ตอนที่ 17
งานเปิดตัวรถยนต์ยี่ห้อดังนำเข้าจากต่างประเทศที่เพิ่งจะมีคันแรกของประเทศ เปิดก่อนมักได้เปรียบ พิษณุจึงจัดงานนี้ขึ้นมา นอกจากจะได้ขายรถแล้วยังได้เงินไปทำบุญต่อ ได้หน้าได้ตาไปอีก ศิลามากับกนกสองคน ใบหน้าเป็แบบไหนก็ยังเป็แบบนั้น เรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกเช่นเคย ถึงจะอยากแสดงออกว่าไม่เต็มใจจะมาก็เถอะ กนกเหลือบมองลูกชายเป็ระยะๆ
"คุณพี่ พาลูกชายออกงานด้วยหรอคะ" ผู้หญิงคนหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับกนกเดินมาทักทาย
"ใช่ค่ะ นานๆ ทีค่ะ พอดีศิลาเขางานรัดตัวมากเลยไม่ได้พาไปไหน แต่นี้งานสำคัญของคนสำคัญหนิคะ" คำว่าคนสำคัญทำให้ศิลาหันมองผู้เป็แม่ทันที พูดแบบนี้ไม่ใช่หมายถึงเื่ของเขากับนับดาวหรอกหรือ ศิลาได้แต่เก็บคำพูดที่จะพูดกับกนกไว้ในใจเพราะไม่อยากพูดไปตอนนี้จะเป็การหักหน้ากนกซะเปล่าๆ
“อ่าา ข่าวลือที่ว่าจะคบกันนอกจอนี่คงจะจริงสินะคะถ้าคุณพี่พูดแบบนี้” เธอยิ้มเหมือนกับรู้เื่ข่าวลือดี แต่ก็ไม่แปลกเพราะที่จะรู้อยู่ในแวดวงไฮโซแบบนี้
“นั่นเื่อนาคตค่ะคุณน้อง ให้เป็เื่ของเด็กๆ” กนกกระซิบเหมือนกับว่าอยากให้ได้ยินแค่สองคน แต่ศิลาที่ยืนอยู่ด้วยก็ได้ยิน
“คุณแม่ครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ” ศิลาพูดขึ้นและไม่รอให้กนกตอบรับหรือว่าอนุญาต ร่างสูงในชุดสูทหรูสีเทาเข้มเดินจากตรงนั้นไปเลย ในสายตาคนอื่นอาจจะคิดว่าศิลารีบไปเข้าห้องน้ำ แต่กับคนเป็แม่ทำไมจะดูไม่ออกว่าลูกไม่อยากอยู่ไม่อยากรับฟังเื่ที่เธอพูด กนกมองตามลูกชายไปด้วยความรู้สึกผิดกับลูก แต่เธออยากใช้เื่นี้ทำให้ศิลากับปัณณวีร์มีปัญหากันเลยจำต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้กับลูกอีกครั้ง
ครั้งนี้จะเป็ครั้งสุดท้ายที่แม่จะผิดสัญญากับลูก
เธอคิดในใจก่อนจะถูกเรียกจากคนอื่นที่เข้ามาคุยด้วยจึงได้ละสายตาจากแผ่นหลังของลูกชายที่กำลังเดินลับหายไปทางห้องน้ำ
ศิลาหายไปห้องน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่กลับมาในงานทั้งๆ ที่งานก็จะเริ่มแล้ว กนกหันซ้ายทีขวาทีมองหาลูกชายแต่ก็ไม่เห็นจึงได้หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหา โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย โทรอีกก็เป็แบบเดิมจนเธอนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้วตอนนี้
