เพิ่งจะลงจากรถม้า เฟิ่งซินเหยาก็จดจำนางได้ทันที “เ้า...เ้าไม่ใช่ยอดฝีมือคนนั้นที่พี่เขยเชิญมาหรือ ไฉนจึงติดตามมาถึงในวัง”
เฟิ่งเฉี่ยนจงใจบีบเสียงให้ทุ้มต่ำ “ฝ่าาให้ความสำคัญกับข้าน้อย มีพระประสงค์ให้ข้าน้อยมาทำงานในวัง คุณหนูเฟิ่งมีปัญหาอะไรหรือไม่”
เฟิ่งเซินเหยาส่ายหน้าพูดด้วยน้ำเสียงหึงหวง “เหตุใดเ้าจึงรั้งอยู่ในวังได้ ข้ากลับทำไม่ได้กัน”
เฟิ่งเฉี่ยนคลี่ยิ้มบางๆ “คำถามนี้ เ้าควรจะไปถามฝ่าา”
เซวียนหยวนเช่อตวัดสายตามองนางปราดหนึ่งและสังเกตเห็นผ้าโปร่งบนหน้าของนางทว่าไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เดินผ่านไปเฉยๆ
“พี่เขย รอหม่อมฉันด้วยเพคะ” เฟิ่งซินเหยารีบไล่ตามไปด้วยสีหน้าของดรุณีน้อยทันที
เฟิ่งเฉี่ยนกำลังคิดจะตามไป พลันมีกล่องผ้าแพรกล่องหนึ่งถูกยัดใส่มือนาง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นฮูหยินรองถลึงสายตาคมปลาบมาทางนาง “นี่เป็ของว่างของฮองเฮา ถือให้ดีเล่า! เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นจะเอาชีวิตเ้า! ยังมีอีก เป็ข้ารับใช้ก็ต้องอยู่อย่างข้ารับใช้ อย่าได้มีความคิดเป็อื่นต่อเ้านายของตน เพราะ...เ้ามันไม่คู่ควร!”
พูดแล้วนางก็สะบัดหน้าเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้าประตูวังไป
เฟิ่งเฉี่ยนหิ้วกล่องผ้าแพรกล่องหนึ่ง หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แม่ลูกคู่นี้ช่างงามหน้านัก!
ตลอดทาง เฟิ่งซินเหยาตามติดเซวียนหยวนเช่อ พูดคุยกับเขาไม่หยุดหย่อน
ย่างก้าวของเซวียนหยวนเช่อใหญ่ขึ้นและเร็วขึ้น เฟิ่งซินเหยาไม่รับรู้เลยว่าตนถูกผู้อื่นรังเกียจ ในทางตรงข้ามนางกลับวิ่งน้อยๆ เพื่อให้ตามทัน
เฟิ่งเฉี่ยนหอบกล่องผ้าแพรมองจากไกลๆ กระทั่งนางยังรู้สึกเห็นใจเซวียนหยวนเช่ออยู่บ้าง การถูกสตรีนางหนึ่งตามติดนั้นไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวก็คือสตรีนางนี้มีความคิดไม่เหมือนคนทั่วไป นางแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าตนเองเป็ที่ต้อนรับหรือไม่ คนเยี่ยงนี้ เ้าอยากตีก็ตีไม่ได้ อยากด่าก็ด่าไม่ได้ ได้แต่อดทนอดกลั้น อดทนเสียจนทนไม่ไหว!
เดินมาสักพักหนึ่ง มีองครักษ์คนหนึ่งเร่งรีบเดินเข้ามา “ฝ่าา เกิดเื่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อหยุดฝีเท้า องครักษ์รายงานต่อไปว่า “องค์หญิงหลานซินพบว่าฮองเฮาไม่อยู่ในตำหนักเย็น จึงจับจื่อซูสาวใช้คนสนิทข้างกายฮองเฮากลับไปตำหนักยีหลัน ตอนนี้กำลังใช้ทัณฑ์ทรมานในการไต่สวนพ่ะย่ะค่ะ!”
