ยอมใจซูเมี่ยวเออร์จริงๆ
อวิ๋นอี้ต้องแย่งบุรุษนาง หรือไม่ฆ่าลูกชายของนางในชาติก่อนเป็แน่ มิฉะนั้น เหตุใดชาตินี้นางถึงถูกนางหาเื่อยู่เรื่อย สิ้นหวังจริง
หากเป็ผู้อื่น หาเื่ไม่กี่ครา ทว่ากู้หน้ากลับมามิได้คงจะพอกันแล้ว
แต่ซูเมี่ยวเออร์กลับมิเป็เช่นนั้น
นางเป็ผู้ประเภทที่ถ้าชนะจะโอ้อวดพลังต่อไป หากแพ้จะยิ่งมิยอมถอย
พูดได้คำเดียวว่า หากยั่วยวนนางแล้ว จะเหมือนกับติดกับขนมหนิวผี [1] สลัดทิ้งไม่หลุด
อวิ๋นอี้รำคาญอยู่ในใจ
นางจับหูเกาแก้ม รู้สึกเศร้าใจอยู่นาน หลังจากตระหนักถึงความจริงที่โหดร้าย ลูบหน้าอย่างแรง แล้วมองไปที่กู่ซือฝาน
กู่ซือฝานถูกจ้องจนสะดุ้ง ถามอย่างงุนงงว่า “ท่านพี่ มองข้าทำไมกันเพคะ? สายตาลึกดำนั่นน่ากลัว...”
อวิ๋นอี้เมินอาการสั่นของนาง ดึงเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ แล้วตบไหล่นาง ถามต่อว่า "ซูเมี่ยวเออร์วางแผนจะทำการใด เ้ารู้หรือไม่?"
"ข้าจะวิเคราะห์ให้" กู่ซือฝานเริ่มใช้สมอง “นางอยากรู้เื่การแสดงของท่านพี่ แสดงว่านางต้องรู้ว่าฝีมือของท่านพี่ค่อนข้างแย่ บางทีอาจจะแสดงการแสดงเดียวกับท่านพี่ เช่นนี้จะได้เห็นความเหนือกว่า ทำให้ท่านพี่อับอายมิมีที่ยืน อ้อ ลืมไปเลยเพคะแม้ว่าปกติแล้วซูเมี่ยวเออร์จะชอบคุยโว ทว่าในด้านดนตรี นางนับว่ามีพร์เลยล่ะเพคะ ท่านรู้จักบทเพลงที่ชื่อชุนฮวาฟู่ใช่หรือไม่เพคะ นั่นเป็บทเพลงที่นางเขียนตอนแปดขวบ ตอนนั้นที่บทเพลงออกมา ทำให้คนตะลึงเป็อย่างมากเลยเพคะ!”
อวิ๋นอี้พยักหน้า คิดว่าการวิเคราะห์ของนางค่อนข้างชัดเจน อดมิได้ที่จะถอนหายใจ "เหตุใดครานี้เ้าถึงฉลาดเช่นนี้?"
"ฮ่าฮ่า!" กู่ซือฝานหัวเราะ “ที่จริงมิใช่การวิเคราะห์ของข้าหรอกเพคะ ก่อนจะมาที่นี่ข้าไปเจอพระชายาเอกองค์รัชทายาทมาเพคะ นางน่าจะฟังเื่เหล่านี้มาแล้ว ตั้งใจให้ข้ามาบอกกับท่านเพคะ"
"ข้าว่า...สมองของเ้าจะคิดได้เยอะเช่นนี้ได้อย่างไร!" อวิ๋นอี้เยาะเย้ยอย่างเป็กันเอง
กู่ซือฝานทักท้วงไม่ยอมอยู่นาน หลังจากความโกลาหลสงบลงพลันนึกขึ้นได้ ถามว่า “เช่นนั้นท่านพี่สะใภ้จะทำอย่างไรเพคะ?”
จะทำกระไรได้อีก?
เพลานี้ผลักดันนางไปสู่ทางตันชัดๆ
ใช้ทั้งแรงทั้งใจเรียนบทเพลงนั้นมาจนได้ คิดว่าจะใช้มันได้แล้วแท้ๆ สุดท้ายเพราะการแทรกแซงของซูเมี่ยวเออร์ ทำให้นางต้องกลับไปเริ่มใหม่ทั้งหมด
นางเป็ภิกษุที่เพิ่งจะบวช จะเทียบฝีมือกับซูเมี่ยวเออร์ที่ฝึกเรียนมาั้แ่เด็กได้อย่างไร?