“คุณป้า สวัสดีค่ะ” นับดาวเดินมาทักทายตามประสาคนรู้จักกัน
“หนูนับดาว” กนกสนใจคนมาใหม่ก่อน ยิ้มให้อย่างเอ็นดู เพราะั้แ่คราวก่อนที่ออกรายการก็เหมือนกับว่านับดาวไม่ค่อยจะกล้าตอบอะไรออกไปเกี่ยวกับกระแสคู่จิ้นเลย คงเพราะในตอนนั้นศิลาปฏิเสธชัดเจนว่าเป็พี่น้องกัน กนกก็เห็นใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกับถูกลูกชายเธอหักหน้า
“เห็นคุณพ่อบอกว่าคุณป้ามา ดาวเลยมานั่งเป็เพื่อนค่ะ” นับดาวอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีขาว นับดาวนั่งลงที่ว่างข้างๆ กนกซึ่งเป็ที่ที่ศิลาต้องมานั่งแต่ตอนนี้เ้าตัวหายไปไหนแล้วก็ไม่ทราบได้ กนกได้แต่คิดว่านี่คือสิ่งที่เธออยากให้เกิด ภาพที่นับดาวมานั่งแต่เป็นั่งข้างๆ ศิลาแทน
“น่ารักจังเลยลูก มานั่งกับคนแก่เบื่อแย่”
“ไม่เลยค่ะ คุณป้ายังไม่แก่ซะหน่อย”
“ปากหวานจริง เนี่ยพี่ศิลาก็มาด้วยนะ แต่ไปเข้าห้องน้ำยังไม่กลับมา”
“อ่อค่ะ ดาวเห็นแล้วค่ะ” นับดาวตอบกลับ
“หื้อ เห็นที่ไหนคะลูก” เพราะตอนนี้เธอติดต่อลูกชายไม่ได้เลย
“ที่หน้าโรงแรมค่ะ ดาวเข้ามาเห็นพี่ศิลาเดินสวนออกไปพอดี ขึ้นแท็กซี่ไปเลยค่ะ ดาวเรียกก็ไม่หันด้วย” ประโยคสุดท้ายนั้นนับดาวมีใบหน้าเศร้าลงเล็กน้อย ใครจะคิดว่าศิลาที่อยู่หน้ากล้องกับตอนอยู่หลังกล้องจะแตกต่างกันแบบนี้
หน้ากล้องศิลาพูดคุยกับดาวปกติ แม้ไม่มากแต่ก็ไม่เหมือนกับตอนไม่มีกล้องหรอคนอื่น ศิลาเมินไปราวกับไม่เห็นยังไงยังงั้น
“พี่เขาอาจจะไม่ได้ยินน่ะลูก แต่ขึ้นแท็กซี่ไปหรอ”
“ใช่ค่ะ ดาวก็กำลังจะทักถามว่าทำไมกลับแท็กซี่ พี่ศิลาไม่ได้บอกคุณป้าก่อนหรอคะ”
“ไม่เลย ลูกคนนี้จะไปไหนก็ไม่รู้จักบอกแม่ก่อนต้องดุสักที” กนกถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ ที่ไม่สามารถบังคับศิลาได้ไม่มากพอ มางาน แต่ไม่ได้อยู่จนงานเริ่มและจบงานเงื่อนไขข้อนี้กนกเองก็ไม่ได้บอกไว้ทำให้ศิลาหนีกลับก่อนได้
อาธิปนั่งดูสารคดีไปเรื่อยระหว่างที่รอภรรยา ทั้งที่กนกบอกว่าไม่ต้องรอก็ได้ แต่เขาก็ชินเสียแล้วที่ต้องเข้านอนพร้อมเธอ
“พ่อครับ!” เสียงของศรุตดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน อาธิปละสายตาจากจอทีวีพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพราะน้ำเสียงของศรุตดูร้อนรน ลูกชายคนโตกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดมา
“ว่าไงรุต มีอะไรลูก??”
