บทที่ 24
ยังไม่ทันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นเหนือเมฆก็มีบางคนที่ตื่นจากนิทราทั้งที่หลับไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง อาทิตย์ลอบมองสองแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันแน่นจนอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา อาทิตย์ยอมรับว่าั้แ่ที่ตะวันเข้ามาเป็ส่วนหนึ่งในครอบครัว เดือนอ้ายก็ดูมีความสุข อีกอย่างเวลาที่อาทิตย์ไม่อยู่บ้านก็ยังมีเด็กน้อยคอยอยู่ด้วย
ใบหน้าคมก้มลงจุมพิตบนผมของร่างเล็กแ่เบาก่อนจะค่อยๆขยับขาเรียวก้าวลงจากเตียง วันนี้เป็วันที่อาทิตย์ต้องเริ่มจัดการทุกอย่างให้เสร็จ แผนที่จะต้องทำลายธิวาลัยได้ก็ต้องไม่มีผลกระทบกับประชาชนด้วยนั่นจึงเป็เื่ที่สำคัญสำหรับการประชุมครั้งนี้ อาทิตย์รู้ว่าการที่เดือนอ้ายอยู่ที่บ้านหลังนี้จะปลอดภัยที่สุด ตลอดที่ผ่านมาเป็ความผิดของอาทิตย์เองที่ไม่รอบคอบในการเช็คพวกบอดี้การ์ด
ยังไงพวกมาเฟียนี่ก็มองเดือนอ้ายในฐานะคนของตระกูลอยู่แล้ว ร่างสูงพยายามเดินย่องออกจากห้องด้วยเสียงแ่เบาก่อนจะปิดประตูลงช้าๆเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนที่ยังนอนอยู่เผลอตื่น แต่ทว่าในจังหวะที่ประตูปิดลง ั์ตาสีดำก็ได้ลืมขึ้นมาท่ามกลางความมืด จริงๆแล้วร่างเล็กรู้สึกตัวได้สักพักแล้วเพียงแต่ไม่กล้าที่ขยับตัวเพราะไม่อยากห่างจากอาทิตย์
“เห้อ..”แขนเล็กยกขึ้นลูบหลังเด็กน้อยที่ยังคงนอนอยู่ในอ้อมกอดพลางคิดเื่ในหัวไปด้วย ั้แ่ออกมาจากป่านั้นมาได้ตอนนี้ก็ทำให้เดือนอ้ายรู้สึกไม่กลัวอะไรแล้ว เพราะตอนนั้นก็คงเป็สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตเขาแล้วล่ะ นึกไม่ถึงว่าถ้าเกิดเขาตายจริงๆจะได้มาเจอหน้าพี่อาทิตย์ ตะวันและพวกนาวินกับโจก็คงเสียใจน่าดู
เขารู้ว่าในตอนนี้ทางศิวาลัยก็คงไม่ได้นิ่งนอนใจกับการกระทำของธิวาลัยนัก ยิ่งเป็พี่อาทิตย์ก็ต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม รวมถึงแบกรับทุกอย่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็พนักงานในบริษัท ผลกระทบที่อาจจะเป็ปัจจัยเสี่ยง แต่เดิมปัญหาทางด้านธุรกิจมักจะมีแข่งขันกันทางการค้าเสียมากกว่า ซึ่งศิวาลัยก็ใช้วิธีนั้นมาโดยตลอดแต่ธิวาลัยกลับทำทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด
“อื้อ..หม่ามี๊”ร่างน้อยส่งเสียงอื้ออึงจากการละเมอโดยไม่รู้พร้อมกับเอียงใบหน้าซบกับอกคนข้างกาย เดือนอ้ายยิ้มหวานกับภาพที่เห็นก่อนจะหอมหัวตะวันไปหนึ่งทีด้วยความเอ็นดู สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาว่าตอนนี้เวลาแค่หกโมงเอง พี่อาทิตย์ลุกออกไปั้แ่ตีห้ากว่าแล้ว ถ้าหลับต่ออีกสักหน่อยคงไม่เป็ไรหรอกมั้ง เนื่องจากความอ่อนล้ายังคงหลงเหลืออยู่เลยทำให้เดือนอ้ายผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ณ บริษัทศิวาลัย
