เสี่ยวฉีอันถูกลงโทษ
จะว่าไป เสี่ยวฉีอันถูกลงโทษครานี้ล้วนมีสาเหตุมาจากคุณหนูสี่เฉี่ยวเยว่ของเรือนสอง
เฉี่ยวเยว่ตะล่อมให้ฉีอันมามอบดอกไม้ให้รัชทายาทแทนนาง ใครจะคาดคิดว่าเื่นี้จะถูกซูซานหลางเห็นเข้า แต่เยี่ยงนี้กลับเป็การดี ซูซานหลางไหนเลยจะปล่อยให้ผู้อื่นมาทำเื่พรรค์นี้ภายใต้สายตาของตน จึงสั่งกักบริเวณฉีอันโดยตรง
และขณะเดียวกันก็แจ้งให้ฮูหยินผู้เฒ่ารับทราบ
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็คาดไม่ถึง ว่าหลานสาวที่ปรกติสงบเสงี่ยมเจียมตัวดี จะไม่ได้เรียบร้อยอย่างที่เห็น แม้มองออกว่านางเป็คนมีความคิดล้ำลึก แต่อย่างไรเสียก็ยังเป็เด็ก เพียงไม่มีจิตคิดร้ายต่อผู้อื่นก็พอแล้ว
แต่ครั้งนี้ นางยืนกรานว่าเสี่ยวฉีอันใส่ร้ายนาง
เสี่ยวฉีอันเป็เพียงเด็กน้อย ซ้ำยังไม่ได้พาใครไปด้วย คำกล่าวของเขาแม้แต่พยานสักคนก็ยังไม่มี
แต่เฉี่ยวเยว่กับสาวใช้ของนางต่างยืนยันเป็มั่นเป็เหมาะว่าไม่ได้พบฉีอันในวันนั้น และอยู่แต่ในห้องตลอดเวลา ยังหาสาวใช้คนอื่นมาเป็พยาน จึงกลายเป็ว่าฉีอันพูดโกหก
เื่นี้เป็เื่ใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าตัดสินใจจะจัดการด้วยตนเอง เด็กสองคนนี้ นางย่อมเชื่อฉีอันมากกว่า เด็กเล็กขนาดนั้น เขาจะรู้อันใด
สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าจดจ้องอยู่ระหว่างเฉี่ยวเยว่กับฉีอันตลอดเวลา
เสี่ยวฉีอันทำแก้มป่อง ั์ตาแดงก่ำ ราวกับไม่คาดคิดว่าจะถูกเฉี่ยวเยว่ซึ่งคล้ายเป็คนอ่อนโยนใส่ร้ายป้ายสี
"ท่านย่า ท่านรู้จักเฉี่ยวเอ๋อร์ดี ข้าไม่ใช่เด็กเล็ก อายุเช่นข้าย่อมตระหนักได้ว่าสิ่งใดถูกผิด การลักลอบมอบสิ่งของเป็การส่วนตัว ต่อให้ข้าไม่รู้ความอย่างไร ก็จะไม่ทำเช่นนี้ อีกอย่างคนข้างกายข้าสามารถเป็พยานได้ พวกเขาล้วนเห็นว่าข้าไม่ได้ออกจากเรือน ถึงแม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฉีอันถึงใส่ร้ายข้า แต่ท่านย่าก็อย่าลงโทษฉีฉันเลยเ้าค่ะ เขาเป็เพียงเด็กน้อยเท่านั้น" คำกล่าวนี้เป็การดึงตนเองออกไปให้พ้นทาง ซ้ำยังแสดงความใจกว้าง ราวกับไม่ใส่ใจสักนิดว่าถูกฉีอันใส่ร้าย
"ท่านพูดเหลวไหล ท่านอยู่ในสวนส่งดอกไม้ให้ข้า บอกให้ข้าเอาไปมอบให้เสด็จพี่รัชทายาท เป็ท่าน ล้วนเป็ท่าน!" ฉีอันร้องะโอย่างดุเดือด
เฉี่ยวเยว่ทำสีหน้าเคร่งขรึม "เช่นนั้นเ้าบอกมา ว่าข้ามาอยู่ในเรือนได้อย่างไร หรือจะบอกว่าคนของพวกเราทุกคนล้วนโกหก?"
ฉีอันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรเช่นกัน น้ำตาหยาดโตๆ ร่วงเผาะ
"ข้าไม่รู้ แต่ท่านเป็คนให้ข้าไป"
แท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่เื่ใหญ่เลย สามารถปล่อยผ่านไปได้อย่างง่ายดายมาก แต่ไม่ว่าฉีอันหรือเฉี่ยวเยว่ต่างก็ยืนกรานว่าตนเองไม่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉี่ยวเยว่ เื่นี้จึงกลายเป็เื่ใหญ่ขึ้นมาแล้ว
จะต้องมีเด็กคนใดคนหนึ่งที่พูดโกหก เพียงแค่รอดูว่าเป็ใคร
"ข้าไม่ได้โกหก ข้าต่างหากที่ไม่โกหก ท่านเป็คนไม่ดี" ปรกติฉีอันเป็ที่รักของทุกคน บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างยิ่ง เขาไม่นึกว่าตนเองจะถูกญาติผู้พี่ตัดรอนอย่างแล้งน้ำใจเช่นนี้
เฉี่ยวเยว่ไม่โต้ตอบ ได้แต่มองฮูหยินผู้เฒ่าเงียบๆ
"ฉีอัน!" เสียงวิ่งตึงๆ ดังเข้ามา เพียงได้ยินเสียงใสแจ๋วก็รู้ว่าเป็เฉียวเยว่ นางไม่สนใจว่าหน้าประตูจะมีหญิงรับใช้เฝ้าอยู่ วิ่งผ่านเข้ามาโดยตรง จนกระทั่งถึงห้องด้านใน มือน้อยๆ วางที่ข้างเอว ยอบกายทำความเคารพอย่างมีมารยาท พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เฉียวเยว่คารวะท่านย่าเ้าค่ะ"
หลังจากนั้นก็เดินมาข้างกายฉีอัน ดึงมือเขามาจับเอาไว้ "ฉีอันไม่ต้องกลัว พี่สาวเชื่อเ้า"
เดิมทีนางเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ ไม่รู้เพราะเหตุใดอยู่ๆ ก็รู้สึกหวิวในหัวใจขึ้นมา นางกับฉีอันเป็พี่น้องฝาแฝดกัน เฉียวเยว่พลันนึกถึงฉีอันเป็คนแรก แล้วก็เป็ดังคาด ไม่ช้านางก็ได้ยินเื่ราวคร่าวๆ จากหลันหมัวมัว จากนั้นก็ไม่รอช้ารีบวิ่งมาปกป้องน้องชายทันที
เดิมทีฉีอันยังฝืนสะกดกลั้นอยู่หลายส่วน พอเห็นเฉียวเยว่เชื่อมั่นในตัวเขาเช่นนี้ ก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา กอดเฉียวเยว่ไว้ไม่ปล่อย "เฉียวเฉียว นาง... นาง...." ฉีอันพยายามรีดเค้นสมองอย่างหนัก ในที่สุดก็นึกคำออก "นางใส่ความข้า"
เฉียวเยว่กุมมือของฉีอัน ท่าทางสงบนิ่งมาก นางถามว่า "พี่หญิงสี่ ข้าขอถาม พยานของท่านทุกคนล้วนเป็คนของเรือนสองใช่หรือไม่?"
เฉี่ยวเยว่ไม่นึกว่านางจะถามเช่นนี้ ก็อึ้งงันไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยว่า "ต่อให้เป็คนของเรือนสองก็มิได้หมายความว่าพวกเขาโกหก หรือว่าคนของเรือนสองไม่อาจเชื่อถือได้?"
ไท่ไท่รองซึ่งนั่งเงียบไม่ปริปากมาโดยตลอดเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "โถๆๆ ความคิดของเด็กคนนี้ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนกัน นี่เป็การปรักปรำเรือนสองของพวกเราชัดๆ เดิมทีเฉี่ยวเยว่ของเราก็ถูกใส่ร้าย ตอนนี้ยังจะมาเคลือบแคลงสงสัยทุกคนในเรือนสองของพวกเรา ไหนเลยจะมีเื่เช่นนี้กันเล่า!"