“พ่อครับ ศิโดนทำร้ายครับ”
“ว่าไงนะ! โดนทำร้ายได้ยังไงกันใครทำ” อาธิปใจกระตุกวูบเมื่อได้ยินว่าลูกชายโดนทำร้าย ศิลาไม่เคยไปมีเื่กับใคร
“วีร์โทรมาเมื่อกี้ครับ บอกว่าถูกแท็กซี่ปล้นแล้วก็ทำร้ายร่างกายครับ เรารีบไปหาน้องกันเถอะครับ” ศรุตเตรียมพร้อมแล้ว เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยพร้อมกับเอากุญแจรถมาแล้วด้วย
“ไปเลยลูก ไปที่ไหน” อาธิปเองไม่สนใจเลยว่าอยู่ในชุดนอน เขาเดินออกไปพร้อมกับศรุตพร้อมถามไปด้วย
“วีร์บอกว่าจะพาศิกลับคอนโด เราไปที่คอนโดน้องแล้วกันครับ” คนเป็พ่อได้แต่พยักหน้ารับแล้วรีบขึ้นรถทันที
ร้อยวันพันปีไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเพราะศิลาไปไหนมาไหนกับดารินผู้จัดการตลอด มีคนขับรถให้ หรือถ้าจะไปเองเป็การส่วนตัวก็จะเอารถตัวเองไปขับ ไม่เคยที่จะขึ้นแท็กซี่เลย
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงศรุตก็มาถึงคอนโด ใช้คีย์การ์ดแตะขึ้นไปยังห้องของศิลาทันที คนเป็พ่อนั้นเอามือสอดผสานกันแน่นด้วยความกังวล แม้ศรุตจะบอกว่าไม่เป็อะไรมากแล้วก็ตามแต่ก็ยังอยากเห็นด้วยตาตัวเอง
“ศิ เป็ยังไงบ้างลูก” อาธิปเดินตรงมาหาลูกชายทันทีที่เข้าห้องมา ศิลานั่งอยู่ที่โซฟา ปัณณวีร์กำลังเอาข้าวต้มใส่ถ้วยอยู่ แวะซื้อก่อนจะกลับมาเพราะว่าจะต้องกินยาหลังอาหารและศิลาก็ยังไม่ได้กินข้าว
“พ่อ ไม่เป็อะไรมากครับ” ที่หางคิ้วมีผ้าก๊อซปิดไว้อยู่ คิ้วแตกเพราะถูกต่อยแล้วชนเข้ากับขอบประตูที่เปิดไว้ ดีที่ไม่โดนตา ไม่อย่างนั้นคงจะแย่ นอกจากแผลตรงบริเวณหางคิ้วแล้วก็มีมุมปากที่แตกจากการถูกต่อยและแขนที่ช้ำบ้างเล็กน้อย
“เื่มันเป็มายังไงเนี่ยศิ ทำไมถึงได้ขึ้นแท็กซี่ล่ะ ไปกับคุณแม่ไม่ใช่หรอ” ศรุตเอ่ยถามขึ้น ปัณณวีร์รินน้ำใส่แก้วก่อนจะยกใส่ถาดไปให้ทั้งสามคน
“ผมออกมาก่อนน่ะครับ เลยเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงแรมกลับ” ใครจะคิดว่าแท็กซี่จะปล้น เมื่อขับออกจากโรงแรมไม่นานนักเส้นทางของรถก็เปลี่ยนไป ศิลาถามแล้วแท็กซี่บอกว่าต้องแวะเอาของไปให้เมียที่บ้านก่อนมันเป็ทางผ่านพอดี ไปทางนี้ก็ลัดออกถนนใหญ่ได้
ศิลาไม่ได้เอะใจอะไรมากนัก เพราะคนขับก็ดูไม่ได้น่ากลัวหรือว่าแสดงอาการมีพิรุธใดๆ เลย ทำเหมือนว่าสิ่งที่คิดจะทำนั้นไม่ใช่เื่ที่ผิดอะไร พอสำรวจดูแล้วเห็นว่าศิลาแต่งตัวดูดี เสื้อผ้า นาฬิการาคาแพงจึงอยากจะลงมือปล้น ยิ่งขับเข้าไปจากที่พอมีบ้านคนอยู่ประปรายก็กลายเป็ต้นไม้เต็มสองข้างทาง มันลงมือที่นั่น ได้นาฬิกา เข็มกลัดที่เสื้อสูท โทรศัพท์และเงินสด หลังจากได้แล้วมันคงคิดจะฆ่าปิดปาก โชคดีที่มีคนหลงทางมาแล้วเห็นเข้าจึงช่วยไว้ได้ทัน คนขับแท็กซี่คนนั้นก็หนีไปพร้อมกับของมีค่าที่ได้ไป คิดว่าเอาไปขายก็คงได้ไม่ต่ำกว่าหมื่น
