื่นรู้ขึ้นบ้างแล้ว?
“เธออย่ามองฉันแบบนี้นะ มันจะกระทบต่อวิจารณญาณของฉัน ฉันบอกไว้ก่อน ครอบครัวเธอจะคัดค้านที่พวกเราคบกันก็ได้ ตรงมาหาฉันก็ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ไปหาเื่ครอบครัวฉันเด็ดขาด”
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวด้วยความจริงจัง โจวเฉิงถึงกับงุนงง
คนตระกูลโจวมีนิสัยแบบนั้นที่ไหน จะข้ามเสี่ยวหลานไปหาครอบครัวเธอแทน?
ต่อให้มารดาของเขาคัดค้าน อย่างมากก็คงลั่นคำพูดประเภท ‘คบหาตามสบาย แต่แต่งงานไม่ได้’ เท่านั้น โจวเฉิงตัดสินใจเื่ของตัวเองมาโดยตลอด แม้คนในครอบครัวไม่เห็นชอบ ก็ขัดขวางเขาและเซี่ยเสี่ยวหลานคบกับไม่ได้อยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานน่ะ เธอช่างจินตนาการเหลือเกิน ไม่เคยคลุกคลีกับชนชั้นอภิสิทธิ์ แต่กลับเอาเค้าโครงเื่ของภาพยนตร์และละครไปใส่ให้ตระกูลโจวเสียแล้ว
พอกดดันหนุ่มสาวให้เลิกรากันไม่สำเร็จ มิใช่จะทำทุกวิถีทางอย่างเอาเป็เอาตายเพื่อให้ครอบครัวฝ่ายหญิงต้องตกระกำลำบากหรือ?
โจวเฉิงเข้าใจจินตนาการของเธอแล้ว โจวเฉิงน้อยใจเสียจริงๆ นะ นี่มันคือความคิดอะไรกัน!
“ที่ฉันไม่พาเธอไปบ้านตอนนี้ ก็เพราะกลัวว่าใครจะพูดสิ่งที่ไม่น่าฟัง จนกระเทือนอารมณ์ของเธอ อย่างไรเสียเธอก็ใกล้จะสอบเกาเข่าแล้ว อีกทั้งยุ่งกับธุรกิจ รอหลังเธอสอบเกาเข่าเสร็จ ฉันจะพาเธอกลับบ้านไปพบครอบครัวนะ จากนั้นเื่แต่งงานของเราสองคนก็ตระเตรียมไว้ได้แล้ว...”
โจวเฉิงยิ่งพูดยิ่งเบิกบาน
เซี่ยเสี่ยวหลานฟังครึ่งแรกก็รู้สึกว่าปกติดี ทว่าครึ่งหลังไม่ค่อยชอบมาพากล
เธออดไม่ได้ที่จะขัดคำพูดของโจวเฉิง “หลังฉันสอบเกาเข่าเสร็จจะคุยเื่แต่งงานหรือ?!”
เธอแค่มีความรัก ชอบโจวเฉิง มีความรู้สึกดีต่อโจวเฉิง แต่ไม่ได้แปลว่าต้องแต่งงานหรือเปล่า?
เพิ่งรู้จักโจวเฉิงได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานลองนับ จำนวนครั้งที่เธอพบหน้าโจวเฉิงไม่ถึงสิบหน จดหมายติดต่ออาจสักสิบฉบับ ความรักไม่ได้เพิ่งผลิบานหรือ ยิ่งไปกว่านั้นพอเธอมาเรียนมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง โอกาสพบกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นและได้รู้จักกันมากขึ้น ความรักครั้งนี้จึงจะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีอย่างค่อยเป็ค่อยไป
แน่นอนว่าพอเข้าใจในความสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่าเดิม ความเป็ไปได้อีกอย่างก็คือพบความขัดแย้งที่ไม่อาจไกล่เกลี่ยได้ของทั้งสองฝ่าย ต่อจากนั้นย่อมต้องแยกย้ายไปคนละทาง
ไม่ว่าคือความเป็ไปได้แบบไหน ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานอยู่ดีสิ?
โจวเฉิงได้ยินอารมณ์ใของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาอธิบายอย่างเป็ธรรมชาติ “ฉันคบกับเธอก็เพราะว่าอยากให้เธอมาเป็ภรรยา ถ้าพวกเราไม่ได้อายุไม่ถึงเกณฑ์ ฉันอยากพาเธอไปจดทะเบียนสมรสตอนนี้เสียเลย! เธอเกิดเดือนกรกฎาคม สอบเกาเข่าเสร็จก็อายุ 19 ปี ฤดูร้อนปีหน้า พวกเราสองคนก็อายุพอจะแต่งงานแล้ว”
โจวเฉิงไม่คิดว่ามีตรงไหนผิดปกติ
ผู้คนรอบกายที่เคยเจอล้วนเป็เช่นนี้ ใครในหน่วยงานกลับบ้านเกิดไปดูตัว ถูกชะตาก็จัดงานวิวาห์ทันที วันหยุดเยี่ยมญาติหนึ่งครั้ง สามารถจบการดูตัวและแต่งงานสองขั้นตอน คำนวณแล้วเขากับเสี่ยวหลานต้องรู้จักกันสองปีถึงจะได้แต่งงาน เป็เพราะว่าทั้งสองคนอายุยังไม่ถึงนั่นเอง ชนบทมีธรรมเนียมเคยชินที่จัดงานเลี้ยงแต่งงานโดยไม่จดทะเบียนด้วย โจวเฉิงกลับคิดว่าต้องได้ทะเบียนสมรส เขาและเสี่ยวหลานจึงจะเป็สามีภรรยาอย่างถูกต้องเปิดเผย
ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจแล้ว
เกาเฟยและต่งลี่ลี่อะไรนั่น การคัดค้านของบ้านโจวอะไรนั่น ล้วนไม่ใช่ปัญหาทั้งสิ้น
ปมสำคัญของปัญหาอยู่ที่เธอและโจวเฉิงมีจังหวะในความสัมพันธ์อันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
อายุ 20 ปีก็แต่งงานแล้ว?
เธออาจไม่ค่อยเข้าใจทัศนคติเื่รักใคร่และการแต่งงานของคนยุค 80 อารมณ์ที่พลุ่งพล่านและความชอบทำให้ชายหญิงตัดสินใจคบหากัน กระนั้นการเข้าใจและการมีปฏิสัมพันธ์ถึงจะทำให้คู่รักก้าวเข้าสู่การวิวาห์ได้!
“โจวเฉิง นี่คือปัญหาใหญ่นะ ฉันชอบเธอ แต่ฉันยังไม่เคยคิดเื่แต่งงาน นี่มันเร็วเกินไป พวกเราก็เด็กเหลือเกิน ในชีวิตคนมีเื่ราวตั้งมากมายรอคอยพวกเราอยู่ ตอนเธออายุ 22 และฉันอายุ 20 สิ่งแรกที่ต้องคิดไม่ใช่การแต่งงาน...”
โจวเฉิงยังเด็กมากนัก เด็กจนเซี่ยเสี่ยวหลานสงสัยว่าเขาพร้อมสำหรับการแต่งงานจริงๆ หรือเปล่า
เป็สามีกับเป็แฟนหนุ่มจะเหมือนกันได้หรือ?
มีเื่มากมายที่มิได้อาศัยแค่อารมณ์อันร้อนแรง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีปัญหากับการคบหาดูใจ ถ้าโจวเฉิงวางแผนสับเท้าเข้าสู่ประตูวิวาห์โดยไว เซี่ยเสี่ยวหลานก็อยากก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้