แววตาของเซวียนหยวนเช่อหม่นวูบ เขายังไม่ได้ส่งเสียงก็ได้ยินเสียง “เคร้ง” ดังขึ้นจากด้านหลัง เฟิ่งเฉี่ยนเขวี้ยงกล่องผ้าแพรกล่องนั้นลงกับพื้น นางเดินเข้ามาข้างหน้าด้วยโทสะ “เมื่อสักครู่เ้าว่าอะไรนะองค์หญิงหลานซินทำอะไรกับจื่อซู”
องครักษ์ถูกทำให้ใจนสะดุ้งโหยงจึงตะลึงงันอยู่กับที่
ฮูหยินรองเห็นนางเขวี้ยงกล่องผ้าแพรลงกับพื้น ของว่างในนั้นจึงตกกระจายเต็มพื้น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปและอ้าปากด่าคนทันที “เ้าบังอาจมาก! นี่เป็ของว่างที่นำมาให้ฮองเฮา เ้าถึงกับกล้าเขวี้ยงลงพื้นหรือ”
“เ้าหุบปาก!” เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับมาตวาดใส่นาง ดวงตาแทบจะกลายเป็เปลวไฟของสิงโตตัวหนึ่ง ฮูหยินรองไม่ทันตั้งตัวจึงยืนโง่งมไปเลยทีเดียว นางอ้าปากเล็กน้อยทว่าลืมว่าจะโต้ตอบอย่างไร
เฟิ่งเฉี่ยนก้าวเข้ามาราวกับลูกธนู นางคว้าคอเสื้อขององครักษ์แล้วตวาดถามเสียงเด็ดขาด “ข้าถามเ้าว่า องค์หญิงหลานซินทำอะไรกับจื่อซูกันแน่”
องครักษ์ใจนเสียงสั่น “องค์หญิงหลานซินให้คนจับกุมตัวแม่นางจื่อซูกลับไปด้านหลังตำหนักยีหลัน มอบให้โจวหมัวมัวเป็คนใช้ทัณฑ์ทรมานไต่สวน เริ่มจากการหนีบนิ้วมือ คุกเข่าลงบนลูกคิดรางเหล็ก ตอนนี้เริ่มโบยแล้ว...”
นาทีถัดมาคอเสื้อถูกคลายออก เขารู้สึกเพียงว่ามีลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างของตนไป ในหูพลันได้ยินเสียงอันเดือดดาลพูดว่า “สารเลว!”
เฟิ่งเฉี่ยนพุ่งไปตามทิศทางของตำหนักยีหลันด้วยโทสะ พลันมีคนจับข้อมือของนางเอาไว้ “เ้าใจเย็นสักหน่อยได้หรือไม่”
“ไม่ได้!” เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับมาถลึงตาใส่เซวียนหยวนเช่อ “ผู้อื่นขึ้นมาเหยียบบนหัวของข้าแล้ว ท่านยังจะให้ข้าใจเย็นอย่างไร ยังมีอีก องค์หญิงหลานซินกล้าแตะต้องคนของข้าโดยไม่กลัวเกรง นั่นก็เป็เพราะมีท่านคอยให้ท้าย ท่านไม่มีสิทธิ์มาขวางข้า!”
พูดแล้วนางก็ออกแรงสะบัดมือของเซวียนหยวนเช่อออก จากนั้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินรองเพิ่งจะได้สติกลับมาในตอนนี้ นางชี้แผ่นหลังของเฟิ่งเฉี่ยนแล้วด่ากราด “นังเด็กคนนี้ เขวี้ยงของว่างของฮองเฮา แล้วยังกล้าโต้แย้งกับฝ่าา นี่นางกินดีเสือเข้าไปหรือไร! ฝ่าา ไม่เห็นกฎเกณฑ์ของวังหลวง ิ่เบื้องสูงเช่นนาง จะปล่อยนางลอยนวลไปไม่ได้เพคะ ต้องลงโทษให้จงหนัก จัดการคนเลวเช่นนี้! ฝ่าา ฝ่าา...ไฉนจึงเสด็จไปแล้วเพคะ”
ไม่รอให้นางด่าจนจบ เซวียนหยวนเช่อเดินออกไปไกลแล้ว
ฮูหยินรองยิ่งงงงัน สตรีปิดหน้านางนี้คือใครกันแน่ ไฉนจึงได้หยิ่งผยองเช่นนี้ ถึงกับกล้าโต้แย้งฝ่าาต่อหน้าพระพักตร์และไม่ทรงพิโรธ นี่มันไม่ถูกต้อง!
“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงต้องด่าทอผู้อื่นต่อหน้าพี่เขยด้วย หากพี่เขยเข้าใจผิดว่าข้าเป็หญิงปากร้ายเช่นท่าน ทำให้ภาพลักษณ์ของข้าในใจพี่เขยย่ำแย่ลงจะทำอย่างไรเล่า” เฟิ่งซินเหยากระทืบเท้าแล้วรีบวิ่งตามออกไป “พี่เขย พี่เขย รอหม่อมฉันด้วยเพคะ...”
ฮูหยินรองชะงักงันไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาจึงยกมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วะโใส่บุตรสาวของตน “เ้าเด็กบ้านี่ เ้าว่าใครเป็หญิงปากร้ายฮะ เลี้ยงเ้าเสียข้าวสุกจริงๆ!”