“แจ้งความรึยัง” อาธิปถามขึ้น
“ผมบังคับไปแล้วครับ ตอนแรกบอกจะไม่แจ้งความกลัวจะเป็ข่าว” ปัณณวีร์พูดขึ้น
“ดีแล้ว จะปล่อยได้ยังไง เป็ข่าวถูกทำร้ายร่างกายเพราะถูกปล้นไม่เห็นจะเสียหายอะไร” อาธิปพูดเสริม ก่อนจะนึกถึงภรรยาที่ไปกับลูกชาย ทำไมถึงได้ปล่อยให้ศิลากลับมาเอง แล้วตอนนี้จะรู้เื่รึยัง “แม่รู้เื่รึยัง”
“ยังครับ ผมยังไม่ได้บอก จริงๆ บอกพี่วีร์แล้วว่าไม่ต้องบอกใคร” ปัณณวีร์แอบโทรบอกศรุตเหมือนเดิมเพราะคิดว่าปิดไปก็คงปิดไม่ได้ แต่ศิลาแค่ไม่อยากบอกตอนนี้กลัวจะเป็ห่วงแล้วออกมาแบบนี้ คิดเอาไว้ว่าจะบอกพรุ่งนี้เช้า
“ตอนนี้คือโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว แล้วพวกบัตรล่ะ”
“มันไม่เอาบัตร เอาแค่เงินสด” คงรู้ว่าเอาบัตรไปสุดท้ายก็ถูกระงับอยู่ดี มันฉลาดที่เอาแต่ของที่เอาไปขายต่อได้
“โชคร้ายจริงๆ เลย” อาธิปพูดออกมาเสียงเบาพร้อมลูบศีรษะลูกชายคนเล็ก “ออกมาก่อนแม่แบบนี้แสดงว่าทะเลาะกันหรอ”
เป็อาธิปอีกตามเคยที่พอจะรู้ว่าศิลาออกมาคนเดียว หากไม่ทะเลาะหรือไม่พอใจอะไรคงไม่กลับก่อนแบบนี้เนื่องจากเป็การเสียมารยาทอย่างมาก “แม่บอกว่าแค่ผมไป แต่ไม่ได้บอกว่าต้องอยู่จนงานเลิก ผมอึดอัดเลยออกมาก่อน”
อาธิปถอนหายใจ คิดว่าคืนนี้คงมีเื่ให้คุยกับภรรยาอีกครั้งแล้วเื่ของศิลา
“ทานข้าวก่อนเถอะจะได้ทานยา” ปัณณวีร์พูดแทรกขึ้นเมื่อทุกคนเงียบไป ดันถ้วยข้าวต้มไปตรงหน้าของศิลา
“เจ็บปากครับ” ศิลาหันมาบอกเหมือนกับการอ้อนมากกว่า คนพี่เงยมองอาธิปที่ยังคงอยู่ หากว่าอยู่กันสองคนเขาคงจะป้อนศิลาแล้ว แต่พอมีผู้ใหญ่อีกคนอยู่ด้วยก็เกรงใจ อาธิปยังคงไม่เคยเห็นมุมที่ศิลากับปัณณวีร์อยู่กันสองคน
“พ่อครับไปนั่งดีกว่าครับ ให้ศิทานข้าวก่อน” ศรุตพูดขึ้นพลางจูงแขนผู้เป็พ่อมานั่งที่โต๊ะอาหารแทน ให้สองคนนั้นได้อยู่กันสองคน
“นี่ศิอ้อนขนาดนี้เลยหรอ” อาธิปกระซิบถามศรุตเพราะขนาดเขาที่เป็พ่อยังไม่เคยเห็นเลยั้แ่โตมาศิลาก็ไม่ได้อ้อนอีก หากเป็เมื่อตอนเด็กก็พอจะมีอ้อนบ้างเวลาอยากจะได้ของ
“ยิ่งกว่านี้ก็มีครับ” ผู้ที่อยู่ในเกือบทุกๆ เหตุการณ์ของน้องชายและเพื่อนก็คือศรุต เขาเห็นจนชินไปซะแล้ว แต่ก็มีหมั่นไส้บ้างเล็กน้อยให้ศิลา แค่เจ็บปากก็อ้อนให้ป้อนขนาดนี้ มือก็ยังใช้การได้อยู่แต่ก็ทำเหมือนไม่มีแรงซะงั้น
อาธิปพยักหน้าพลางมองทั้งสองคนที่นั่งชิดกัน ปัณณวีร์ดูแลศิลาอย่างดี ป้อนหนึ่งคำก็เป่าให้หายร้อนทุกครั้ง ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมศิลาถึงได้รักปัณณวีร์และอยากอยู่กับอีกฝ่ายขนาดนี้ ก็เพราะปัณณวีร์ดูแลเขาดี และเป็เหมือนเซฟโซน เป็คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจเป็ตัวของตัวเองมากที่สุด เห็นแบบนี้อาธิปก็ยิ้มตาม เคยคิดว่าศิลาจะหาแฟนได้ไหมเพราะด้วยนิสัยของเ้าตัว ตอนนี้รู้แล้วว่าปัณณวีร์เหมาะสมที่สุดแล้ว