อวิ๋นอี้รู้ดีจากใจ รู้ว่าการแสดงของนางจะเล่นกู่เจิงต่อมิได้แล้ว มิเช่นนั้นนางจะต้องอับอายขายขี้หน้าเสียเอง
นางฝึกฝนมานานกว่ายี่สิบวันมิใช่เพื่อผลลัพธ์เช่นนี้
ไม่ยอมเป็แน่
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว หน้ามุ่ยลงทั้งหน้า
แม้แต่กู่ซือฝานที่ไม่ค่อยใส่ใจสิ่งเล็กๆ ยังสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ พลันปิดปากลงทันที
ยามค่ำคืนมืดลงเรื่อยๆ โคมไฟที่ห้อยอยู่ใต้ชายคา แสงอุ่นขึ้นเล็กน้อย
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน อวิ๋นอี้ยังคิดหาทางแก้ไขไม่ออก
พระจันทร์อยู่กลางท้องฟ้า มิรู้ว่ากี่ยามแล้ว ทว่าเปลือกตาของนางทนมิไหวอีกต่อไป จะปิดลงให้ได้
เมื่อพ่อบ้านเห็นดังนั้น จึงรีบสั่งเซียงเหอให้พานางกลับไปที่ห้อง และทำความเคารพกู่ซือฝานอย่างสุภาพพลันเรียกทหารยามมาให้พานางกลับจวน
หลังจากความวุ่นวายจบลง หรงซิวก็กลับมา
พ่อบ้านอยู่ที่ประตู ต้อนรับเขา ตอนกลางวันเขาไม่อยู่บ้าน ปกติแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนตอน่กลางวันนั้นจะรับรู้ได้จากพ่อบ้าน
เดิมทีรีบร้อน จะเดินตรงไปที่ห้องอวิ๋นอี้ ทันใดนั้นเมื่อได้ยินพ่อบ้านพูดถึงซูเมี่ยวเออร์ เขาก็หยุดชะงักลง
บุรุษหนุ่มเคร่งขรึมขึ้นทันใด คิ้วที่หล่อเหลาของเขาซ่อนอยู่ในยามกลางคืน ยิ่งเย้ายวนมีเสน่ห์มากขึ้น เขาหันหน้ามา หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “นางจะหาเื่กระไรอีก?”
ล้วนอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเหมือนกัน แวดวงข่าวของพ่อบ้านกว้างขวางเช่นกัน ดังนั้นจึงได้เล่าให้หรงซิวฟังในสิ่งที่เขารู้
“โดยสรุปแล้ว พระชายาเพลานี้คงจะหงุดหงิดใจมากพ่ะย่ะค่ะ”
ต้องแน่อยู่แล้วน่ะสิ หรงซิวคิดในใจ
การแสดงที่นางเตรียมตัวอย่างยากลำบาก จะพูดล่มก็ล่ม เป็ผู้ใดก็คงไม่สบายใจ
"ปฏิกิริยาของพระชายาเป็อย่างไรบ้าง?" หลังจากที่หรงซิวหยุดไป เดินต่อไปที่ห้อง ทว่าเสียงฝีเท้าของเขาลดลงเล็กน้อยโดยมิรู้ตัว
พ่อบ้านส่ายหน้าด้วยสีหน้าเศร้า "ดูหงุดหงิดมากพ่ะย่ะค่ะ"
"ผู้ใดเป็ผู้ปล่อยข่าว?" หรงซิวคิดอย่างรวดเร็ว มิได้สนใจกับหัวข้อสนทนาก่อนหน้าแล้ว พูดต่อ "หมีอินพูดออกไปหรือ?"
พ่อบ้านแอบประหลาดใจกับความรอบคอบของเขา พูดด้วยสีหน้าปกติว่า "ได้ยินมาว่าเป็ซูเมี่ยวเออร์พยายามให้คนเชิญแม่หญิงหมีอินออกไปพ่ะย่ะค่ะ"
เช่นนั้นก็ชัดเจนแล้ว
หรงซิวอืมแล้วไม่พูดกระไรอีก เขาใกล้ถึงห้องแล้ว สั่งพ่อบ้านด้วยเสียงเบา "ให้หมีอินเข้ามาพรุ่งนี้่บ่าย ข้ามีเื่ต้องพูดกับนาง"
"พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงพ่อบ้านพูดยังมิจบ หรงซิวพลันผลักประตูเข้าไปในห้องเสียแล้ว
เขาเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล เข้ามาในห้องอย่างระมัดระวัง ตั้งใจลดเสียงของการเคลื่อนไหว พยายามกลั้นลมหายใจมาที่ข้างเตียง ถอดเสื้อนอกออกแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง กลับต้องใ
เดิมคิดว่าอวิ๋นอี้หลับไปแล้ว ที่ไหนได้เมื่อก้มหน้าลงสบเข้ากับดวงตาที่สดใสคู่หนึ่งซึ่งสว่างอย่างน่ากลัวในแสงสลัว
หรงซิวหัวใจเต้นระรัว และเมื่อได้สติกลับมา เขาพลันะเิเสียงหัวเราะออกมาในทันใด
เขาอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน บีบคางเหมือนหยอกแมว "มิมีข้านอนไม่หลับหรือ?"