เสียงผู้คนโหวกเหวกเสียงดังออกมาจากห้องทั้งที่อาทิตย์ยังไม่ได้ทันที่จะเข้าห้องประชุม เท้าเรียวก้าวไปตามทางเดินก่อนจะเปิดประตูห้องออกมาพบว่าเหล่าคณะผู้บริหารกำลังทะเลาะกันอยู่ แต่เมื่อทุกคนเห็นอาทิตย์ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บรรยากาศภายในจำเป็ต้องเงียบลงอัตโนมัติทันที ร่างสูงเดินไปยืนตำแหน่งประธานก่อนจะยกมือไหว้ก้มหัวให้คนในห้อง
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ”การกระทำนี้เป็สิ่งที่อาทิตย์ไม่ได้นัดกับโจมาก่อนจึงทำให้คนน้องต้องตะลึงใกับท่าทีของพี่ชาย สายตาของทุกคนในห้องต่างจับจ้องไปที่ร่างสูงด้วยความใ พวกเขาต่างรู้ดีว่าปัญหาเื่ราวไม่ดีของบริษัทจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้มาจากประธานนั่นเอง
“เ้าสัวแก้ไขยังไงครับ? ตอนนี้ข่าวมันก็กระจายไปทั่ว ทั้งมันก็ไม่ใช่เื่จริงด้วยที่ซ้ำที่บริษัทเราฟอกเงิน”
“ผมจะรับผิดชอบหมดทุกอย่างครับ ยังไงหลักฐานที่เรามีทั้งหมดจะถูกส่งให้กับสำนักสื่อครับ”อาทิตย์เตรียมตัวมาสำหรับเื่นี้อยู่แล้ว เพราะยังไงธิวาลัยก็ต้องหาเื่ที่ปูให้ศิวาลัยฟอกเงิน จากการที่โกดังไฟไหม้แต่ทางศิวาลัยไม่มีทางทีที่จะเดือดร้อนสักนิด แผนโง่ๆแบบนี้ก็เหมาะกับพวกธิวาลัยอยู่แล้ว
“แต่นั่นมันข้อมูลของบริษัทนะครับเ้าสัว!”
“ไม่ต้องห่วงครับ ส่วนที่ผมส่งไปจะไม่เป็ปัญหากับบริษัทแน่นอน”
“เ้าสัวก็พูดง่ายสิครับ ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นแฝงไปด้วยความจิกกัด สายตาคมจ้องไปที่คนพูดก่อนจะเอ่ยตอบ “แล้วปัญหาที่ว่าคืออะไรหรอครับ”
อาทิตย์มองผู้พูดด้วยสายตาเรียบนิ่ง ที่ผ่านมาร่างสูงตั้งใจที่ปล่อยผ่านคนคนนี้ไปเพราะเห็นว่าลูกสาวยังเรียนอยู่ม.ปลายแต่เหมือนว่าการกระทำของอีกคนจะทำให้ความอดทนของอาทิตย์ขาดสะบั้น ถ้าปล่อยให้’ณรงค์’เป็คณะบริหารต่อไปก็คงจะเหมือนเป็การเลี้ยงงูพิษที่ไม่มีวันเชื่องอยู่ดี และวันนี้คือวันสุดท้ายแล้วที่คนคนนี้จะถูกปลดออก และแทนที่ด้วยคนใหม่
”เ้าสัวเองก็ต้องรู้สิครับ!”
“ผมว่ามันไม่ใช่ปัญหาของผม..แต่เป็ของคุณ”น้ำเสียงของอาทิตย์ทำให้ทุกคนในห้องกลั้นหายใจด้วยความอึดอัด บรรยากาศในห้องประชุมตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความเครียด
“จะ..เ้าสัวหมายความว่าไง?”
“คุณณรงค์…คุณถูกไล่ออก”สิ้นคำก็มีการ์ดเดินเข้ามาในห้องสองคนเข้ามาล็อคตัวณรงค์ไว้ทันทีแต่คนที่ถูกจับก็ดิ้นพล่านไม่ยอมอยู่นิ่ง
“ปล่อยกู! เ้าสัว! คุณทำแบบนี้ได้ยังไง! เื่นี้จะต้องถึงหูทุกคนแน่! คุณไม่มีความยุติธรรม!”