กนกกลับมาถึงบ้านไม่เจอใครเลยแม้แต่อาธิปจึงเรียกบ้านมาถาม ได้ความว่าศรุตกับอาธิปออกไปด้วยกันแต่ไม่ได้บอกไว้ว่าไปไหน เธอจึงขึ้นมาที่ห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่พอเห็นว่าศิลาไม่ทันกลับจึงคิดขึ้นว่าลูกอาจจะไปคอนโด และปัณณว์ก็คงจะไปด้วย กนกเดินมาหยิบไอแพดไปเปิดดูภาพจากกล้องที่ติดไว้ที่ห้องศิลา
สิ่งที่เห็นทำเอาเธอเบิกตากว้างเพราะศรุตกับอาธิปก็อยู่ที่นั่นด้วย อาธิปเดินมาลูบหัวลูกชายเบาๆ เพราะจะกลับแล้ว ให้ศิลานอนที่คอนโดยังไงก็มีปัณณวีร์ดูแลอยู่ กนกรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาศรุตทันทีเนื่องจากว่าอาธิปไม่ได้เอามือถือไปด้วย
[ครับแม่] ปลายสายกดรับแล้วกนกก็พูดขึ้นไม่มีเกริ่นก่อนเลย
“กลับบ้าน แล้วก็พาศิลากลับมาด้วย นี่คือคำสั่ง” กนกพูดเสียงเข้มก่อนจะวางสายไปโดยไม่รอให้ศรุตได้พูดอะไรเลย วันนี้คิดว่าคงต้องคุยกันยาวแน่ๆ ศรุตกับอาธิปอยู่ที่นั่นด้วย แสดงว่าเขาสองคนรู้แล้วเื่ที่ศิลากับปัณณวีร์คบกัน กนกคิดว่าตัวเองกลายเป็คนสุดท้ายรึเปล่าที่รู้เื่นี้ แต่สองคนนั้นก็เลือกจะปิดปังไม่บอกเธอเลย หากวันนี้ไม่เห็นกับตาก็คงไม่มีทางรู้
“มีอะไรลูก” อาธิปถาม
“แม่บอกให้เรารีบกลับครับ แล้วก็พาศิลากลับด้วย”
“แม่รู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่กับผม” ศิลาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นี่แหละที่สงสัย น้ำเสียงของแม่ดูจริงจังดูโหดๆ มากนะ” ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ เพราะไม่มีใครบอกกนกเลยว่าพวกเขาอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายไม่ถามด้วยซ้ำแต่กลับสั่งเลยทันที
“งั้นเรากลับ กลับด้วยกันก่อนศิลา” อาธิปตัดปัญหา เพราะหากศิลาไม่กลับไปด้วยกนกก็คงไม่ยอมลงแน่ๆ
“กลับไปก่อนเถอะ ค่อยมาใหม่” ปัณณวีร์เห็นด้วย
“ก็ได้ครับ” ศิลารับคำ ทั้งสามกลับบ้านด้วยรถของศรุต ส่วนปัณณวีร์ก็ลงมานอนที่ห้องของตัวเองซึ่งอยู่ชั้นล่างถัดจากห้องศิลามา 2 ชั้น
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อาธิปก็เดินนำลูกๆ ไปก่อน เห็นผู้เป็ภรรยานั่งกอดอกรออยู่ที่โซฟาห้องโถงกลางบ้าน ศรุตกับศิลาเดินเข้ามาพร้อมกัน
"ดีจริงๆ เลยนะ" กนกลุกขึ้นยืนมองไปยังสามพ่อลูก "ปิดบังกันเก่งจริงๆ"
"คุณพูดเื่อะไร?" อาธิปเอ่ยถาม
"ก็เื่ที่ศิลาคบกับวีร์ไง! ลูกคบกับผู้ชายคนนั้น รู้กันหมดแต่ก็ไม่ยอมบอกฉัน" กนกขึ้นเสียงใส่สามี ไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือยังไงแต่ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดีถึงได้ะเิออกมาแบบนี้