ไท่ไท่ทั้งของทั้งสามเรือนล้วนอยู่กันครบถ้วน แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปาก เพราะถึงอย่างไรก็มีฮูหยินผู้เฒ่าเป็ผู้าุโอยู่ที่นี่
ทว่าไท่ไท่รองกลับมาพูดจาเช่นนี้ ไท่ไท่สามไหนเลยจะนั่งรอความตาย ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสี่ยวเฉียวเยว่ซึ่งสูงเพียงแค่ขาโต๊ะของนางกล่าวโต้แย้งด้วยสีหน้าจริงจัง "คำกล่าวนี้ท่านป้ารองกับพี่หญิงสี่เป็คนพูด ไม่ใช่ข้า ข้าเพียงถามว่าพยานทั้งหมดล้วนเป็คนของเรือนสองใช่หรือไม่?"
นางเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านย่า ท่านอยู่ที่นี่ตลอด ได้ยินข้ากล่าวว่าคนของเรือนสองโกหกสักคำหรือไม่?"
สีหน้าอ่อนโยนของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเฉยเมย ตอบว่า "ไม่เคยกล่าวจริงๆ"
เฉียวเยว่พยักหน้า หลังจากนั้นก็พูดอีกว่า "ในบทละครงิ้วมักกล่าวว่า การทำสิ่งเลวร้ายต้องมีสาเหตุ ฉีอันของเราจะโกหกพกลมว่าพี่หญิงสี่เป็คนมอบให้ไปเพื่อสิ่งใด? เพื่อใส่ร้ายพี่หญิงสี่หรือ? เหตุใดฉีอันต้องใส่ร้ายพี่หญิงสี่เล่า? มีผลประโยชน์อันใดหรือ? อีกอย่างแม้ไม่มีคนเห็น เสด็จพี่รัชทายาทรับดอกไม้ของฉีอัน ต้องมีความประทับใจต่อพี่หญิงสี่อย่างแน่นอน ข้ากับพี่หญิงห้าเป็พี่สาวแท้ๆ ของเขา เขายังไม่วางแผนเช่นนี้ให้กับพวกเราเลย กลับไปตัดชุดวิวาห์ให้พี่หญิงสี่เสียอย่างนั้น เขาโง่หรือเปล่า?"
เฉียวเยว่ยื่นปากน้อยๆ มือเล็กอวบอิ่มจูงมือของฉีอัน พูดต่อไปว่า "แต่พี่หญิงสี่ไม่เหมือนกัน พี่หญิงสี่ทำเช่นนี้ กลับมีผลประโยชน์อย่างชัดเจน"
เฉี่ยวเยว่ขอบตาเริ่มแดง เถียงกลับไปว่า "น้องหญิงเจ็ดกลับดำเป็ขาวเยี่ยงนี้ได้อย่างไร เ้าบอกมาสิ ว่ามีผลประโยชน์อันใดกับข้า เ้าพูดสิ! หรือฉีอันเป็ตัวอุปสรรคขัดขวางข้าเื่ใด?"