“แล้วคนที่ขายข้อมูลให้บริษัทอื่นมันคือคนดีรึเปล่าครับ?”
“เห้ย! คุณณรงค์ทำแบบนั้นได้ยังไงคะ!?”
“แย่มาก!”เสียงต่อว่าของเหล่าคณะบริหารต่างรุมด่าไปที่ณรงค์ไม่ขาดสาย อาทิตย์ยกยิ้มด้วยความพอใจ
“นั่นสิครับ”ขายาวเดินเข้าไปประชิดตัวอีกคนก่อนจะกระชากสายคล้องบัตรของศิวาลัยออกจากคออีกคน
“อึก!”
“ผมขอคืนแล้วกัน”เมื่อพูดจบอีกคนก็โดนลากตัวออกจากห้องทันที
ภายในห้องกลับมาสู่สถานการณ์ปกติในที่สุด การประชุมแผนการรับมือครั้งนี้ เหล่าผู้บริหารต่างเชื่อใจอาทิตย์เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาแต่ละครั้ง คนที่สามารถทำให้กลับมาสู่สภาวะปกติได้ก็คืออาทิตย์นั่นเอง ร่างสูงประชุมั้แ่เช้าจนถึงบ่ายจนไม่รู้ว่ามีข้อความแจ้งเตือนส่งมาทางโทรศัพท์มือถือั้แ่่สายแล้ว
ร่างเล็กมองจอโทรศัพท์ค้างไว้แบบนั้นไม่ยอมลุกไปไหนสักทีจนเควินที่เห็นก็เดินเข้ามาทัก “จ้องขนาดนั้นคิดว่าเขาจะตอบรึไง”
“มึงไม่ต้องมาตอกย้ำกูได้ไหม”เดือนอ้ายพูดไปก็ต้องยู่ปากออกมาด้วยความเซ็ง เขาเป็ห่วงอีกคนว่าจะไม่ได้กินข้าว ยิ่งเป็คนชอบทำงานโหมร่างกายก็ยิ่งเป็ห่วงหนักกว่าเดิม แทนที่จะอ่านแชทกันบ้างก็ยังดี แต่นี่เล่นไม่อ่าน ไม่ตอบ ไม่อะไรเลยสักอย่าง จะให้เขานิ่งนอนใจได้ยังไงกันเล่า!
“กูไม่ได้จะมาตอกย้ำ แต่เห็นมึงนั่งนิ่งแบบนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์ไรป่ะ?”
“มันก็จริงอย่างที่มึงว่าแหละ”เขาก็ไม่ได้อยากนั่งรอหรอก ถ้าอีกคนอ่านก็สบายใจแล้ว
“โทรไปเลย”
“มึงจะบ้าหรอ! เขายิ่งวุ่นอยู่”
“คนรักกันไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็รับ”
“แหม พูดอย่างกับมึงมีประสบการณ์นักแหละ”เดือนอ้ายอดไม่ได้ที่แซวเพื่อนตัวเอง เห็นแบบนี้เควินก็มีแฟนนะแต่อีกคนชอบบอกว่าไม่มี นาวินก็มาเผาให้เขาฟังอยู่บ่อย
“นาวินเล่ามา”
“มึงเชื่อเื่ที่นาวินเล่าั้แ่เมื่อไหร่วะ ฮ่าๆ”สองแฝดคู่นี้ชอบทำตัวแปลกกันอยู่แล้ว
“ไม่ต้องมาขำเลย มีคนเชื่อมันอย่างน้อยคนหนึ่งแล้วกัน”เควินส่งสายตาให้เขาหันไปมองทางห้องนั่งเล่น เด็กน้อยกำลังฟังเื่เล่าของนาวินอย่างตั้งใจ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็จะพยักหน้าตามทุกอย่าง
“นาวินมันจะหลอกลูกกูรึเปล่านะ”
“เหลืออะไรล่ะ”มือเล็กฟาดลงที่แขนเพื่อนเบาๆด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะก้าวเท้าไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อนั่งข้างๆลูกตัวเองพร้อมกับยกมือห้ามนาวินเลิกโม้