"รู้ได้ยังไงครับ" เป็ศิลาที่ถามขึ้น ก็ในเมื่อรู้แล้วเขาไม่จำเป็ต้องปิดอีกต่อไป เพียงแค่อยากรู้ว่าผู้เป็แม่รู้ได้ยังไงทั้งๆ ที่คนรู้เื่นี้น้อยมาก และศิลามั่นใจว่าไม่มีใครจะบอกกนกแน่นอน
กนกหยิบไอแพดขึ้นมาเปิด ภาพในจอเป็วิดีโอที่ถูกบันทึกไว้ตอนที่ทั้งสี่คนอยู่ในห้องด้วยกัน ตอนอาธิปเข้าไปในห้องไม่มีทีท่าใเลยที่เห็นปัณณวีร์ นั่นแสดงว่าอีกคนรู้แล้ว ศรุตเม้มปากแน่นไม่คิดว่าแม่จะเล่นติดกล้องไว้ที่คอนโดน้องชาย แล้วปกติสองคนนั้นก็ชอบไปอยู่ห้องของศิลาด้วย ไม่รู้ว่าเห็นไปมากแค่ไหนแล้ว
"นี่แม่แอบติดกล้องในห้องผมหรอ" ศิลากัดฟันถาม ระงับอารมณ์ไม่ให้ขึ้นเสียงหรือว่าตะคอกใส่กนก
"ใช่ ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วแม่จะรู้หรอว่าลูกแม่ไปชอบผู้ชายด้วยกัน แถมคนนั้นก็คนใกล้ตัวอีกต่างหาก"
"คบผู้ชายด้วยกันแล้วมันทำไมครับแม่ แม่สนับสนุน LGBTQ ไม่ใช่หรอแล้วทะ..." ศิลาพูดไม่ทันจบกนกก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ก็แม่รับไม่ได้!!"
"คุณนก!" อาธิปเอ่ยปรามภรรยาเอาไว้ ตอนนี้เธออารมณ์ร้อนอยู่ไม่อยากให้คุยกันตอนนี้กลัวจะทะเลาะกันหนัก
"อะไร! คุณนั่นแหละตัวดี เข้าข้างลูก ให้ท้ายลูกจนเป็แบบนี้อ่ะ ถ้าฉันเลี้ยงลูกเองลูกก็คงไม่เป็แบบนี้หรอก"
"ไม่ต้องไปว่าพ่อเลยนะครับ แม่ไม่ได้เลี้ยงผมมาั้แ่เด็กมีสิทธิ์อะไรไปว่าคนที่เลี้ยงผมมา!"
กนกอึ้งไปกับคำพูดของศิลา แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมากกว่าคือเธอโกรธและพาลใส่สามี ศรุตไม่รู้จะทำยังไงไม่มีตรงไหนให้แทรกได้เลย ทั้งแม่ทั้งน้องต่างก็สาดอารมณ์ใส่กัน
"ผมเป็แบบนี้มันไม่เกี่ยวกับพ่อเลยสักนิด และผมเป็แบบนี้คือแม่รับไม่ได้หรอ? ทำไมครับ" ศิลาเองก็อยากจะรู้เหตุผลเหมือนกัน เขารักผู้ชายมันผิดขนาดนั้นเลยหรอแม่ถึงรับไม่ได้
กนกพูดไม่ออกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกที่ลำคอ พลางมองหน้าสามีที่ไม่ได้แสดงออกว่าโกรธเธอเลยแต่มีสีหน้าเสียใจมากกว่า
"วันนี้ดึกมากแล้ว เอาไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะครับ" ศรุตรีบเข้ามาแทรกทันทีพร้อมกันตัวน้องชายให้เดินหนีขึ้นห้องไป
"ลูกต้องเลิกกับวีร์ซะ!" เหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ กนกจึงะโตามหลังลูกชายทั้งสองที่ยังไม่เดินขึ้นบันได
ประโยคเมื่อกี้จากคนเป็แม่ไม่ใช่ประโยคขอร้องแต่มันคือประโยคคำสั่งที่บอกให้ลูกทำตาม และคำว่าเลิกของกนกเหมือนชนวนทำให้ะเิมันะเิ
"ไม่เลิก!! ยังไงซะผมก็ไม่เลิกกับพี่วีร์"
"ศิลา!!"