อวิ๋นอี้อารมณ์ไม่ดี จึงพูดอืมเบาๆ ปกติอายจะแย่ ทว่าคืนนี้กลับยืดแขนออกไปโอบรอบคอเขาเอง
“นอนเถิด นอนตื่นมาก็หายแล้ว” หรงซิวปลอบนาง
“ฝ่าารู้หมดแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” อวิ๋นอี้กะพริบตาและถอนหายใจ “เห้อ เดิมทีข้ามิอยากให้ฝ่าาอับอาย ต้องโทษท่าน...หากมิใช่เพราะท่านไปยั่วยวนซูเมี่ยวเออร์ ข้าจะมีเื่เยอะเช่นนี้จากที่ใดกัน?”
"ใช่ ใช่ ใช่" หรงซิวฟังนางปัดความรับผิดชอบ รู้สึกขบขัน แสดงว่าสาวน้อยยังมีอารมณ์จะล้อเล่นกับเขา อารมณ์น่าจะยังดี จึงพูดปลอบโยนต่ออย่างรวดเร็ว “เ้าพูดถูกทั้งสิ้น เป็ความผิดของข้าเอง เ้าลองพูดสิว่าหน้าตาข้าเช่นนี้ จะหล่อเหลาเช่นนี้ไปเพื่อกระไร ต้องโทษหน้าใบนี้จริงๆ วันพรุ่งข้าจะห่อมันไว้!”
เขาพูดอย่างจริงจัง น้ำเสียงไม่พูดเล่น ทำให้คนอดเชื่อมิได้
อวิ๋นอี้หันมามองเขา อดมิได้ที่จะหัวเราะ "ฝ่าาพูดเองนะเพคะ วันพรุ่งข้าจะดูท่านห่อมันเอง"
“พูดแล้วต้องทำได้!”
อวิ๋นอี้ขำ หลังจากกอดเขาหัวเราะคิกคักกันอยู่นาน นางก็เหนื่อย นางเคยชินกับอุณหภูมิของอ้อมกอดเขา นอนหลับสนิทไป
ตื่นเช้ามาได้ยินเซียงเหอบอกว่าหรงซิวมิได้ออกจากบ้าน
อวิ๋นอี้ถามอีกสองสามคำถามด้วยความสงสัย ถึงได้รู้ว่าวันนี้ฝนตกหนักทำให้งานถูกยกเลิก
เซียงเหอบอกกับอวิ๋นอี้ว่าองค์ชายอยู่ในห้องหนังสือ ทว่ายังมิทันที่นางจะพูดจบ หรงซิวพลันเข้ามาแล้ว
ใบหน้าของบุรุษหนุ่มปกคลุมด้วยผ้าสีดำ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง เหมือนกับนักดาบคลุมหน้าหรือกระไรสักอย่าง ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างยืนหลังตรง ดูเข้มงวดมาก
เซียงเหอกระอักกระอ่วนอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ทำความเคารพ "คา...คารวะฝ่าาเพคะ"
"ฝ่าา ท่านเอาจริงหรือเพคะ?" อวิ๋นอี้ใจนปากค้าง มองดูท่าทางของเขารู้สึกขำทั้งสนุก อดมิได้ที่จะวนดูรอบเขาสักสองสามครา ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า “ฝ่าาถูกพิษเข้าแล้วจริงๆ ปิดหน้าขึ้นมาจริงๆ หรือเนี่ย?"
หรงซิวปล่อยให้นางหัวเราะอย่างเต็มที่ เมื่อหัวเราะจนพอโบกมือให้เซียงเหอออกไป
เขาก้าวไปข้างหน้ากอดเอวอันอ่อนนุ่มของนาง แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “อารมณ์ยังไม่ดีอยู่หรือ? ข้าคิดว่าจะเื่ใหญ่กระไรเสียอีก แค่การแสดงมิใช่หรือ อันนี้ล่มแล้วก็คิดวิธีใหม่ หมีอินเพิ่งจะส่งจดหมายให้เ้าอีกฉบับน่ะ เ้าลองดูสิ บางทีเ้าอาจจะคิดหาวิธีจัดการกับมันได้”
เชิงอรรถ
[1] ขนมหนิวผี 牛皮糖 หมายถึง ขนมที่ทำจากน้ำตาลเคี่ยว ใส่งาหรือถั่วชนิดต่างๆ ลักษณะพิเศษคือขนมชนิดนี้จะมีความเหนียวมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้