“หยุดเลย อย่าแกล้งอะไรตะวันนะ”มือเล็กสองข้างรีบปิดหูคนตัวเล็กทันที
“โถ่…กำลังเล่าเื่สนุกเลย”นาวินแสดงสีหน้าเสียดายออกมาทันที เมื่อกี้เ้าตัวกำลังเล่าเื่ที่ตัวเองเคยเห็นไดโนเสาร์ตอนเด็กที่สวนสัตว์ แล้วก็โม้ใหญ่ว่าตัวจริงตัวเล็กเท่ามนุษย์ ไม่ได้ตัวใหญ่แบบในหนัง
“ไดโนเสาร์ที่เธอเห็นคือมาสคอตเนอะ ไม่ใช่ของจริง”
“ว่าไงนะ! มาสคอตหรอ! มาสคอตคือไรอ่ะ?”เดือนอ้ายกับเควินยกมือขึ้นกุมขมับแทบไม่ทัน ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าไปสวนสัตว์แค่ตอนเด็ก พอโตมาก็ไม่ได้ไปอีก แต่การที่ไม่รู้ว่ามาสคอตคืออะไรนี่มัน…
“นาวิน โตมายังไงเนี่ย?”
“แกอย่ามาว่าชั้นได้ไหมล่ะ! สรุปมาสคอตคือไรอ่ะ”
“หม่ามี๊ๆๆ มาสคอตอะไรคับ?”สองคนน้าหลานถามด้วยสีหน้าสงสัย จนเขาต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากเควินที่ก็ทำสีหน้าเหนื่อยเหมือนกัน
“มาสคอตก็คือ…คนที่อยู่ในชุดตุ๊กตาไงครับ”
“ทำไมคนถึงอยู่ในชุดตุ๊กตาล่ะคับ?”ตะวันถามออกมาเพราะความไร้เดียงสาแต่ที่เขาไม่อยากจะเชื่อก็คือนาวินที่กำลังอ้าปากเหวอออกมา
“อย่าบอกนะว่าไฟฉายย่อส่วนโดเรม่อนมีจริง!?”เควินเอาข้างนึงปิดตาเด็กน้อยเอาไว้ก่อนจะยื่นมืออีกข้างตบที่หัวนาวิน “ไม่ใช่ละ”
“โอ้ย! เจ็บนะ! ตบมาได้ไง”
“ก็ดูซื่อบื้อขนาดนี้ พูดออกมาได้ว่าไฟฉายโดเรม่อน หลานเชื่อขึ้นมาทำไง?”นาวินเกาหัวตัวเองด้วยความผิดหวัง ในใจก็นึกว่ามันมีจริงๆนี่ เดือนอ้ายส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจเพื่อนตัวเองจริงๆเลย
พวกเขานั่งคุยเล่นไปสักพักจวบจนถึง่เย็น สองแฝดวันนี้ขออาสาเป็คนทำอาหารเอง ส่วนเขาก็นอนเฝ้าร่างน้อยที่เผลอเล่นจนผล็อยหลับไปั้แ่บ่ายกว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นนอนเลย เด็กน้อยนี่หลับได้หลับดีจริงๆ ่นี้ต้องให้เควินเป็คนสอนหนังสือให้กับตะวันไปก่อนเพื่อความปลอดภัย เขาเองก็เข้าใจดีว่ามันจำเป็ แม้ภายในใจจะอยากให้ลูกไปเจอสังคมอื่นๆบ้าง
ถ้าหากได้มองเห็นตะวันมีเพื่อนเล่น ได้มีสังคมดีๆก็คงจะดี เขาไม่รู้ว่าคุณลุงแท็กซี่จะรู้สึกโกรธหรือเกลียดเขารึเปล่าแต่ว่าเขาสัญญาว่าจะดูแลตะวันให้ดีที่สุด สมัยก่อนที่เขาเรียนมันไม่เหมือนกับคนอื่น ความไม่อิสระยิ่งทำให้กดดัน เดือนอ้ายไม่อยากจำ่เวลาที่อยู่สมัยมัธยมเลยจริงๆแต่มันเป็่เวลาที่อยู่กับความเ็ปนานมากที่สุด