"เขาเป็ครึ่งชีวิตของผมแล้ว ในเมื่อแม่ติดกล้องไว้แม่ก็น่าจะเห็นนะครับ ว่าเราอยู่ด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ยิ่งกว่าคู่สามีภรรยาซะอีก"
"เงียบนะศิลา! จะมาสามีภรรยาอะไร ในเมื่อมันเป็ผู้ชาย"
"ผู้ชายแล้วยังไงครับ ผมไม่สน!" ศิลาหายใจแรงด้วยอารมณ์โกรธ ไม่เคยที่จะโกรธแม่ขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยโกรธเลยที่แม่จะผิดสัญญาซ้ำๆ ไม่โกรธเลยที่แม่เอาแต่นึกเห็นใจผู้อื่นไม่สนใจความรู้สึกลูกตัวเองหรือแม้แต่ตอนนี้ที่ไม่ได้สนใจว่าร่างกายของเขาไปโดนอะไรมา
"แต่แม่สน ศิลาจะมาคบผู้ชายแบบนี้แล้วจะให้แม่ทำยังไง ลูกเป็ดาราเป็นักแสดงชื่อดัง ไหนจะชื่อเสียงตระกูลเราอีก ศิลาจะสนใจแต่ตัวเองไม่ได้ หัดสนใจคนรอบข้างบ้างสิ"
"คนรอบข้างมีผลอะไรกับผมนักหรอครับ เขาไม่ได้มาช่วยผมหาเงินสักหน่อย สนใจไปเพื่ออะไรครับ คนรับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ อยู่ใครอยู่มัน" ศิลาไม่ได้หมายถึงแค่คนรอบข้างคนอื่นแต่หมายถึงกนกผู้เป็แม่ด้วย
"นี่ลูกทำเพื่อมันขนาดนี้เลยหรอ รักมันมากรึไง ความรักแบบนี้มันไม่ยั่งยืนหรอกนะ เจอคนอื่นที่ถูกตาถูกใจกว่าเดี๋ยวก็เลิกกันไปหาใหม่"
"แต่ไม่ใช่กับผมและพี่วีร์ไงครับแม่!" ศิลาต้องเสียงดังอีกครั้ง เอาอะไรมาวัดว่าจะรักกันยั่งยืนหรือไม่ เอาอะไรมาตัดสินว่าความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันจะยั่งยืนกว่าความสัมพันธ์แบบอื่น
"พอเถอะ" อาธิปเข้ามาห้ามในที่สุดเพราะดูแล้วยังไงก็คุยกันไม่รู้เื่ "ศิลาขึ้นห้องไปก่อนลูก อย่าลืมกินยาล่ะ รุตก็ขึ้นไปเถอะ"
"ยา ยาอะไรคะคุณ?" ศรุตดันศิลาให้ขึ้นห้องไปก่อน ปล่อยให้พ่อแม่เคลียร์กันเอาเอง
"เื่นี้ผมกำลังจะมาคุยกับคุณ ลูกกลับแท็กซี่แล้วถูกปล้น โดนทำร้ายร่างกายดีที่ไม่เป็อะไรมาก" อาธิปถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น "รู้ไหมว่าลูกโทรหาใครเป็คนแรก"
กนกนิ่งไปเพราะอย่าว่าแต่ลูกโทรหาเลย เธอโทรหาลูกก็ไม่ติด ตอนแรกยังโทรติดแต่ไม่มีคนรับ แต่หลังจากนั้นก็เหมือนปิดเครื่องใส่กันเลยทำให้โมโหขึ้นไปอีก
"ลูกโทรหาวีร์คนแรก เพราะเขาจำเบอร์ของวีร์ได้คนแรก โทรศัพท์และของมีค่าถูกเอาไปหมด ถ้าเกิดว่าไม่มีคนไปเจอเข้าก่อนคุณคิดว่าวันนี้จะได้เจอตัวลูกหรอ" เป็อีกครั้งที่กนกพูดไม่ออก
"คุณนก เื่ลูกคบกับวีร์คุณรับไม่ได้แล้วจะให้ทำยังไง ให้ลูกเลิกงั้นหรอคุณน่าจะรู้ว่าศิลาไม่ทำแน่นอน เราเป็พ่อแม่ทำไมเราไม่ยอมรับซะเองล่ะ"
"คุณธิป คุณก็พูดง่ายหนิ"
"แล้วมันยากตรงไหน เป็คุณเองรึเปล่าที่ทำให้มันยาก เื่ของลูกกับวีร์พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน วันนี้ดึกมากแล้วพักผ่อนเถอะ" อาธิปก็ยังคงเป็อาธิป เขายังคงพูดกับภรรยาด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้โกรธที่ถูกว่าเื่เลี้ยงลูก แม้ในใจของเขาจะน้อยใจอยู่ก็ตาม
"เดี๋ยวค่ะ" กนกจับมือสามีที่กำลังจะเดินผ่านตัวของเธอไปเอาไว้ "ฉัน..."