ในตำหนักยีหลัน ได้ยินเสียงโบยดังออกมาเข้าสู่โสตประสาทสลับกับเสียงด่าทอผรุสวาทหลายคำ
“นังคนชั่ว เ้าคิดจะทนไปถึงเมื่อใดกัน เ้าคิดว่าเ้านายของเ้าจะมาช่วยเ้าหรือ อย่าฝันไปหน่อยเลย!”
“หากตอนนี้เ้ายอมบอกความจริงมาว่าเ้านายของเ้าไปที่ใดกันแน่ องค์หญิงหลานซินไม่เพียงแต่ไม่ลงโทษเ้า ยังจะให้รางวัลเ้าอย่างงามอีกด้วย”
“เ้าเป็คนฉลาด ควรเลือกอย่างไร คงไม่ต้องให้ข้าสอนเ้ากระมัง”
“เ้าคนเลว! ยังกล้าถ่มน้ำลายใส่หน้าข้าหรือ สุราคารวะไม่ดื่มจะดื่มสุราลงทัณฑ์ใช่หรือไม่! โบย โบยให้หนัก!”
เมื่อเฟิ่งเฉี่ยนมาถึงด้านนอกตำหนักยีหลันก็ได้ยินเสียงด่าทอเหล่านี้ หัวใจนางพลันบีบรัด ไม่มีเวลาใส่ใจองครักษ์ที่เข้ามาขวาง นางบุกเข้าไปทันที
ภายในลานเรือน มีบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งล้อมรอบอยู่ ตรงกลางบ่าวรับใช้เหล่านี้ จื่อซูถูกจับนอนพาดอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งไม่อาจหลบหลีกได้ สีหน้าของนางซีดเผือดไร้สีเื กระทั่งริมฝีปากก็ถูกขบกัดจนแตก มีรอยเืไหลออกมา เืสดๆ นั้นซึมออกมาจากกระโปรงหยดลงบนพื้น แผ่นหลัง สะโพกล้วนถูกตีจนิัและเนื้อปริแตกออกจากกันนานแล้ว แต่นางไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญและไม่ได้อ้อนวอน นางได้แต่กัดฟันอดทน
เมื่อเห็นภาพนี้เข้า ลำคอของเฟิ่งเฉี่ยนราวกับถูกบางอย่างอุดเอาไว้ นางแทบจะหายใจไม่ออก
“จื่อซู--”
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า สาวใช้ตัวเล็กๆ ที่ดูไปแล้วรูปร่างผอมบางสุดจะเปรียบถึงกับมีจิติญญาที่เข้มแข็งถึงเพียงนี้ และยิ่งคิดไม่ถึงว่านางจะต้องมารับเคราะห์และถูกทรมานเช่นนี้เพราะมีสาเหตุมาจากตนเอง
มือทั้งคู่กำเป็หมัด นางพุ่งเข้าไปในกลุ่มคนด้วยความโกรธจัด นางถีบยอดอกของบ่าวที่ถือไม้กระบองในมือ เตะร่างของเขาให้กระเด็นออกไปไกล จากนั้นเข้ามาถึงร่างของจื่อซู น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาแหบพร่า “จื่อซู เ้าไม่เป็ไรกระมัง”
นางยื่นมือออกมาคิดจะััร่างกายของจื่อซู ทว่าเมื่อสายตามองไปทุกแห่งล้วนเป็เืและเนื้อปนเปกันไปหมดไม่อาจััได้
มือของนางสั่นสะท้านน้อยๆ ลำคอตีบตัน
จื่อซูหันหน้ากลับมาด้วยความประหลาดใจ เพราะมีผ้าโปร่งปิดหน้าอยู่ชั้นหนึ่ง นางจึงจดจำเฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ ริมฝีปากไร้สีเืนั้นขยับเล็กน้อย พูดเสียงอ่อนแรง “ท่าน...ท่านเป็ใคร”
เฟิ่งเฉี่ยนกำลังคิดจะเอ่ยปาก บ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งภายในลานเรือนก็เข้าล้อมนางไว้
โจวหมัวมัวมองนางด้วยสายตาโเี้ ราวกับนางได้ทำเื่ชั่วช้าสามานย์อย่างที่สุด “เ้าเป็ใครกัน บังอาจบุกรุกตำหนักยีหลัน ยังกล้าทำร้ายคนขององค์หญิงหลานซินหรือ เด็กๆ จับกุมตัวเอาไว้!”
เฟิ่งเฉี่ยนยืดกายลุกขึ้นยืน หลังจากโกรธและใจเย็นลงได้ในที่สุด น้ำเสียงนั้นเยียบเย็นน่าสะพรึงกลัว “ข้าคือฮองเฮา พวกเ้า ใครกล้าแตะต้องข้า”
โจวหมัวมัวตะลึงงัน ต่อมานางหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆ...เ้าคือฮองเฮาหรือ ข้าก็เป็ไทเฮาน่ะสิ!”