ความทรมานจากการโดนเปรียบเทียบกับอิงดาวเป็สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนมากที่สุด ขนาดที่บ้านยังเจอแล้วทำไมมาถึงที่โรงเรียนเขาถึงต้องเจออีกด้วยล่ะ ทั้งที่เขาไม่เคยไปทำอะไรใครก่อนเลยด้วยซ้ำ บางครั้งการอยู่คนเดียวจะทำให้ถูกมองเป็เหยื่อได้ง่าย ซึ่งเดือนอ้ายกลัวว่าตะวันจะต้องมาเจอแบบเขา
แต่แม้จะกังวลยังไงตะวันก็ต้องเรียนรู้อยู่ดี เขามีหน้าที่ปูทางให้เด็กคนนี้เท่านั้น ตะวันมีนิสัยที่ต่างจากเดือนอ้ายโดยสิ้นเชิง เด็กน้อยที่ร่าเริงกับทุกคน เข้าหาคนอื่นก่อน ยิ้มกับหัวเราะง่ายแต่ก็มีบางมุมที่ไร้เดียงสา ต่างกับเขาที่มีนิสัยตรงข้าม เดือนอ้ายเป็เด็กคิดเยอะเพราะจากาแทางใจทำให้ตัวเองเป็แบบนี้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ร่างเล็กยังคงเฝ้ามองเด็กน้อยแต่เมื่อได้ยินก็รีบลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ทันทีเพราะในใจคิดว่าคนที่โทรมาจะต้องเป็พี่อาทิตย์แน่นอน มือเล็กคว้าโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะอาหารด้วยความเร็วก่อนจะมองชื่อของคนที่โทรมาแต่ต้องผิดหวังเพราะเบอร์ที่โทรมาไม่ใช่เบอร์ของพี่อาทิตย์ แต่เป็เบอร์แปลก เดือนอ้ายยืนชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะกดรับสาย
“ฮัลโหลครับ”
(ฮึก…อ้าย…อ้ายใช่ไหม) ทันทีที่ได้ยินเสียง นิ้วเรียวก็เตรียมวางหูแต่เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยห้ามก็เลยถือสายค้างไว้
(อ้ายอย่าเพิ่งวาง!..ฮึกนะ พี่ขอ)น้ำเสียงของอิงดาวสะอึกสะอื้นจนเขาแทบจะฟังมันไม่ออก
“เมื่อไหร่จะจบกันสักที พี่ขอมากี่ครั้งแล้ว!”ด้วยความโมโห ร่างเล็กจึงเผลอะโออกมา ก่อนจะหันไปมองว่าเด็กน้อยที่นอนอยู่ในห้องนั่งเล่นตื่นขึ้นมารึเปล่า แต่พอเห็นว่าอีกคนยังหลับอยู่จึงถือโทรศัพท์ขึ้นไปคุยชั้นบน
(คะ..ครั้งนี้ ครั้งสุดท้ายจริงๆ พี่ขอร้อง) เดือนอ้ายสบถคำหยาบอยู่ภายในใจ การที่อีกคนบอกว่าขอร้องครั้งสุดท้าย มันไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะเป็ครั้งสุดท้ายเลยสักครั้ง มือเล็กกำหมัดแน่นเพื่อระบายอารมณ์โกรธ
“พูดมาทีเดียว ไม่งั้นอ้ายวาง”
(ฮึก..พี่ขอไปอยู่กับ..อึก อะ..อ้ายได้ไหม?)
“พี่จะมาทำไม?!”