เฉียวเยว่ตอบ "ท่านสามารถสร้างชื่อเสียงให้เป็ที่ประจักษ์ได้ มิเช่นนั้นจะดึงดันทำเื่นี้ให้กลายเป็เื่ใหญ่ทำไม? สตรีที่หลงรักเสด็จพี่รัชทายาทมีถมเถ ท่านเป็หนึ่งในนั้นทั้งมิได้มีความโดดเด่น จะดึงดูดความสนใจหรือทำให้เสด็จพี่รัชทายาทชมชอบอย่างไรได้? แต่หากทำให้เป็เื่ใหญ่โตขึ้นมาก็จะต่างออกไป เสด็จพี่รัชทายาทต้องจำท่านได้แน่ ดูสิ หากท่านเป็คนทำ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็เป็ฝ่ายได้ประโยชน์"
แม้อายุจะน้อยกว่าเฉี่ยวเยว่หลายปี แต่ความใจสู้ของนางไม่อ่อนเลยแม้แต่น้อย ประกอบกับเหตุผลแต่ละข้อชัดเจน แม้จะไร้พยานหลักฐาน แต่ถ้อยคำสั้นๆ ไม่กี่ประโยคนี้ก็ทำให้คนต้องคิดตามเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่นางพูดล้วนสมเหตุสมผล
เื่ภายในครอบครัวหาใช่การขึ้นศาลสืบสวนคดี ที่ต้องดูจากพยานหลักฐานไปเสียทุกอย่าง แท้จริงแล้วเพียงแค่การโต้แย้งก็เป็ความสามารถที่นำมาใช้ได้
เฉียวเยว่พูดต่อ "พี่หญิงสี่เข้ากับคนง่ายมาแต่ไหนแต่ไร คนในจวนล้วนชมชอบนาง เรือนสองก็เช่นเดียวกัน"
ความหมายที่แฝงเร้นในถ้อยคำ ไม่ต้องเอ่ยก็เป็ที่เข้าใจทั่วกัน
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่ตำแหน่งประธานไม่เอ่ยคำใดมาโดยตลอด แต่คอยฟังเฉียวเยว่แก้ต่างแทนฉีอันอย่างสงบนิ่ง สายตาจดจ้องการวิเคราะห์ของเฉียวเยว่ทุกฝีก้าว พลางถอนหายใจ ยายหนูคนนี้ใช้เวลาเพียงสั้นๆ ก็สามารถคิดถ้อยคำแก้ต่างได้มากมาย เฉลียวฉลาดเกินไปจริงๆ
และเพราะคำโต้แย้งของเฉียวเยว่ การแสดงออกของเฉี่ยวเยว่ก็ยิ่งผิดปรกติ ดูลนลานเป็อย่างมาก
อย่างไรเสียก็เป็แค่เด็กอายุสิบกว่าขวบ
นางมองเฉี่ยวเยว่ แล้วถามอีกครา "เฉี่ยวเอ๋อร์ ย่าจะถามเ้าเป็ครั้งสุดท้าย เ้าบอกมา เื่นี้ เ้าโกหกใช่หรือไม่?"
เฉี่ยวเยว่ยังเถียงคอเป็เอ็น "เปล่าเ้าค่ะ"
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงไม่เปลี่ยน แต่กลับเอ่ยอย่างเรียบเฉย "พยานสองสามคนนั้นถูกพาตัวไปสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว เ้าควรรู้ หากเ้าโกหกผลจะเป็เช่นไร"
เฉี่ยวเยว่กัดริมฝีปาก
เฉียวเยว่เห็นนางทำแบบนี้ ก็รู้ว่าตนเองเดาไม่ผิด คนโกหกก็คือเฉี่ยวเยว่
นางเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นั่นมีเด็กน้อยมากมาย แต่มีเพียงเด็กที่น่ารักช่างสังเกตรู้จักอ่านสีหน้าและคำพูดของคนเท่านั้นถึงจะมีคนชอบ และด้วยเหตุนี้นางถึงอ่านสีหน้าคนเป็ และสดใสร่าเริงเป็พิเศษ
และบัดนี้แทบไม่ต้องพูดอะไรมาก นางก็ดูออกว่าเฉี่ยวเยว่พูดโกหกอย่างแน่นอน
"ท่านแม่ ท่านจะลำเอียงไม่ได้นะเ้าคะ หลานชายเป็หลานของท่าน แล้วหลานสาวมิใช่หรือ? แต่ไหนแต่ไรมาเฉี่ยวเอ๋อร์ของพวกเรารู้ความอย่างยิ่ง ท่านเองก็ทราบ นางจะทำเื่เช่นนี้ได้อย่างไร อีกอย่าง เรือนสองของเรา..."