อาธิปเงียบเพื่อรอฟัง รู้ว่ากนกคงจะขอโทษเื่ที่ว่าเขา "ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโทษคุณ"
กนกคิดตามที่ศิลาว่ามาแล้วว่าเธอไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยซ้ำในตอนนั้น เอาแต่ทำงาน เธอมีสิทธิ์อะไรไปว่าให้อาธิปที่ต้องเลี้ยงลูกดูแลบ้านดูแลเธอ เป็ทั้งสามีและเป็ทั้งพ่อบ้าน แต่เพราะความโมโหเมื่อครู่เลยทำให้พูดออกไปโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
"ผมอยู่กับคุณมานาน ผมเข้าใจคุณ คำพูดที่คุณพูดมาเพราะอารมณ์ แต่กับลูกคุณก็อย่าลืมว่าลูกไม่ได้รู้จักคุณดีเหมือนผม คำพูดของคุณที่พูดกับลูกบางครั้งมันเพราะอารมณ์ แต่คนฟังยังคงจำได้ดีนะ คืนนี้คุณลองนอนคิดทบทวนให้ดีเถอะ ผมจะไปนอนห้องรับแขก"
"คุณธิป..." ในเวลานี้อาธิปอยากให้กนกใช้เวลาคิดกับตัวเองให้มากๆ และเขาก็ยังคงน้อยใจภรรยาอยู่ เข้าใจไม่ได้แปลว่าจะน้อยใจไม่เป็
กนกเดินวนไปวนมาที่หน้าห้องของศิลา ใจหนึ่งก็ยังคงโกรธ อีกใจก็เป็ห่วงเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ใช่แค่ปล้นชิงทรัพย์แต่จะฆ่าปิดปากด้วยแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดที่พาลูกไปงานแต่ก็ทำให้ลูกอยากจะหนีกลับก่อนแบบนั้น
"ศิคงหลับไปแล้วละครับ" ศรุตเดินเข้ามาบอกเพราะไม่อยากให้แม่เดินอยู่แบบนี้ทั้งคืน
"รุต" ศรุตไม่เห็นด้วยเลยสักนิดกับสิ่งที่คนเป็แม่ทำ โดยเฉพาะการติดกล้องที่ห้องของศิลา มันคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลชัดๆ มันผิดกฎหมายเพราะเ้าของห้องไม่อนุญาต
"แม่ครับ เื่ของวีร์กับศิลา แม่ทำใจยอมรับไม่ได้หรอครับ ยังไงพวกเขาก็ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนอยู่แล้ว ขอแค่ครอบครัวยอมรับพวกเขาอยู่แบบนี้ต่อไปก็ได้" ปัณณวีร์เคยบอกเอาไว้ว่าขอแค่ครอบครัวรับรู้และเข้าใจ พวกเขาก็ไม่จำเป็ต้องสนใจใครแล้ว แต่เพราะตอนนี้แม้แต่ครอบครัวก็ยังไม่เข้าใจ เลยต้องเป็ความลับกันต่อไปอีก
คำถามของศรุตเหมือนเป็คำถามไร้ซึ่งคำตอบ กนกเม้มปากเข้าหากันอย่างใช้ความคิดก่อนจะเดินผ่านลูกชายคนโตไปไม่ตอบอะไร
TBC.