(พะ..พี่โดนทำร้าย พี่หาที่หนีไม่ได้เลย)
“เลิกโกหกสักทีเถอะ จะเอาอะไรจากอ้ายนักหนา อ้ายให้พี่ไปหมดแล้วนะ จะเอาอะไรอีกวะ! ขออันนั้น ขออันนี้ ขออยู่ได้! เคยคิดจะหาอะไรเองบ้างไหม! ตอนอ้ายขอร้องอะไรพี่ พี่เคยคิดจะช่วยอ้ายบ้างไหมล่ะ!” ร่างเล็กพูดออกไปจนหมดลม น้ำเสียงสั่นเครือไปด้วยความโกรธ
สมัยเรียนที่เดือนอ้ายโดนแกล้งมาตลอด เขาไปขอร้องให้อิงดาวช่วยมาโดยตลอดแต่อีกคนกลับเมินเฉยกับคำขอของเขา ครอบครัวก็เข้าใจว่าเขาไปมีเื่ต่อยตีกับคนอื่นทั้งที่เขาเองที่เป็เหยื่อ ร่างเล็กหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา การโทรมาของอิงดาวครั้งนี้มันทำให้ร่างเล็กสติแตกขึ้นมาจริงๆ เดือนอ้ายทนไม่ไหวกับการร้องขอของอีกคนอีกต่อไปแล้ว
(อ้าย..พี่ไม่ได้โกหก พี่โดนทำร้ายจริงๆ)
“ไปขอให้ครอบครัวพี่ช่วยสิ! อยู่ข้างกัน รักกันมากไม่ใช่รึไง แล้วไหนว่ามีคนรักอีก พี่มาทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ? เราตัดพี่ตัดน้องไปแล้วไง!”
(อะ..อ้าย แต่พี่ไม่เหลือใครแล้ว ฮึก พวกเขาทิ้งพี่ไปแล้วจริงๆ)
“ตอแหล”
(ฮึก..อ้าย พี่ขอร้อง)
“ตอแหลแม่งอยู่ได้! เป็เหี้ยอะไรกันไปหมดวะ จะไปอยู่บ้านเพื่อนก็ไปเลย ไม่ต้องมาขออะไรอ้ายอีก! อ้ายไม่ใช่น้องพี่อีกแล้ว!”ร่างเล็กรีบกดวางสายก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้น ร่างสูงที่เดินเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงร้องไห้จากชั้นสองก็รีบวิ่งขึ้นมาทันที
ภาพที่เห็นทำให้อาทิตย์ใก่อนจะเข้าไปกอดอีกคนเอาไว้แน่น ใบหน้าสวยกอดอีกคนพร้อมกับซุกใบหน้าที่อกแกร่ง น้ำตาของเดือนอ้ายไหลไม่ขาดสายจนอาทิตย์เห็นยิ่งรู้สึกเจ็บใจว่าใครที่เป็คนทำเื่แบบนี้กับอีกคน
“พี่อยู่ตรงนี้นะ”
แม้ว่าจะได้ยินแค่เสียงของอีกคนก็ทำให้อ้ายรู้ทันทีว่าคนที่กอดอยู่คือใคร เดือนอ้ายกำชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าให้อีกคน มือหนายกขึ้นลูบหัวอีกคนเพื่อปลอบก่อนจะเอ่ย “พี่อยู่ข้างอ้าย”
“ฮึก..อ้ายไม่ไหวแล้ว ทำไมเขาถึงทำกับอ้ายแบบนี้ อ้ายเหนื่อย..อึก..อะ..อ้ายเหนื่อยมากเลยพี่อาทิตย์…อ้ายด่าเขาแต่อ้ายก็รู้สึกไม่ดีเลย”อาทิตย์เริ่มเข้าใจแล้วว่าที่ร่างเล็กพูดหมายความว่าอะไร โชตินันท์บังอาจมาสร้างเื่ให้กับเดือนอ้ายอีกแล้วงั้นหรอ ทั้งที่ก็ทำแบบนั้นไปแล้วยังไม่หยุดอีก
อาทิตย์ปลอบเดือนอ้ายอยู่นานจนกว่าอีกคนจะตั้งสติได้ ร่างเล็กร้องไห้จนหมดแรงพร้อมกับหมดสติไปจึงทำให้ร่างสูงต้องอุ้มเดือนอ้ายเข้าไปนอนในห้องแทน ใบหน้าสวยบัดนี้ชุ่มไปด้วยน้ำตา ดวงตาสองข้างบวมเปล่ง อาทิตย์ลูบหัวอีกคนอยู่สักพักก่อนจะกดปลายสายโทรหาเพื่อนสนิท ดูเหมือนว่าอิงดาวจะได้รับผลของการกระทำของตัวเองไม่พอ