ไท่ไท่รองโต้แย้งขึ้นมา แต่ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นหญิงรับใช้าุโคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าก้าวสวบๆ เข้าประตูมา หลังจากนั้นก็กระซิบข้างหูฮูหยินผู้เฒ่าสองสามประโยค
พอฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟัง สีหน้าพลันเยียบเย็น มองไปที่ไท่ไท่รองเอ่ยว่า "สะใภ้เนรคุณ ยังไม่คุกเข่าให้ข้าอีก"
ไท่ไท่รองตกตะลึง สีหน้าย่ำแย่ในชั่วพริบตา
"ท่านแม่..."
"เมื่อครู่เ้ายังพูดจาเล่นลิ้นเถียงฉอดๆ ไหนว่ามาสิ ตนเองเล่นบทบาทไหนของเื่นี้ เด็กดีๆ ถูกเ้าเลี้ยงจนเสียคน ฉีอันเพิ่งห้าขวบ ไปขวางหูขวางตาเ้าอันใดนักหนา ถึงได้ร่วมมือกับเฉี่ยวเอ๋อร์ใส่ความเขา ยังช่วยจัดคนมาเป็พยานเท็จให้เสร็จสรรพ ฉีอันของเราเป็เด็กดีเพียงนี้ เ้ากลับโเี้ทำได้ลงคอ เมื่อก่อนเ้าคอยหาเื่สะใภ้สามไปเสียทุกเื่ ข้าก็ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด เพราะอยากให้ครอบครัวมีความสุข อีกทั้งเห็นว่าไม่ใช่เื่ใหญ่อันใด แต่ไม่นึกว่ากลับทำให้เ้ายิ่งเหิมเกริม เ้าไม่รู้เลยรึว่าตนเองเป็ใคร ว่าอย่างไร เ้านึกว่าตนเองสามารถทำตัวยิ่งใหญ่ กำเริบเสิบสานในจวนนี้ได้งั้นหรือ?" ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจริงๆ
แม้ว่านางจะดูเหมือนเป็ผู้ใหญ่ใจดี แต่ก็เพราะว่านั่นไม่ใช่เื่ใหญ่ที่มีความสลักสำคัญอันใด ทว่าหนนี้กลับปล่อยไปไม่ได้
ที่นางเอาใจใส่ที่สุดก็คือเด็กๆ ในจวนเหล่านี้ พฤติกรรมของไท่ไท่รองขยี้หัวใจของนาง นางไหนเลยจะทนได้
"ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว"
ไท่ไท่รองไม่นึกว่าจะมีคนทรยศตนเอง ทรุดตัวลงไปคุกเข่า
หลายปีมานี้ นางตระหนักชัดเจน หากตนเองกลิ้งกลอกมากเกินไป เกรงว่าจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าขุ่นเคือง มิสู้ยอมรับผิดไปโดยตรงจะดีกว่า "ท่านแม่ เื่นี้สะใภ้ทำผิดเอง ข้าก็ไม่นึกว่าจะเป็เช่นนี้ แต่กลัวว่าเด็กจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ข้าในฐานะมารดาก็ลำบากใจเหมือนกัน นางเป็บุตรอนุ ข้าหาได้เป็ผู้ให้กำเนิด หากมีอันใดไม่ดีเพียงหนึ่งส่วน นายท่านรองก็ต้องตำหนิว่าข้าดูแลไม่ดี อีกอย่างชื่อเสียงของเด็กผู้หญิงเป็สิ่งสำคัญมาก ข้าคิดว่าฉีอันเป็เพียงเด็กน้อย ทุกคนจะคิดว่าเขาเป็เพียงเด็กไม่รู้ความ ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวก็ลืมแล้ว ถึงได้ช่วยเหลือนาง ท่านแม่ข้าผิดไปแล้ว ล้วนเป็ความผิดของข้าทั้งสิ้น"
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเยาะ "ผิด? เ้าผิดอันใด? ฟังคำแก้ต่างของเ้าแต่ละคำ ล้วนแต่บ่งบอกว่าเ้าไม่มีความผิดตรงไหนเลย"
หลังจากสงบใจครู่หนึ่ง ก็หันไปมองเฉียวเยว่
เฉียวเยว่จับมือฉีอัน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกังวาน "พวกเราออกไปเล่นข้างนอกดีหรือไม่?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้